[ทดลองอ่าน] ฝ่ากฎรักต่างโลก เล่ม 2 ตอนที่ 52

ฝ่ากฎรักต่างโลก

 Law of a Different World 

异世之万物法则

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน

BlueFeather แปล

 

นิยาย 3 เล่มจบ

 

 heart ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ Rose Publishing heart

…XOXO… 

มาดามโรส

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

———————————————————–

 

บทที่ 52

 

“แล้วเราจะทำยังไงดี” โจวชิงพบว่าพวกเขาอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เวลานั้นเสียงของโจวอวี้ก็ดังลอดออกมาจากวิทยุสื่อสาร “ผมจะพาโม่เย่เข้าไป ผมเชื่อว่าโม่เย่ที่มีระดับสูงกว่าแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินและมีแรงกดดันมากกว่าจะช่วยผมต้านทานอิทธิพลของมันได้”

“พี่เข้าไปไม่ได้!” โจวชิงโพล่งขึ้นมา ภาพที่ผู้ดำเนินการคนนั้นใช้ปืนยิงตัวเองตายยังคงติดตา เขาไม่อาจทำใจให้สงบลงได้เลย

“แมงกะพรุนตัวนี้เพิ่งเริ่มเคลื่อนไหว หากรอให้มันเข้าใจสถานการณ์ของฐานมากขึ้นเรื่อย ๆ และปรับตัวได้ พวกเราทุกคนมีสิทธิ์ได้กลายเป็นอาหารให้ลูกของมันแน่ เราต้องรีบกำจัดมันให้เร็วที่สุด” น้ำเสียงของโจวอวี้เยือกเย็นมาก

ดอกเตอร์รอนจับคางพลางครุ่นคิด “ศาสตราจารย์โจว พี่ชายของคุณอาจจะคิดถูก ภายในฐานนี้มีเพียงไอโดลันเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินได้ การให้มันไปกับพี่ชายของคุณเพื่อทำงานนี้ อาจมีโอกาสสำเร็จมากที่สุด”

โจวชิงรู้ดีว่าเมื่อไรก็ตามที่โจวอวี้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำก็ยากที่จะเปลี่ยนใจเขา โจวชิงถอนหายใจออกมาและก้มศีรษะลง

“เราต้องกลับไปด้วยกันนะ”

“แน่นอน” โจวอวี้ตอบ

โจวอวี้พาโม่เย่ไปรับนิวโรทอกซินจากเจ้าหน้าที่ อีกฝ่ายบอกให้เขาเปิดและโยนมันลงในฟอร์มาลิน เพียงแค่นั้นก็เรียบร้อยแล้ว

ยามที่โจวอวี้เข้าไปในห้องเก็บตัวอย่าง เขาเงยหน้ามองแมงกะพรุนยักษ์ตัวนั้น แม้ในใจจะระมัดระวังมากเพียงใด แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะไม่ชื่นชมความมหัศจรรย์ที่พระเจ้าสรรค์สร้างขึ้นมา

เขารู้สึกว่าน่องตัวเองถูกกัด โจวอวี้ก้มหน้าลงและเห็นดวงตาที่ฉายชัดถึงความไม่พอใจของโม่เย่

โจวอวี้ยิ้ม “ดูฉันด้วยนะโม่เย่”

“งื้อ” โม่เย่พยักหน้า

ความเคร่งเครียดที่เคยมีอยู่บางเบาพลันสงบลง

โจวอวี้ปีนขึ้นไปที่ด้านบนภาชนะกักเก็บ กาลเวลากลายเป็นเดินช้าลง เขาคาดคะเนเหตุการณ์อยู่ในใจ แมงกะพรุนยักษ์ตัวนี้ไม่มีทางนั่งรอความตายอย่างเด็ดขาด แต่ไม่รู้ว่ามันคิดจะต่อต้านและทำการโต้กลับแบบไหน

โจวชิงที่ยืนอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ก็เคร่งเครียดไม่แพ้กัน เขาขยุ้มอกตัวเองแน่น ครั้งนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่าหวาดเสียวที่สุดในนีเบอลุงเงินของโจวอวี้ก็จริง แต่มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดก็ได้

โจวอวี้หยิบเชือกออกมาพันรอบเอวและผูกไว้ด้านนอกภาชนะกักเก็บ เผื่อไว้ในกรณีที่ตัวเองโดนมันควบคุมเหมือนดอกเตอร์เหยาและตกลงไปในฟอร์มาลิน หลังจากนั้นโจวอวี้ก็กดสวิตช์ ฝาด้านบนภาชนะกักเก็บค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป ชั่วขณะที่โจวอวี้กำลังจะเทยาลงในฟอร์มาลิน เขาก็ได้ยินเสียงดังซ่า มือเรียวยื่นออกมาจากของเหลวจับเข้าที่ข้อมือของโจวอวี้ด้วยแรงที่แทบจะบดกระดูกของเขา

“คุณจะฆ่าผมเหรอ”

น้ำเสียงแผ่วเบาดังขึ้น โจวอวี้เบิกตากว้าง มองเด็กหนุ่มผมดำที่เคยช่วยตัวเองเอาไว้ผุดขึ้นมาจากน้ำ

รอยยิ้มของอีกฝ่ายเหมือนกับครั้งแรกที่โจวอวี้พบกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน มันเย้ายวนและน่าดึงดูด ทว่าสูงส่งและปราศจากกิเลส

“นายมาได้ยังไง” รูม่านตาของโจวอวี้พลันขยายออก

“คิดถึงผมไหม” มืออีกข้างของเด็กหนุ่มวางลงบนขอบของภาชนะกักเก็บ เขาเอี้ยวหน้ากลับมาเช่นเดียวกับสายตาที่ขยับมองมายังโจวอวี้

โจวอวี้อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่

เพราะรู้สึกถึงอันตราย ก็เลยมาปกป้องเขาเหมือนกับครั้งก่อน ๆ เหรอ

“คิดถึงผมไหม…”

ริมฝีปากของเด็กหนุ่มขยับ นำพาเสน่ห์เย้ายวนรุกคืบเข้าไปในเกราะป้องกันของโจวอวี้อย่างเงียบเชียบ ทลายปราการที่ดูเหมือนแข็งแกร่งลงทันที

เขาเอียงหน้า ดวงตาที่หลุบลงเล็กน้อยคล้ายจะนำพาความคิดของโจวอวี้ให้หลุดเข้าไปในห้วงฝัน

โจวอวี้โน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล ความปรารถนาที่ไม่สามารถอธิบายได้พรั่งพรูเอ่อล้นอยู่ในหัวใจ เขาอยากจะสัมผัสร่างของเด็กหนุ่ม อยาก…เข้าครอบครองตัวตนทั้งหมดของเขา

ทว่าในชั่ววินาทีที่ริมฝีปากของโจวอวี้กำลังจะประทับลงไป เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในส่วนลึกของสมอง

‘ผมไม่เคยถามคุณว่า ‘จะฆ่าผมเหรอ’ เพราะผมจะเป็นคนแนบหน้าอกเข้ากับปืนของคุณเอง’

กล้ามเนื้อของโจวอวี้เกร็งขึ้นมาทันที ความรู้สึกละมุนละไมถูกกระชากออกไปในชั่วพริบตา หูของเขาได้ยินเสียงตะโกนสุดเสียงของโจวชิงดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร

“พี่ ระวัง!”

ทางด้านหลัง โม่เย่กระโดดกัดเข็มขัดของเขาและดึงเขาออกไป

ภาพเบื้องหน้าทำให้เขานึกไปถึงตอนที่ตกลงไปในแตรนางฟ้าและเกือบถูกมังกรเกล็ดย้อนเขมือบ

แมงกะพรุนยักษ์ก่อคลื่นน้ำและทะลึ่งพรวดขึ้นสู่ด้านบน

ไม่รู้ว่ามันหมุนวนอยู่ในภาชนะกักเก็บตั้งแต่เมื่อไร ชายกระโปรงทั้งหมดหลุดออกจากผืนน้ำจนก่อเกิดเป็นภาพราวกับดอกไม้โปร่งแสงขนาดใหญ่

อีกแค่นิดเดียวโจวอวี้ก็จะถูกมันกลืนไปแล้ว!

น้ำยาฟอร์มาลินเกือบสาดใส่ร่างของโจวอวี้ แต่ปีกของโม่เย่ก็ยกขึ้นบังเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะเสียหลักร่วงลงไป เชือกที่พันรอบเอวดึงรั้งจนเขาห้อยอยู่ตรงกึ่งกลางของภาชนะกักเก็บ โม่เย่ห่อตัวของโจวอวี้ไว้ พลางเงยหน้าขึ้นมองแมงกะพรุนที่ติดอยู่เหนือศีรษะพวกเขาและแผ่ตัวออกไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับร่างกายของมันที่ค่อย ๆ ปราศจากฟอร์มาลิน!

“บ้าเอ๊ย!” โจวอวี้ไม่คิดเลยว่าภาพลวงตาของแมงกะพรุนจะสมจริงมากขนาดนี้

แถมขวดนิวโรทอกซินของเขาก็ตกลงไปในภาชนะกักเก็บแล้วด้วย

“มันคิดจะคลุมห้องนี้ไม่ให้พวกพี่หนีออกไปและกลืนพวกพี่!” เสียงของโจวชิงดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร

โจวอวี้เงยหน้าขึ้นมองแมงกะพรุน ร่างกายของมันมีเส้นเหนียว ๆ มากมายนับไม่ถ้วนห้อยระย้าลงมาและขยับขยุกขยิกราวกับเป็นอวัยวะย่อยอาหารของมัน

โจวอวี้กระตุกมุมปาก “นิวโรทอกซินไม่ได้มีอยู่แค่ในขวดยาเท่านั้น”

สิ้นคำ โจวอวี้ก็ชักปืนออกมาจากเอว เล็งไปที่ด้านบนศีรษะและเหนี่ยวไกอย่างรวดเร็ว

เสียงปืนลั่นขึ้นมาสองนัด “ปัง ปัง” กระสุนเจาะเข้าร่างของแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินก่อนที่มันจะละลายกลายเป็นน้ำเพียงชั่ววินาที

ร่างของแมงกะพรุนที่แต่เดิมแนบติดอยู่ด้านบนสูญเสียความแข็งแรงพร้อมกับส่งเสียงเหนียวหนึบออกมา มันร่วงลงและกำลังจะทับโจวอวี้!

ปีกของโม่เย่ปัดผ่านแผ่นหลังของโจวอวี้และตัดเชือกจนขาด ก่อนจะพาโจวอวี้พุ่งชนกำแพงห้องเก็บตัวอย่างออกไปข้างนอกด้วยความว่องไว

เป็นจังหวะเดียวกับที่แมงกะพรุนตัวนั้นตกลงมาดังโครม ส่วนหัวของมันกลับคืนสู่ภาชนะกักเก็บ ของเหลวสาดกระจายไปทั่วพื้นราวกับเกิดอุทกภัย

ชายกระโปรงที่ไม่ได้หดกลับของมันห้อยค้างเติ่งอยู่นอกภาชนะกักเก็บ

ทุกอย่างเงียบสนิท

โจวชิงที่ยืนอยู่หน้ามอนิเตอร์คลายหมัดที่กำแน่นออกในที่สุด เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะพบว่าแผ่นหลังของตัวเองเปียกโชก

รอนอ้าปากค้าง “ไอโดลัน…พลังของไอโดลันเจ๋งมาก…มันพังกำแพงฐานออกไปได้ง่าย ๆ เลย! มนุษย์อย่างเราไม่มีทางขังมันไว้ได้เลย…”

“ที่มันอยู่กับเรา เป็นเพราะมันเลือกที่จะอยู่ ไม่ใช่เพราะว่าเราแข็งแกร่งกว่ามัน” โจวชิงพูด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โม่เย่พาโจวอวี้ฝ่าออกมาจากวงล้อม

โม่เย่ไถลไปตามทางเชื่อมอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะลงจอดที่พื้น โจวอวี้ยังคงฟุบอยู่บนตัวโม่เย่

โม่เย่ไม่ได้รีบร้อนปล่อยโจวอวี้ลงไป แต่นอนหมอบกับพื้นอย่างว่าง่าย ปีกของมันยังคงยกขึ้นโอบล้อมโจวอวี้ที่อยู่บนหลัง

“โม่เย่…แมงกะพรุนนีเบอลุงเงินทำให้ฉันเห็นภาพลวงตา” โจวอวี้แนบหน้าผากลงที่หลังหัวของโม่เย่

“ฮือ…” โม่เย่ตอบรับแผ่วเบา

“ในภาพลวงตานั่น…คือคนที่ฉันไม่ควรนึกถึง” โจวอวี้พลันรู้สึกเหมือนความคิดตัวเองถูกอีกฝ่ายรุกรานเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้

“ฮื้อ?”

โจวอวี้ยิ้มพลางลูบหัวโม่เย่ “นายช่วยฉันไว้อีกแล้ว ถ้าไม่มีนาย…ฉันคงตายไปหลายครั้งแล้วใช่ไหม”

“งื้อ” โม่เย่พยักหน้าหงึกหงักอย่างจริงจัง

โจวอวี้ที่คล้ายกับจะสัมผัสได้ว่าโม่เย่คิดอะไรอยู่เคาะหัวมันไปทีหนึ่ง “คิดอะไรอยู่ฮะ! ฉันไม่มีทางเต้นระบำเปลื้องผ้าให้นายดูแน่! ถ้าจะดูก็ไปให้อู๋อวิ้นเต้นให้ดู!”

“ฮึ่ม…” โม่เย่แบกโจวอวี้เดินไปไม่กี่ก้าวก็ยืดตัวตรงทิ้งให้โจวอวี้ไหลลงจากหลังตัวเองอย่างโกรธ ๆ

ช่วงเวลานี้ รอนยืนยันได้แน่ชัดแล้วว่าแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินตัวนั้นตายแล้วจริง ๆ

โจวอวี้เดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นโจวชิงยืนรอตัวเองอยู่ที่สุดทางเชื่อม

“ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าจะไม่ปล่อยให้พี่ทำอะไรเสี่ยง ๆ อีก…แต่ผมก็ไม่ได้หยุดพี่อย่างจริงจังสักที ผมเป็นน้องชายที่แย่ที่สุดในโลกเลย” ท่าทางของโจวชิงยังคงสงบเหมือนเคย ราวกับเขาไม่สนใจสิ่งใดบนโลกใบนี้ ทว่าแววตาของเขากลับสั่นระริก

โจวอวี้ก้าวไปข้างหน้าและสวมกอดโจวชิงแน่น

“อย่าโง่น่า คนบางคนเหมาะกับการใช้สมอง ขณะที่บางคนเหมาะกับการลงมือทำ เห็น ๆ กันอยู่ว่าพี่น่ะเป็นประเภทหลังและพี่ก็อยากให้นายเป็นประเภทแรก”

“ผมเข้าใจ ผมจะเด็ดขาดและเข้มแข็งให้มากกว่านี้”

ตามที่อู๋อวิ้นเคยเปรยเอาไว้ พวกเขาควรจะจัดปาร์ตี้เพื่อเฉลิมฉลองและสร้างความสนุกสนาน

ตอนแรกอู๋อวิ้นคิดว่าความเห็นของตัวเองจะถูกมองข้าม แต่คิดไม่ถึงเลยว่าดอกเตอร์รอนจะเอาจริงและส่งไวน์แดงทั้งถังให้โจวอวี้

อู๋อวิ้นเท้าเอวและพูดอย่างจริงจังสุด ๆ “ทำไมเราถึงไม่ถูกส่งมายังฐานที่สองนะ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ารอนใจกว้างกว่าซ่งจื้อเป็นไหน ๆ!”

โจวอวี้ใช้มือข้างหนึ่งลูบปุยขนที่หลังของโม่เย่ ขณะที่อีกข้างเท้าคางพลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เทียบกับไวน์แดงแล้วฉันชอบเบียร์มากกว่า”

ทว่าโม่เย่สนใจมาก มันผละออกจากโจวอวี้ไปตรงหน้าถังไม้ เดินวนเป็นวงกลมพลางใช้จมูกดมฟุดฟิด

อู๋อวิ้นหัวเราะ “ฮ่า ๆๆ ถึงนายไม่ดื่ม แต่โม่เย่ก็อยากจะลองล่ะ!”

โจวอวี้รับไวน์แดงแก้วเล็กมาอย่างขบขันก่อนจะยื่นไปตรงหน้าโม่เย่ โม่เย่โน้มหน้ามาทันที แหย่ลิ้นเข้าไปในแก้วและเลียน้ำสีแดงนั่น

เพียงแค่สัมผัสกับไวน์แดง ลิ้นของโม่เย่ก็หดกลับ มันมองโจวอวี้ ดวงตาคู่นั้นคล้ายกับมีดวงดาวเต้นระริกอยู่นับไม่ถ้วน

“อะไร ไม่ชอบเหรอ” โจวอวี้จะดึงแก้วไวน์กลับ แต่โม่เย่ใช้อุ้งเท้าหน้าตะครุบมือของโจวอวี้เอาไว้และเอียงแก้วจิบ

“อา…” โม่เย่หลับตาพริ้มและปล่อยลมหายใจออกมา ดูเพลิดเพลินมากทีเดียว

นับเป็นครั้งแรกที่โม่เย่ส่งเสียงอื่นนอกเหนือจาก ‘งื้อ’ กับ ‘ฮือ’ ออกมา แม้กระทั่งอู๋อวิ้นที่เอาไวน์แดงใส่แก้วให้โม่เย่ก็ประหลาดใจมาก

โม่เย่วนเวียนอยู่รอบตัวโจวอวี้อย่างมีความสุข

“โม่เย่เมางั้นเหรอ ผมบอกแล้วว่าอย่าเอาไวน์แดงให้มัน! มันยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ” หลี่เชียนว่าอย่างกังวลเล็กน้อย

ทว่าโจวอวี้กลับยกยิ้ม “มันไม่ได้เมา การเผาผลาญของไอโดลันเร็วมาก แล้วมันจะเมาได้ยังไง บางทีมันอาจเห็นมาจากในหนังและเลียนแบบท่าทางตอนเมา”

โม่เย่หรี่ตา ใบหน้ายิ้มแย้ม มันกลับไปอยู่ข้างตัวโจวอวี้อีกครั้งและนอนลงอย่างเกียจคร้าน

หลังจากที่ดื่มกันไปสามแก้ว ทุกคนก็เริ่มง่วงงุน

โจวอวี้นอนลงบนพื้นโรงอาหารและหนุนหลังโม่เย่

“โจวอวี้ นายเคยคิดบ้างไหม…ว่าอยากให้ทั้งจวี้ลี่กรุ๊ป ทั้งนีเบอลุงเงิน แล้วก็สิ่งที่เราพบเจอมาทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน” อู๋อวิ้นรำพึงรำพันออกมา

“ถ้าหากสิ่งที่คาดหวังไม่ตรงกับความเป็นจริง ฉันจะเลือกทำในสิ่งที่ฉันทำได้และเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน” โจวอวี้ตอบ

อู๋อวิ้นหัวเราะเบา ๆ “แต่ฉันกลับดีใจยิ่งกว่าใครที่ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ไม่อย่างนั้น…ตัวฉันที่เฝ้ามองลูกสาวตายไปในโลกแห่งความจริงจะสิ้นหวังสักแค่ไหนนะ”

โจวอวี้ยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่าย “บางทีพรุ่งนี้อาจหาทางออกของไวรัสนั่นได้ แล้วเราก็กลับไปที่ฐานเดิมอย่างปลอดภัย อีกไม่ถึงเดือนสัญญาของนายกับจวี้ลี่กรุ๊ปก็จะสิ้นสุดลง นายจะได้กลับไปเจอลูกสาวและอยู่กับเธอแน่”

“แล้วนายล่ะ นายต้องการอะไร…โจวอวี้” อู๋อวิ้นถามเขาบ้าง

โจวอวี้ชะงัก

นั่นสิ สิ่งที่เขาต้องการคืออะไร

เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นเพราะเพอริตอนฆ่าเพื่อนร่วมทีมของเขาและเขาก็มาที่นี่เพื่อปกป้องโจวชิง ทว่าเหตุผลพวกนั้นดูเหมือนจะไม่สำคัญอีกต่อไป

เพอริตอนเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งในโลกมนุษย์ แต่ไม่ใช่กับโลกของนีเบอลุงเงิน

สำหรับนีเบอลุงเงินแล้ว พลังของโจวอวี้มีน้อยเกินไป หากไม่ได้รับการปกป้องจากโม่เย่ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะปกป้องโจวชิง

แล้วสุดท้าย…ทั้งหมดนี่มันจะมีความหมายอะไร

โจวอวี้ยกมือขึ้นลูบโม่เย่ หัวของโม่เย่จึงเอียงมาถูไถใบหน้าเขา

ช่วงเวลานี้ สิ่งที่เขาปรารถนามีเพียงเรื่องของโม่เย่เท่านั้น

เขาหวังให้โม่เย่มีความสุข หวังให้มันแข็งแกร่งและหวังว่าต่อให้ไม่มีเขาอยู่ด้วย มันจะสามารถมีความสุขได้อย่างที่มันควรจะเป็น

โจวอวี้รู้สึกง่วง เขาจึงหลับตาลง

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่หูได้ยินเสียงฮัมเบา ๆ

ใครบางคนกำลังฮัมเพลงอยู่ เสียงของเขาเป็นเอกลักษณ์มาก ดูสูงส่งทว่าบางเบา ราวกับฝุ่นละอองในอากาศ

โจวอวี้พลันลืมตาขึ้นและเห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่บนโต๊ะ ขาเรียวยาวแกว่งไปมาเบา ๆ สองมือวางอยู่ที่ขอบโต๊ะและก้มหน้ามองโจวอวี้

โจวอวี้สูดหายใจเข้าลึกและยันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะพบว่าทั้งโรงอาหารว่างเปล่าไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

ไม่ว่าจะอู๋อวิ้น หลี่เชียน หรือหานลี่ รวมถึงเหล่านักวิจัยที่ไม่รู้จักกันดี ทุกคนล้วนหายไปหมด

โจวอวี้มองเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่ม ใบหน้าของอีกฝ่ายแฝงไปด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล

ครั้งล่าสุดที่โจวอวี้เห็นเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนขอบโต๊ะคือตอนที่เผชิญหน้ากับดอกเตอร์หลิน รอยยิ้มของอีกฝ่ายในเวลานั้นเหมือนมีรังสีกดดัน แตกต่างจากเวลานี้ที่ทำให้โจวอวี้รู้สึกผ่อนคลาย

“ฉันอยู่ในความฝัน กำลังหลับ และนายก็เป็นภาพลวงตา” โจวอวี้พูดอย่างมั่นใจ

รอยยิ้มของเด็กหนุ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาโน้มตัวไปหาโจวอวี้และหยุดค้างอยู่ในตำแหน่งที่แทบจะไร้จุดศูนย์ถ่วง

ระยะห่างระหว่างพวกเขาอยู่ในระยะที่เหมาะสม มันไม่ได้ไกลจนโจวอวี้ไม่อาจรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิของเขาและก็ไม่ได้ใกล้จนโจวอวี้มองเขาไม่ถนัด

ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นดวงตาที่งดงามที่สุดเท่าที่โจวอวี้เคยพบเห็น ทั้งละเอียดอ่อนและมีชีวิตชีวา แต่ก็มีอำนาจในการมองทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่ง

“แล้วคุณรู้ไหมว่าถ้าผมเป็นภาพลวงตาของคุณ และทั้งหมดนี้ก็เป็นความฝันของคุณ…นั่นหมายถึงคุณกำลังคิดถึงผม”

“หรือไม่นายก็เข้ามาในสมองของฉัน”

“ก็ได้ งั้นถือเสียว่าทั้งหมดนี้ผมเป็นคนทำให้คุณแล้วกัน คุณจะยินยอมให้มันอยู่นานกว่านี้อีกหน่อยหรือจะตื่นตอนนี้เลยล่ะ”

โจวอวี้หัวเราะเบา ๆ ขณะที่กำลังจะเอ่ยตอบ นิ้วของอีกฝ่ายก็แตะลงที่ริมฝีปาก สัมผัสที่ได้รับนั้นเหมือนจริงมาก

“คิดให้ดีก่อนแล้วค่อยตอบ” รอยยิ้มของเด็กหนุ่มจางลง สีหน้าของเขาดูจริงจังมากทีเดียว

ในโลกใบนี้ เขาคือสิ่งที่ยืนอยู่บนยอดของพีระมิด เขาไม่จำเป็นต้องจริงจังกับสิ่งใดเพราะทุกสิ่งทุกอย่างจัดการได้อย่างง่ายดาย

ปลายนิ้วของอีกฝ่ายวนเวียนอยู่บริเวณริมฝีปากของโจวอวี้

“โลกสมมติใบนี้ไม่มีอยู่จริงหรอก แต่สำหรับผมแล้วตัวตนของคุณต่างหากที่เป็นของจริง”

“งั้น…นายมา ‘เยี่ยม’ กันทำไม” โจวอวี้ถาม

เด็กหนุ่มกระโดดลงจากโต๊ะ ร่างกายของเขาเบาหวิวจนไม่มีเสียงใด ๆ

โจวอวี้ลุกขึ้นยืนบ้าง ทว่ามือของเด็กหนุ่มกลับกดไหล่ของเขาเอาไว้ บังคับให้โจวอวี้นั่งลงไปอีกครั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะนั่งคร่อมเอวของเขา

“รู้ไหมว่าภาพลวงตาที่แมงกะพรุนนีเบอลุงเงินแสดงให้เหยื่อเห็น ไม่ใช่มันเป็นคนเลือก แต่เป็นสิ่งที่เหยื่อเลือกด้วยตัวเอง”

เด็กหนุ่มโน้มตัวเข้าหาโจวอวี้จนแทบจะแนบสนิทกับเขา โจวอวี้เอนตัวไปด้านหลังก่อนเอ่ยเสียงเย็น “นายควรลุกออกไป”

“ตอนที่แมงกะพรุนล่อลวงคุณ คุณเห็นผมเพราะผมน่าดึงดูดมากกว่าสิ่งอื่นใด”

“ฉันบอกให้นายลุกออกไป” โจวอวี้มองตาอีกฝ่ายและกดเสียงเย็นอีกครั้ง

แววตาคู่นี้ลึกล้ำเกินไป โจวอวี้รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังจมอยู่ในนั้น

เด็กหนุ่มก้มหน้าลงพลางยิ้ม เส้นผมขยับแผ่วเบาตามการเคลื่อนไหว เขาคลายมือออก

ทว่าในยามที่โจวอวี้รู้สึกผ่อนคลายและกำลังจะผลักอีกฝ่ายออกไป เด็กหนุ่มพลันเงยหน้าขึ้น ความกดดันในแววตากระทบเข้ากับสายตาของโจวอวี้ โจวอวี้ถูกผลักล้ม ขณะที่กำลังจะขัดขืน มือของเด็กหนุ่มก็กดข้อมือของโจวอวี้ล็อกไว้ที่ข้างหู

โจวอวี้เบิกตากว้างมองอีกฝ่าย

“ในสายตาของคุณ คุณกำลังคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อของผม”

“แล้วตอนนี้ ฉันไม่ใช่เหยื่อของนายหรือไง” โจวอวี้ย้อนถาม

“นี่เป็นเพียงแค่ความฝัน ถ้าคุณอยากกำจัดผม คุณก็แค่ต้องตื่น”

“ว่าไงนะ”

โจวอวี้ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจอะไร จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ทาบทับลงมา ครอบครองริมฝีปากของเขา เรียวลิ้นของอีกฝ่ายบดเบียดเข้ามาด้วยแรงที่ไม่อาจต้านทาน จู่โจมสมองของโจวอวี้ราวกับถูกไวรัสรุกรานและเข้ายึดครองเซลล์ทั้งหมดของโจวอวี้

โจวอวี้ยกเข่าขึ้นกระแทกอีกฝ่าย ทว่าเขาทำเพียงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นและกดขาทั้งสองข้างของโจวอวี้เอาไว้ด้วยแรงที่คล้ายกับเป็นการลงโทษ โจวอวี้รู้สึกว่าเข่าตัวเองแตกละเอียดและเจ็บปวดรุนแรง

ตื่น…โจวอวี้ตื่น!

ยามที่โจวอวี้ลืมตาตื่น เขาสูดลมหายใจเข้าอย่างยากลำบาก หัวใจเต้นระรัว จมูกยังคงได้กลิ่นไวน์แดงอบอวลอยู่ในอากาศ

คำพูดสุดท้ายของเด็กหนุ่มคนนั้นดังก้องอยู่ในหู ‘คุณรู้ว่าผมอันตราย แต่ที่คุณไม่ยอมตื่นทันที เป็นเพราะคุณต้องการจะอยู่กับผม’

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนคู่นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินจอมเขมือบเสียอีก

มันเป็นอำนาจที่ไม่อาจต้านทานและมันก็แฝงตัวอยู่ในเส้นประสาททุกเส้นของโจวอวี้ ซุกซ่อนอยู่ในความคิดของเขาทุกช่วงเวลา

“งื้อ?” เสียงร้องดังขึ้นใกล้ตัว

โจวอวี้กลืนน้ำลายและหันหน้าไปมองโม่เย่

“งื้อ…” โม่เย่ใช้ปลายจมูกถูไถโจวอวี้ สัมผัสที่อ่อนนุ่มนั้นทำให้เส้นประสาทที่ตึงเครียดของโจวอวี้คลายออกอย่างช้า ๆ

โจวอวี้อ้าแขนออกและกอดโม่เย่ มองสบดวงตาของมันเป็นเวลานาน

โม่เย่ดูเหมือนจะรู้สึกแปลก ๆ ที่ถูกโจวอวี้จ้องมองแบบนี้ ขณะที่มันกำลังจะเบี่ยงหน้าออกโจวอวี้ก็พูดขึ้น “มองฉัน…โม่เย่…ให้ฉันมองนายอย่างนี้สักพัก”

“งื้อ” คล้ายกับโม่เย่จะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของโจวอวี้ มันจึงแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้านบนของเขา

“นายมันไอ้ตัวแสบ” โจวอวี้ขยี้หัวโม่เย่ก่อนจะกดมันไว้ในวงแขนของตัวเอง

เพียงไม่นาน ความง่วงก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา

คราวนี้โจวอวี้หลับสนิทไปจนถึงรุ่งสาง

เขาลืมตาขึ้น เห็นดอกเตอร์รอนนั่งอยู่บนเก้าอี้และก้มหน้ามองตัวเอง

โจวอวี้ลุกขึ้นนั่งทันที เขาไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาใกล้หรือแม้กระทั่งนั่งอยู่ตรงหน้าเขา โดยที่เขาแทบจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ด้วยซ้ำ

“ดอกเตอร์รอน…แมงกะพรุนนีเบอลุงเงินตัวนั้นยังไม่ตายเหรอ”

“เปล่า” ดอกเตอร์รอนส่ายศีรษะ “มันถูกพวกเราละลายไปหมดแล้ว แถมยังส่งเซลล์กับเชื้อไวรัสของมันไปให้ดอกเตอร์เสิ่นศึกษาเรียบร้อย”

“เหรอ…งั้น…พวกคุณคงอยากจะศึกษาโม่เย่ใช่ไหม”

“ผมขอผ่ามันได้ไหม” ดอกเตอร์รอนถาม

“แน่นอนว่าไม่ได้” โจวอวี้มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยียบ

“งั้นผมขอตัวอย่างเลือดได้ไหม”

“มันไม่ยอมหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นผมทำการทดสอบพฤติกรรมของมันได้หรือเปล่า”

“ดอกเตอร์คาร์ลอสเคยลองแล้ว และมันก็ทำลายห้องทดสอบจนเละ”

“เหรอครับ…งั้นก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ผมต้องการศึกษาได้ข้อสรุปแล้ว”

“คุณอยากศึกษาอะไร”

“ไอโดลันที่มีไอคิวสูงมากจะสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมของมนุษย์ได้หรือไม่”

“แล้ว…สรุปว่า?” โจวอวี้พบว่าสมองของตัวเองกับดอกเตอร์รอนมีความเหลื่อมล้ำระหว่างกัน

“สรุปว่าถ้าหากมนุษย์ไว้ใจไอโดลันมันก็เป็นไปได้แน่นอน”

“…” โจวอวี้พลันพูดอะไรไม่ออก

โม่เย่เองก็ตื่นแล้วเช่นเดียวกัน มันส่งเสียงครางแผ่วเบาและเอียงหัวมองดอกเตอร์รอน เมื่อเห็นดอกเตอร์รอนสวมชุดคลุมสีขาวแบบเดียวกับนักวิจัยที่วิ่งมาดูตนก่อนหน้านี้ มันก็พลันเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา มันจงใจทำหน้าตาดุร้าย ท่าทางคล้ายกับจะพุ่งไปกัดดอกเตอร์รอน

“นี่! โม่เย่!”

โจวอวี้กำลังจะกดหัวโม่เย่ลง แต่คิดไม่ถึงว่าดอกเตอร์รอนจะยื่นนิ้วออกมาดีดหน้าผากโม่เย่

“ตั้งแต่มาถึงที่นี่นายก็ไม่ได้ทำร้ายใครเลย ดังนั้นอย่าได้คิดว่าการแสดงเล็ก ๆ ของนายจะทำให้ฉันกลัว”

โม่เย่ที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาแบบนี้หดคอกลับโดยไม่รู้ตัว

“อ้อ จริงสิ…การศึกษาไวรัสตัวนั้นของดอกเตอร์เสิ่นมีความคืบหน้าบ้างแล้ว คุณอยากรู้ไหมว่าทำไมศาสตราจารย์โจวแล้วก็หมอหานลี่ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไวรัสแพร่กระจายถึงไม่ติดเชื้อไปด้วย”

“ทำไม”

“เพราะพวกเขาทั้งคู่ป่วย ศาสตราจารย์โจวป่วยเป็นโรคเนื้องอกสมองชนิดไกลโอมา ส่วนหมอหานลี่ก็เป็นหวัด ร่างกายของพวกเขาทั้งคู่อยู่ในสภาวะที่ไม่แข็งแรง ไวรัสชนิดนี้อาศัยอยู่กับแมงกะพรุน บทบาทของพวกมันในการวิวัฒนาการหลายล้านปีก็คือช่วยแมงกะพรุนย่อยอาหาร ศาสตราจารย์โจวกับคุณหมอหานลี่จึงไม่ใช่ ‘อาหารที่แข็งแรง’ ของมัน”

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า