[ทดลองอ่าน] ฝ่ากฎรักต่างโลก เล่ม 2 ตอนที่ 54

ฝ่ากฎรักต่างโลก

 Law of a Different World 

异世之万物法则

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน

BlueFeather แปล

 

นิยาย 3 เล่มจบ

 

 heart ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ Rose Publishing heart

…XOXO… 

มาดามโรส

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

———————————————————–

 

บทที่ 54

 

หูได้ยินเสียงกระสุนยิงใส่กำแพงดังปัง ๆๆ จนแก้วหูแทบแตก

ควันปืนฟุ้งกระจาย ร่างร่างหนึ่งก้าวออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย

“แย่แล้ว!” หลี่เชียนที่เห็นภาพนั้นรีบปิดประตูระหว่างเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษและไอโดลันทันที ทว่ากลับช้าไปก้าวหนึ่ง

มันกระโจนเข้าใส่หัวหน้าทีมดุจสายฟ้าแลบ ปากขย้ำเข้าที่คอของเขา ดูดกินเสียเต็มคราบ

คนอื่น ๆ ชักปืนออกมาและยิงใส่มันอย่างสะเปะสะปะ

ทว่ามันกลับเคลื่อนไหวในชั่วพริบตา เมื่อมันฝ่าด่านกระสุนมาได้ก็กระโจนใส่คนที่สอง ตามด้วยคนที่สามและสี่ติด ๆ กัน ความเร็วของมันเกินกว่าที่มนุษย์จะตอบสนองได้ทัน ภายในเวลาไม่กี่วินาทีหน่วยรบพิเศษทั้งทีมก็ถูกจัดการทั้งหมด

มันดูดเลือดของพวกเขาอย่างเกียจคร้านและสยายปีกตัวเองออก ขนาดของมันใหญ่กว่าตอนที่ออกจากทางเชื่อมเป็นสองเท่า

“จะทำ…จะทำยังไงดีเนี่ย…” หลี่เชียนที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเอ่ยออกมาอย่างหวาดกลัว

“ปิดทุกทางเชื่อม! อย่าให้มันเข้าถึงตัวใครได้อีก! มันเห็นพวกเขาเป็นอาหาร! ยิ่งมันกินเลือดเข้าไปมากเท่าไรมันก็จะยิ่งพัฒนาเร็วขึ้นเท่านั้น!!”

คำสั่งของซ่งจื้อเรียกสติของหลี่เชียนให้กลับมาอีกครั้ง

ทางเชื่อมทุกทางถูกปิดตาย ทว่าหลี่เชียนก็ยังช้าไปหนึ่งก้าวอยู่ดี ไอโดลันตัวนั้นเก็บเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษไว้คนหนึ่งโดยเฉพาะ เขาขดตัวเข้ากับมุมกำแพงมองดูมันกินอาหาร จนกระทั่งมันอิ่มหนำแล้วถึงได้เดินมาหาเขาอย่างช้า ๆ มันผงกหัวไปทางเขาต้องการให้อีกฝ่ายใช้อำนาจที่มีเปิดทางเชื่อม

หลี่เชียนต้องการจะระงับอำนาจของเจ้าหน้าที่คนนั้น แต่ก็หาชื่ออีกฝ่ายไม่เจอเสียที ชั่วขณะที่ยังสั่งการไม่ได้เขาก็เปิดประตูแล้ว!

ไอโดลันตัวนั้นเผยสีหน้าชั่วร้ายและเข้าไปในส่วนพักผ่อนของเจ้าหน้าที่ภาคสนามอย่างง่ายดาย!

“บ้าเอ๊ย” ซ่งจื้อกัดฟันกรอด ทุบหมัดลงบนโต๊ะ

โจวอวี้ที่กำลังหลับรู้สึกได้ว่าโม่เย่ที่อยู่ในวงแขนขยับลุกพรวด เขาลืมตาขึ้น จับอุ้งเท้าหน้าของมันพลางถาม “มีอะไรเหรอ”

โม่เย่เอียงหน้าไปด้านข้างคล้ายกับกำลังฟังเสียง

ทันใดนั้น เสียงเตือนภัยก็ดังขึ้นภายในห้องของโจวอวี้ โจวอวี้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังจะเปิดไฟโม่เย่ก็คว้ามือโจวอวี้เอาไว้

เสียงของซ่งจื้อดังขึ้นในแต่ละห้อง “เจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกคนระวัง ห้ามเปิดประตูห้องของพวกคุณโดยเด็ดขาด! ย้ำ ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด!”

ตรงทางเดินข้างนอก ไอโดลันบังคับให้เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษคนนั้นเคาะประตูห้องตรงข้ามโจวอวี้

โจวอวี้เงี่ยหูฟัง

“อามั่ว นี่ฉันเองแม็กกี้…ได้โปรดเปิดประตูให้ฉันหน่อย!” แม็กกี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

หลี่เชียนกับซ่งจื้อเฝ้าดูโถงทางเดินผ่านทางมอนิเตอร์

“นายก็ได้ยินประกาศแล้วนี่…ฉันกลับห้องไม่ทัน ขอร้องล่ะ ให้ฉันเข้าไปเถอะนะ!” แม็กกี้ถูกไอโดลันที่อยู่ด้านหลังผลัก ด้วยความหวาดกลัวเขาจึงได้แต่พูดโกหกต่อไป

“มันไม่เพียงล่าเหยื่อโดยอาศัยสัญชาตญาณเท่านั้น แต่มันยังเจ้าเล่ห์ แถมยังมีสติปัญญาเกินกว่ามนุษย์” สีหน้าของซ่งจื้อเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม

หลี่เชียนติดต่อไปยังห้องพักของอามั่วและบอกไม่ให้อามั่วเปิดประตู

ไอโดลันตัวนั้นมีความอดทนมาก มันผลักให้แม็กกี้เคาะประตูห้องของคนอื่น ๆ ทว่าไม่มีใครเปิดประตูแม้แต่คนเดียว

พวกเขาเดินไปจนถึงห้องด้านในสุด ห้องนั้นเป็นห้องของอู๋อวิ้น

โจวอวี้รู้สึกเครียดขึ้นมา เขายืนอยู่ที่ประตูเตรียมจะออกไปได้ทุกเมื่อ

แม็กกี้เรียกชื่ออู๋อวิ้นแต่ก็ไร้การตอบรับเหมือนเคย พวกเขาจึงจากไป

โจวอวี้พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

สำหรับไอโดลันตัวนั้นแล้วนี่ก็เป็นเหมือนกับเกม ทว่าเกมที่ไม่มีใครมาเล่นด้วยก็ทำให้มันรู้สึกเบื่อ

มันไปที่ประตูถัดจากห้องของโจวอวี้ เสียงเคาะประตูของแม็กกี้ดังขึ้นอีกครั้ง เขากลัวมากว่าถ้ายังไม่มีใครเปิดประตู ไอโดลันตัวนี้จะฆ่าเขา!

ทว่ายังคงไม่มีใครเปิดประตูดังเดิม อุ้งเท้าของไอโดลันจึงทาบทับไว้บนนั้นจนเกิดเสียงแหลมบาดหูดังขึ้นพร้อมกับรอยลึกที่ถูกฝากเอาไว้บนบานประตู

“มันพังประตูได้ไหมครับ” หลี่เชียนที่มองดูมอนิเตอร์ถามเสียงสั่น

“โม่เย่ฝ่าพายุได้และพวกมันก็เป็นไอโดลัน…คุณคิดว่าได้ไหมล่ะ” ซ่งจื้อย้อนถาม

หลี่เชียนพูดต่อ “แต่โม่เย่ไม่เคยฆ่าคน มันไม่กินอะไรเลยนอกจากเลือดของโจวอวี้…และมันก็ปกป้องโจวอวี้อย่างสุดความสามารถ มันไม่มีอะไรเหมือนโม่เย่เลย…บางทีโม่เย่อาจจะเอาชนะมันได้ก็ได้นะครับ”

“ดูจากอัตราการเจริญเติบโตของมัน…ร่างกายของมันเหนือกว่าโม่เย่แล้ว! สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ชัดเจน…จะให้โม่เย่บุ่มบ่ามไปสู้กับมัน…”

ทันใดนั้น ไอโดลันก็ผลักประตูห้องพักออกก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องดังระงม

โจวอวี้ที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน ความกังวลเดียวของเขาในตอนนี้คือโจวชิงอยู่ที่ไหน แล้วน้องชายของเขาปลอดภัยดีหรือเปล่า

โจวอวี้หยิบปืนออกมาโหลดกระสุน รอให้แม็กกี้มาเคาะประตูห้องของเขา

โม่เย่ย่อตัวลง หากไอโดลันตัวนั้นคิดจะเข้ามา มันจะพุ่งไปอยู่เบื้องหน้าโจวอวี้ทันที

ไอโดลันเดินออกมาจากห้องอย่างเชื่องช้า ก่อนจะกระโจนเข้าใส่แม็กกี้ที่กำลังหนี

“ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ! ได้โปรดปล่อยฉันไป!” เพื่อที่จะมีชีวิตรอด แม็กกี้ร้องขอความเมตตาอย่างขลาดกลัว ตอนนี้ในสมองของเขาไม่เหลืออะไรอยู่อีกแล้ว

มันทำเพียงแค่มองเขายิ้ม ๆ ดวงตาสีแดงฉานที่เกียจคร้านทำให้แม็กกี้ลืมแม้กระทั่งหายใจ

มันยกปีกข้างหนึ่งขึ้น บ่งบอกเป็นสัญญาณว่าให้แม็กกี้ดำเนินเกมของพวกเขาต่อ

สีหน้าของโจวอวี้เย็นเยียบ เขาหลับตาลงฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา ความคิดของเขาค่อย ๆ มั่นคง สมองปลอดโปร่งมากกว่าเดิม แม้กระทั่งหัวใจที่เต้นเร็วเพราะเป็นห่วงโจวชิงก็ยังสงบลงด้วย

ตัวเขาในเวลานี้ราวกับเป็นนักล่าที่ซุ่มตัวอยู่ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในโลกรอบตัวของโจวอวี้พลันชัดเจนขึ้นในความคิด

ขณะที่แม็กกี้กำลังจะเคาะประตูห้องโจวอวี้ ไอโดลันตัวนั้นก็ส่ายหัวเป็นเชิงบอกใบ้ให้เขาไปเคาะห้องอื่น

เกมยังคงดำเนินต่อไป มันอารมณ์ดีสุด ๆ เมื่อไม่ได้เข้าไปในห้องนั้น มันอยากเล่นแล้วก็รีบไปกินอะไรอร่อย ๆ

“ต้องให้พวกเขาออกมาจากที่นั่น…” หลี่เชียนว่า

“พวกเขาต้องกล้าที่จะออกมาด้วย โจวอวี้กับโม่เย่ก็อยู่ที่นั่นด้วยไม่ใช่เหรอ” ซ่งจื้อพูด

“ผมไม่เข้าใจ ทำไมมันถึงไม่เคาะห้องของโจวอวี้”

“เพราะโจวอวี้ไม่กลัว” ซ่งจื้อตอบ

“ผม…ไม่เคยเข้าใจเลย สมองของโจวอวี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่นา ทำไมเขาถึงไม่กลัวอะไรเลยล่ะครับ”

“เพราะเมื่อความโกรธมีอำนาจเหนือความกลัว เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนความปลอดภัยของตนเอง เขาลืมเรื่องความตายและความตายก็หลงลืมเขา”

เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่กำลังพักผ่อนไม่ได้ฉีดยาระงับ ถ้าพวกเขาหวาดกลัว ไอโดลันที่อยู่ด้านนอกก็จะสัมผัสได้ถึงตัวตนของพวกเขา

“คนที่สามารถช่วยพวกเขาได้มีเพียงโจวอวี้กับโม่เย่ ศาสตราจารย์โจวล่ะ ยังมีนักวิจัยคนอื่น ๆ อีก อาศัยจังหวะตอนที่ไอโดลันยังคงวนเวียนอยู่แถวนั้นอพยพพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่!” ซ่งจื้อเอ่ยอย่างเยือกเย็น

“คุณต้องการให้พวกเขาอพยพมาที่นี่เหรอครับ” หลี่เชียนถาม

“ใช่ อพยพพวกเขามาที่นี่ให้หมดแล้วใช้ยานส่งตัวให้เป็นประโยชน์ ฐานนี้เราสามารถละทิ้งได้ชั่วคราว” ซ่งจื้อตอบ “ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา [1]

“ครับ!” หลี่เชียนเริ่มวางเส้นทางอพยพของนักวิจัยที่อยู่ในแต่ละจุดทันที

โจวชิงที่อยู่ในห้องวิจัยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรู้สึกเครียดมาก เขาบีบผลเอลพิสในมือจนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศอพยพ

นักวิจัยทุกคนรีบออกไปอย่างรวดเร็ว โจวชิงอาศัยความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนำตัวอย่างของเหลวของเอลพิสที่ทีมอัลฟ่านำกลับมาเก็บเอาไว้กับตัวและตามคนอื่น ๆ ออกไป

หัวใจของเขาเต้นระรัว เขาอยากเห็นเมล็ดของเอลพิสงอกยิ่งกว่าใครและเขาก็กังวลด้วยว่าจะมีคนจับได้ว่าเขานำตัวอย่างออกไปโดยพลการ

เมื่อนักวิจัยทั้งหมดอพยพไปยังเขตที่ซ่งจื้ออยู่อย่างปลอดภัย ซ่งจื้อก็ลงมือจัดการให้พวกเขาเข้าไปในยานส่งตัว

“ศาสตราจารย์โจว ได้โปรด…”

“ผมไม่ไป พี่ชายผมอยู่ที่ไหน” โจวชิงพบว่าการอพยพในครั้งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ภาคสนามอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เขาพลันตระหนักได้ว่าเรื่องในครั้งนี้ร้ายแรงมากกว่าที่เขาคิด

“ศาสตราจารย์โจว ได้โปรดเถอะ…” ซ่งจื้อก้าวไปข้างหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมโจวชิง แต่ก็ถูกโจวชิงพูดขัดขึ้นเสียก่อน

“คุณซ่ง เขาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นพี่ชายของผม ผมไม่อยากทำให้ทุกคนเสียเวลาและไม่อยากเถียงเรื่องนี้กับคุณ ได้โปรดเคารพการตัดสินใจของผมด้วย ดอกเตอร์เสิ่นคุณไปก่อนเลยครับ!” โจวชิงมองตรงเข้าไปในดวงตาของซ่งจื้อ ภายในแววตานั้นมีแรงกดดันบางอย่างที่เขาไม่คาดคิด

ดอกเตอร์เสิ่นมองซ่งจื้อเป็นเชิงถาม ซ่งจื้อพยักหน้าตอบรับ

นักวิจัยชุดแรกเข้าไปในยานส่งตัวและเคลื่อนเข้าสู่สนามแม่เหล็ก

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น โจวอวี้อยู่ชิดกับประตูเพื่อฟังเสียงการเคลื่อนไหวที่ทางเดิน ดูเหมือนตอนนี้ไอโดลันตัวนั้นจะพาแม็กกี้ไปยังสุดทางเดินของอีกด้านหนึ่งแล้ว

ทันใดนั้นก็มีเสียงประกาศดังขึ้นภายในห้องและโถงทางเดิน ทว่าเสียงที่ส่งออกมาไม่ใช่คำพูด แต่เป็นเสียงสั้นและยาวสองเสียงที่แตกต่างกัน

โจวอวี้เข้าใจทันที มันคือรหัสมอร์ส!

โม่เย่สามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ ซ่งจื้อกับหลี่เชียนก็ไม่แน่ใจว่าไอโดลันตัวนั้นจะเข้าใจเหมือนกันหรือเปล่า บางทีมันอาจจะเรียนรู้ภาษามาจากคาร์ลอสก็ได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ใช้รูปแบบอื่นในการออกคำสั่ง

ใจความของรหัสมอร์สคือให้พวกเขาอพยพออกจากพื้นที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุดและขอให้โม่เย่คุ้มกันผู้อพยพ หลี่เชียนให้เวลาพวกเขามากสุดห้าวินาที ถ้าใครไม่กล้าเปิดประตูออกไปหรือวิ่งออกจากทางเดินได้ไม่เร็วพอ คนคนนั้นจะถูกขังอยู่ในนี้

โจวอวี้ตะลึงงัน เขาก้มหน้าและมองไปที่โม่เย่

พวกเขาไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดด้านนอกนั่นมีความสามารถขนาดไหน…แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าโม่เย่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน

โม่เย่พลันยืนขึ้นก่อนจะใช้ปีกขวาตบไหล่โจวอวี้ราวกับจะบอกว่า ‘ผมจะปกป้องคุณเอง’

โจวอวี้พ่นลมหายใจออกมา เขาวางฝ่ามือลงบนหัวของโม่เย่พลางเอ่ย “ไม่สำคัญว่านายต้องปกป้องฉัน แต่นายต้องมีชีวิตอยู่”

โม่เย่พยักหน้า มันยืดหลังขึ้นตรงแนบเข้ากับใบหน้าของโจวอวี้

อุณหภูมิและสัมผัสที่ได้รับทำให้โจวอวี้มั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าพวกเขาจะไม่ตาย

เขากับโม่เย่จะต้องมีชีวิตอยู่ให้ถึงที่สุด!

นิ้วของโจวอวี้แตะที่กลอนประตู รอสัญญาณจากหลี่เชียน

ชั่ววินาทีที่มีเสียง “ตี๊ด” ดังขึ้น โจวอวี้ก็เปิดประตูออกไปโดยไม่หันไปมองไอโดลันตัวนั้นเลยแม้แต่แวบเดียว เขารีบพุ่งไปยังประตูทางเชื่อมที่ถูกเปิดรอไว้โดยหลี่เชียน

นอกจากเขากับอู๋อวิ้นแล้วก็ไม่มีใครกล้าเปิดประตูออกมาแม้แต่คนเดียว!

ไอโดลันที่อยู่สุดทางพลันหันกลับมา มันมองไปที่แผ่นหลังของโจวอวี้ ดวงตาสีแดงฉานเผยความกระหายเลือดออกมาอย่างตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่!

อู๋อวิ้นอยู่ใกล้กับปากทางเชื่อมมากที่สุด เขาทะลุผ่านจุดเชื่อมไปแล้วแต่ยังไม่จากไปทันที เขาหันหลังกลับมาและยกปืนขึ้นเล็งไปยังไอโดลันที่พุ่งเข้ามาด้วยความว่องไว

เมื่อก่อนโจวอวี้เป็นคนสละทุกสิ่งเพื่อช่วยเขา เวลานี้เขาจะไม่มีวันทอดทิ้งโจวอวี้เป็นอันขาด!

ภายในหนึ่งวินาที เขาสาดกระสุนทั้งหมดใส่ไอโดลันตัวนั้นที่ราวกับเป็นพายุหมุนอยู่ภายในทางเชื่อม มันเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวหลบหลีกกระสุนของอู๋อวิ้นก่อนจะกระโจนเข้าใส่แผ่นหลังของโจวอวี้

ความเร็วของมนุษย์ไม่อาจเทียบกับไอโดลันได้เลย

ชั่วขณะที่หัวใจของอู๋อวิ้นหล่นวูบ โม่เย่ก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็วและกระแทกเข้ากับไอโดลันตัวนั้น! มันกระเด็นไปตกกระแทกพื้นอยู่ตรงกลางทางเชื่อมจนพื้นแตกระแหง พลังของโม่เย่แข็งแกร่งมาก ร่างของไอโดลันตัวนั้นไถลไปถึงปลายทางเชื่อมและกระแทกเข้ากับประตูดัง ‘โครม’ จนเกิดเป็นแอ่งยุบเข้าไป

กระดูกของมันคล้ายจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กระทั่งปีกก็ยังหักงอ

หลี่เชียนตะลึงกับภาพที่เห็น “นั่นคือโม่เย่จริง ๆ เหรอ ร้ายกาจเกินไปแล้ว…”

ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอพยพคนแล้วสิ เพราะโม่เย่จัดการกับไอโดลันตัวนั้นได้แน่!

“คุณทำอะไร!” ซ่งจื้อกดแป้นพิมพ์แทนหลี่เชียน ประตูทางเชื่อมพลันเลื่อนปิดดังเดิม

โม่เย่หันกลับมากางปีกออก เพียงเท่านั้นอู๋อวิ้นก็รู้สึกได้ถึงลมพายุ ตัวเขากับโจวอวี้ที่อยู่ด้านซ้ายและขวาก็ถูกปีกของโม่เย่หอบไปที่ปลายอีกด้านของทางเชื่อม

หลี่เชียนเปิดทางเชื่อมอย่างรวดเร็วทำให้โม่เย่พาอู๋อวิ้นกับโจวอวี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น

เวลานี้เอง ไอโดลันที่ได้รับบาดเจ็บค่อย ๆ ยกหัวขึ้น

แม็กกี้รีบวิ่งไปที่จุดเชื่อมและทุบประตู “ให้ฉันออกไป! ได้โปรดให้ฉันออกไป!”

หลี่เชียนกำลังจะเปิดประตูแต่ก็ถูกซ่งจื้อห้ามเอาไว้

“คุณซ่ง?” ขณะที่หลี่เชียนกำลังจะเอ่ยปากถามว่าทำไมถึงไม่ช่วยเขา เสียงกรีดร้องของแม็กกี้ก็ดังขึ้น

เพียงชั่วพริบตา ไอโดลันที่ได้รับบาดเจ็บพลันมาถึงด้านหลังแม็กกี้และกัดขย้ำเขา

หลี่เชียนตกใจจนแทบจะตกเก้าอี้

“มันเติบโตและพัฒนาขึ้นทุกครั้งที่ได้ดื่มกิน เมื่อกี้โม่เย่เพิ่งจะแสดงพลังของตัวเองให้มันเห็น มันจะถือว่าโม่เย่เป็นคู่ต่อสู้ เราต้องให้พวกโจวอวี้มาถึงที่นี่โดยเร็วที่สุด! พวกเราไม่สามารถช่วยทุกคนได้ ตอนที่คุณส่งรหัสมอร์สออกไปมีเพียงอู๋อวิ้นกับโจวอวี้เท่านั้นที่กล้าออกมา นั่นหมายความว่าเราช่วยพวกเขาได้แค่สองคนเท่านั้น ถ้าไม่มีทางเลือก พวกเราอาจต้องไปหาพวกเขาทั้งคู่”

ท่าทางของซ่งจื้อไม่ได้เย็นชาทว่าเด็ดขาด

โจวชิงยืนอยู่ด้านหลังซ่งจื้ออย่างเป็นกังวล เขาคิดว่าสิ่งที่เขาประสบพบเจอตอนเหยียบย่างเข้ามาในนีเบอลุงเงินเป็นครั้งแรกนั้นโหดร้ายมากแล้ว แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าโจวอวี้จะต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่โหดร้ายยิ่งกว่า

โม่เย่ว่องไวมาก เพียงแค่หนึ่งนาทีมันก็ผ่านเขตรอบนอกของฐานและมาถึงใจกลางเรียบร้อย

ไอโดลันตัวนั้นเสาะหาคนที่ยังไม่หนีออกไป เพียงชั่วครู่ศพกว่าสิบศพก็กองอยู่ในจอมอนิเตอร์ สยดสยองเกินกว่าจะทนดู

หลี่เชียนไม่อยากเห็นภาพทั้งหมดนี้เลย แต่เขายังต้องติดตามการเคลื่อนไหวของไอโดลันตัวนั้นอยู่

มันเงยหน้าขึ้นคล้ายกับรับรู้อะไรบางอย่าง ร่างกายของมันยังคงขยายอย่างต่อเนื่อง ปีกคู่นั้นเจาะเข้าไปในผนังโลหะของทางเชื่อม

“มัน…มันตัวโตขึ้นอีกแล้ว!”

“พวกโจวอวี้อยู่ตรงไหนแล้ว” ซ่งจื้อถาม

“ใกล้จะ…”

ชั่วขณะนั้น ไอโดลันพลันพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าระห่ำโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น หลังจากที่เกิดเสียงดังลั่นขึ้นมาหนึ่งเสียง ประตูทางเชื่อมก็หลุดออกไป ความคิดที่จะลดความเร็วไม่มีอยู่ในหัวมันเลยแม้แต่น้อย มันทะลุผ่านส่วนแล้วส่วนเล่าเพื่อไล่ล่าโม่เย่

“จบเห่แล้ว! เร็ว ๆ เข้าโม่เย่! เร็วกว่านี้อีก!”

หลี่เชียนเปิดและปิดทางเชื่อมลงทีละชั้น ไอโดลันตัวนั้นเข้าใกล้โม่เย่มากขึ้นเรื่อย ๆ

ทันใดนั้นโม่เย่ก็เหวี่ยงโจวอวี้กับอู๋อวิ้นลงกับพื้น มันหมุนตัวและยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้าพวกเขาทั้งสอง ปีกของมันกางออกขวางกั้นโจวอวี้กับอู๋อวิ้นโดยสมบูรณ์

“โม่เย่! นายจะทำอะไร!”

โจวอวี้ขยับไปข้างหน้า เสียงกระแทกเปิดทางเชื่อมของไอโดลันตัวนั้นดังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ

หลี่เชียนเปิดประตูบานสุดท้ายที่อยู่ด้านหลังโจวอวี้กับอู๋อวิ้น

โม่เย่ไม่ได้หันกลับมาแต่กระพือปีกหนึ่งครั้ง ใช้กระแสลมผลักโจวอวี้กับอู๋อวิ้นเข้าไป

โจวอวี้กับอู๋อวิ้นล้มลงตรงหน้ายานส่งตัว โจวอวี้ยังไม่ล้มเลิกที่จะก้าวไปข้างหน้าทว่ากลับถูกอู๋อวิ้นคว้าตัวไว้

“ฟังนะโจวอวี้ นั่นไม่ใช่การต่อสู้ที่เราจะเข้าไปแทรกได้!”

ซ่งจื้อเปิดประตูยานส่งตัวแล้วพูด “โจวอวี้ ถ้าคุณยังอยู่ คุณจะกลายเป็นอาหารหล่อเลี้ยงให้ไอโดลันตัวนั้นแข็งแกร่งขึ้น คุณตั้งใจจะช่วยมันจัดการกับโม่เย่หรือไง”

“พี่ ผมรู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่พวกเราต้องไปจากที่นี่!” โจวชิงก้าวไปข้างหน้าก่อนจะคว้าแขนของโจวอวี้เอาไว้

เวลานี้ไอโดลันตัวนั้นมาถึงตรงหน้าโม่เย่แล้ว

ดวงตาสีอำพันของโม่เย่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ มันอ้าปากและส่งเสียงร้องออกมา พลังที่มองไม่เห็นกระจายไปในอากาศ แข็งแกร่งจนไอโดลันตัวนั้นไม่อาจทวนกระแสลมขึ้นมาได้

กรงเล็บของไอโดลันยึดกับพื้นแน่น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เกือบจะถูกพลังนี้ทำให้พลิกคว่ำ

ซ่งจื้อกล่าวเสียงเย็นชา “พวกคุณเป็นผู้อพยพกลุ่มสุดท้าย โจวอวี้คุณต้องเชื่อใจผม ไอโดลันตัวนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโม่เย่ หรือคุณอยากให้อู๋อวิ้น หลี่เชียนและศาสตราจารย์โจวชิงลงหลุมไปพร้อมกับคุณด้วย”

โจวอวี้กัดฟัน ชั่วขณะนั้นเสียงร้องของโม่เย่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

มันไม่ใช่เสียงของการฝืนใจหรือเจ็บปวดทรมาน แต่มันต้องการให้โจวอวี้เชื่อมั่นว่ามันสามารถโค่นล้มไอโดลันตัวนี้ได้

เสียงนั้นตรงลึกเข้าไปในสมองของโจวอวี้ บดขยี้ทุกข้อกังขา

ทันใดนั้นโจวอวี้ก็พบว่าร่างกายของตัวเองอยู่เหนือการควบคุมทั้งหมด เขาก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวจนเข้าไปในยานส่งตัวในที่สุด

สถานการณ์แบบนี้โจวอวี้นึกได้เพียงแค่ตอนที่ตัวเองถูกสิ่งมีชีวิตระดับเอสตนนั้นควบคุมเท่านั้น

เป็นนายเหรอ นายใช่ไหมที่เป็นคนควบคุม

ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยโม่เย่ด้วย! อย่าให้มันตาย!

โจวอวี้พยายามต่อต้านอำนาจที่ควบคุมตัวเอง แต่ตัวเขาก็เล็กจ้อยเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังนั้น

‘ลาก่อนโจวอวี้ ครั้งหน้าที่เจอกัน คุณอย่าขี้เหนียวจูบนักเลยนะ’

นับเป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงไม่แยแสของเด็กหนุ่มผู้เกียจคร้านอยู่เสมอมีร่องรอยของความอาวรณ์เจือปนอยู่ด้วย

โจวอวี้นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว

โจวชิงกับอู๋อวิ้นเองก็เข้ามาแล้วเช่นเดียวกัน

ซ่งจื้อเดินไปตรงหน้าหลี่เชียน ตบไหล่เขาพลางเอ่ย “ผมอยากให้คุณป้อนคำสั่งหนึ่ง”

“อะไรครับ คุณซ่ง…คุณ…” หลี่เชียนเผยสีหน้าประหลาดใจ

“ตั้งเวลาทำลายตัวเองหลังจากนี้อีกครึ่งชั่วโมง นั่นน่าจะเพียงพอที่จะรู้ผลแพ้ชนะ ถ้าโม่เย่จัดการได้ ผมจะยกเลิกคำสั่งทำลายตัวเอง แต่ถ้าโม่เย่พลาด นั่นก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของผม”

“คุณซ่ง…”

“หลี่เชียน คุณไม่ได้ทุ่มเทให้กับจวี้ลี่กรุ๊ปอย่างถึงที่สุด แต่คุณทุ่มเทให้กับเพื่อนของคุณ เพื่อพวกโจวอวี้แล้วคุณจะพยายามจนถึงที่สุด ผมชื่นชมคุณนะ แล้วผมก็ไม่ชอบให้คนที่ตัวเองชื่นชมตาย คุณไปขึ้นยานเถอะ ฐานนี้ผมเป็นคนสร้างขึ้นมาเองกับมือ ก็ควรจะเป็นผมที่ทำลายมันด้วยตัวเอง”

หลี่เชียนกัดฟันและไปที่ประตูยาน

เขาหันไปมองซ่งจื้อเป็นครั้งสุดท้าย ซ่งจื้อโบกมือให้เขาพร้อมกับเอ่ย “เดินทางปลอดภัย”

เมื่อประตูยานปิดลง อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยก็เริ่มทำงานเหมือนกับตอนขามา ร่างกายของพวกเขาลอยอยู่เหนือพื้น หลังจากนั้นยานโดยสารก็พุ่งเข้าสู่สนามแม่เหล็ก

เวลาเดียวกันนั้นเอง ประตูก็ถูกกระแทกเปิดพร้อมกับไอโดลันที่โถมโม่เย่เข้ามาข้างใน

ซ่งจื้อคล้ายกับจะไม่เห็นฉากที่น่าตื่นเต้นนี้อยู่ในสายตา เขาก้มลงเก็บซองบุหรี่ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา เคาะออกมาหนึ่งมวน คาบมันไว้ในปากก่อนจะจุดไฟและสูดเข้าไป

การต่อสู้ระหว่างพวกมันทุกวินาทีคือช่วงเวลาเป็นตาย พื้นที่ทุกแห่งพังยับ

ซ่งจื้อนั่งลงบนเก้าอี้และพูดขึ้นมาราวกับเป็นคนนอก “ตอนนี้โจวอวี้ไม่อยู่แล้ว นายคิดจะเสแสร้งไปถึงเมื่อไรกัน หรือนายวางแผนจะให้ไอโดลันตัวนั้นทำลายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่นี่ทั้งหมดก่อนแล้วค่อยลงมือ ฉันขอเตือนแล้วกันว่าอุปกรณ์พวกนี้สำคัญมาก อีกอย่างโจวอวี้ก็ยังไปไม่ถึงอีกฝั่งอย่างปลอดภัยด้วย”

โม่เย่พลันพลิกตัว เหยียบไอโดลันไว้ใต้ฝ่าเท้าด้วยอำนาจที่เหนือกว่า ไม่ว่ามันจะเผยท่าทางดุร้ายออกมาอย่างไร โม่เย่ยังคงเย่อหยิ่งเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบ

มันกดสายตาลงมองไปที่ไอโดลัน ภายในแววตานั้นราวกับสวรรค์ถล่มโลกทลายลงตรงหน้า ท่าทางจองหองของไอโดลันปลิวหายวับ ในที่สุดมันก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ความหวาดกลัวแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย

ปีกของโม่เย่คลี่ออกอย่างช้า ๆ ตั้งแต่หัวจรดปลายปีกค่อย ๆ ถูกเคลือบด้วยชั้นสีเงินโปร่งแสงดูราวกับภาพมายาอันงดงาม

ซ่งจื้อพ่นควันออกมาคล้ายกับเห็นสิ่งอื่นที่อยู่ไกลออกไปผ่านตัวของโม่เย่

โม่เย่ราวกับกลายเป็นเมฆที่เปลี่ยนรูปร่างอยู่ตลอดเวลา มันทิ้งดิ่งลงมาพร้อมนำพาอำนาจที่ไม่อาจหยุดยั้งทำลายไอโดลันจนแหลกละเอียดเป็นผุยผงดั่งเช่นระเบิดปรมาณู

พลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายไปในอากาศทั่วทุกสารทิศ

คอมพิวเตอร์ส่งเสียงหึ่ง ๆ บุหรี่ของซ่งจื้อส่งเสียงดังเปรี๊ยะ เส้นผมปลิวขึ้น

หลังจากนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวออกมาท่ามกลางเศษซากความวุ่นวาย

เขามีผมสีดำสั้นเหมือนโจวอวี้ เครื่องหน้าทั้งห้าดูลุ่มลึก หล่อเหลาเสียจนแทบขาดใจ ยามเยื้องย่างแต่ละก้าวยาวนานราวศตวรรษ

ซ่งจื้อหยิบเสื้อคลุมสีขาวของนักวิจัยโยนให้อีกฝ่าย

ชายหนุ่มคว้าเสื้อคลุมมาสวมด้วยท่าทางสบาย ๆ ชายเสื้อทิ้งตัววาดครึ่งวงกลมกลางอากาศ ภายใต้ความสง่างามแฝงไปด้วยความเรียบเรื่อยที่มองทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่ง

“ฉันควรเรียกนายว่ายังไงดี” ซ่งจื้อดับบุหรี่ที่เหลืออยู่ครึ่งมวนและนั่งมองอีกฝ่ายอยู่ที่เดิม

น่องที่ตั้งตรงและขาเรียวยาวของชายหนุ่มโผล่พ้นเสื้อคลุมออกมา เขาทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามซ่งจื้อก่อนจะหยิบถุงมันฝรั่งแผ่นทอดที่วางอยู่บนโต๊ะหลี่เชียนขึ้นมาพินิจดู

“ฉันชื่อโม่เย่ นายไม่รู้เหรอ” โม่เย่ตอบ

“ฟังดูเหมือนนายยึดถือชื่อที่โจวอวี้มอบให้อย่างจริงจังสินะ” ซ่งจื้อเผยรอยยิ้มหยัน

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า