[ทดลองอ่าน] นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม ตอนที่ 65

你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด

 

— โปรย —

การแข่งขันฟอร์มูลาวันประจำฤดูกาลเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย
ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับวินสตันเข้าจนได้
สิ่งที่อีกฝ่ายฝากฝังฮันท์เอาไว้คือให้พุ่งเข้าเส้นชัยแทนเขา
ท้ายที่สุดฮันท์ก็คว้าแชมป์แรกมาได้
แต่ข่าวร้ายกลับกลายเป็นว่าวินสตันไม่สามารถลงแข่งในสนามถัดไปได้

และใครจะรู้ว่าหลังจากเขาคว้าแชมป์สนามย่อยมาได้
วินสตันกลับจัดรางวัลชุดใหญ่ไฟกะพริบเป็นปาร์ตี้บันนี่บอยสุดสยิวให้เขา!
พระเจ้า ราชากระต่ายอย่างเขาต้องล้อมรอบไปด้วยบันนี่เกิร์ลสิโว้ย!

แถมเขายังได้รับของขวัญเยอะแยะมากมาย
แต่ของขวัญชิ้นที่เขาดีใจที่สุดกลับเป็นการที่เขาสามารถซื้อบ้านในวัยเด็กกลับคืนมาได้
บ้านหลังใหญ่ที่ไร้ผู้คนมานาน ในที่สุดก็มีสองชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
นี่มันรางวัลที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการได้แชมป์เสียอีก

ไม่ว่าจะอีกกี่ปีข้างหน้า ความปรารถนาสูงสุดของเขาก็คือการไล่ล่าความเร็วไปพร้อมกับวินสตัน
ปกครองอาณาจักรแห่งความเร็วนี้ไปด้วยกันชั่วนิรันดร์

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 65 เจ้าชายกับอสูร

 

ระหว่างรอยแยกของดงกุหลาบอันยุ่งเหยิง ฮันต์ดึงวินสตันเดินไปข้างหน้า เสียงของเขาผยองและขวัญกล้า “ฉันคือพระราชาของนาย ฉันสั่งให้นายล้มนายก็ต้องล้ม ฉันสั่งให้นายร้องไห้ นายก็ต้องหลั่งน้ำตาเพื่อฉัน”

ฮันต์ไม่มีโอกาสเห็นสายตาตะลึงงันของวินสตัน ลูกกระเดือกของเขาขยับ มองแผ่นหลังของฮันต์อย่างเย็นชา

“เชี่ย…นายบอกว่าไอ้เด็กนี่เซ็กซี่แบบไร้เดียงสาอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นแต่ความเซ็กซี่แบบจองหอง!” คาร์ลอสกดชัตเตอร์จนเหน็บแทบกินนิ้วมือ

รอซซี่ถอนหายใจ “เขาควรดีใจที่พวกเรายังอยู่ตรงนี้สินะ ไม่งั้น…”

“ไม่งั้นวินสตันคงกอดเขาจนตายมันตรงนี้แล้ว” คาร์ลอสหัวเราะเจ้าเล่ห์

ต่อจากนั้นก็เป็นอสูรวางแผนฆ่าเจ้าชาย

“ฉันไม่อยากโดนนายฆ่าทิ้ง…” ฮันต์บ่นอย่างไม่พอใจ

ทำไมต้องมีธีมถ่ายรูปแบบนี้ด้วยนะ

“ถ้างั้นทำเหมือนโดนฉันกินก็พอ” วินสตันพูด

“เชอะ…”

ฮันต์กำลังก้มหน้าสำรวจดูว่าดอกกุหลาบในมือคือกุหลาบเลื้อยหรือกุหลาบหนูพันธุ์ยุโรปกันแน่ จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งมาจับคางของเขา บังคับให้เงยหน้าขึ้น เขาสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าคู่นั้นของวินสตัน ความปรารถนาจะครอบครองอันร้อนแรงราวกับจะทะลุการผนึกของทะเลผืนนั้นมาสังหารฮันต์ให้ตาย

ขณะเดียวกัน ในมือของวินสตันกุมกุหลาบดอกหนึ่ง ก้านอันแหลมคมของมันทิ่มอกฮันต์

มันทิ่มลงบนกระดุมเม็ดหนึ่งพอดี แต่ความเจ็บปวดในพริบตานั้นกลับชัดเจนมาก

ฮันต์รู้สึกเหมือนตัวเองถูกแทงและถูกแผดเผา

เขาเบิกตากว้างมองวินสตัน ความหวาดกลัวที่ไม่อยากเชื่อก็ถูกช่างภาพสองคนจับภาพไว้ได้ทันที

“เยี่ยมมาก…” รอซซี่ชม

“ฉันมีลางสังหรณ์ว่า…คืนนี้เด็กนั่นต้องเจ็บจนร้องหาพระเจ้าแน่” เสียงของคาร์ลอสชั่วร้ายขึ้นทุกที

“พอได้แล้วน่า…ฉันกลับรู้สึกว่าวินสตันน่าจะทำไม่ลง”

ฮันต์ใช้ข้อศอกกระทุ้งวินสตันทีหนึ่ง “แม่ง! ตกใจหมด!”

วินสตันปล่อยสองมือออกเป็นเชิงบอกว่าฮันต์ไม่ต้องตื่นเต้น จากนั้นดอกกุหลาบในมือดอกนั้นก็ร่วงลงบนพื้นไปด้วย

“การถ่ายแบบเริ่มตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นายยังจะเล่นอยู่อีก” วินสตันพูด

“นายทำฉันตกใจจนคืนนี้ต้องฝันร้ายแน่!”

วินสตันหันหน้ามา “นายก็เลยรู้สึกว่าฉันจะฆ่านาย?”

“เปล่า…”

ฉันนึกว่า…จะหนักกว่าฆ่าฉันน่ะสิ

“เอาอีกรอบ! เมื่อกี้ดีมาก! อสูรจะฆ่าเจ้าชาย วินสตัน! ฆ่าเขาอีกรอบ!” คาร์ลอสว่าเสียงดัง

“ยังจะโดนฆ่าอีกเหรอ” สีหน้าของฮันต์ดูเหมือนจะร้องไห้แล้ว “คุณบอกผมซิว่าต้องโดนฆ่าอีกกี่รอบ!”

รอซซี่มองฮันต์ที่อยู่ในเลนส์แล้วก็อดจะหัวเราะไม่ได้

“ต้องโดนฆ่าอีกหลายรอบเลยละ!” คาร์ลอสตอบ

วินสตันมาข้าง ๆ ฮันต์แล้วพูดเสียงเบา “สีหน้าที่เป็นธรรมชาติแบบเมี่อกี้ นายทำอีกรอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”

“ไร้สาระ” ฮันต์มองวินสตันอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมฉันต้องกลายเป็นเจ้าชาย ส่วนนายเป็นอสูรล่ะ ไม่เห็นตรงกับความเข้าใจของทุกคนเลย!”

“ฉันอยากให้นายเป็นเจ้าชายที่ไร้กังวล ไม่คิดมาก และเชื่อใจฉันตลอดไป ส่วนเรื่องเจ้าแผนการ รอบคอบระมัดระวัง เมื่อเทียบกับนายแล้วฉันเหมาะกว่าไม่ใช่เหรอ” วินสตันมองตาของฮันต์พลางพูด

ไร้กังวล ไม่คิดมาก…บางทีในสายตาของหลาย ๆ คน เช่นมาร์คัส คงจะรู้สึกว่าเขาเป็นแบบนี้สินะ

แต่มีเพียงฮันต์ที่รู้ตัวดีว่า เริ่มตั้งแต่เมื่อนานแสนนานมาแล้ว เขาก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเขาไม่กังวลไม่ได้

แต่วินสตันกลับพูดว่า ‘ฉันอยากให้นายเป็นเจ้าชายที่ไร้กังวล ไม่คิดมาก และเชื่อใจฉันตลอดไป’ นี่หมายถึงอีกฝ่ายเข้าใจเขามาตลอด?

“โอเค” ฮันต์พูดด้วยรอยยิ้ม

“ถ้างั้นก็เชื่อใจฉัน” วินสตันปลดเน็คไทของตนปิดลงบนดวงตาของฮันต์เบา ๆ

เขาผูกเน็คไทแน่น วินาทีนั้นฮันต์มองอะไรไม่เห็นทั้งสิ้น

รู้เพียงว่าวินสตันวางดอกกุหลาบดอกนั้นไว้ในมือเขา แล้วจับมือของเขายกขึ้นมา

ฮันต์รู้สึกว่าอะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะแผ่นหลังของเขาสามารถสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นของวินสตัน และหลังมือก็มีความอบอุ่นจากฝ่ามือวินสตัน

รอซซี่และคาร์ลอสนิ่งอึ้ง

ภาพเบื้องหน้าคือฮันต์ที่มองอะไรไม่เห็นถือดอกกุหลาบอยู่ในมือ ส่วนวินสตันกุมมือของฮันต์แล้วหันปลายก้านของดอกกุหลาบมาทางลำคอตน

“ต่อให้นายไม่ยอมมอบตัวเองให้ฉัน ฉันก็ฆ่านายไม่ลงหรอก” วินสตันพูดเสียงเบาข้างหูฮันต์

ไหล่ของฮันต์เกร็งขึ้นมาทันที เสียงของอีกฝ่ายเย็นเยียบจนทำให้ฮันต์พลันอยากกอดเขาแน่น ๆ

การถ่ายภาพในคฤหาสน์ล้านกุหลาบจบลงตอนบ่ายสี่

ช่วงที่แสงแดดดีที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ดีไซเนอร์ของเวอร์ซาเช่บอกพวกเขาว่าสามารถเก็บเสื้อผ้าเซตสุดท้ายไว้เป็นที่ระลึกได้ ในอนาคตหากฮันต์ต้องไปร่วมงานเลี้ยงกลางคืนหรือร่วมกิจกรรมพีอาร์ เวอร์ซาเช่ก็จะออกแบบเสื้อผ้าให้เขาเป็นกรณีพิเศษ ฮันต์พลันรู้สึกว่านี่ไม่เลวเลย อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องสวมเสื้อผ้าเหมือนบริกรอีก

รอซซี่กับฮันต์กอดลากัน “ฉันจะส่งอัลบัมรูปไปให้นาย ระวังอย่าหลงรักตัวเองล่ะ”

“ฮ่า ๆ ๆ ฝีมือของคุณดีถึงขนาดที่จะทำให้ผมหลงรักตัวเองได้เลยเหรอ” ฮันต์พูดเจืออารมณ์ขัน

“ฝีมือถ่ายภาพดีแค่ไหนก็ไม่อาจถ่ายความน่าเกลียดให้สวยงามหรือถ่ายความธรรมดาให้พิเศษได้หรอก พวกเราแค่เก่งด้านการจับภาพพิเศษๆ ได้ในเสี้ยววินาทีเท่านั้น” รอซซี่ป้องหูของฮันต์พลางพูดเสียงเบา “อย่ากลัวความบ้าคลั่งของเขา เพราะนายคือสิ่งเดียวในโลกที่เขาแคร์”

หัวใจของฮันต์สั่นไหว

“ขอบคุณครับ”

ฮันต์กับวินสตันนั่งรถกลับเข้าเขตเมือง

พวกเขาจองตั๋วเครื่องบินจากนิวยอร์กไปสิงคโปร์ในบ่ายวันพรุ่งนี้ ถือว่ามาร์คัสยังมีมนุษยธรรมอยู่บ้าง รู้ว่าฮันต์เหนื่อย พรุ่งนี้เช้าเลยให้เขาหลับจนเต็มอิ่ม

“ฉันอยากกลับอพาร์ตเมนต์ไปเอาเสื้อผ้า”

“ได้ ฉันจะกลับไปกับนาย”

“ที่จริงฉันอยากรู้มาก ๆ เลยว่านายไม่ต้องกลับไปเอาของที่บ้านของนายที่อังกฤษเลยเหรอ”

“ผู้ช่วยของฉันจะช่วยฉันทำเรื่องพวกนี้เอง”

ฮันต์นึกขึ้นได้ว่าวินสตันมีผู้ช่วยส่วนตัวคนหนึ่ง

น่าอิจฉาชะมัด…

เมื่อกลับถึงอพาร์ตเมนต์ของตน ตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออกก็ปะเข้ากับหนุ่มนักเพาะกายและแฟนสาวสุดเซ็กซี่ที่อยู่ข้างห้องพอดี

พอเห็นฮันต์หล่อนก็ยิ้มให้ ยามที่กวาดตามองวินสตันก็ขยิบตาให้

ฮันต์หงุดหงิดอยู่บ้าง เมื่อหันไปมองวินสตันแวบหนึ่งก็พบว่าเขามองตรงไปข้างหน้า ในใจก็พลันผ่อนคลายลง

ตอนที่ออกจากลิฟต์วินสตันก็เอ่ยปาก “หล่อนรู้ว่าฉันคบกับนาย”

“หา? แล้วหล่อนก็ยังยักคิ้วหลิ่วตาให้นายอีกอะนะ”

“หล่อนแค่กำลังล้อเลียนฉันกับนายเท่านั้นเอง”

ฮันต์มาถึงหน้าประตู เขากำลังจะหยิบกุญแจออกมาก็พบว่าที่ประตูห้องมีกุหลาบดอกหนึ่งแปะเอาไว้อีกแล้ว

“เอ๊ะ?” ฮันต์สงสัยและกำลังจะดึงมันลงมา ทว่าวินสตันกลับคว้ามือเขาไว้

“ระวังหน่อย”

“ไม่…ไม่ใช่ของนายหรอกเหรอ” ฮันต์ถาม

“ถ้าเป็นของฉัน ฉันจะส่งให้ถึงมือนายโดยตรง”

บนดอกกุหลาบยังมีการ์ดใบหนึ่ง ฮันต์กำลังจะดู แต่กลับถูกวินสตันหยิบไป

“อะไรน่ะ บนนั้นเขียนว่าอะไร”

“นายก็มีแฟนคลับคลั่งเหมือนกัน” นิ้วของวินสตันกำแน่น การ์ดใบนั้นถูกขยำจนยับยู่ยี่

เมื่อรู้สึกได้ถึงไอเย็นเฉียบที่แผ่ทั่วร่างเขา ฮันต์ก็ไม่กล้าเซ้าซี้ถามว่าบนการ์ดเขียนอะไรอีก

เขาก้มหน้าแล้วหยิบกุญแจออกมา เมื่อเปิดประตูออกก็มีอะไรบางอย่างหล่นลงมา ฮันต์พบว่ามันเหมือนกับซองจดหมาย

หรือจะเป็นจดหมายรัก

ฮันต์กลืนน้ำลาย เขาไม่กล้าก้มเก็บ ได้แต่เหลือบมองวินสตันแวบหนึ่ง

หัวคิ้วของอีกฝ่ายขมวดอย่างหาได้ยาก ก่อนจะก้มลงไปเก็บจดหมายนั้นขึ้นมา

พอเปิดออกดู ข้างในกลับมีแต่รูปภาพ!

นิ้วของวินสตันจิกภาพเหล่านั้นไว้จนข้อนิ้วขาวซีด

ฮันต์มองเห็นไอสังหารจากสายตาของเขา

“นั่นมันรูปอะไรน่ะ”

“มีคนสะกดรอยตามนาย”

“อะไรนะ” ฮันต์อึ้งไป แล้วยื่นมือไปหยิบรูปมาดู

รูปภาพพวกนี้บางส่วนคือตอนที่เขากำลังคุยกับทีมงาน บางส่วนถึงขั้นเป็นตอนที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพักโดยไม่ได้ดึงผ้าม่านมาปิด ไหนจะตอนที่เขาเดินออกจากโรงแรม ยังมีตอนที่เขาเดินไปพลางเล่นโทรศัพท์ไปพลาง…ภาพเกือบจะทั้งหมดถูกถ่ายตอนที่เขาอยู่คนเดียว

“ฉัน…ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่อง…”

วินสตันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแจ้งตำรวจ รวมถึงแจ้งมาร์คัสด้วย บอกเขาว่าห้ามให้ฮันต์อยู่คนเดียวเด็ดขาด

“มิน่าล่ะ ตอนฉันออกจากทราวิสเคาน์ตี บนประตูห้องก็มีกุหลาบอยู่ดอกหนึ่ง”

“หมอนี่รู้ที่อยู่โรงแรมของนาย รู้จักอพาร์ตเมนต์ที่นิวยอร์กของนาย รู้ตารางการเดินทางของนาย ฉันแจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจจะเช็กกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้ ๆ ก่อนจะหาเจอว่าคนคนนี้คือใคร นายจะต้องอยู่ข้าง ๆ ฉัน” วินสตันกดฝ่ามือลงบนหน้าผากฮันต์

“ฉันรู้แล้ว”

นายไม่พูดฉันก็ไม่กล้าอยู่คนเดียวหรอก!

วินสตันโทร.แจ้งร้านซักรีดให้มาส่งเสื้อผ้าที่ฮันต์ส่งไปสักครั้งก่อน แล้วก็เก็บเสื้อผ้าบางส่วนให้อีกฝ่ายเอากลับไปอีก

จากนั้นเขาก็เก็บเสื้อผ้าที่ฮันต์มักใส่บ่อย ๆ ด้วยความเร็วที่เร็วเป็นพิเศษ

“ไปกันเถอะ หลังฤดูกาลนี้จบ นายอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”

“แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ” ฮันต์เกาศีรษะ

“ถ้านายไม่อยู่กับฉัน แล้วนายจะไปอยู่ที่ไหน” คิ้วของวินสตันเลิกขึ้น ฮันต์จนคำพูด

เห็นได้ชัดว่าวินสตันมองเรื่องที่ฮันต์ถูกแอบถ่ายรูปเป็นเรื่องซีเรียสมาก ถึงขั้นติดต่อสำนักงานทนายความสักแห่งของนิวยอร์กให้ตรวจสอบร่วมกับตำรวจ

“อาจจะเป็นแค่แฟนคลับคลั่งสักคนก็ได้มั้ง”

“คนคลั่งกับคนบ้าคือคนละเรื่องกัน ฉันก็รักนายจนคลั่งเหมือนกัน แต่ฉันจะไม่ถือกล้องส่องทางไกลและถ่ายรูปนายจากโรงแรมฝั่งตรงข้ามหรอกนะ” วินสตันพูดเสียงเย็น

ฮันต์ถูจมูก ใจคิดถึงตอนเที่ยวดูไบ นายก็แอบถ่ายรูปฉันเยอะแยะไม่ใช่หรือไง

แต่พอคิดถึงเรื่องที่โอเว่นโดน ฮันต์ก็อดจะกังวลนิด ๆ ไม่ได้

พวกเขาจองโรงแรมใกล้ ๆ สนามบิน นี่หมายถึงว่าฮันต์จะสามารถหลับได้อย่างสบาย

เขาอาบน้ำเสร็จก็นั่งลงตรงหัวเตียงส่งข้อความหาโอเว่น

ฮันต์ ‘ฉันก็มีแฟนคลับคลั่งแปะดอกกุหลาบไว้ที่ประตูห้องเหมือนกัน แถมยังแอบถ่ายรูปแล้วสอดไว้ในซอกประตูด้วย’

ฮันต์ไม่ได้อยากอวดโอเว่น เขาแค่อยากเป็นเหมือนโอเว่นที่ต่อให้เจอคนบ้าก็ยังใจเย็นได้

โอเว่น ‘ฮ่าๆๆๆ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้ไอ้บ้านั่นไม่ได้มาพัวพันฉันแล้ว เขาอาจไปหานายก็ได้!’

ฮันต์ ‘แอนตี้แฟนของนายคนนั้นเป็นผู้ชาย?’

โอเว่น ‘เรื่องที่เขาทำเหมือนคิดมาแล้ว ไม่เหมือนผู้หญิงคลั่งเลยด้วยซ้ำ ไอ้เรื่องแอบถ่ายนี่ ผู้ชายหรือผู้หญิงที่คลั่งก็สามารถทำได้ทั้งนั้น แต่การล้างรูปออกมาแถมยังส่งให้นายดู แสดงให้เห็นถึงความอยากมีตัวตน กว่าครึ่งต้องเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงจะเอนไปทางเก็บซ่อนรูปของนายไว้มากกว่า และพวกหล่อนจะพยายามหาทางไปพบกับนายโดยบังเอิญแล้วขึ้นเตียงกับนาย’

เวลานี้วินสตันที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็มาถึงข้างเตียง

“นายแชตกับโอเว่นอีกแล้วเหรอ”

ฮันต์จับความไม่พอใจของวินสตันในน้ำเสียงของเขาได้

“เอ่อ…เอ่อ…โอเว่นบอกว่า คนที่แอบถ่ายฉัน เกินครึ่งเป็นผู้ชาย”

“ทำไมล่ะ ความหวังที่นายจะได้ขึ้นเตียงกับแฟนคลับสาวคลั่งพังทลายแล้วงั้นสิ” วินสตันย้อนถาม

“…” ฮันต์อยากพูดมากว่า นับแต่โดนนายทำให้ตกใจ เขาก็ไม่คิดจะขึ้นเตียงอะไรนั่นอีกแล้ว!

“คนคนนั้นเป็นไปได้มากว่าจะเป็นผู้ชายจริง ๆ ฉันพูดไว้แต่แรกแล้วว่า นายมีความสามารถในการดึงดูดแฟนคลับเพี้ยน ๆ” วินสตันก้มหน้าลงพิมพ์ข้อความ “กุหลาบดอกนั้นยังสดอยู่ แสดงว่าอีกฝ่ายมาถึงก่อนที่พวกเราจะกลับมาไม่นาน ตำรวจเช็กกล้องวงจรปิดใต้อพาร์ตเมนต์ของช่วงสองวันมานี้ มีหนุ่มสวมเสื้อกันหนาวมีฮู้ดใส่ผ้าปิดปากเข้าออกอพาร์ตเมนต์ของนาย”

“เสื้อกันหนาว? ฮู้ด?” ฮันต์มุ่นหัวคิ้ว “ทำไมฟังเหมือนไอ้คนที่เข้าไปสาดแมลงสาบในห้องโอเว่นคนนั้นเลยล่ะ”

“นายก็ระวังตัวหน่อย” วินสตันยกมือขึ้นลูบศีรษะของฮันต์ “นอนเถอะ พรุ่งนี้พวกเรายังต้องบินไปสิงคโปร์”

ฮันต์มองหน้าต่างโรงแรมแวบหนึ่ง วินสตันพูด “ฉันดึงผ้าม่านปิดและล็อกแล้ว”

“โอเค” ฮันต์ถึงค่อยห่มผ้า คิดแล้วก็ยังรู้สึกหวั่น ๆ ในใจ เขายื่นแขนไปโอบวินสตันไว้

ปลายจมูกของอีกฝ่ายคลอเคลียแก้มของเขา จากนั้นก็จูบลงบนริมฝีปากของเขา

เป็นครั้งแรกที่ฮันต์รู้สึกว่าแรงตอนที่อีกฝ่ายจูบดูดดื่ม ไม่ใช่การคุกคาม มันทำให้ตนเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย

หลับคราวนี้ฮันต์หลับจนเกือบเที่ยง

วินสตันตื่นเช้ากว่าฮันต์ แต่กลับไม่ปลุกเขาตื่น นั่งพิงหัวเตียงสแกนข่าวจากโทรศัพท์

ฮันต์พาดขาข้างหนึ่งอยู่บนขาของวินสตัน ตัวขดอยู่ข้างเอววินสตัน หน้าผากซบกับอีกฝ่ายเหมือนเด็กน้อย  กระทั่งตอนเลียริมฝีปากก็เผลอเลียเขาด้วย

วินสตันขยับโทรศัพท์ออกไปแล้วมองฮันต์ วาดแขนโอบเขาเข้ามา ไล้ปลายนิ้วไปตามใบหูของฮันต์เบา ๆ นิ้วหัวแม่มือปัดแก้มของเขาอย่างอ่อนโยน

“อืม…อืม…” ฮันต์ส่งเสียงครางเบา ๆ

วินสตันมองเขาเนิ่นนาน กระทั่งสิบเอ็ดโมงกว่า ท้องของฮันต์ส่งเสียงร้องโครกคราก เขาถึงลุกขึ้นนั่ง

เขาคลำหาโทรศัพท์แล้วมองเวลา “ฉันนอนเก่งจริง ๆ เลย!”

“ใช่” วินสตันเลิกผ้าห่มขึ้น เดินไปที่ห้องน้ำ “คำนวณเวลาดูแล้ว พวกเราคงต้องไปกินอาหารที่สนามบิน จากนั้นก็นั่งเครื่องบินไปสิงคโปร์”

“อืม! จู่ ๆ ก็รู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยม! สนามที่สิงคโปร์ ฉันต้องแซงเชียร์อีกครั้งให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่าที่สนามเซอร์กิตออฟดิอเมริกาส์ไม่ได้ชนะเพราะโชคช่วย!”

เมื่อพวกเขามานั่งอยู่ในห้องรับรองผู้โดยสารเพื่อรอขึ้นเครื่องบินที่สนามบินในนิวยอร์กอย่างราบรื่น พีอาร์ก็ดีใจจนน้ำตาไหลอีกครั้ง

ไม่เคยมีสักครั้งที่ทุกสิ่งของฮันต์จะเป็นไปตามตารางเวลาและราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อแบบนี้

สนามแข่งกรังด์ปรีซ์ที่สิงคโปร์คือสนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิต[1] แข่งขันทั้งหมดหกสิบเอ็ดรอบ สนามแข่งสนามนี้มีโค้งความเร็วต่ำมากมายและทางตรงยาวสองสาย รอบแข่งจริงจะจัดขึ้นในเวลากลางคืน

ใกล้สนามแข่งมีสถานีรถไฟใต้ดินห้าแห่ง โรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ ออกแบบมาอย่างหรูหรา

ฮันต์หวังว่ามาร์คัสจะสามารถจองโรงแรมเดียวกับทีมเฟอร์รารี่ได้

“นายไม่ต้องกังวล ฉันพูดกับมาร์คัสแล้ว โรงแรมของทีมพวกเราอยู่ที่เดียวกัน อีกอย่าง ฉันก็พูดแล้วว่าให้เขาจองโรงแรมด้วยชื่อของนาย แต่นายต้องพักกับฉัน ถ้ามีเรื่องอะไร เขาจะโทร.มาแจ้งที่ห้องฉัน”

“ฉันรู้สึกว่าไอ้บ้านั่นคงบ้าแค่ที่อเมริกา ไม่น่าจะตามไปถึงสิงคโปร์หรอกมั้ง”

“นายอย่าประเมินคนบ้าต่ำไป” วินสตันเอ่ย

“ก็ได้…”

เสียงเครื่องยนต์ที่คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเครื่องบินระหว่างไฟลต์ระยะยาวทำให้ไม่นานฮันต์ก็รู้สึกง่วง

เขาเอียงศีรษะพิงไหล่วินสตันแล้วผล็อยหลับไป

สิงคโปร์คือสนามซิตี้เซอร์กิต[2]ที่มีพื้นที่สีเขียวมากและมีแบบแผนมาก

ฮันต์และวินสตันนั่งรถคันเดียวกันมาถึงโรงแรม และในห้องโถงใหญ่ของโรงแรม ฮันต์ก็เห็นโอเว่นกำลังพูดอะไรไม่รู้อยู่ที่เคาน์เตอร์พอดี สาวน้อยที่เคาน์เตอร์หน้าแดงไปหมดแล้ว

“เฮ้! โอเว่น! นายยังมีชีวิตอยู่นี่!”

“โอ้! ฮันต์น้อย!” โอเว่นเห็นฮันต์ก็อ้าแขนเดินมาหา ขณะที่เกือบจะกอดกันอยู่แล้ว วินสตันก็เกี่ยวหลังคอเสื้อฮันต์ดึงเขาไปด้านหลังเสียก่อน

โอเว่นหันไปมองวินสตัน “นายมันใจดำจริง ๆ!”

“นายนึกว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายวางแผนอะไรไว้” วินสตันหันหน้าไปมองโอเว่น “นายอยากใช้ฮันต์มาทำให้ฉันเสียสมาธิ ไม่ได้ตั้งใจสอนเขาจริง ๆ ด้วยซ้ำ”

ฮันต์บรรลุทันที ที่แท้นี่ก็คือเป้าหมายของโอเว่น!

“แล้วตอนที่นายคิดถึงฮันต์ในสนาม รู้สึกแข็งจนปวดเลยไหม” โอเว่นถามพลางยิ้มชั่วร้าย

“ต้องแข็งจนปวดอยู่แล้ว ก็เลยต้องรีบพุ่งเข้าเส้นชัยให้เร็วขึ้น”

ฮันต์ไม่อยากฟังพวกเขาคุยกันต่อแล้ว

“ฮันต์ นายจะไปไหน”

วินสตันคว้าหนุ่มน้อยที่ก้มหน้าเดินผ่านข้างตัวเองเอาไว้

“ฉันจะไปเจอทีม!” ฮันต์ลองสะบัดมือของวินสตันออก

คำพูดบ้าบออย่าง ‘ต้องแข็งจนปวดอยู่แล้ว ก็เลยต้องรีบพุ่งเข้าเส้นชัยให้เร็วขึ้น’ ฮันต์ไม่อยากฟังอีกเป็นรอบที่สองแล้วจริง ๆ

“ฉันจะไปเป็นเพื่อนนาย” วินสตันพูด

“นายไม่ต้องไปเจอทีมของนายหรือไง”

“รอฉันเห็นนายอยู่กับพวกมาร์คัสก่อนแล้วฉันค่อยไป”

ฮันต์คิดในใจ ‘ก็ได้’

ที่จริงไอ้คนแอบถ่ายนั่นก็เป็นแค่ไอ้ขี้ขลาด ถ้าเขาใจกล้าจริง ๆ ก็คงพุ่งมาข้างหน้าตนนานแล้ว ไม่ใช่แอบถ่ายอยู่แบบนี้!

เมื่อฮันต์เคาะเปิดประตูห้องมาร์คัส วินสตันมองฮันต์กอดกับมาร์คัสแล้วจึงค่อยผงกศีรษะให้มาร์คัสและจากไป

ในห้องของมาร์คัส เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคและเสิ่นชวนก็อยู่ด้วย ทุกคนร่วมกันถกเรื่องจุดเด่นของสนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิต เสิ่นชวนก็บอกฮันต์ถึงการอัพเกรดจุดสำคัญของทีมวิศวกร ให้ฮันต์พยายามให้เต็มที่

การประชุมดำเนินไปทั้งวัน

ฮันต์และเสิ่นชวนรวมถึงเสี่ยวซีกินอาหารเย็นด้วยกัน เขาพูดคุยกับเสิ่นชวนอย่างสนุกสนาน แต่พบว่าเสี่ยวซีกลับเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์

“เธอเป็นอะไร” ฮันต์พยักพเยิดคางถาม

“ซีซั่นหน้าพวกเราจะพัฒนารถแข่งคันใหม่ ต้องใช้สถิติจำนวนมาก วิเคราะห์สถิติก็ต้องสร้างโมเดล เสี่ยวซีเจอเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งที่ชำนาญด้านคณิตศาสตร์มากในงานฟอรั่ม” เสิ่นชวนพลันนึกอะไรออก “มาร์คัสบอกว่านายมีแฟนคลับคลั่ง? ได้ยินว่าขนาดวินสตันที่ใจเย็นมาตลอดยังร้อนใจมาก”

“ใช่สิ ฮ่า ๆ ๆ! ผมเลยอยากไปดูประตูห้องที่มาร์คัสจองให้ผมหน่อย แต่ถ้าเกิดมีดอกกุหลาบแปะอยู่ข้างหน้าอีกล่ะ”

“นายนี่นะ…ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายเอง”

“ไม่ต้องหรอกมั้ง”

“ฉันจะไป”

เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ ฮันต์และเสิ่นชวนมาถึงหน้าประตูห้อง ลูกบิดประตูดูสะอาดเอี่ยมอ่อง พอฮันต์เปิดประตูห้องออกก็รู้สึกหดหู่แล้ว “ทำไมห้องถึงเล็กขนาดนี้!”

“เพราะนายไม่ได้อยู่ไง” เสิ่นชวนพูดอย่างนิ่งเฉย

“ผมไม่อยู่ก็ให้ห้องผมเล็กขนาดนี้เลยเหรอ ประหยัดไปหน่อยละมั้ง!”

ฮันต์เปิดผ้าม่าน ชะโงกศีรษะออกไป หลับตาสัมผัสถึงบรรยากาศของเมืองแห่งนี้ “วิวไม่เลว”

“เอาละ เพื่อความปลอดภัย  นายก็พักอยู่กับคนอื่นเถอะ” เสิ่นชวนตบบ่าฮันต์ “ไปเถอะ ฉันจะไปส่งนายหาวินสตัน”

“นี่ ผมกับคุณก็อยู่ทีมเดียวกัน ทำไมคุณถึงไม่คิดจะนอนกับผม” ฮันต์พูดอย่างไม่เต็มใจ

เขามีความรู้สึกว่าถูกทีมทิ้ง

“เพราะฉันปลุกนายที่แกล้งหลับไม่ได้น่ะสิ” เสิ่นชวนยิ้ม

การฝึกซ้อมปรับตัวที่สิงคโปร์สองสามวันนั้นปกติมาก กิจกรรมประชาสัมพันธ์กับสื่อก็เยอะกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ทันรู้ตัวรอบซ้อมอิสระก็กำลังจะมาถึงแล้ว คนในทีมคาดหวังกับผลงานสนามนี้ของเขาอย่างเต็มเปี่ยม

วันที่สามที่มาถึงสิงคโปร์ ฮันต์เท้าคางมองวินสตันที่นั่งอ่านข่าวการเงินอยู่ตรงหัวเตียง

“เป็นอะไร” วินสตันหันหน้ามามองเขา

“ฉันเบื่อชะมัด ถ้าอยู่กับนายทุกคืนแล้วเป็นแบบนี้ ฉันรู้สึกไม่สนุกเลย”

ตอนนี้เพิ่งจะสามทุ่มเอง พวกเขากลับนั่งแยกมุมยุ่งเรื่องส่วนตัวของตัวเองอยู่บนเตียง นี่อย่างกับกิจกรรมของคนแก่!

“นายอยากสนุกจริงเหรอ” ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นของวินสตันมองมาจนฮันต์คันยิบ ๆ ในใจ

“ใช่สิ!” ฮันต์คิดในใจว่าหรือวินสตันจะมีไอเดียใหม่อะไร อย่าดูถูกหมอนี่เชียวนะ ที่จริงเขาหาเรื่องเล่นเก่งมาก!

วินสตันวางหนังสือพิมพ์ไว้บนหัวเตียง หันตัวกลับมาแล้วก็กุมข้อมือฮันต์ไว้ ก่อนกดเขาลงบนหมอนอย่างแรง

เสื้อยืดที่ใส่นอนตัวนั้นเดิมทีก็หลวมโพรก วินสตันเลยดึงมันขึ้นไปไว้ที่คอของฮันต์ได้ในรวดเดียว

“เฮ้ย! นายทำอะไร!”

 

[1] Marina Bay Street Circuit หรือสนามสิงคโปร์สตรีทเซอร์กิต (Singapore Street Circuit) สนามแข่งรถที่ทอดตัวอยู่รอบมารีน่าเบย์ ประเทศสิงคโปร์ ความต่างระดับของสนามต่ำ แต่มีความท้าทายอยู่ที่การควบคุมการเบรกก่อนเข้าโค้งและการหาโอกาสแซงระหว่างการแข่งขัน

[2] หรือสตรีทเซอร์กิต คือสนามที่สร้างขึ้นชั่วคราวจากการปิดถนนของเมืองนั้น ๆ เพื่อการแข่งขัน อาคารของแต่ละทีมรวมถึงพิตสต็อปก็จะถูกสร้างขึ้นชั่วคราวและรื้อถอนออกทันทีหลังจบการแข่งขัน

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า