ที่ชีวิตเราต้องเจอเรื่องต่างๆในปัจจุบันส่วนหนึ่งเป็น ผลกรรม คือผลแห่งการกระทำจากอดีต เมื่อรู้แล้วก็หลีกเลี่ยงกรรมไม่ดี หมั่นทำกรรมดี เพื่อรับ ผลกรรม ที่ดีมาดูกันว่าถ้าไม่รักษาศีล 5 แล้วชีวิตจะเป็นอย่างไร ผลกรรม ที่ทำให้อายุสั้น ในคัมภีร์กล่าวไว้ว่า บุคคลบางคนในโลกนี้ ที่ทำให้ชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด ไม่เอ็นดูเหล่าสัตว์มีชีวิต เมื่อตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุสั้น ผลกรรมที่ทำให้ป่วยบ่อย คนที่ชอบเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ เมื่อตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ในภายหลังจะเป็นคนมีโรคมาก ผลกรรมที่ทำให้ผิวไม่สวย คนที่เป็น คนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏเมื่อตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ในภายหลังจะเป็นคนมีผิวพรรณทราม ผลกรรมที่ทำให้ไม่มีคนเคารพ ศักดิ์น้อย คนที่ มีใจริษยา […]
Category Archives: Dhamma
วิธีใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำได้ทันทีเพียงแค่หนึ่งนาทีที่ตื่นก็จะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้ฝังแน่นไปทั้งวัน นี่คือเทคนิคเริ่มต้นของ วิธีใช้ชีวิตให้มีความสุข ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายใจ วิธีใช้ชีวิตให้มีความสุข ขั้นแรกคือ เมื่อตื่นขึ้นมา คุณรู้สึกอย่างไรกับร่างกายและจิตใจ ลองสำรวจและรู้ให้ชัดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย และความรู้สึกที่เกิดขึ้นทางใจติดต่อกันสักหนึ่งถึงสามลมหายใจ โดยไม่ต้องพยายามไปเปลี่ยนให้มันเป็นไปตามที่เราอยากให้เป็น ผ่อนคลายลมหายใจให้ช้าลง เริ่มต้นผ่อนคลาย ปล่อยให้ลมหายใจค่อยๆ นุ่มนวลและช้าลง ปล่อยวางจากความคิดความกังวล ปล่อยวางความตึงเครียด ลองสัมผัสถึงความเข้มแข็งและรับรู้ถึงการปกป้องคุ้มครอง เช่น การมีเพื่อนอยู่ข้างๆ สังเกตดูว่าคุณยังโอเคอยู่ในตอนนี้ พักใจอยู่ในความสงบที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น นึกถึงสิ่งที่ทำให้รู้สึกขอบคุณ ลองนึกถึงสิ่งที่รู้สึกขอบคุณสักหนึ่งอย่างหรือมากกว่านั้นก็ได้ นึกถึงสิ่งที่ทำให้รู้สึกมีความสุข สัมผัสถึงความเติมเต็มที่มีอยู่แล้วในตอนนี้ พักใจอยู่ในความพึงพอใจที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น นึกถึงคนที่ห่วงใยเรา ลองนึกถึงใครสักคนหรือหลายคน (หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่ง) ที่ห่วงใยเรา เปิดใจตัวเองเพื่อยอมรับว่าเราเป็นที่ชื่นชม ชื่นชอบ และเป็นที่รัก ตระหนักถึงความอบอุ่นของตัวเองและความห่วงใยที่เรามีต่อผู้อื่น พักใจอยู่ในความรักที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น เปิดใจรับความสบายใจ จากนั้นให้สัมผัสถึงความสงบ ความพึงพอใจ และความรัก ถักทอเข้ามารวมกันในใจ หลอมรวมทั้งสามแง่มุมของประสบการณ์ที่สบายและอบอุ่นราวกับการได้กลับบ้านนี้เข้าไว้ด้วยกัน […]
วิธีผ่อนคลายความเครียด เพื่อความตึงเครียดทั้งทางกายและใจมีหลายวิธี เราผ่อนคลายกายใจให้สบายขึ้นได้ด้วยตัวเอง ทำตาม วิธีผ่อนคลายความเครียด นี้ กายเบาใจเบาแน่ๆ สังเกตความผ่อนคลายที่มีอยู่แล้ว หรือสร้างมันขึ้นมา วิธีผ่อนคลายความเครียดข้อแรก คือสังเกตความรู้สึกผ่อนคลายใดๆ ก็ตามที่มีอยู่แล้ว เช่น ในลมหายใจหรือในร่างกายส่วนที่นิ่งๆ อยู่ หรืออาจจะเป็นความรู้สึกสบายและปล่อยวางก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างความรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้ด้วย ลองหายใจเข้าออกสักสองสามครั้งโดยให้ลมหายใจออกยาวกว่าลมหายใจเข้าสักเท่าหนึ่ง ผ่อนคลายจุดต่างๆ ที่สำคัญของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อขากรรไกร ลิ้น ปาก และดวงตา หายใจเข้าไปให้ถึงช่วงกะบังลมซึ่งอยู่ด้านในของบริเวณซี่โครง สัมผัสถึงความรู้สึกตึงเครียดละลายหายออกไปจากร่างกาย จินตนาการว่าอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เช่น บนชายหาดภายใต้ดวงอาทิตย์อันอบอุ่น นอกจากนี้คุณยังสามารถค่อย ๆ ผ่อนคลายส่วนต่าง ๆ ของร่างกายคุณได้ด้วย โดยการไล่ขึ้นมาจากเท้าทั้งสองข้างขึ้นไปจนถึงศีรษะ ทำให้ความรู้สึกผ่อนคลายเข้มข้นขึ้น ลองเปิดรับความผ่อนคลายที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นอย่างไร เปิดใจให้ความผ่อนคลายเข้ามาเติมทั้งกายและใจให้เต็มและมีความเข้มข้นมากขึ้น อยู่กับความรู้สึกตรงนี้ พยายามช่วยประคับประคองให้อยู่กับเรานาน ๆ ปล่อยวางให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่รู้สึกผ่อนคลาย ปลดปล่อยกายใจไปกับสัมผัสอันหอมหวานของความรู้สึกสงบ ลองสังเกตแง่มุมต่าง ๆ ของประสบการณ์นี้ ทำให้มันสดใหม่อยู่เสมอ รับรู้ถึงความรู้สึกสงบที่ค่อย ๆ […]
โอปปาติกะ คืออะไร และมีกี่ประเภท ทำไมบางคนจึงเห็น โอปปาติกะ และทำไมบางคนจึงไม่เห็น สาเหตุที่ โอปปาติกะ จะปรากฏตัวและไม่ปรากฏตัว มีดังนี้ โอปปาติกะ คืออะไร มีกี่ประเภท จากข้อมูลในพระไตรปิฎก มีสิ่งมีชีวิตรูปแบบหนึ่งที่พอเกิดแล้วโตทันที ไม่ต้องอยู่ในครรภ์ เช่น มนุษย์หรือสัตว์บางประเภท หรืออยู่ในไข่ เช่น เป็ด ไก่ หรืออยู่ในสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น หนอน สิ่งมีชีวิตเช่นนี้เรียกว่า โอปปาติกะ มีลักษณะเป็นกายทิพย์ ปกติแล้วจะมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ เทวดา สัตว์นรก มนุษย์บางจำพวก และเปรต เทวดา เทวดา ได้แก่ โอปปาติกะ ที่อยู่ในภพที่มีความสุขมากกว่าความทุกข์ หรือที่เรียกว่า สุคติ หรือพูดภาษาชาวบ้านคือ ฝ่ายบุญ ซึ่งน่าจะรวมถึงรูปพรหมและอรูปพรหมด้วย โดยทั่วไป เทวดาก็คืออดีตมนุษย์ที่มีความดีมากกว่าความชั่ว เน้นไปที่การทำความดีในด้านให้ทานและรักษาศีลอยู่เป็นประจำ เมื่อสิ้นชีวิตแล้วกำลังบุญที่มีจึงดึงดูดให้ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นต่างๆ ตามแต่กำลังบุญของตน […]
หลายครั้งที่ความรักไปไม่รอด แรกๆ ก็ดูเหมือนจะดีมั่นใจว่าทำดีทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ทำไมสุดท้ายความรักก็จบลงทุกที…นั่นเพราะเรามี ความเข้าใจผิดเรื่องความรัก ที่ทำให้ไม่ว่าจะอย่างไรความรักก็ไปไม่ไม่รอด มาดูกันว่าความคิดแบบใดถึงจะเรียกว่าเป็น ความเข้าใจผิดเรื่องความรัก เมื่อรู้แล้วจะได้ปรับทัศนคติกันเสียที ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องมีเวลาว่างเสมอเพื่อแฟน ความเข้าใจผิดเรื่องความรัก ข้อแรก คือ เราคงเคยคิดว่า “ถึงจะมีเรื่องอื่นต้องทำ แต่ต้องทำตัวให้ว่างเพราะแฟนอาจจะนัดเราตอนสุดสัปดาห์ อ้าวถ้าเป็นแบบนี้คงจะไม่ได้ทำอะไรแล้วสิ” แค่คิดเช่นนี้ ใจก็เกิดความเครียดขึ้นแล้ว และความเครียดนั้นจะค่อย ๆ สะสมไปทีละนิดโดยที่เราไม่รู้ตัว หากเราถูกครอบงำด้วยความคิดว่าจะต้องทำตัวว่างเพื่อแฟน ต่อให้เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไป จนกลายเป็นว่าเราจะปฏิเสธคำชวนเพื่อนไปเรื่อยๆ และจะรอเฉพาะคำสั่งจากแฟนที่เป็นจุดศูนย์กลางของโลกเท่านั้น โดยไม่แยแสต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิท คนที่ทำงาน หรือเพื่อนที่โรงเรียน เราจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นน้อยลง และยิ่งเรามีปฏิสัมพันธ์น้อยลงเท่าไร คนรักจะกลายเป็นทุกสิ่ง และการยึดติดอีกฝ่ายจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ หากใจเราตกอยู่ในสภาพที่ต้องการสิ่งเร้ารุนแรงจากคนที่รักมากเกินไป จะทำให้เราไม่มีสมาธิกับหลาย ๆ สิ่ง เช่น เมื่อคิดแต่เรื่องของคนรักก็จะไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือตื่นเต้นเกินไปจนนอนไม่หลับ หากฝ่ายหญิงยึดติดกับคนรักมากไป แสดงว่าความเหงากับความรู้สึกที่ไม่ได้รับการเติมเต็มกำลังทำงานอยู่ การไปยึดติดกับอีกฝ่ายเข้า จะทำให้เราพยายามปกปิดความเหงาและความน่าสังเวชของเรา และการที่เราพยายามปฏิเสธว่า “ไม่ได้ยึดติด” นั้น เป็นการผลักไสความรู้สึกที่บุกเข้ามานั้นออกไป น่าเสียดายว่า ยิ่งเราพยายามโจมตีผู้บุกรุกมากเท่าไร มันจะยิ่งอาละวาดหนักขึ้น การยึดติดก็เช่นเดียวกัน […]
ความรักคือเรื่องสำคัญ ถ้าเราไร้ซึ่งมุมมองความรัก โดยเฉพาะมุมมองที่ดี ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบใดๆ ก็ย่อมไม่เข้าใจรูปแบบความสัมพันธ์ ไม่สามารถรักษาความสัมพันะ์ให้ตลอดรอดฝั่งได้ เหล่านี้คือ มุมมองความรัก ที่ดีและมีประโยชน์ จากคุณพศิน อินทรวงค์ เราไม่ได้พบกันเพราะความบังเอิญ มุมมองความรัก เรื่องนี้เป็นความจริงที่สุด ไม่มีความบังเอิญในโลกใบนี้ ในชีวิตหนึ่ง เราอาจพบใครบางคนที่รู้สึกว่าคุ้นเคยกันมานาน โปรดจงรู้เอาไว้ว่า นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย เพราะความบังเอิญไม่มีอยู่จริง คู่ชีวิตที่ผู้คนตามหาจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเช่นกัน หากแต่เกิดจากผลกรรมทั้งปัจจุบันและอดีตที่ส่งกระแสผ่านคนสองคน ให้เกิดเป็นแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน เราอาจรู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงของเขา ประสาทสัมผัสของเราจะมีประสิทธิภาพมากกว่าธรรมดาเมื่ออยู่กับเขา กิเลสที่มีจะถาโถมเข้ามาอย่างง่ายดายเมื่อเราพบคนคนนั้น ช่วงเวลานี้เองเป็นเวลาของความอันตราย หนทางเดียวที่จะประคับประคองจิตวิญญาณของเราให้มีความเข้มแข็งอยู่ได้ คือ การมีสติระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ระวังพลังของความคิดถึงไว้บ้าง กระแสแห่งความคิดถึงเป็นพลังงานที่มีทั้งความเหงา ความเศร้า และความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน มันเป็นพลังงานที่สร้างมโนภาพให้ชัดเจนแม้มองไม่เห็น ทำให้รู้สึกถึงสัมผัสอันอ่อนโยนแม้ระยะทางห่างไกล มันเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากอันบอบบาง และเรียกน้ำตาจากดวงตากลมโต มันดึงเราจากความเป็นปัจจุบันไปสู่อดีตอันล่วงเลยและอนาคตที่ไม่เคยปรากฏ หากเรามีมุมมองความรักในแง่ความคิดถึงอย่างถูกต้อง ความคิดถึงก็จะเป็นพลังที่ดีให้เรา แต่ถ้าคิดถึงมากเกินไป ก็กลับจะเป็นผลร้ายต่อความรัก ความรักไม่ใช่การครอบครอง ประเด็นที่น่าสนใจมาก คือ ประเด็นของการครอบครอง ทุกคนต้องการครอบครองคนรัก […]
เพื่อให้มีความสุขและมี ชีวิตที่ดี ตลอดทั้งวันเราอาจไม่ต้องทำอะไรมากเพื่อให้ชีวิตเราพบเจอความสบายใจและมีความสุข เพียงปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ ที่องค์ทะไลลามะแนะนำไว้ ค่อยๆทำบ่อยเข้าๆ ก็จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต และแม้เจอเรื่องร้ายๆ ก็ยังเบิกบานจากภายในได้ นับว่าเป็น ชีวิตที่ดี และมีความสุขอย่างแท้จริง ^^ เมื่อตื่นแล้ว ผ่อนคลายร่างกาย เพื่อ ชีวิตที่ดี ตลอดทั้งวัน เมื่อตื่นนอนแล้วเริ่มจากนั่งสบายๆ อาจนั่งห้อยขาบนเก้าอี้ หรือจะนั่งขัดสมาธิบนพื้นก็ได้ สามารถฝึกขณะอยู่บนที่นอนก่อนที่จะลุกขึ้นมาในตอนเช้าก็ได้ หลังจากกดปิดนาฬิกาปลุกแล้ว ก่อนที่จะเร่งรีบทำกิจวัตรประจำวัน วางมือตามสบายที่ขาหรือที่ท้อง หลับตาลงพร้อมกับหายใจเข้าออกยาวๆ ทางจมูก รู้สึกถึงท้องที่ป่องขึ้นและแฟบลงขณะหายใจโดยใช้กะบังลม เมื่อรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้วถามตัวเองว่า “สิ่งที่ใจฉันต้องการคืออะไร ฉันปรารถนาอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อคนที่ฉันรัก และเพื่อโลกนี้” โดยทั่วไปแล้วความปรารถนาที่ลึกที่สุด มักมีแนวโน้มที่จะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตด้วยคุณค่าของความเป็นมนุษย์อันลึกซึ้ง ซึ่งนำไปสู่ความสุขอันยิ่งใหญ่ ทะไลลามะมีวิธีง่าย ๆ ในการทดสอบเจตนาของตัวเอง “สิ่งนี้เป็นไปเพื่อฉัน หรือเพื่อผู้อื่น เพื่อประโยชน์แก่ส่วนน้อยหรือส่วนใหญ่ เพื่อขณะนี้หรือในอนาคต” การทดสอบเช่นนี้จะเป็นเครื่องชี้นำเราไปสู่สิ่งที่เราปรารถนาอย่างแท้จริง นึกถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ด้วยความปรารถนาดี […]
นี่คือวิธีการ ฝึกจิต ป้องกันไม่ให้กิเลสปรากฏตัวออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำที่จะช่วยให้เราสามารถจับจิตเอาไว้ได้ง่ายขึ้น เมื่อความโลภ ความโกรธ และความหลงปรากฏตัวออกมายากขึ้น ก็จะช่วยส่งเสริมให้เราทำสิ่งที่ดีจนเป็นนิสัย มาดูวิธี ฝึกจิต ทั้ง 9 ข้อกัน ฝึกจิต ควบคุมความอยาก หากเราให้แรงดึงดูดที่เป็นความโลภทำงาน จิตจะปั่นป่วน และแรงใจในการทำงานก็จะหยุดชะงักลง สิ่งสำคัญในการฝึกจิต คือ การเข้าใจถึงเหตุและผลนั้นแล้วตั้งใจตรวจดูจิตให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ความโลภบุกรุกเข้ามาได้ ควบคุมความโกรธ หากเราให้ความโกรธซึ่งพลังการผลักไสทำงาน เราก็จะรู้สึกกระวนกระวายใจ แล้วภายในร่างกายก็จะเต็มไปด้วยสารพิษ กลายเป็นแหล่งที่จะดึงเอาความทุกข์ทั้งหมดที่มีเข้ามา กล่าวได้ว่าความโกรธนี้แหละที่เป็นกิเลสตัวแรกเลยที่ควรระวังและควรขจัดออกไปจากเรา มองให้เห็นความเป็นจริง เมื่อพลังที่จะทำให้ความหลงทำงานเกิดขึ้น จิตจะออกห่างจาก “ขณะปัจจุบัน” แล้วกระจัดกระจายไปที่โน่นที่นี่ และกลายเป็นแหล่งเพาะความโลภและความโกรธ การจะจับเอาชั่วขณะที่พลังงานนี้เกิดขึ้นเอาไว้ได้นั้นจำเป็นจะต้องมีความใส่ใจที่ละเอียดมาก หากเรารู้ตัวแล้วป้องกันเอาไว้ได้ จิตที่มีความสงบเป็นปกติ ไม่สั่นไหว และแจ่มชัดก็จะเติบโตขึ้น ไม่โกหก การโกหกนั้น เกือบทั้งหมดเป็นไปเพื่อการทำให้ความต้องการของตนเองบรรลุผล ดังนั้นเมื่อโกหกแล้วพลังงานที่เป็นความต้องการก็จะถูกกระตุ้นและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น หากเราโกหกแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะต้องโกหกซ้ำอีกในครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย และในแต่ละครั้งที่โกหก สิ่งที่ผิดไปจากความเป็นจริงก็จะถูกใส่ลงไปในจิตใต้สำนึกทุกครั้ง เมื่อทำซ้ำๆ จิตจะยิ่งสับสนวุ่นวายยิ่งขึ้น […]
ชีวิตคนเราย่อมพบเจออุปสรรคต่างๆ นานาจนรู้สึกหมดพลัง กว่าจะพบกับความสำเร็จ ความเป็นอิสระทางใจก็ท้อถอยจนแทบหมดกำลังใจ จะมีวิธีใดที่จะช่วยปรับมุมมองความคิดให้มีวิธีการใช้ชีวิตที่กลับมาทรงพลังได้บ้าง บทความนี้จึงขอนำเสนอ 10 ข้อคิด การใช้ชีวิต อย่างทรงพลัง โดย คุณพศิน อินทรวงค์ ที่จะช่วยให้คุณมีพลังในการใช้ชีวิตต่อไปได้เป็นอย่างดี อย่าแสวงหาความสำเร็จที่สร้างความยึดติด วิธี การใช้ชีวิต อย่างทรงพลังข้อแรกคือ อย่ามุ่งหาแต่ความสำเร็จที่สร้างความยึดติด เพราะความสำเร็จที่สร้างความยึดติดเป็นโทษ เป็นความโง่เขลาชนิดหนึ่งที่ทำลายอิสรภาพ ให้แสวางหาความสำเร็จในการทำลายอัตตาตัวตน นั่นคือความสำเร็จที่แท้จริง ความรักและความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ความสัมพันธ์เป็นเรื่องของการแสวงหา ส่วนความรักเป็นเรื่องของการปรับปรุงจิตวิญญาณจากตัวตนภายใน ความสัมพันธ์มีรากมาจากความกลัว ส่วนความรักมีรากมาจากความกล้าหาญ การมีความรักไม่ใช่เรื่องของการมีคู่ และการมีคู่ไม่ใช่เรื่องของการมีความรัก สุขทุกข์ล้วนเป็นสิ่งสมมติ ถ้ามีความสุข จงสังเกตความไม่แน่นอนของมัน ถ้ามีความทุกข์ นั่นคือเรื่องน่ายินดี เพราะความทุกข์ทำให้ปัญญางอกงาม ส่วนความสุขทำให้เราตกอยู่ในความประมาท วิธีการมองแบบนี้คือ วิธีการใช้ชีวิต ที่จะทำให้ชีวิตมีพลังมากขึ้น อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยาก แต่จงขับเคลื่อนชีวิตด้วยพลังแห่งปัจจุบันขณะ มีความฝันได้ แต่อย่าจมอยู่กับความฝันตลอดเวลา เราจะมีชีวิตที่แท้จริงได้ด้วยการตระหนักรู้อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น นี่ละ […]
ทุกๆ คนย่อมมีช่วงเวลาที่รู้สึกอ่อนแอ ขาดที่พึ่ง หมดกำลังใจ สิ้นหวัง แน่นอนว่าเมื่อเจอภาวะแบบนี้เราย่อมอยากกลับมามี จิตใจเข้มแข็ง ดังเดิม เพื่อดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้ ขอแนะนำ 9 เทคนิคที่จะช่วยให้ จิตใจเข้มแข็ง ที่ทำได้ไม่ยาก รับรองได้ว่าจะช่วยดึงความเข้มแข็งกลับมาให้ใจได้แน่นอน หายใจเข้าลึกๆ มีสติอยู่กับตัวเอง หายใจเข้าและทำความรู้สึกว่าได้สำรวจร่างกาย มีสติระลึกรู้ถึงความคิดใดๆที่ผ่านเข้ามาในใจ โดยไม่ต้องพยายามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน รับรู้ถึงความรู้สึกเข้มแข็งในการมีสติระลึกรู้ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนและยั่งยืนเสมอไม่ว่าจะมีสิ่งใดผ่านเข้ามาในการรับรู้นั้นๆ รู้สึกถึงพลังในตัวเอง คราวนี้รับรู้ถึงความรู้สึกมีพลังในตัวคุณ ลองสังเกตดูว่าลมหายใจของคุณมีพลังในตัวมันเองอย่างไรบ้าง รู้สึกถึงกล้ามเนื้อของคุณ ถึงความสามารถของคุณที่จะเคลื่อนไปในทิศทางใดก็ได้ รู้สึกถึงเรี่ยวแรงแห่งสัตว์ป่าในตัวคุณ (ถึงแม้ว่ามันก็รู้สึกอ่อนกำลังลงเช่นกันในทางใดทางหนึ่ง) นึกถึงตอนที่ตัวเองเข้มแข็งมากๆ ระลึกถึงเวลาที่คุณรู้สึก จิตใจเข้มแข็ง มากๆ ลองนึกภาพสถานการณ์นั้นๆ ให้เข้มข้นมากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ นึกถึงความรู้สึกเข้มแข็งที่คุณได้สัมผัสมา รับรู้ถึงพลังในลมหายใจของคุณ พลังงานในแขนขาของคุณ พลังนั้นก็ยังเต้นตุบๆอยู่ในวันนี้เช่นกัน ในหัวใจที่เปี่ยมพลังของคุณ สังเกตความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นจากการนึกถึง ลองสังเกตดูว่าการรู้สึกว่า จิตใจเข้มแข็ง นั้นทำให้คุณรู้สึกดีเพียงใด […]