นิยายแปลจีนโบราณอิงประวัติศาสตร์เรื่องเยี่ยมที่ไม่อยากให้ใครพลาดกับ หวังทง องครักษ์เสื้อแพร เรื่องราวการเกิดใหม่ของชายหนุ่มวัยกลางคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาแม้ตอนจะตายเขายังพูดกับตัวเองว่า “ฉันไม่ยอม” ความแน่วแน่นั้นอาจไปแตะตาเทวดาสักองค์จนทำให้เขาได้โอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้งในยุครัชสมัยว่านลี่ (หรือราชวงศ์หมิง) แน่นอนว่าถึงจะเป็นการเกิดใหม่ แต่เขานั้นกลับได้ความรู้ความสามารถเดิมของตัวเองไว้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม ภายนอกอาจเป็นเพียงเด็กอายุ 15 แต่สมองของเขานั้นคือนักธุรกิจมากความสามารถ นี่คือจุดเริ่มต้นเพียงเล็กๆ ของเรื่องนี้เท่านั้น สิ่งที่ทรงเสน่ห์ของเรื่องนี้นั้น ไม่ใช่เพียงแค่ความฉลาดเกินวัย แต่คือการอ่านชีวิตที่สู้สุดในทุกทางของหวังทงเสียมากกว่า หลายคนอ่านแล้วต้องท้าให้คุรลองได้หยิบขึ้นมาอ่าน ได้รู้เรื่องราวหลายอย่างในยุคเสื่อมของราชวงศ์หมิง ว่าเกิดจากอะไร ในยุคนั้นเศรษฐกิจ การกินอยู่ ภาวะของเกมการเมืองเป็นอย่างไร ได้รู้อย่างละเอียดแน่นอน แต่วันนี้จะพามารู้จักหวังทงจากคำถามที่หลายคนสงสัยกันแบบคร่าวๆ ว่า หวังทง องครักษ์เสื้อแพร เรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง Q : มีทั้งหมดกี่เล่มจบ A : 18 เล่มจบ Q : นักแปลเป็นคนเดียวกันกับเวอร์ชันรายตอนหรือไม่ A : ใช่ นักแปลเป็นคนเดียวกันกับรูปแบบรายตอน Q : สนุกไหม เหมือนอ่านชีวิประวัติคนเฉยๆ ใช่ไหม A : เป็นเรื่องราวการใช้ชีวิตในอดีตด้วยสายตาและมันสมองของคนปัจจุบัน แน่นอนว่านิยายเล่มนี้ไม่ใช่การอ่านชีวประวัติแน่นอน […]
Category Archives: Fiction
ในนิยายเรื่อง หวังทง องครักษ์เสื้อแพร เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า ‘การหาเงินเป็นเรื่องง่าย กิจการร้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารจานด่วน ขอเพียงแต่ทำสะอาด ข้าวเยอะ กับเยอะ ตอนส่งอาหารก็หาบริษัทหรือคนที่ต้องการกินข้าวเจอ คุณต้องหาเงินได้อย่างแน่นอน’ สำหรับสายตานักธุรกิจหลายคนเองก็คงเป็นเช่นนั้น ทั้งเป็นสิ่งที่หาวัตถุดิบได้ง่าย จับเงินได้ทุกวัน หมุนเงินจากรายรับทุกวันได้ บางครั้งอาจโด่งดังจนสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้โดยง่าย และเป็นสิ่งที่ใช่ว่าทุกคนจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นคือเสน่ห์อีกอย่างที่ หวังทง เองก็มองเห็นเช่นกัน ธุรกิจร้านอาหารคือช่องทางการหารายได้ที่ผิด? ยุคปัจจุบันก่อนที่หวังทงจะเสียชีวิตและก่อนที่เขาจะเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ในคลาสเรียนหนึ่งหวังทงได้รับคำสอนเกี่ยวกับการทำธุรกิจอาหารว่า ‘ใคร ๆ ก็หากินแบบนี้ได้ แต่คุณทำแบบนั้นเกินสิบปีก็ไม่อาจซื้อบ้านชุดสองห้องในเขตเมืองใหญ่ คิดอยากประสบความสำเร็จไหม นั่นก็ต้องตั้งใจเรียน’ หวังทงอยากประสบความสำเร็จ อยากจะหลุดพ้นไปจากความลำบากที่มาพร้อมกับความกำพร้า ดังนั้นคำพูดของศาสตราจารย์จึงกระทบใจเขา ต่างจากนักศึกษาคนอื่นที่ยังคงคลำทางไม่เจอ เขาตั้งใจเรียนมาสี่ปีจนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เขาจำได้แม่นยำถึงสิ่งที่ตนได้ยินในห้องเรียนวันแรก ยังได้บรรยายตอนอบรมพนักงานใหม่ ตักเตือนรุ่นน้องตอนคุยกันเรื่องสัพเพเหระ แต่ไม่ทันรู้ตัว หวังทงก็สนใจกิจการขายอาหาร รู้สึกว่าเป็นการค้าที่ตรงไปตรงมามาก ดังนั้นสำหรับหวังทงแล้วธุรกิจร้านอาหารจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องมากที่สุด ทำธุรกิจร้านอาหาร สถานที่ คอนเซ็ปต์ของร้านและคู่แข่ง(?)เองก็จำเป็นต้องดูให้ดี เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการมองหาพื้นที่ตั้งร้านที่มีประสิทธิภาพก่อน ซึ่งหวังทงเลือกเขตทักษิณใกล้กับวังหลวง ถนนทักษิณนับว่าเป็นศูนย์กลางย่อย ๆ ทุกวันจะมีผู้คนเดินทางผ่านไปมา ผู้มีเวลาว่างมาเดินเที่ยวซื้อของย่อมมีฐานะร่ำรวย แต่ถนนทักษิณสายนี้ […]
ปาจิงโกะ อีมินจิน เชียน ฐิติพงษ์ เหลืองอรุณเลิศ แปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (เวอร์ชันนี้สำหรับทดลองอ่าน ไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) ——————————————————————————————————————- บ้าน เป็นทั้งนามและถ้อยคำที่แกร่งกล้า แกร่งกว่าคาถาใดที่จอมเวทเคยร่าย ฤๅวิญญาณขานรับ – ชาร์ลส์ ดิกเกนส์ 1 ยองโด – ปูซาน – เกาหลี ประวัติศาสตร์ทำให้เราผิดหวัง แต่ช่างเถอะ ช่วงรอยต่อศตวรรษ ชาวประมงแก่กับภรรยาตัดสินใจเปิดบ้านให้เช่าพักแรมหารายได้พิเศษ ทั้งสองเกิดและเติบโตที่หมู่บ้านชาวประมงในเมืองยองโด เกาะเล็ก ๆ กว้าง 5 ไมล์ ถัดจากท่าเรือเมืองปูซาน ตลอดชีวิตคู่อันยาวนาน ภรรยาให้กำเนิดลูกชายสามคน แต่มีเพียงฮูนี ลูกคนโตที่อ่อนแอที่สุดเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ ฮูนีเกิดมาปากเพดานโหว่ซ้ำยังขาเป๋ ยังดีที่ได้ไหล่ที่ล่ำสัน ร่างกายสันทัด กับผิวสีน้ำผึ้งมาทดแทน แม้จะโตเป็นหนุ่ม ฮูนียังคงนิสัยอ่อนโยนและคิดถึงแต่คนอื่นเหมือนตอนเด็ก เวลาเจอคนแปลกหน้าเขาชอบยกมือขึ้นป้องปากที่ผิดรูป ทำให้เห็นเพียงดวงตากลมโตดูใจดีที่ถอดแบบมาจากพ่อผู้หล่อเหลา คิ้วเรียวเข้มเข้ากับหน้าผากกว้างสีแทนจากการทำงานกลางแจ้ง ฮูนีไม่ใช่คนพูดจาคล่องแคล่ว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ของเขา ด้วยเหตุนี้เอง หลายคนจึงสำคัญผิดว่าฮูนีมีสติปัญญาไม่สมบูรณ์ทั้งที่มันไม่เป็นความจริง ฮูนีอายุครบยี่สิบเจ็ดปีเมื่อญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลีในปี ค.ศ.1910 ชาวประมงกับภรรยาผู้ขันแข็งและมัธยัสถ์ […]
A Gentleman in Moscow สุภาพบุรุษในมอสโก เอมอร์ โทวล์ส เขียน ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์ แปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (เวอร์ชันนี้สำหรับทดลองอ่าน ไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) ——————————————————————————————————————- ภาคหนึ่ง 1922 หีบท่านทูต เวลาหกโมงครึ่ง วันที่ยี่สิบเอ็ด เดือนมิถุนายน ปี 1922 เมื่อเคานต์อเล็กซานเดอร์ อีลิช รอสตอฟ ถูกคุมตัวออกจากประตูพระราชวังเครมลินไปทางจุตรัสแดง อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มจ้า เขาก้าวเดินพลางยืดอก สูดหายใจเต็มปอดเหมือนตอนกำลังว่ายน้ำ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าจัดจ้าน ตัดกับสีสันยอดโดมมหาวิหารนักบุญเบซิล ซึ่งเจตนาทาสีให้ขับกันและกัน ชมพู เขียวและทอง ทอประกายสดใส ราวกับการชื่นชมบูชาพระเจ้าคือจุดประสงค์หนึ่งเดียวของการมีศาสนา แม้แต่สาวๆ บอลเชวิคซึ่งยืนเสวนากันอยู่ตรงหน้าต่างห้างสรรพสินค้าของรัฐ ก็ดูจะแต่งกายสีสดใสรับกับบรรยากาศช่วงท้ายของฤดูใบไม้ผลิ “สวัสดี คุณพ่อค้า” ท่านเคานต์ร้องทักฟีโอดอร์ที่ขอบจัตุรัส “แบล็กเบอร์รีมาเร็วนะปีนี้!” ท่านเคานต์ก้าวเดินว่องไวโดยไม่รอฟังคำตอบจากพ่อค้าที่กำลังงงงวย หนวดซึ่งจัดทรงด้วยขี้ผึ้งสยายออกเหมือนปีกนกนางนวล เขาเดินผ่านทางประตูรีเซอร์เร็กชั่น หันหลังให้พุ่มไลแลคแห่งสวนอเล็กซานเดอร์ และมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสเธียเตอร์ ที่ตั้งของโรงแรมเมโทรโปลอันสง่างาม เมื่อมาถึงประตูทางเข้า ท่านเคานต์ก็ขยิบตาให้ปาเวล […]
PAPILLON ปาปิญอง อองรี ชาริเยร์ เขียน นรา สุภัคโรจน์ แปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (เวอร์ชันนี้สำหรับทดลองอ่าน ไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) ——————————————————————————————————————- สมุดแบบฝึกหัดเล่มแรก ขจัดลงท่อ ขึ้นศาล แส้ที่ฟาดลงมานั้นทำให้ผมตะลึงและต้องใช้เวลาถึงสิบสามปีกว่าจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง และนี่ไม่ใช่การฟาดแบบธรรมดาเสียด้วย แต่เป็นการกระหน่ำฟาดลงมาอย่างไม่ยั้งมือ วันนั้นคือวันที่ 26 ตุลาคม 1931 พวกเขานำตัวออกจากห้องขังในเรือนจำกงเซียเฌอรีที่ผมอยู่ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาในเวลาแปดโมงเช้า ผมแต่งตัวอย่างประณีตตอนที่พวกเขามาถึง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา สวมชุดสูทสั่งตัด เสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกหูกระต่ายสีฟ้าตบท้าย ผมอายุยี่สิบห้าแต่ดูเหมือนยี่สิบ ตำรวจที่มาเอาตัวผมต่างทึ่งกับการแต่งกายอย่างผู้ดีและปฏิบัติต่อผมอย่างสุภาพ ถึงขนาดถอดกุญแจมือออกให้ด้วย พวกเราทั้งหก – ผู้คุมห้าและผมนั่งรออยู่บนม้านั่งสองตัวในห้องโล่ง ด้านนอกท้องฟ้าทึมเทา ประตูที่อยู่ตรงข้ามน่าจะเปิดออกสู่ห้องพิพากษา เพราะอาคารแห่งนี้คือศาลสถิตยุติธรรมแห่งแซน ในอีกไม่กี่อึดใจ ผมจะถูกฟ้องดำเนินคดีข้อหาฆ่าโดยตั้งใจ เมอซิเออร์เรมง อูแบ ทนายที่ปรึกษาประจำตัวเดินเข้ามาหาผม “ไม่มีหลักฐานมัดตัวคุณ ผมคาดเต็มที่ว่าศาลจะยกฟ้องเรา” คำว่า “เรา” ทำให้ผมยิ้มออกมา คนที่ได้ยินทุกคนคงคิดว่าคุณอูแบจะขึ้นไปยืนในคอกจำเลยกับผม ซึ่งถ้าศาลตัดสินว่ามีความผิด เขาจะต้องติดคุกด้วยเช่นกัน เจ้าพนักงานคนหนึ่งเปิดประตูออกและบอกให้เราเข้าไปได้ ผมเดินผ่านประตูบานคู่โดยมีตำรวจสี่คนล้อมรอบ มีนายสิบอีกคนเดินเคียงข้างเข้าสู่ห้องพิพากษาโอ่อ่ากว้างขวา […]
หากวันใดคุณหลงทาง จงฟังเสียงที่อยู่ในหัวใจ 羊と鋼の森 (Hitsuji to Hagane no Mori) เป็นวรรณกรรมเรื่องเยี่ยมที่มียอดขายกว่า 1 ล้านเล่มในประเทศญี่ปุ่น ผลงานจากปลายปากกาของ มิยาชิตะ นัตสึ (Miyashita Natsu) ซึ่งเคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันเมื่อปี 2018 นำแสดงโดยพระเอกหนุ่มดาวรุ่งชื่อดัง ยามาซากิ เคนโตะ (Yamazaki Kento) มิยาชิตะ นัตสึ เป็นนักเขียนหญิงชาวญี่ปุ่นที่เปิดตัวด้วยผลงานเรื่อง “ฝนสงัด” ในปี 2004 และสามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติ Bungakukai Rookie of the Year Award ครั้งที่ 98 มาครองได้ จากนั้นในปี 2010 เธอก็มีชื่อเข้าชิงในรางวัล Johji Tsubota Literature Award จากผลงานเรื่อง “บทเพลงแห่งความสุข” และล่าสุดในปี 2016 เธอก็สามารถคว้ารางวัลไปครองได้อีกครั้งด้วยการชนะเลิศรางวัล Japan Booksellers’ Award ครั้งที่ […]
หากคุณเป็นคนชอบนิยายรักที่เนื้อเรื่องไม่หนักมาก นางเอกเป็นสายแกร่งที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดใด บวกกับพระเอกสายรักเดียวใจเดียว แข็งแกร่ง สามารถใจเเข็งใส่ทุกคนได้ยกเว้นกับเธอที่รัก อ่านง่ายแต่ไม่น่าเบื่อ มีทั้งพีเรียดและแนวปัจจุบัน และเน้นโรแมนติกคอมเมดี้ แสดงว่าคุณต้องเคยอ่านนิยายของ เย่ว์เซี่ยเตี๋ยอิ่ง ( Yue Xia Die Ying ) แน่นอน! ซึ่งลายเซ็นของนักเขียนท่านนี้คือ เป็นงานเขียนแนวรักโรแมนติก มีคอมเมดี้นิดหน่อย งานเบาๆ ไม่ดราม่ามาก อ่านได้เรื่อยๆแต่ไม่น่าเบื่อ นี่คือจุดแข็งสำคัญของ เย่ว์เซี่ยเตี๋ยอิ่ง ( Yue Xia Die Ying ) ถึงจะเป็นงานเขียนเบาๆ แต่เนื้อเรื่องไม่ได้เนิบจนเกินไป ยังมีอะไรให้น่าติดตามตลอด โดยส่วนใหญ่ตัวละครหลักจะมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน เป็นภาพจำ เช่น คงโหว จาก ข้าจะเป็นเซียน จะเป็นนางเอกสายน้องน่ารักน่าเอ็นดู ปันฮั่ว จาก ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ เป็นนางเอกสายสวยเริดเชิดหยิ่งและฮา เป็นต้น ซึ่งสองเรื่องนี้ก็ครองใจแฟนๆ นิยายอรุณอย่างล้นหลามมาแล้ว วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักนิยายของ เย่ว์เซี่ยเตี๋ยอิ่ง ที่ออกกับบ้านอรุณทั้งหมดมาให้รู้จักกันค่ะ ข้าจะเป็นเซียน นิยายอันดับหนึ่งในดวงใจของใครหลายคน กับข้าจะเป็นเซียน ผลงานขายดีตลอดกาลอีกเรื่องหนึ่งจากบ้านอรุณ เป็นเรื่องราวของ […]
黒猫館の殺人 คดีฆาตกรรมในคฤหาสน์แมวดำ อายาสึจิ ยูกิโตะ เขียน ฉวีวงศ์ อัศวเสนา เเปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) บทนำ —วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1990 ที่อาคังในฮกไกโด — คนทั้งสามหยุดยืนหน้าประตูใหญ่ หมอกหนาเคลื่อนตัวจากป่าสนเอโซะกว้างใหญ่ด้านหลังเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณราวกับรอคอยการมาของพวกเขาอยู่นานเต็มที คาวามินามิ ทากาอากิถูท่อนแขนที่พ้นชายแขนเสื้อไปมาอย่างไม่ได้ตั้งใจพลางเหลียวไปมองข้างหลัง รถยนต์ที่ทั้งสามโดยสารมาจอดอยู่ห่างออกไปหลายเมตร ปิดทางเดินแคบๆ ที่ลดเลี้ยวผ่านป่าเข้ามา ตัวรถสีเทาเข้มถูกกลืนเข้าไปในกลุ่มหมอกขาวทึบหมดทั้งคันแล้ว “หมอกลงจัดจัง” ชายร่างสูงใส่แจ็กเก็ตแบบสปอร์ตที่ยืนอยู่หน้าคาวามินามิไม่กี่ก้าวพึมพำขึ้น “แย่จริง ราวกับหมอกไล่ตามเรามาจากคุชิโระ” ชิชิยะ คาโดมิ นักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนบ่นตาม ร่างผอมชนิดหนังหุ้มกระดูกอยู่ตลอดยิ่งทำให้ดูสูงชะลูดขึ้นไปอีก ชิชิยะยกมือขึ้นลูบเรือนผมสลวยที่มีลอนหยักศกน้อยๆ พลางถอดแว่นกันแดด ก่อนหันไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “ว่ายังไงครับคุณอายูตะ พอจะนึกอะไรออกบ้างมั้ย” “ก็…” ผู้ถูกถามเอียงคอคิด มองขึ้นไปที่ประตูรั้วตรงหน้า อึ้งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนตอบไม่ค่อยจะเต็มปากนักว่า “คลับคล้ายคลับคลา คิดว่าเคยเห็นอยู่เหมือนกัน” ชายชื่ออายูตะ โทมะผู้นี้เป็นคนผอมรูปร่างสันทัด หลังงอจึงดูตัวเตี้ยไม่มีสง่าราศี มองรวมๆ เป็นคนแก่หง่อมแม้อายุเพิ่งจะหกสิบเศษ ใส่หมวกไม่มีปีกสีน้ำตาลปิดศีรษะที่ล้านเถิก ตาซ้ายถูกปิดไว้ด้วยแผ่นผ้าขาว […]
ให้ร้านหนังสือนำทางรัก ประชาคม ลุนาชัย เขียน ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) ภาคหนึ่ง สะพาน สายน้ำ และความตาย ชายชราใต้สะพาน สะพานแขวนโยกตัวไปตามแรงกระหน่ำของพายุฝน แสงไฟหม่นมัวคล้ายสาดส่องจากใต้ผิวน้ำ ฝนกระหน่ำหนัก ลมแรงฉีกกระชากกิ่งไม้ใหญ่ริมน้ำหล่นกระทบพื้นชายฝั่ง กลางความมืดใต้สะพาน ดวงตาชราคู่หนึ่งเบิกกว้าง แกสะดุ้งตื่นกับเสียงรบกวนรอบข้าง ไม่อาจข่มตาหลับ ระแวงระดับน้ำอาจล้นตลิ่งแล้วรุกคืบท่วมถึงที่นอน แกผุดลุกนั่งแล้วจ่อมมองสายฝน ยาวนานจนกระทั่งแสงสลัวแห่งรุ่งสางสาดกระทบร่างผอมบางที่สวมเสื้อยืดสีชาหม่น กางเกงขาสั้นเก่ายับ ชายมุ้งที่ถูกเลิกขึ้นยังปลิวสะบัด ซาเล้งซึ่งคลุมผ้าพลาสติกไว้จอดชิดแคร่ที่นอน ร่างผอมบางสะดุ้งเล็กน้อยขณะเงยหน้าจ้องไปยังขอบริมสะพาน ผมหงอกยาวและเคราที่เลื้อยผ่านใต้คางปลิวลมไปในทิศทางเดียวกัน แกยกมือขยี้ตาซ้ำๆ จ้องมองไปยังจุดผิดสังเกต แกยิ้มจนฟันซี่หลอต้องแสงสว่าง โคลงหัวไปมาพลางพึมพำในใจ…ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ สายตาชราของแกฝ้าฟางไปเอง สะพานแขวนชุ่มฝนทอดข้ามลำน้ำว่างเปล่า เม็ดฝนหนาแน่นเทกระทบพื้นกระดาน บางแผ่นสลักถ้อยคำสารภาพรักของเด็กหนุ่มนิรนาม อีกแผ่นถัดมาอักษรสีขาวเขียนด้วยปากกาเคมี ชื่อเล่นของชายและหญิงเด่นชัดกลางรูปหัวใจ อีกหลายแผ่นปรากฏชื่อนามชายหนุ่มและหญิงสาวผู้เปี่ยมรัก สลักไว้ล่วงผ่านวันคืนและฤดูกาลจนหางอักษรบางตัวเลือนจาง ราวเหล็กและสลิงที่ขึงไว้ทั้งสองด้าน ช่องว่างจากการออกแบบและอายุขัยอันเก่านาน หลายช่องเล็กๆ นี้เองที่ผู้หมดหวังในชีวิตหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาโผพุ่งสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง แทบทั้งหมดเลือกช่วงยามดึกสงัดปลอดสายตาใครอื่น จบตำนานชีวิตของตนง่ายๆ บางรายที่ไม่อาจทนรอโมงยามเช่นนั้นให้กับตัวเอง โผพุ่งสู่ลำน้ำท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของผู้คนสองฟากฝั่ง ครั้นแล้วคนผู้นั้นก็รู้ว่าความตายไม่ใช่โอกาสที่ไขว่คว้าได้โดยง่าย […]
この嘘がばれないうちに เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น ตราบชั่วเวลาของคำโกหก คาวางุจิ โทชิคาซึ เขียน อภิวัฒน์ พวงไธสง เเปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 1 เพื่อนสนิท ชิบะ โกทาโร่ มีคำโกหกที่ปกปิดลูกสาวมายาวนานถึงยี่สิบสองปี ฟิโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี [1] นักประพันธ์ชาวรัสเซียกล่าวเอาไว้ว่า “เรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต คือการมีชีวิตโดยไม่โกหก” ถึงจะบอกว่าเป็น “คำโกหก” แต่เป้าประสงค์ของมันก็ต่างกันออกไป คำโกหกเพื่อยกยอตน คำโกหกเพื่อหลอกลวงผู้อื่น หากมีคำโกหกที่ทำให้ผู้คนเจ็บปวด เช่นนั้น ย่อมมีคำโกหกที่ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม โดยมากแล้ว ผู้คนมักนึกเสียใจกับคำโกหกของตนในภายหลัง โกทาโร่ก็เช่นเดียวกัน เขาเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าร้านกาแฟที่ลือกันว่าย้อนกลับไปสู่อดีตได้มามากกว่าสามสิบนาทีแล้ว ทุกครั้งที่นึกถึงคำโกหกของตัวเองขึ้นมา ปากก็บ่นงึมงำพึมพำ “ไม่ได้โกหกเพราะอยากโกหกซะหน่อย” ร้านกาแฟซึ่งย้อนกลับไปในอดีตได้นั้น อยู่ห่างจากสถานีจินโบโจโดยใช้เวลาเดินไม่กี่นาที ในซอยลึกหลังตึกสำนักงานเรียงราย มีป้ายร้านขนาดเล็กเขียนกำกับ “ฟูนิคูลี ฟูนิคูลา” เพราะร้านตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน หากไม่มีป้ายร้านติดอยู่ ก็คงไม่มีใครรู้ว่ามีร้านกาแฟอยู่ตรงนั้น โกทาโร่เดินลงบันไดไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูร้านอยู่หลายหน ประตูไม้ประดับรูปสลักลึก ปากพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง […]