จากอาชญากรรรมสุดสะเทือนขวัญสู่นิยายดัง ‘ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส’

สิ่งที่ทำให้นิยายหรือภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนครองใจผู้คนทั่วโลกได้ก็คือความลึกลับของคดีฆาตกรรมและความโหดร้ายของฆาตกรในเรื่องที่ทำให้เราแทบไม่อยากลุกไปไหนจนกว่าจะได้รู้ชะตากรรมของตัวละครในเรื่องแต่รู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้เรื่องลึกลับเหล่านั้นดูน่ากลัวและน่าติดตามมากยิ่งขึ้นคำตอบก็คือ เป็นเพราะเรื่องราวระทึกขวัญนั้นสร้างมาจากเรื่องจริงยังไงล่ะ!

อกาธา คริสตี้ (Agatha Christie) เป็นหนึ่งในนักเขียนนวนิยายที่ได้รับรางวัลและมีชื่อเสียงคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เธอเขียนเรื่องราวอันน่าสนใจเกี่ยวกับความลึกลับของฆาตกรไว้เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีนิยายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเรื่องหนึ่งของคริสตี้ก็คือ ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส (Murder on the Orient Express) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.  1934 และเป็นหนึ่งในนิยายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงสุดสะเทือนขวัญเว็บไซต์ทางการของคริสตี้ เปิดเผยว่า ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสนั้นมีแรงบันดาลใจมาจากโศกนาฏกรรม คดีลักพาตัวที่เกิดขึ้นจริงในปี ค.ศ. 1932

ในปี 1927 ชาร์ล เอ ลินด์เบิร์ก (Charles A. Lindbergh) เป็นชายคนแรกที่ได้บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยไม่แวะพัก ในเวลานั้นเขาถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ระดับชาติ แต่ 5 ปีหลังจากนั้น ชาร์ล จูเนียร์ ลูกชายวัย 20 เดือนของเขาถูกลักพาตัวไป คนลักพาตัวเสนอเงินค่าไถ่จำนวน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐแลกกับการได้ลูกชายคืนโดยไร้รอยขีดข่วน

ครอบครัวลินด์เบิร์กได้จ่ายเช็คเงินสครบตามจำนวนพร้อมกับความหวังที่จะนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทว่าลูกชายตัวน้อยของเขาไม่ได้ถูกส่งตัวกลับมา จนกระทั่งสองเดือนต่อมา เด็กน้อยถูกพบเป็นศพเน่าเปื่อยในป่าด้วยระยะห่างไม่กี่ไมล์จากบ้านลินด์เบิร์ก และสาเหตุการตายคือร่องรอยแตกร้าวอย่างสาหัสบริเวณกะโหลก

หลังจากนั้นไม่กี่ปี อกาธาได้หยิบคดีอาชญากรรมเรื่องนี้มาแต่งเติมเสริมเรื่องราวให้กลายเป็นเรื่องของฆาตกรรมบนรถด่วนที่มีเรื่องราวของการลักพาตัวนี้อยู่เบื้องหลังที่กลายเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องในนิยายเราจะพบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของคดีฆาตกรรมของรถด่วนคือ  ผู้ที่ลักพาตัวลูกสาววัย 3 ขวบของตระกูลอาร์มสตรองไป เช่นเดียวกับในความเป็นจริง ครอบครัวลินด์เบิร์กจ่ายค่าไถ่ แต่ก็ไม่ได้ลูกชายกลับคืนมา และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของคดีฆาตกรรมสุดลึกลับในขบวนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส นิยายที่ทำให้นักอ่านหลายคนวางไม่ลงในปี 2017 นี้ เรื่องราวของสุดยอดนักสืบชาวเบลเยี่ยมผู้มีเซลล์สมองสีเทา ‘แอร์กูล ปัวโรต์’ และกลุ่มคนอีก 12 คน ที่ต้องเผชิญกับคดีฆาตกรรมสุดสะเทือนใจบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสท่ามกลางพายุหิมะ จะได้ออกมาโลดแล่นอีกครั้งผ่านทางจอแก้วในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก  หลังจากที่เคยทำรายได้ถล่มทลายมาแล้วในปี 1974 เวอร์ชั่นของ ซิดนี่ย์ ลูเมต์ (Sidney Lumet)  และนำแสดงโดย อัลเบิร์ต ฟินนี่  (Albert Finney) รับบทเป็นนักสืบปัวโรต์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้เป็นอันดับที่ 11 ในปีนั้นนิยายเรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าแม้ผ่านมาเกือบ 80 ปีแล้ว เนื้อหาของมันยังเป็นอมตะและสร้างความตื่นเต้นได้เสมอมา

ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส
(Murder on the Orient Express)

นวนิยายฉบับภาษาไทยโดยแพรวสำนักพิมพ์
แปลโดย โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล
ราคา 185 บาท
ภาพยนตร์เข้าฉายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2017

อกาธา คริสตี้ ประสบกับเหตุการ์ณคล้ายกันนี้ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1931 ขณะที่เดินทางไปเยี่ยมสามีที่ นิเนเวห์ (Nineveh) ประเทศอิรัก รถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสที่เธอโดยสารประสบกับอุบัติเหตุน้ำท่วม รางรถไฟพังและเธอติดอยู่ในนั้นถึง 1 วันเต็ม โดยจดหมายของเธอที่เขียนถึงสามีเล่าเหตุการณ์รายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมไปถึงรายละเอียดผู้โดยสายทั้งหมดที่ติดอยู่ด้วยกัน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นได้กลายมาเป็นตัวละครและพล็อตสำคัญของนิยายเล่มนี้ด้วย เช่น หญิงชาวอเมริกันชื่อว่า มิสซิสฮิลตัน ( Mrs. Hilton) เป็นแรงบันดาลใจของตัวละครอย่าง มิสซิส ฮับบอร์ด

อีกจุดหนึ่งที่โดดเด่นของนิยายเล่มนี้คือ รายละเอียดของรถด่วนอันสมจริง เพราะเธอได้ตรวจสอบรูปแบบห้องโดยสาร ที่จับประตู และสวิทช์ไฟ รวมถึงสังเกตตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆบนรถด่วน ซึ่งรายละเอียดสำคัญเหล่านึ้คือกุญแจสำคัญในการไขคดีของนักสืบปัวโรต์ในเรื่อง

Source
www.popsugar.com
en.wikipedia.org


บทความอื่นๆ

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า