[ทดลองอ่าน] ท่านประมุขหลงลืมฟื้นรัก เล่ม 3 บทที่ 85

ท่านประมุขหลงลืมฟื้นรัก เล่ม 3

教主走失记

 

Yishihuashang 一世华裳 เขียน

RML แปล

 

โปรย

หมากสีขาวใกล้จะถูกเปิดโปง
รอบกาย เย่โย่ว และ เหวินเหรินเหิง จึงยิ่งเต็มไปด้วยอันตราย
เย่โย่วรีบรุดพาพรรคธรรมะบุกรังของมนุษย์โอสถ
จากการต่อสู้ชิงไหวพริบ
กำลังจะดำเนินไปสู่การนองเลือดครั้งใหญ่
อันเป็นบทสรุปของหนี้แค้นในอดีต
พวกเขาจะสามารถจัดการหมากสีขาวให้สิ้นซากได้หรือไม่
และตัวตนของใครเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องลวงบ้าง
บางทีผู้ที่กินยาของหมากสีขาวอาจมีมากกว่าที่คิดเสียแล้ว
ความจริงอันดำมืดของยุทธภพจะต้องกระจ่างในการต่อสู้ครานี้

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 85

 

เมื่อคืนเว่ยเจียงเย่ว์หายตัวไปจากหอคณิกา

หลังจากคุณชายเสี่ยวหายตัวไป บรรดาคุณชายสำนักต่างๆ ก็รีบออกเดินทางพร้อมกับเหล่าผู้อาวุโสมายังเมืองเซิ่งอินโดยเร็วที่สุด ระหว่างทางไม่ได้พักผ่อนมากนัก อีกทั้งไม่รู้ว่าคุณชายเสี่ยวเป็นตายร้ายดีอย่างไร พวกเขาจึงไม่มีกะจิตกะใจสักเท่าใดนัก ยามนี้คุณชายเสี่ยวกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว เจ้าอาวาสและคนอื่นๆ ไม่รีบร้อนเดินทาง พวกเขาจึงอยากออกไปเที่ยวเล่นยืดเส้นยืดสาย

แน่นอนว่ายกเว้นติงสี่ไหลกับเว่ยเจียงเย่ว์ เพราะสองคนนี้แค่อยากดื่มสุราตามลำพังเท่านั้น

แต่ปัญหาอยู่ที่สุรา

หลังจากเว่ยเจียงเย่ว์นั่งลงก็ก้มหน้าก้มตาเทสุราดื่ม แทบจะไม่คุยโต้ตอบกับพวกเขา พวกเขาเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีจึงชวนคุยด้วยเพียงสองสามคำ เว่ยเจียงเย่ว์ใบหน้าบึ้งตึง ไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า หลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกว่าพวกเขาน่ารำคาญ ครั้นเหลือบเห็นดาวเด่นของหอคณิกาอยู่ข้างๆ ก็ดึงคนผู้นั้นมารินสุราให้ ดื่มจนเมาหัวราน้ำก็ยังไม่ยอมกลับห้อง แล้วบอกคนอื่นๆ ว่าไม่ต้องรอตัวเอง

ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก มีคนหนึ่งเอ่ยว่า “ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เขาระบายออกมาบ้างก็ดี”

คนที่เหลือขานรับ “…อืม”

เพราะเหตุใดงั้นหรือ

ก็เพราะเรื่องของเหวินเหรินเหิงกับคุณชายเสี่ยวมีความเป็นไปได้ถึงแปดส่วน ทว่าเว่ยเจียงเย่ว์ดูคล้ายจะมีใจให้คุณชายเสี่ยวอยู่บ้าง พวกเขาจึงคิดว่าเว่ยเจียงเย่ว์เกิดความหึงหวง สิ่งสำคัญคือเหวินเหรินเหิงไม่ใช่คนที่จะเข้าไปต่อกรได้ง่ายๆ แม้เว่ยเจียงเย่ว์จะดีเลิศแค่ไหน ก็ยังเทียบกับเหวินเหรินเหิงไม่ติดฝุ่น จึงหมดความหวังใดๆ ทั้งสิ้น

พวกเขาทอดถอนใจขณะดื่มสุรา เมื่อเห็นติงสี่ไหลฟุ้งซ่านเช่นกัน ก็หันไปจดจ้องอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ครั้นซักถามจึงได้ความว่าเขาต้องการสาบานเป็นพี่น้องกับคุณชายเสี่ยว คนอื่นๆ จึงเสนอความคิดกันมากมาย ทั้งยังมีกลอุบายเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ซึ่งยั่วโทสะติงสี่ไหลจนเขาพับแขนเสื้อขึ้นต่อยตีกันชุลมุน

กลุ่มคนทั้งกิน ดื่ม และเล่นกันจนดึกดื่นค่อนคืน บางคนเลือกหญิงงามที่น่าพึงพอใจแล้วพักค้างคืนที่นั่น ที่เหลือก็กอดคอโอบไหล่กันกลับโรงเตี๊ยม คืนที่ผ่านมาเป็นเช่นนี้ แล้วเว่ยเจียงเย่ว์ก็อันตรธานหายไป

เจ้าสำนักเว่ยกับประมุขติงส่งคนไปค้นหาทั่วเมือง เหล่าคุณชายสำนักต่างๆ มีหน้าที่นึกเหตุการณ์เมื่อคืนให้กระจ่าง แล้วตอบคำถามของบรรดาผู้อาวุโสอย่างตรงไปตรงมา

ประมุขติงถาม “พวกเจ้าบอกว่าเขาอารมณ์ไม่ดีหรือ”

คุณชายหนุ่มคนหนึ่งตอบ “ดูเหมือนจะใช่ขอรับ เราจึงไม่กล้าถามมากกว่านี้”

เจ้าสำนักเสวียนหยางกล่าว “แล้วพวกเจ้ารู้สาเหตุหรือไม่”

คุณชายหนุ่มตอบ “ไม่ทราบขอรับ”

ล้อเล่นแล้ว ยามนี้ต่อให้ถูกตีจนตายก็แพร่งพรายเรื่องที่พี่รองเว่ยรักชอบคุณชายเสี่ยวออกไปไม่ได้ มิฉะนั้นในภายหน้าอาจมองหน้ากันไม่ติด

เหวินเหรินเหิงได้ยินพวกเขาสนทนากันอยู่ข้างๆ จึงมองไปทางเจ้าสำนักเก่ออีกครั้งแล้วเอ่ยถามว่า “เขาบอกว่าเว่ยเจียงเย่ว์เรียกใครไม่ใช่หรือ แล้วดาวเด่นผู้นั้นเล่า นางเห็นอะไรหรือไม่”

“นางเป็นลมไปก่อนแล้ว” เจ้าสำนักเก่อกล่าว “นางเล่าว่าหลังจากที่พวกเขาเข้าประตูมาก็ดื่มกันสักพัก จู่ๆ เว่ยเจียงเย่ว์พูดอะไรบางอย่างที่หน้าต่าง แล้วนางก็เป็นลมล้มพับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกเลย”

เหวินเหรินเหิงเงียบกริบ

เจ้าสำนักเก่อถาม “คุณชายเสี่ยวเล่า”

เหวินเหรินเหิงกล่าว “เขาสุขภาพไม่แข็งแรง จึงยังหลับอยู่”

เจ้าสำนักเก่อพยักหน้า มองไปข้างหน้าอีกครั้งแล้วถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ เรื่องนี้…”

เหวินเหรินเหิงไม่เอ่ยปาก เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายกังวลสิ่งใดอยู่

ไม่เพียงเข้าใจเจ้าสำนักเก่อเท่านั้น แต่ยังเดาใจคนที่เหลือได้อีกด้วย เรื่องราวของผู้นำสหพันธ์และบุตรชายเป็นบทเรียนที่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน คนในที่แห่งนี้ล้วนเป็นชนชั้นผู้นำ จึงน่าจะไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง เช่น เหตุใดคนที่หายไปถึงเป็นเว่ยเจียงเย่ว์ และอีกหนึ่งข้อสงสัยคือ…นี่เหมือนกับคราวของคุณชายจงหรือไม่

ทุกคนมีความคิดแตกต่างกัน บางคนพอเห็นเหวินเหรินเหิงก็ถามถึงคุณชายเสี่ยว

เหวินเหรินเหิงตอบอย่างสุภาพ เมื่อสบโอกาสก็ขอตัวขึ้นไปดูเขาที่ชั้นบน

            ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงยียวนอันคุ้นเคยพลันแว่วเข้ามา “มีเรื่องอันใด ไยครึกครื้นเช่นนี้เล่า”

เมื่อทุกคนหันหน้าไปก็เห็นเซี่ยจวินหมิงค่อยๆ ก้าวลงมาข้างล่างโดยมีท่านประมุขเย่ตามมาเคียงข้าง

คนในโถงใหญ่ตอบ “เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย”

เซี่ยจวินหมิงกล่าว “ข้าถึงได้ถามว่าเรื่องอะไรอย่างไรเล่า”

ที่จริงเขารู้อยู่แล้ว

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ฉินเย่ว์เหมียนที่ตามมาด้วยก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน

พวกเขาใช้เวลากับใครบางคนเมื่อวานนี้ไม่น้อย จึงรู้ดีว่าอาจมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ทว่าแม้ตอนที่เกิดความวุ่นวายพวกเขาจะอยากรู้อยากเห็นมากแค่ไหน แต่ก็เดินถ่วงเวลาอยู่ที่ชั้นบนสักพัก ทำเช่นนี้จึงจะสอดคล้องกับอุปนิสัยของพวกเขา ป้องกันไม่ให้ดูจงใจเกินไป และถึงพวกเขาจะไม่ได้ลงมา ก็ส่งคนไปสอบถามเรียบร้อยแล้ว จึงรู้ทั้งหมดว่าเป็นเรื่องของเว่ยเจียงเย่ว์

ทั้งสองไม่ใช่คนโง่ เมื่อก้าวลงมาถึงชั้นล่างก็ลอบเหลือบมองเหวินเหรินเหิงปราดหนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจว่าชายผู้นี้กับเย่โย่วจะมาไม้ไหน

หมากสีขาวหวาดกลัวเย่โย่วมาตลอด เมื่อวานนี้พวกเขาได้พบปะสังสรรค์กับเย่โย่ว หมากสีขาวย่อมไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะวางแผนอย่างลับๆ หรือไม่ ย่อมพุ่งความสนใจมาที่พวกเขาแน่นอน จึงไม่ค่อยระมัดระวังจุดอื่น ดังนั้นเว่ยเจียงเย่ว์จึงหายตัวไปได้…ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้แสดงอย่างชัดเจนว่าหลอกล่อทำท่าจะบุกโจมตีทิศตะวันออก แต่กลับบุกทะลวงทิศตะวันตก

ฉะนั้นเว่ยเจียงเย่ว์จึงถูกศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้จับตัวไปเช่นนั้นหรือ

จุดประสงค์คืออะไร

ทั้งสองคนครุ่นคิดไปมา แล้วหันมาเลือกที่นั่งดีๆ ก่อนจะนั่งลง ฟังความคืบหน้าของสิ่งต่างๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ

ทว่าในยามนี้มีเบาะแสน้อยเหลือเกิน

หลังจากหารือกันนานพักใหญ่ ทุกคนก็ยังไม่ได้ทางออกที่เหมาะสม จึงต้องพยายามค้นหาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากหาในเมืองไม่เจอก็คงจะแย่แน่แล้ว

สีหน้าที่เป็นมิตรเสมอของเจ้าสำนักเว่ยถูกแทนที่ด้วยความขึงขังจริงจัง เขาขมวดคิ้วมุ่นเดินไปมา ทันใดนั้นก็มองไปทางเหวินเหรินเหิงแล้วเอ่ยถามว่า “เสี่ยวเหิง เจ้าคิดเห็นอย่างไร”

เหวินเหรินเหิงส่ายหน้า “ยังไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้ลงมือ”

เจ้าสำนักเว่ยกล่าว “อาเสี่ยวเล่า”

เหวินเหรินเหิงกล่าว “ข้าจะไปดูเขาเอง”

พูดอย่างนั้นแล้วก็ขึ้นไปชั้นบน เมื่อผลักประตูออก เห็นศิษย์น้องยังไม่ลุกขึ้น เขาก็นั่งบนเตียงแล้วแตะพวงแก้มของศิษย์น้องอย่างแผ่วเบา “ยังนอนอยู่หรือ”

เย่โย่วลืมตาขึ้น ยื่นมือไปหาอย่างเกียจคร้าน จากนั้นศิษย์พี่ก็ดึงตัวเขาขึ้นมา หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วก็ถูกพันผ้าพันแผล ก่อนจะเดินลงไปอย่างเชื่องช้า

 

**********

 

ฝูงชนมารวมตัวกันรอบโต๊ะเพื่อจะกินอาหาร เมื่อเห็นพวกเขาลงมาก็โบกมือเรียก แล้วชี้ไปยังตำแหน่งที่จองไว้ให้ เย่โย่วเดินไปหาแล้วกล่าวขอโทษ “อากาศหนาว ข้าจึงหลับสนิท ทำให้เหล่าผู้อาวุโสรอนาน”

หลายคนต่างรู้ว่าเขาสุขภาพไม่อำนวย ย่อมโบกมือบอกว่าไม่เป็นไรตามมารยาท แล้วให้พวกเขานั่งลงก่อนจะเริ่มกินอาหารด้วยกัน

เจ้าสำนักเว่ยไม่อยากอาหาร จึงไม่ขยับตะเกียบแม้แต่น้อย เขาเพียงวางถ้วยชาไว้ตรงหน้าแล้วมองเย่โย่วก่อนจะเอ่ยถามว่า “ได้ยินเรื่องของเว่ยเจียงเย่ว์หรือยัง”

เย่โย่วพยักหน้า “ได้ฟังจากศิษย์พี่แล้ว”

เจ้าสำนักเว่ยถาม “เจ้าคิดเห็นอย่างไร”

“อีกฝ่ายน่าจะเป็นยอดฝีมือ อาจเก่งในเรื่องการใช้ยาด้วย” เย่โย่ววิเคราะห์ “วิทยายุทธ์ของคุณชายรองเว่ยไม่ได้อ่อนด้อย แม้ในเวลานั้นจะมีเสียงดังเอ็ดตะโรเพียงเล็กน้อย แต่เหรินเส้าเทียนและพรรคพวกล้วนอยู่ที่นั่น หากคุณชายรองสามารถชะลอเวลาได้อีกสักหน่อยหรือหาโอกาสออกมา ด้วยทักษะของเหรินเส้าเทียนต้องได้ยินการเคลื่อนไหวและเข้าไปช่วยได้เป็นแน่ น่าเสียดายที่แม้แต่พวกเขาก็ไม่รับรู้ว่าเกิดเหตุขึ้น ดังนั้นข้าจึงคิดว่าอีกฝ่ายสามารถควบคุมคนได้ในเวลาอันสั้น”

ทุกคนต่างเห็นพ้องด้วย โดยส่วนใหญ่ก็คิดเช่นนี้

เจ้าสำนักเก่อถาม “แล้วเจ้าคิดว่าฝ่ายไหนลงมือเล่า”

เย่โย่วกล่าว “ยังบอกยาก รอให้ข้าไปที่นั่นสักรอบ แล้วดูว่ามีเบาะแสหรือไม่”

หลังจากกินอาหารเสร็จ เขาก็ไปหอคณิกากับศิษย์พี่ทันที

 

**********

 

อันที่จริงคนของกลุ่มเวหาปูพรมค้นหาไปแล้วหนึ่งรอบ ทว่าไม่พบเบาะแสแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อพวกเย่โย่วมาถึง หอคณิกาจึงทำความสะอาดห้องนั้นไปเรียบร้อยแล้ว

แม่เล้ารู้ว่าคุณชายที่หายตัวไปมีสถานะเช่นไร จึงอธิบายอย่างระมัดระวังว่า “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าห้องยังมีประโยชน์อยู่ จึงให้พวกเขาเก็บกวาดไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเปิดร้าน…”

เย่โย่วเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าจะดูสักหน่อย”

แม่เล้าสังเกตสีหน้าท่าทางของพวกเขา พบว่าไม่ได้โกรธก็โล่งใจ

เย่โย่วดูห้องคร่าวๆ เปิดหน้าต่างแล้วเหลือบมองลงไปซ้ายทีขวาที จากนั้นไปดูรอบๆ หอคณิกาพลางขบคิดเงียบๆ ติงสี่ไหลติดตามเขามาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ครั้นเห็นที่เกิดเหตุก็ถามเขาว่าเป็นอย่างไร เย่โย่วถอนหายใจเบาๆ “ไม่มีเงื่อนงำ อีกฝ่ายทำงานได้แนบเนียนมาก”

ติงสี่ไหลกล่าว “คนผู้นั้นยังจะหวนกลับมาได้อีกหรือไม่”

เย่โย่วกล่าว “ไม่รู้ กลับกันก่อนเถิด”

 

**********

 

ขณะนี้กลุ่มเวหากับกลุ่มเงาจันทรายังคงค้นหาทั่วทั้งเมือง

ทุกคนไม่มีเบาะแส ทำได้แค่รอข่าวคราวจากพวกเขา น่าเสียดายที่รอจนถึงเย็นย่ำ ทั้งกลุ่มเวหาและกลุ่มเงาจันทราต่างไม่พบเว่ยเจียงเย่ว์และบุคคลที่น่าสงสัยแต่อย่างใด

เหล่าเจ้าสำนักล้วนรู้สึกว่า คนอาจถูกพาออกจากเมืองไปแล้ว

เจ้าสำนักเว่ยขมวดคิ้วเป็นปม นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

เมื่อทุกคนเห็นว่าเขาไม่ค่อยได้กินมาทั้งวัน จึงอดปลอบโยนสองสามคำไม่ได้ เว่ยเจียงเย่ว์ ลูกคนนี้ไว้ใจได้เสมอมา ไม่เคยก่อปัญหาและไม่มีศัตรูที่ใดทั้งนั้น ดังนั้นคนที่ลักพาเขาน่าจะมีจุดมุ่งหมายแตกต่างออกไปและจะไม่ทำร้ายถึงชีวิต

เจ้าสำนักเว่ยยิ้มอย่างขมขื่นแล้วถามว่า “หรือจะเอาเขาไปหลอมให้เป็นมนุษย์โอสถ”

เรื่องนี้ก็อาจจะเป็นไปได้…จู่ๆ ทุกคนก็ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนเขาอย่างไร

เจ้าสำนักเว่ยไม่ต้องการฟังคำปลอบประโลม เขาโบกมือเพื่อแสดงว่าตนสบายดี และยังคงรอข่าวจากกลุ่มเวหาต่อไป จนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนถึงค่อยกลับห้องอย่างเป็นกังวล

และแล้วเวลาหนึ่งวันก็ผ่านไปในชั่วพริบตา

 

**********

 

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เย่โย่วถูกปลุกด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมอีกครั้ง

เขาถอนหายใจแล้วขดตัวอยู่ในผ้าห่ม

เหวินเหรินเหิงเฝ้าดูอยู่ข้างๆ

ดูเหมือนว่าจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศจริงๆ เช่นวันที่ท้องฟ้าสว่างช้าเช่นนี้ ศิษย์น้องจะชอบนอนตื่นสาย เขากอดคนผู้นั้นไว้แล้วเอ่ยถามว่า “จะนอนต่ออีกสักพักหรือไม่”

เย่โย่วส่งเสียง “อืม” อย่างเกียจคร้าน

เหวินเหรินเหิงนอนอยู่กับเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะคลายกอดแล้วเตรียมตัวลงไปชั้นล่าง ทว่าเมื่อเห็นคนบนเตียงลุกขึ้นเดินตามมาก็ยิ้มแล้วถามว่า “ไม่นอนหรือ”

เย่โย่วตอบ “ข้ารู้ว่าเว่ยเจียงเย่ว์เกิดเรื่อง ย่อมต้องใส่ใจสักหน่อย”

เหวินเหรินเหิงกล่าว “ข้าบอกให้ก็ได้ว่าเมื่อคืนเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของเว่ยเจียงเย่ว์ทั้งคืนจนนอนหลับไม่สนิท ข้าจึงจุดกำยานหอมให้ผ่อนคลาย”

เย่โย่วเอ่ยกลั้วหัวเราะ “คราวหน้าค่อยใช้ข้ออ้างนี้แล้วกัน”

 

**********

 

ทั้งสองเดินลงไปชั้นล่าง ไม่ทันไรก็ได้รู้ว่าคนที่ลักพาตัวเว่ยเจียงเย่ว์ส่งจดหมายมาหนึ่งฉบับ บอกให้พวกเขาไปพบที่ป้อมปราการซื่อฟาง[1]ภายในสิบวัน เย่โย่วถาม “ยังเขียนอะไรอีกหรือไม่”

เจ้าสำนักเก่อกล่าว “ไม่มี ไม่ได้พูดถึงการเปลี่ยนตัวใดๆ แค่บอกให้ไปพบที่นั่น แต่…”

เย่โย่วเอ่ยถาม “แต่อะไร”

เจ้าสำนักเก่อลดเสียงลง “ป้อมปราการซื่อฟางนี้เป็นชื่อเก่า ยามนี้ไม่ได้เรียกชื่อนี้มาตั้งนานแล้ว”

“จริงหรือ” เย่โย่วอยากรู้อยากเห็นมาก จึงมองไปทางศิษย์พี่อย่างติดเป็นนิสัย

เหวินเหรินเหิงอธิบาย “ป้อมปราการซื่อฟางเดิมเคยเป็นที่ตั้งของตระกูลฮวา หลังจากตระกูลฮวาถูกมารสังหารทั้งหมดเมื่อยี่สิบปีก่อน ตระกูลที่มาซ่อมแซมต่อรู้สึกว่าชื่อนี้ไม่เป็นมงคล จึงเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองอู่อวิ้น[2]

เย่โย่วมองเจ้าสำนักเก่อ “ข้าเข้าใจแล้ว”

เจ้าสำนักเก่อไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด

เพราะเรื่องนี้เห็นได้ชัดเหลือเกิน ด้วยว่าช่วงก่อนหน้านี้เกิดพิษตะเกียงอับแสง และผู้นำสหพันธ์มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นผู้ติดตามของมาร ส่วนตระกูลฮวาในป้อมปราการซื่อฟางเป็นอีกแห่งที่ถูกมารทำลาย ขณะนี้อีกฝ่ายได้ลักพาตัวเว่ยเจียงเย่ว์ไป แล้วสั่งให้พวกเขาไปพบที่นั่น คงไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าพุ่งเป้าไปที่ผู้ใดกระมัง

ทุกคนในที่นี้จึงมองไปทางเจ้าสำนักเว่ย รอให้เขาปริปากพูด

เจ้าสำนักเว่ยไม่ลังเลเลยสักนิด เขากล่าวว่า “ข้าจะไปเมืองอู่อวิ้น ทุกท่าน…”

ทุกคนกล่าว “พวกเราย่อมตามไปด้วยอยู่แล้ว”

เจ้าสำนักเว่ยพยักหน้า เขาขึ้นไปเก็บสัมภาระเดินทางที่ชั้นบน

คนที่เหลือมองหน้ากัน ล้วนปิดปากสนิท

เจ้าสำนักเก่อลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ายังมีเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องพูดอีกรอบ จดหมายฉบับนี้ไม่เหมือนลายมือของหมากสีดำในสองสามฉบับแรก เมื่อข้าดูอย่างละเอียดจึงมั่นใจว่าไม่น่าจะมาจากคนคนเดียวกัน”

ประมุขติงถาม “เจ้าหมายความว่าหมากสีดำอาจไม่ได้ทำสิ่งนี้หรือ”

เจ้าสำนักเก่อตอบ “ข้าไม่แน่ใจ บางทีคนที่เขียนประจำอาจไม่สะดวกก็เลยเปลี่ยนคน”

ประมุขติงมองไปที่คุณชายเสี่ยว “เจ้าคิดอย่างไร”

“พูดยาก” เย่โย่วมองไปรอบๆ “แต่ถ้าหมากสีดำไม่ได้ทำจริงๆ แล้วเหล่าผู้อาวุโสจะไปตามนัดหรือไม่”

ทุกคนเงียบกริบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องไปแน่นอน

เอาละ ไปเก็บสัมภาระเถิด

พวกเขาทำไม้ทำมือเรียกเถ้าแก่ให้เตรียมอาหาร แล้วกลับห้องในช่วงเวลาว่างนี้

 

[1] แปลว่า สี่ทิศ ในที่นี้คือชื่อเมือง

[2] แปลว่า เบญจขันธ์หรือขันธ์ห้า กล่าวถึงองค์ประกอบของมนุษย์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า