ไม่น่าเชื่อว่าสภาพอากาศจะเป็นตัวแปรที่ส่งผลต่อยอดขายของธุรกิจเราได้ เคยมีกรณีศึกษาว่า วันที่อากาศดีจะทำให้ผู้หญิงฝรั่งเศสกล้าให้เบอร์กับผู้ชายแปลกหน้าเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับวันฟ้าครึ้มเต็มไปด้วยเมฆดำ และในวันที่อากาศดีเดียวกันนี้ ยังส่งผลให้คนขับรถทางไกลมีน้ำใจหยุดรับคนเดินทางที่ยืนโบกรถข้างถนนให้ติดรถไปด้วย
เมื่อสภาพอากาศมีผลกระตุ้นอารมณ์ และมนุษย์ส่วนใหญ่ก็ตัดสินใจด้วยอารมณ์เป็นหลักทั้งที่รู้ตัวและที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าสภาพอากาศส่งผลต่อการซื้อของลูกค้ารูปแบบใด นั่นหมายความว่าเรารู้ Insight นั้นแล้ว การใช้ผลพยากรณ์สภาพอากาศมาตัดสินใจว่าควรทำการตลาดแบบใดในวันพรุ่งนี้ ก็จะช่วยทำให้เพิ่มยอดขายกับธุรกิจของคุณมากที่สุด พบกับ 3 เรื่อง Real-time Context ที่ควรรู้ เมื่อสภาพอากาศรอบตัวส่งผลต่อยอดขายมากกว่าที่คิด
เมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ ส่งผลให้ยอดขายเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ในวันที่อากาศไม่ค่อยดีส่งผลให้จำนวนคนที่เดินเข้าห้างสรรพสินค้าลดลง แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าวันไหนอากาศดีก็จะมีคนออกจากบ้านมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในวันที่สภาพอากาศไม่ดี ยอดขายทั้งหมดจะหายไป เพียงแต่คนจะเปลี่ยนมาซื้อในช่องทางออนไลน์มากกว่า เห็นไหมครับว่าสภาพอากาศนั้นส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อของเรามากขนาดไหน
ในการศึกษาชิ้นหนึ่งของ Rich Relevance ค้นพบว่า ในวันที่อากาศหนาวหรือฝนตก จะมีคนเข้ามายังเว็บไซต์อย่างเว็บช็อปปิ้งเสื้อผ้าออนไลน์เว็บของตกแต่งบ้าน และเว็บค้าปลีกและค้าส่งเพิ่มขึ้นกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับวันที่อากาศดีมีแดดออก แต่ในขณะเดียวกัน สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปก็ไม่ได้ส่งผลต่อจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ของธุรกิจประเภทห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า Big Box Retailers เลย
ถ้าเราสามารถค้นพบได้ว่าเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างไรได้บ้าง เราก็สามารถพยากรณ์การขายได้ล่วงหน้าว่า ควรจะต้องหาสินค้าใดมาสต๊อกเตรียมขายไว้ หรือควรจะต้องจัดแคมเปญการตลาดแบบไหนจึงจะกระตุ้นการขายได้ดีที่สุด นี่คือพลังของบริบทที่เป็นสภาพอากาศ ที่สามารถเป็นอาวุธลับให้คุณเอาชนะคู่แข่งที่ไม่เข้าใจเรื่อง Contextual Marketing ได้สบาย ๆ เพราะคนที่ไม่รู้ก็ไม่อาจฉวยโอกาสนี้มาเป็นยอดขายให้ตัวเองได้ มีแต่คนที่รู้เท่านั้นจึงจะสามารถฉวยโอกาสนี้ไว้มาเพิ่มโอกาสในการขายให้ได้มากที่สุด
เมื่อแดด ฝน ลม ฝุ่น ส่งผลต่อยอดขายมากกว่าที่เราคิด
มียาแก้แพ้บางยี่ห้อเลือกที่จะทำการตลาดตามบริบทของฝุ่น PM2.5 หรือมลพิษในอากาศที่ส่งผลให้เรารู้สึกคัดจมูก หายใจไม่สะดวก หรือเป็นภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น และด้วยความสามารถในการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำมากขึ้นทุกวัน ก็ทำให้นักการตลาดสามารถวางแผนล่วงหน้าว่าจะต้องทำโปรโมชั่นแบบไหน ผลักดันสินค้าตัวใด ถึงจะเป็นการคุ้มเงินที่ลงทุนไปได้มากที่สุด
ในเมื่อเราอยู่ในยุคดาต้า 5.0 ที่เรารู้แล้วว่าข้อมูลมีค่ามากแค่ไหน อยากให้คุณลองพิจารณาถึงการใช้ข้อมูลสภาพอากาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการทำการตลาดให้มากกว่านี้ เพราะถ้าเราลองวิเคราะห์ควบคู่กับข้อมูลการขายดี ๆอาจจะทำให้พบ Insight ที่ไม่คาดคิดมาก่อนได้ เช่น เมื่อเข้าหน้าหนาว คนมีแนวโน้มว่าจะกินไอศกรีมเพิ่มขึ้น หรือส่งผลต่อยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เช่นกัน หรือแม้แต่แบรนด์เบียร์อย่าง Stella Artois ก็ทำการตลาดตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป เมื่อไหร่ที่อุณหภูมิลดลง 2 องศาจากปกติ พวกเขาจะดันโฆษณาของตัวเองให้คนเห็นมากกว่าวันอื่น ๆ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลการขายควบคู่กับข้อมูลสภาพอากาศก็ทำให้พบว่า ชาวนิวยอร์กมักจะซื้อเบียร์เพิ่มขึ้นถ้าอากาศร้อนต่อเนื่อง 3 วันติด
เมื่อฟ้าฝนและแสงแดด ส่งผลต่อการช็อปปิ้งออนไลน์มากกว่าที่เรารู้
แบรนด์ Subway ที่ขายอาหารประเภทแซนด์วิชเป็นหลักจนโด่งดังไปทั่วโลกก็ทำการตลาดตามสภาพอากาศจนสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าที่เดินเข้าร้านได้มากกว่า 31 เปอร์เซ็นต์แบบง่าย ๆ เพราะด้วยความร่วมมือกับทาง IBM ที่ใช้ AI ที่ชื่อว่า Watson ในการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศย้อนหลังควบคู่กับยอดขาย จนค้นพบ Insight สำคัญว่า ในวันที่อากาศร้อน คนแบบไหนชอบเดินเข้าร้าน และพวกเขาเดินเข้าร้านมาเพื่อจะเลือกซื้อเมนูอะไร
Data เผยให้เห็น Insight ดังกล่าวจนนำมาสู่การตลาดรูปแบบใหม่ที่อิงจากบริบทของสภาพอากาศของ Subway ที่เรียกลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้นกว่า 31 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการส่งคูปองส่วนลดฟุตลองแซนด์วิชราคาพิเศษ 4.99 ดอลลาร์ออกไป
การหาความสัมพันธ์หรือ Insight ที่ซ่อนอยู่ว่าสภาพอากาศแบบไหนคนชอบกินอะไร สินค้าแบบไหนขายดีตอนฝนตก หรือเมนูประเภทใดที่ขายดีมากในวันที่แดดออกอากาศร้อนเหลือเกิน จากการค้นพบของ AI ดังกล่าวนำไปสู่การตลาดในรูปแบบใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าการตลาดแบบ Contextual Marketing ที่อิงจากบริบทของสภาพอากาศนั้นต้องพร้อมปรับตัวและเปลี่ยนแปลงแบบ Real-time ทาง Subway และ IBM จึงจำเป็นต้องเอา AI เข้ามาช่วยทำงานนี้
นอกจากจะทำให้เพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าร้านได้กว่า 31 เปอร์เซ็นต์จากการตลาดแบบฉลาดฉวยโอกาสจากบริบทแล้ว ยังสามารถลดเงินโฆษณาที่ไม่จำเป็นลงไปได้มากมาย เพราะเมื่อวิเคราะห์จากสภาพอากาศและยอดขายก็ได้พบว่า งบการตลาดที่ใช้ไปกว่า 53 เปอร์เซ็นต์นั้นสูญเปล่า เรียกได้ว่าทำการตลาดต่อไปนี้ต้องดูฟ้าดูฝนให้ดี และที่ดีไปกว่านั้นคือ ต้องพร้อมทำการตลาดแบบ Real-time ถ้าแดดออกต้องทำการตลาดแบบหนึ่งแล้วถ้าฟ้าครึ้มก็ต้องรีบเปลี่ยนมทำการตลาดอีกแบบหนึ่งนั่นเอง
3 เรื่อง Real-time Context ที่ควรรู้ เมื่อสภาพอากาศรอบตัวส่งผลต่อยอดขายมากกว่าที่คิด
หนังสือ Contextual Marketing การตลาดแบบฉวยโอกาสรอบตัวมาเป็นยอดขาย
เขียนโดย ณัฐพล ม่วงทำ เจ้าของเพจ การตลาดวันละตอน
วางจำหน่ายแล้วที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่น ๆ
Nak-อ่าน EP.8 Personalized Marketing เทรนด์การตลาดยุคใหม่ที่น่าจับตามอง