7 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการฝึกสมาธิ : อย่ากลัวว่าจะฝึกสมาธิไม่ได้

การฝึกสมาธิ มักถูกมองว่าเป็นเรื่องของคนมีอายุ คนที่ฝึกได้จะต้องเก่งมาก จะต้องนับถือศาสนาพุทธ ต้องนั่งสมาธินานๆ ถึงจะถูกต้อง รวมถึงคนที่ฝึกสมาธิชีวิตคงไม่สนุกสนานและตัดขาดจากโลก แต่การฝึกสมาธิอาจไม่ใช่อย่างที่คิด ลองอ่าน 7 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการฝึกสมาธิ แล้วคุณจะรู้ว่าการฝึกสมาธิไม่ใช่เรื่องไกลตัว

 

การฝึกสมาธิ ไม่ต้องมีทักษะใดเป็นพิเศษ

การฝึกสมาธิ ไม่ได้มีไว้สำหรับคนที่มีพรสวรรค์หรือคนที่มีจิตใจที่สงบอยู่แล้วเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญในการนั่งอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ หรือไม่ต้องรอเวลาที่คุณไม่เครียด หรือปราศจากคาเฟอีน

คุณไม่ต้องศึกษาอะไรเป็นพิเศษก่อนเริ่ม คุณเริ่มฝึกสมาธิได้ทันที ถ้าคุณหายใจได้

 

การฝึกสมาธิไม่เกี่ยวกับศาสนา

ไม่จำเป็นต้องนับถือพุทธหรือฮินดูถึงจะฝึกสมาธิได้ เพราะทุกคนสามารถฝึกสมาธิพร้อมกับนับถือศาสนาใดๆ ก็ได้ตามที่คุณนับถืออยู่ หรืออาจจะไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาอะไรก็ได้

เบน อดีตทหารผู้ฝึกสมาธิสมัยประจำการในอิรักบอกฉันว่า เขาคิดว่าการฝึกสมาธิทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับการเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่ดี การฝึกสมาธิสามารถฝึกได้ทั้งกับผู้ที่นับถือศาสนาทุกศาสนา หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่มีศาสนาก็ตาม

 

 

การฝึกสมาธิไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก

เราจะเริ่มฝึกโดยใช้เวลา 20 นาทีต่อครั้ง คุณอาจจะเริ่มต้นแค่ 5 นาที แล้วค่อยเพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้

คุณจะอยากเพิ่มเวลาขึ้นแน่นอน เพราะคุณจะรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ดีต่อตัวคุณซึ่งเกิดจากการฝึก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็น สิ่งที่จำเป็นคือ ควรฝึกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ เพราะนั่นคือสิ่งที่สำคัญมากกว่าการใช้เวลานานๆ ในการฝึกต่อวัน

 

การฝึกสมาธิไม่ได้ทำให้เรื่องไม่ดีในชีวิตหายไป

คุณยังจะต้องเผชิญกับชีวิตที่ขึ้นๆลงๆ ทั้งสุขและทุกข์ แต่คุณจะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น เพราะการฝึกสมาธิจะช่วยให้เห็นหนทางใหม่ในการจัดการกับปัญหาและความยากลำบากในชีวิต

 

 

การฝึกสมาธิไม่ใช่การคิดบวก

เพราะนั่นไม่ใช่ธรรมชาติมนุษย์ การฝึกสมาธิเป็นวิธีที่ช่วยให้ได้พิจารณา สังเกต และเข้าใจความคิดของเรา รวมทั้งเข้าถึงสิ่งเหล่านั้นได้อย่างพินิจพิเคราะห์

การที่พุทธศาสนาปรับเปลี่ยนคำว่า “ดี” และ “ชั่ว” ในการบรรยายพฤติกรรมของมนุษย์ โดยแทนด้วยคำว่า “ผู้ฝึกตนดีแล้ว” กับ “ผู้ที่ไม่ได้ฝึกตน” เป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะการกระทำของผู้ที่ไม่ได้ฝึกตนนำไปสู่ความเจ็บปวด ทรมาน ส่วนการกระทำของผู้ที่ฝึกตนดีแล้วนำไปสู่ทางสว่างและสมดุล

 

การฝึกสมาธิไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากโลก

มีผู้หญิงคนหนึ่งถามว่า “ถ้าฉันจะเริ่มฝึกสมาธิ ฉันจะต้องเลิกอยากได้สิ่งของต่างๆหรือเปล่า” ฉันบอกเธอว่า “ไม่ต้องหรอก เพียงแต่คุณต้องพิจารณาความต้องการของคุณต่างจากเดิม ต้องใส่ใจกับความต้องการนั้น ตรวจสอบหาความจริง ทำความเข้าใจว่ามีเหตุผลอะไรเบื้องหลังความต้องการนั้น”

การเพิ่มการฝึกสมาธิเข้ามาในชีวิต ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องตัดขาดจากโลกความเป็นจริงในเรื่องความสัมพันธ์กับผู้อื่น หน้าที่ความรับผิดชอบ อาชีพ การเมือง งานอดิเรก การเฉลิมฉลองต่างๆ อันที่จริงแล้ว การฝึกสมาธิช่วยปลดปล่อยให้เราได้ทำความรู้จักกับสิ่งต่างๆรอบตัวที่เราสนใจได้มากขึ้น และมักจะในทางที่สุขสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

 

 

การฝึกสมาธิไม่ใช่การนั่งเพ่ง

การฝึกสมาธิ ไม่ใช่การหมกมุ่นกับตนเองหรือวางตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง แน่นอนว่าในการฝึกสมาธินั้นว่าคุณจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง แต่ความรู้ที่ได้จากการมีสมาธิต่างหากที่ช่วยให้เราเข้าใจและเข้าถึงคนอื่นๆในชีวิต การรู้จักมองตัวเอง เข้าใจตัวเอง เป็นก้าวแรกของการรู้จักคนอื่น เข้าใจคนอื่น

 

 

เรียบเรียงข้อมูลจากหนังสือ ความจริงของความสุข
โดย ชารอน ซอลสเบิร์ก เขียน
ญาณพล มุสิเกตุ แปล
สนพ. อมรินทร์ธรรมะ

---

บทความอื่นๆ

เมื่อธรรมะจัดสรรให้เมตตา อุทกะพันธุ์ พบหนทางปฏิบัติธรรม ลัด สั้น ถูก ตรง

วันวิสาขบูชา: ความสำคัญ และความหมายลึกซึ้งกว่าที่เคยรู้

วิปัสสนากับสติปัฏฐาน4 : ถอดรหัสจากคำสอนที่ครูบาอาจารย์ฝากไว้

3 วิธีคิดนอกกรอบแบบอัจฉริยะ โดย ทันตแพทย์สม สุจีรา

มาฆบูชา : ไม่ใช่แค่การรวมกันของพระสงฆ์ 1,250 รูป !! เกิดอะไรขึ้นในวันนี้บ้าง

8 ข้อคิดในการใช้ชีวิต เพื่อชีวิตที่เบิกบาน โดยองค์ทะไลลามะ และอาร์ชบิชอป เดสมอนด์ ตูตู

วิธีเอาชนะความกลัว โดย พระไพศาล วิสาโล

7 วิธีคิดเพื่อรักตัวเองให้เป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง และรักตัวเองมากขึ้น

5 วิธีฝึกให้ไม่คิด ฟุ้งซ่าน คิดมาก วิตกกังวลเกินเหตุ

อย่าทำแบบนี้ถ้าไม่อยากมีความรักที่ผิดหวัง มาดู 4 พฤติกรรมห้ามทำเพื่อความรักที่ดี