ในปัจจุบันคนหันมาสนใจเลือกใช้ น้ำมันประกอบอาหาร กันมาก เพราะนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังทำให้ไม่เป็นโรคมะเร็ง โรคอ้วน และโรคหัวใจด้วย
ในอดีตเรากินน้ำมันหมู และน้ำมันมะพร้าวเป็นหลัก ชาวอเมริกันก็เช่นกัน ขณะเดียวกันก็มีการผลิตน้ำมันพืชจากถั่วเหลือง ถั่วลิสง ข้าวโพด และดอกทานตะวันใช้กันในวงการอุตสาหกรรม แต่ยอดขายไม่ดีนักเมื่อเทียบกับน้ำมันมะพร้าว
มาดูกันว่าเราควรเลือกใช้ น้ำมันประกอบอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
น้ำมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
แนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวบีบเย็น เพราะเป็นน้ำมันที่ดีที่ดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้ง่าย สามารถใช้เป็นพลังงานทดแทนน้ำตาลได้ทันทีโดยไม่เกี่ยวข้องกับอินซูลิน ถ้าจะให้ดี น้ำมันต้องไม่เป็นพิษต่อร่างกายและไม่สะสม น้ำมันมะพร้าวที่ดีที่สุดต้องเป็นแบบออร์แกนิกและบรรจุในขวดแก้ว
น้ำมันมะพร้าว
เป็นน้ำมันสำหรับปรุงอาหารที่ถือว่าดีและปลอดภัยที่สุดในโลก เพราะเป็นน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวประมาณ 93% และมีไขมันไม่อิ่มตัวผสมอยู่ 7% และเป็นน้ำมันชนิดเดียวที่มีกรดลอริก เหมือนนมแม่ซึ่งเป็นภูมิต้านทานให้กับเด็กทารก
น้ำมันมะกอกบีบเย็น
มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย แต่ต้องเลือกที่บรรจุในขวดแก้วสีเข้มเพราะเป็นไขมันไม่อิ่มตัว น้ำมันชนิดนี้เหมาะอย่างยิ่งกับการทำน้ำสลัด แต่เนื่องจากไม่ควรโดนแสงและความร้อนจัดจึงห้ามนำไปผัดหรือทอดอย่างเด็ดขาด เพราะน้ำมันจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนอย่างรวดเร็วกลายเป็นไขมันทรานส์ซึ่งอันตรายต่อสุขภาพ
น้ำมันงา
ตระกูลเดียวกับน้ำมันมะกอก ควรใช้ชนิดบีบเย็นเท่านั้น ถ้าจะผัดควรผัดด้วยน้ำแล้วยกลงมาราดน้ำมันงาแล้วคลุก เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อน น้ำมันงาเป็นน้ำมันที่ดีมากตัวหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งจะดีถ้าได้จากการบีบเย็น และใส่ขวดแก้วสีเข้มเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากขวดพลาสติกและป้องกันแสง แต่หากนำไปทอดน้ำมันจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนอย่างรวดเร็วกลายเป็นพิษ
น้ำมันรำข้าว
มีคุณสมบัติดีมาก แต่ยังหาที่ทำจากวิธีบีบเย็นอย่างถูกวิธีไม่ได้ น้ำมันรำข้าวทำปฏิกิริยากับออกซิเจนเร็วมาก แต่ผู้ผลิตยังไม่สามารถผลิตน้ำมันรำข้าวแบบบีบเย็นมาขายในท้องตลาดได้เพราะต้นทุนสูงมาก ที่ขายในประเทศไทยก็เป็นน้ำมันรำข้าวที่ผ่านกรรมวิธีเช่นเดียวกับน้ำมันพืชทั่วไป จึงมีอันตรายกับร่างกายเช่นกัน
น้ำมันงาขี้ม่อน
เป็นน้ำมันที่ดีมาก เพราะมีโอเมก้า-3 สูงมาก แต่ต้องเป็นชนิดบีบเย็น บรรจุในขวดแก้วสีชา
น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์
หรือน้ำมันจากต้นลินิน เป็นน้ำมันอีกชนิดที่ดีมากเช่นกัน แต่ไวต่อออกซิเจนมาก ยกตัวอย่าง หากนำเมล็ดแฟลกซ์มาบดจะต้องกินให้หมดภายใน 20 นาที ถ้ากินไม่หมด น้ำมันนี้จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนกลายเป็นพิษทันที ปัจจุบันน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์มีการผลิตอยู่ที่เชียงใหม่ บรรจุในขวดสีชาขนาดแค่ 100 ซีซี สำหรับใช้บริโภคให้หมดในครั้งเดียว หากเปิดใช้ไม่หมดต้องรีบนำเข้าตู้เย็น มิเช่นนั้นจะกลายเป็นพิษทันที
สิ่งสำคัญที่ควรรู้ คือ นำมันทุกอย่างละลายพลาสติก อากาศสามารถซึมเข้าไปได้ทีละน้อย ดังนั้นจึงไม่ควรซื้อน้ำมันที่บรรจุขวดพลาสติก ต้องบรรจุด้วยขวดแก้วเท่านั้น และไม่แนะนำให้กินของทอดเพราะมีอันตรายจากน้ำมันที่ทำปฏิกิริยา เมื่ออาหารเป็นสีเหลืองแสดงว่าเริ่มเป็นพิษ คุณค่าของอาหารลดลงเรื่อยๆ ถ้าทอดด้วยน้ำมันพืชเราจะได้พิษของไขมันไม่อิ่มตัวถึง 60-80%
นอกจากนั้นการทอดจะทำลายคุณค่าอาหารมากกว่าการลวก นึ่ง ต้ม ผัด เพราะการทอดใช้อุณหภูมิสูงถึง 180-220 องศาเซลเซียส ยิ่งกว่านั้นยังก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระและสารก่อมะเร็งขึ้นได้มากมาย หากยังตัดใจไม่ได้ยังอยากกินของทอดอยู่ให้ใช้น้ำมันมะพร้าวบีบเย็น เพราะมีพิษน้อยกว่าน้ำมันพืชถึง 10 เท่า
บางคนชอบใช้กระทะเทฟลอนในการทอด ซึ่งปัจจุบันมีคำเตือนว่า ที่ระดับความร้อนสูง สารเทฟลอนอาจระเหิดเข้าไปในอาหารซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง หากต้องการกินอาหารจากการทอด แต่ไม่ต้องการใช้น้ำมัน แนะนำให้ปูใบตองลงที่ก้นกระทะแล้วใช้น้ำทอดแทน วิธีน้ำทำให้อาหารไม่ติดกระทะได้เช่นกัน
ข้อมูลจากหนังสือ แค่รู้วิธีชาตินี้เราจะไม่เป็นมะเร็ง
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่นๆ
สาเหตุของการเกิดมะเร็ง และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็ง
อาหารต้านมะเร็ง อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง คนเป็นมะเร็งต้องกินแบบไหน!
หลักการกินอาหารที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ กินอย่างไรให้สุขภาพดี
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ อาหารเพื่อสุขภาพ :กินแล้วผอมจริงหรือ
อาหารเพิ่มเทโลเมียร์ เลือกกินอย่างไรให้อายุยืนยาว