ปัสสาวะบ่อยจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ อั้นแทบไม่ได้ มีอาการปวดท้องน้อย แสบที่ท่อปัสสาวะ ต้องระวัง โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นะ นี่คือกฎเหล็กวิธีป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่ทุกคนต้องรู้ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะจ๊ะ กฎเหล็กป้องกัน โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ กินผัก + ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ให้ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อผลิตปริมาณปัสสาวะที่เหมาะสม นอกจากนี้ ควรกินผักผลไม้มากๆ เพื่อป้องกันอาการท้องผูก ระบบขับถ่ายโดยรวมจะได้เป็นปกติ กฎเหล็กป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ข้อควรระวังเวลาขับถ่าย เมื่อปวดปัสสาวะอย่ากลั้นปัสสาวะเป็นอันขาด นอกจากนี้หากเป็นไปได้ให้อุจจาระและปัสสาวะให้เป็นเวลาจนเป็นกิจวัตร อีกทั่งเวลาอุจจาระและปัสสาวะ ระวังอย่าให้กระเด็นมาข้างหน้า และอย่าใช้ยาสวนล้างช่องคลอดบ่อยเกินไป หลักการทำความสะอาดที่ถูก เพื่อป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การทำความสะอาดที่ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ อย่าใช้น้ำหอมหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ฉีดพ่นบริเวณท่อปัสสาวะหรือช่องคลอด หลังอุจจาระควรล้างน้ำให้สะอาด หรือใช้กระดาษชำระเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง ดูแลอวัยวะเพศให้สะอาด ทำความสะอาดอวัยวะเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์ และควรปัสสาวะก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้กระเพราะปัสสาวะว่าง และปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ทันทีอีกครั้ง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสวมชุดชั้นใน หรือกางเกงที่รัดท้องน้อยและขามากเกินไปด้วยนะ […]
Author Archives: AMARINBOOKS TEAM
พูดชักชวนลูกค้าเท่าไรก็ไม่ได้ผล ลูกค้าเดินหนีบ้าง บอกปฏิเสธบ้าง ปิดการขายไม่สำเร็จสักที ทั้งที่จริงแล้วการขายไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายพูดเพียงอย่างเดียว สามารถใช้การฟังเพื่อขายของได้ด้วย ลองมาดู เทคนิคขายของ ด้วยการฟังที่ทำให้คุณสามารถปิดยอดขายได้ในครั้งแรก! 4 เทคนิคขายของ ด้วยการฟัง (แบบพูดไม่เยอะ) เพื่อยอดขายที่ทะลุเป้า! จับสิ่งที่ลูกค้าสนใจให้ได้ นักขายหลายคนอยากรู้วิธีนำเสนอสินค้าให้จับใจ หรือเทคนิคปิดการขายที่ปิดจ็อบได้ในครั้งแรก แต่สิ่งที่สำคัญในการเจรจาธุรกิจที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาดก็คือการฟัง ถ้าสามารถจับสิ่งที่ลูกค้าสนใจและลงรายละเอียดให้ลึกขึ้น โดยอาศัยวิธีถาม เพื่อให้ลูกค้าพูดข้อมูลที่เราต้องการใช้ออกมา เวลานำเสนองานครั้งต่อไปก็ให้พูดเฉพาะส่วนที่ลูกค้าต้องการอย่างชัดเจน ต่อให้บริษัทคู่แข่งจะแกร่งขนาดไหนก็ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างแน่นอน การขายสินค้าของตัวเองโดยไม่ถามความต้องการของลูกค้าก่อนก็เหมือนทำผัดกะเพราไปเสิร์ฟลูกค้าทันทีโดยไม่ถามว่าเขาอยากกินอะไร ถ้ารู้จักถามก่อน ลูกค้าจะรู้สึกพึงพอใจในบริการ เพราะรู้สึกว่าเราเป็นนักขายที่ใส่ใจ ไม่ใช่อยากจะขายเพียงอย่างเดียว วิธีก็คือ คอยสังเกตว่าลูกค้าสนใจเรื่องไหนขณะกำลังแนะนำบริษัท และต้องรู้จักทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย จดโน้ตขณะฟัง ในตอนแรกให้ถามคำถามง่ายๆ ก่อน เพื่อให้ลูกค้าตอบว่า “ใช่” เพื่อเปิดประตูหัวใจของลูกค้าทีละนิด ต่อจากนั้นก็เริ่มถามคำถามจริงๆ ที่ต้องการรู้กับลูกค้าได้เลย โดยขณะที่ลูกค้ากำลังพูดอยู่นั้นให้บอกไปว่า “ขอโทษนะครับ นี่เป็นข้อมูลที่สำคัญ ขออนุญาตจดโน้ตได้ไหมครับ” นี่เป็นเรื่องของจิตวิทยา การที่อีกฝ่ายตั้งใจจดโน้ตเพราะคิดว่าเรื่องที่ลูกค้าพูดนั้นสำคัญ จะทำให้ลูกค้ามองคุณอย่างเอ็นดู และดูเอาการเอางานมากขึ้นด้วย ฟังแบบนับถอยหลัง ต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ลูกค้าประทับใจในครั้งแรกผ่านขั้นตอนการแนะนำบริษัท จากนั้นบทสนทนาระหว่างคุณกับลูกค้าจะมากขึ้นเรื่อยๆ พอมาถึงจุดนี้ ลูกค้าคงเริ่มเปิดใจพอสมควรจนสามารถถามซอกแซกได้ ให้เริ่มเดินหน้าเข้าสู่คำถามที่เป็นประเด็นของปัญหาทีละนิด การสอบถามความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่นที่ช่วยเพิ่มพลังโน้มน้าวลูกค้าในการเสนอขายครั้งต่อไป […]
การ เลี้ยงลูกยุคใหม่ ต่างกับการเลี้ยงลูกยุคเก่าอย่างสิ้นเชิง คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะเคยชินกับการเลี้ยงลูกแบบเก่า ซึ่งในปัจจุบันนี้อาจจะไม่เหมาะกับลูกของคุณ มาดูกันว่าเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าใจเพื่อ เลี้ยงลูกยุคใหม่ ให้ได้ดีมีอะไรบ้าง เลี้ยงลูกยุคใหม่ ต้องเข้าใจว่า สังคมตอนนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เลี้ยงลูกยุคใหม่ ต่างกับยุคก่อนตรงที่สังคมยุคก่อนช่วยพ่อแม่เลี้ยงลูกได้เยอะ เพราะมีโรงเรียนที่นักเรียนไม่มาก มีคุณครูที่เอาใจใส่นักเรียนได้ทั่วถึง มีคนลุกให้เด็กนักเรียนบนรถเมล์ มีผ้าเหลืองให้เห็นทุกเช้า มีกลุ่มเพื่อนเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย และไม่มีอบายมุขให้ลูกๆ แวะกลางทางมากมายนัก แต่สังคมยุคใหม่นี้ คุณครูแต่ละท่านดูเด็กห้องละห้าสิบหกสิบคน เด็กๆ มีโทรศัพท์มือถือนัดชวนกันออกนอกลู่นอกทางได้ง่าย มีอบายมุขสารพัดระหว่างบ้านกับโรงเรียน มีนักเรียนตีกัน เรียกว่าวันไหนลูกกลับบ้านได้โดยปลอดภัยก็นับว่าเป็นบุญ ในสภาพสังคมอันตรายแบบนี้ พ่อแม่ต้องลุกขึ้นยืนหยัดกับเรื่องพื้นฐานที่ทุกครอบครัวต้องมี เป็นการเลี้ยงลูกยุคใหม่ “เลี้ยงลูกแบบเชิงรุก” คือ 1. สมาชิกครอบครัวมีเวลาให้กัน 2. เด็กๆต้องมีวินัยพื้นฐานเกี่ยวกับการดูแลตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่น 3. เด็กๆต้องรู้จักประหยัดและมีความเพียร 4. เด็กๆต้องมีความสามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเอง เข้าใจว่า…การเลี้ยงลูกเหมือนการสร้างพีระมิด การเลี้ยงลูกยุคใหม่ หากสร้างฐานที่หนึ่งแข็งแรง การสร้างฐานที่สอง สาม สี่ ห้า ก็ง่ายขึ้น ฐานที่หนึ่งคือ 12 […]
เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าเป็นเรื่องหนักสำหรับการเลี้ยงลูกวัยรุ่น ทั้งเรื่องติดยา ติดเกม เรียนไม่เก่ง ฯลฯ นั้น ผ่านพ้นได้ไม่ยากถ้า เลี้ยงลูกวัยรุ่น ด้วยความเข้าใจ เลี้ยงลูกวัยรุ่น เมื่อลูกวัยรุ่น…ติดยาเสพติด คุณหมอพูดถึงเรื่องลูกวัยรุ่นติดยาเสพติดด้วยประโยคที่ละมุนว่า “มีแต่การให้เกียรติและความรักเท่านั้นที่จะช่วยลูกรักหยุดยาบ้าได้” ลองหลับตานึกภาพลูกตอนอายุหนึ่งถึงสามขวบ ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายจากลูกเท่าตอนนี้ เราขอแค่มีเวลากอดเขาเต็มๆเท่านั้น การเลี้ยงลูกวัยรุ่น ที่มีปัญหานี้ ให้ทำกับลูกรักแบบนี้อีกครั้ง ขอแค่กลับบ้านมากินข้าวที่ทำไว้ให้ และนอนบนที่นอนที่ปูไว้ให้ รอทุกวันจนกว่าลูกจะเลิกยาและกลับบ้าน ไม่จำเป็นต้องพาลูกไปหาหมอที่ไหน คุณพ่อคุณแม่เป็นพระเอกนางเอกของเรื่องนี้อยู่แล้ว คุณทำได้แน่ ถ้าเชื่อว่าตัวเองทำได้ เมื่อลูกวัยรุ่น…ติดเกม พ่อแม่ที่่เลี้ยงลูกวัยรุ่น ต้องสอนเขาเรื่องการแบ่งเวลาให้ถูกต้อง การใช้เวลาอาจจะดูมีความสุขในเริ่มแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขามักจะตำหนิตนเองที่ไม่สามารถควบคุมเวลาได้ รู้สึกผิดที่ตนเองหมกมุ่นกับอะไรบางอย่างจนไม่สามารถถอนตัวได้ และเกลียดตนเองในที่สุด สำหรับเรื่องนี้ การป้องกันจะง่ายกว่าการแก้ไข เช่น เมื่อลูกเริ่มเล่นเกมเกินเวลาที่สมควร วันแรกก็แล้ว วันที่สองก็แล้ว พ่อแม่ควรตักเตือนให้เข้าใจตรงกันว่าอันนี้ทำไม่ได้ และพ่อแม่ก็ควรอยู่บ้านชื่นชมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ด้วย แต่หากลูกวัยรุ่นติดเกมไปแล้วต้องแก้ไข คุณพ่อคุณแม่ต้องค่อยๆ ให้ลูกวัยรุ่นลดจำนวนการเล่นลง พอให้เขาได้ปรับตัว หรือลดจำนวนเงินที่ให้ไปเล่น ตกลงกติกาเอาไว้ก่อนล่วงหน้าและปฏิบัติตามอย่างมั่นคง ที่สำคัญเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องอยู่บ้านช่วยกันหากิจกรรมทดแทนเกมให้เขาด้วย เมื่อลูก…เรียนไม่เก่ง […]
มาดูเคล็ดลับการ นอนให้ผอม กัน เพราะการนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะช่วยให้กระบวนการฟื้นฟูร่างกายเป็นไปอย่างสมบูรณ์ และเป็นกุญแจสำคัญของการลดน้ำหนักด้วย หากนอนอย่างมีคุณภาพ จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ราว 300 กิโลแคลอรี่ และหากเป็นเช่นนี้ทุกวัน เพียง 1 เดือน ก็จะลดน้ำหนักลงไปได้ 1 กิโลกรัม! นอนให้ผอม ต้องหลับก่อนถึงตีสาม ถ้าคิดจะ นอนให้ผอม ต้องนอนระหว่างช่วงเวลา 4 ทุ่ม – ตีสาม เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเวลาทองของโกร๊ธฮอร์โมนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย โกร๊ธฮอร์โมนจะหลั่งออกมาได้ง่ายที่สุดช่วงนี้ การนอนหลับในช่วงนี้จะส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักมากที่สุด ยิ่งหลับเร็วยิ่งมีเวลาให้โกร๊ธฮอร์โมนซ่อมร่างได้มาก หลับให้สนิทตั้งแต่ 3 ชั่วโมงแรก การนอนหลับมีช่วงใหญ่ๆ แบ่งอย่างง่ายๆ คือ ช่วงนอนหลับธรรมดา และช่วงนอนหลับฝัน ช่วงนอนหลับธรรมดาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญเพราะจะมีช่วงที่ร่างกายหลับลึกมากที่สุดได้สองช่วง และโกร๊ธฮอร์โมนจะหลั่งออกมาในช่วงที่เริ่มหลับ 3 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นจะแทบไม่หลั่งอีกเลย เพราะฉะนั้น 3 ชั่วโมงแรกของการนอน จึงสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือควรอยู่ในช่วงไม่เกินตีสามด้วยนะ ถึงจะส่งผลทำให้น้ำหนักลดลงมาได้ หลับต่อเนื่องให้ได้ […]
บางคนคิดว่าการชมหรือให้กำลังใจเด็กมากเกินไปจะทำให้เด็กเหลิงหรือหลงตัวเอง ชมลูกอย่างไรไม่ให้เหลิง คือเทคนิคชมลูกที่ดีและมีประโยชน์ที่พ่อแม่ต้องรู้ ชมลูกอย่างไรไม่ให้เหลิง เอาความคิดที่อยากบอกลูกไว้ในคำชม ชมลูกอย่างไรไม่ให้เหลิง เทคนิคข้อแรกคือ สมมติว่าเวลาลูกวาดรูปได้ดี การพูดกับเขาแค่ว่า “ลูกวาดสวยจริง ๆ” หรือบอกว่า “โหเยี่ยมไปเลย” หรือ “ตัวแค่นี้ก็วาดเก่งขนาดนี้แล้ว” จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก แบบนี้จะเสียโอกาสที่จะให้กำลังใจไปทันที คำชมที่ว่า สวย เยี่ยม เก่ง…เป็นเพียงเบ็ด หลังจากนั้นคุณอยากจะตกอะไรนั่นต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น การชมจึงต้องพูดให้เป็นรูปธรรมและมีความหมายแฝงอยู่ หลังจากชมแล้วต้องพูดคำที่อยากบอกเด็ก เช่น บอกลูกว่า “โห ลูกวาดได้ดีมาก มีโครงเรื่องชัดเจนเป็นเพราะว่าเวลาปกติลูกสนใจดูศิลปะ ชื่นชมความงามของโลกนี่เอง” การพูดว่า “ลูกสนใจดูศิลปะ ชื่นชมความงามของโลก” หรือ “ลูกชอบดูงานแสดงภาพวาด ดูหนังสือรวมภาพ ชอบสังเกต ของสวย ๆ งาม ๆ” เป็นต้นนี้ รวมกับคำชม ทำให้เด็กรู้ว่า เป็นเพราะเด็กใช้ความพยายามจึงได้รับความสำเร็จ ทำให้เด็กรู้ว่าเราไม่ได้ ชมแค่ภาพวาด แต่ยังชื่นชมความพยายามด้วย และเมื่อได้รับคำชมแล้ววันหลังเด็กจะยิ่งมุ่งมั่นไปตามทิศทางนั้น ชมอย่างมีแผนและขั้นตอน […]
อีเมลเป็นเครื่องมือแสนวิเศษในการติดต่อผู้คน แต่หากไม่ใส่ใจ คุมสติ ตอนที่ใช้ มันก็อาจทำลายงาน และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงานได้เช่นกัน วิธี คุมสติ ข้อแรกถามตัวเองว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะหรือไม่ที่จะตอบเมล” คุมสติก่อนตอบอีเมลงานด้วยการสร้างนิสัยการหยุดก่อนตอบ ถามตัวเองว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะหรือไม่ที่จะตอบ” การเขียนอีเมลขณะเดินทางมีประโยชน์ในเรื่องของการตอบที่รวดเร็วหรือการยืนยันเรื่องต่างๆ แต่การเขียนอีเมลที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนนั้นควรทำตอนที่จิตใจคุณสงบ ซึ่งคุณสามารถมีเวลาพิจารณาว่าหัวเรื่องกับผู้รับนั้นเหมาะกันหรือไม่ ประโยชน์ของการตอบแบบรวดเร็วอาจจะกลายเป็นการแอบซ่อนปัญหาไว้ก็ได้ หากเป็นหัวข้อที่ต้องอาศัยการไตร่ตรองทบทวนมาก หมั่นฟังเสียงกายและใจ ตอนกำลังตอบเมล คุมสติด้วยการหมั่นฟังเสียงร่างกายและใจ ทำให้เราสามารถจับสัญญาณจากท่าทางและความรู้สึกทางกายและใจได้ วิธีนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าเราโต้ตอบคนบางคนหรือข้อมูลอย่างหนึ่งอย่างใดแบบไหน เช่น ร่างกายเกร็งหรือไม่ ไหล่เป็นอย่างไร น้ำเสียงของความคิดแบบไหนที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดในขณะนั้น ถ้ากำลังพิมพ์อยู่ คุณกดแป้นพิมพ์อย่างไร กดอย่างนุ่มนวลหรือกดแรง ๆ การตระหนักรู้ร่างกายของตัวเองแบบนี้ก็เปรียบเหมือนสัญญาณกระดิ่งที่เตือนให้เราตื่นและเตรียมพร้อม หากคุณรู้สึกว่าร่างกายมีแต่ความขุ่นเคือง ความหงุดหงิด หรือความโกรธแล้วละก็ จงตั้งสติเดี๋ยวนี้! ถ้าคุณกำลังกระหน่ำพิมพ์อีเมลตอบกลับอยู่ ก็ให้ส่งมันให้ตัวเองหรือบันทึกไว้เป็นร่างก่อน เมื่อคุณกลับมาอ่านอีกทีโดยที่ไม่มีอารมณ์เข้ามาเจือปน คุณอาจจะดีใจที่คุณทำแบบนี้ก็ได้ คิดว่าจะรู้สึกอย่างไร หากได้รับอีเมลแบบเดียวกับที่กำลังเขียน คิดถึงวิธีที่คุณติดต่อสื่อสารกับคนอื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองคิดดูว่าตัวคุณเองจะรู้สึกอย่างไรหากได้รับอีเมลแบบเดียวกับที่คุณกำลังเขียนอยู่ คำที่คุณใช้ สามารถถ่ายทอดสิ่งที่คุณตั้งใจจะพูดได้จริงหรือไม่ […]
กี่ครั้งแล้วที่โดน ลูกค้าปฏิเสธ แล้วได้แต่อ้าปากค้าง แล้วปล่อยให้ลูกค้าจากไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นการอ้างว่าไม่ว่าง แพงไป ขอไปถามแฟนก่อน ไม่จำเป็นต้องใช้ เพิ่งซื้อไปเอง ฯลฯ และสารพัดข้ออ้างที่ลูกค้ายกมาเพื่อปฏิเสธการขาย ลองมาดูวิธีตอบกลับด้วยวาทศิลป์เหล่านี้ ที่จะทำให้การ ถูกลูกค้าปฏิเสธ กลายเป็นเรื่องกล้วยๆ ไม่มีเวลา ลูกค้าพูดว่าไม่มีเวลา นั่นหมายความว่าเขากำลังรู้สึกอึดอัดหรือถูกกดดันอยู่ ถ้าคุณยังตอบกลับไปโดยไม่เว้นช่องว่างให้เขาเลยว่า “งั้นลูกค้าสะดวกเมื่อไหร่ครับ” ก็ยิ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น และคุณก็เตรียมถูก ลูกค้าปฏิเสธ ได้เลย สิ่งที่ควรทำคือการขอโทษ เพราะคุณที่เข้าไปแทรกแซงเวลาของพวกเขา ฉะนั้นก่อนอื่นต้องแสดงความรู้สึกขอโทษออกมาให้เขาได้เห็น การขอโทษเป็นการกระทำที่จะช่วยให้ลูกค้าเปิดใจมากยิ่งขึ้น หลังจากกล่าวคำขอโทษแล้วก็ให้นัดหมายช่วงเวลาใหม่ทันที โดยเป็นฝ่ายเสนอวันเวลาไปก่อน ส่วนใหญ่แล้วลูกค้ามักจะตอบรับอย่างง่ายดาย และหากบอกว่า “ถ้าไม่สะดวกโทรมายกเลิกนัดได้เลยครับ” ยิ่งจะทำให้กำแพงภายในใจของลูกค้าลดลงอีก ต่อให้มีโทรศัพท์มาขอยกเลิก ก็ให้ใช้โอกาสนั้นขอนัดวันเวลาอีกครั้งได้เลย การขอนัดครั้งท่าสองจะง่ายขึ้นเพราะพวกเขาจะรู้สึกผิดถ้ายกเลิกนัดอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องใช้ ถ้าลูกค้าพูดว่า “ไม่จำเป็น” ออกมา เช่น “เมื่อก่อนเคยทดลองใช้ แต่ไม่ค่อยดี แถมมีค่าใช้จ่ายมาก แล้วก็ไม่ได้เห็นผลอย่างที่คิด” เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ต้องค่อยๆ ตอบกลับด้วยเหตุผลไปทีละข้อ คุณต้องแจ้งให้ลูกค้าเห็นข้อดีของสิ้นค้า และพยายามชักชวนให้เขาลองฟังสิ่งที่คุณจะอธิบาย “ผมมีกรณีตัวอย่างจากบริษัทที่นำสินค้าจากทางเราไปใช้ครับ ตอนแรกเขาก็บอกไม่จำเป็น แต่พอลองเอาไปใช้ ปรากฎว่าเห็นผลทันทีครับ […]
กว่าที่พวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็น คนดังระดับโลก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ว่าจะเป็น สตีฟ จ็อบส์, อีลอน มัสก์ หรือบิล เกตส์ พวกเขาล้วนมีแนวคิด แปลก แตกต่าง จากคนทั่วไปอย่างเหลือเชื่อ และทำให้ความคิดของเขาที่คนอื่นมองว่า บ้า เป็นไปไม่ได้แน่ ให้ประจักษ์แก่คนทั้งโลกเห็นว่ามัน “เป็นไปได้” และประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนเสียด้วย มาดูกันว่า คนดังระดับโลก ได้ฝากข้อคิดอะไรไว้เป็นแรงบันดาลใจไว้ให้กับคนทั่วโลกบ้าง สตีฟ จ็อบส์ นับตั้งแต่สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิต ทรัพย์สินส่วนตัวของจ็อบส์ซึ่งมีค่าประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์ได้ถูกเก็บรักษาในสตีเวน พี. จ็อบส์ทรัสต์ โดยภรรยาของเขา ลอรีน เพาเวลล์ จ็อบส์ เป็นผู้ดูแล การถ่ายโอนทรัพย์สินทำให้เพาเวลล์เป็นผู้หญิงที่รวยเป็นอันดับ 9 ของโลก เธออุทิศเวลาและเงินทุนให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ ได้แก่ เอเมอร์สันคอลเลคทีฟ, คอลเลจแทร็ก ซึ่งลอรีนก่อตั้งในปี 1997 เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ครอบครัวมีฐานะไม่ดีให้มีโอกาสเรียนต่อ และองค์กรอื่นๆ อีกมากมาย ลอรา เอริลลากา-แอนดรีสัน เพื่อนสนิทของเพาเวลล์ ได้ประมาณจำนวนเงินที่เพาเวลล์ใช้ในการกุศลว่า “ถ้าคุณรวมการใช้เงินเพื่อการกุศลทั้งหมดของลอรีนที่สาธารณะชนทราบ […]
บางครั้งที่เรารู้สึกสับสนวุ่นวายก็เพราะสมองและใจไม่เป็นระเบียบ นี่คือวิธีจัดระเบียบสมองและจิตใจแบบง่ายๆ ฝึกสมอง ให้มองแต่ความสุข ฝึกสมอง ด้วยการ เผชิญหน้ากับอดีต ว่ากันว่าการหวนกลับไปยังอดีตด้วยตนเองเป็นการปลอบประโลมจิตใจ และในที่สุดก็จะสามารถนำพาตัวเองออกห่างจากประสบการณ์นั้นๆ ได้ สรุปก็คือการจะลืมได้บางทีก็จำเป็นต้องอาศัยการหวนคิดถึงประสบการณ์นั้นๆ และเผชิญหน้ากับมันเหมือนกัน วิธีนี้สามารถนำมาใช้ได้กับหลายกรณี เช่น เวลามีปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือมีปัญหาในการเข้าสังคม การเผชิญหน้ากับปัญหาโดยพาตัวเองออกมาเป็นผู้ดู แทนที่จะอยู่ในศูนย์กลางของความกังวล จะทำให้เข้าใจประเด็นปัญหาและความหมายของมัน ทำให้สามารถปลดปล่อยตนเองจากความรู้สึกด้านลบได้ในที่สุด สร้างวงจรบวกในสมอง ใครๆ ต่างก็มีประสบการณ์ด้านลบด้วยกันทั้งนั้น แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีไปเสียหมด เพราะมันทำให้เราแกร่งขึ้น แต่ถ้าไม่สามารถลืมความทรงจำด้านลบ ก็อาจทำให้เราจัดการกับชีวิตในทางบวกไม่ได้ เกิดบาดแผลทางจิตใจ และส่งผลถึงทางกาย เช่น นอนไม่หลับ เราไม่จำเป็นต้องพยายามกดข่มความรู้สึกด้านลบ มันไม่ใช่เรื่องดีเพราะทั้งความเศร้า ความกลัว และความกังวลต่างก็เป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของมนุษย์ การพยายามหลีกหนีเท่ากับเป็นการฝืน และทำให้สมดุลของกายใจเสียไป เกิดความผิดปกติขึ้นมาแทน การผ่านประสบการณ์ด้านลบทำให้เกิดวงจรประสบการณ์ด้านลบในสมอง และวงจรที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่สามารถเลือนหายไปได้ เราจึงต้องสร้างวงจรด้านดีขึ้นมาเลียบเคียงกับวงจรด้านลบ ความคิดลบเมื่อเกิดมากๆ ก็รู้สึกอึดอัด หากสร้างวงจรทางบวกไว้บ้างเราก็สามารถนึกถึงเรื่องที่มีความสุขได้ ฝึกยอมรับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าใครต่างก็ไม่ได้คาดหมายสภาพการณ์ในปัจจุบันไว้ ก็เหมือนกับการที่เราไม่สามารถคาดการณ์ในตอนนี้ได้ว่า […]