โลกเรามีคนมากมายที่อยาก เปลี่ยนแปลงตัวเอง มากมายแต่สุดท้ายก็วนลูปกลับมาที่เดิม กลับมาหาหนังสือ บทความแนะนำ สูตรลัดในอินเทอร์เน็ต หรืองานสัมมนาต่างๆ ทั้งที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่กลายเป็นว่าได้แค่เปลี่ยนหนังสือที่อ่าน เปลี่ยนงานสัมมนาที่เข้าร่วม แต่ชีวิตและนิสัยกลายเป็นเหมือนเดิม สิ่งที่ดีที่สุดในการเริ่ม เปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็คือกฎ “ไม่” 3 ข้อต่อไปนี้ ไม่ต้องใช้สมอง กฎข้อแรกคือ เลิกคิดว่า “ควรทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง” เราไม่ต้องใช้สมองเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง พูดง่ายๆ คือ ไม่จำเป็นต้องคิด มิหนำซ้ำ การคิดกลับเป็นการขัดควางการเปลี่ยนแปลงเสียด้วยซ้ำ คุณคงสงสัยว่า “ไม่คิดแล้วจะให้ลงมืออย่างไร ปกติต้องคิดก่อนแล้วค่อยเริ่มลงมือไม่ใช่หรือ” จริงๆ แล้วเวลาเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คนส่วนใหญ่มักกังวลว่า “ต้องทำอย่างไรถึงเปลี่ยนแปลงตัวเอง” จนคิดมาก การคิดทำให้การลงมือทำของเราช้าออกไป ถ้าจะให้อธิบายกฎที่บอกว่า “ไม่ต้องใช้สมอง” ให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาอีกก็คือ “ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว” บรรดาผู้ก่อตั้งบริษัทหรือนักบริหารที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เป็นพวก “ไปตายเอาดาบหน้า” ทั้งนั้น พวกเขาลงมือทำก่อน แล้วค่อยเตรียมตัว หรือไม่ก็ทำไป เตรียมตัวไป ตัวอย่างเช่น สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิล […]
Category Archives: How To
ลากอม มาจากคำว่า ลาเก็ต ออม (laget om) ของชาวไวกิ้ง แปลว่า “ความพอดี ที่ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป” เช่น นมปริมาณพอดีในกาแฟ หรือแรงกดที่พอดีในการนวด แต่ในเชิงนามธรรม ลากอมมีความหมายซับซ้อนกว่านั้น คือการทำสิ่งใดๆ อย่างสมดุลภายใต้กฎระเบียบของสังคม เช่น การไปค้างบ้านเพื่อนในวันหยุดโดยนำผ้าปูที่นอนไปเองเพื่อแบ่งเบาภาระของเพื่อน การมีสิทธิ์ลางานเมื่อลูกป่วยได้โดยรับค่าจ้าง การซื้อรถที่เหมาะกับการใช้สอยแม้จะไม่สวยถูกใจ การทาปากสีแดงสด และไม่เน้นส่วนอื่นๆ บนใบหน้า การกินเบอร์เกอร์ แต่งดเฟรนช์ฟรายส์ เพราะการเดินทางสายกลางคือความดีงาม หรือการนำของที่กินเหลือมาดัดแปลงเป็นอาหารจานใหม่ เพราะการกินทิ้งกินขว้างเป็นบาป ความสุขแบบลากอม ความเชื่อ : ลากอมขอแค่ดีพอประมาณ ความจริง : ลากอมไม่ปลาบปลื้มกับความสำเร็จและความร่ำรวยเกินจำเป็น เพราะลากอมคือการพยายามที่จะหาวิธีที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งผลลัพธ์ที่ห่างไกลจากคุณภาพพื้นๆ หรือพอประมาณ สาเหตุหนึ่งที่สวีเดนมีระบบสวัสดิการที่ดีที่สุดในโลกก็เพราะลากอมนี่แหละ ความเชื่อ : ลากอมคือการควบคุมเพื่อให้ทุกคนมีความเห็นในทิศทางเดียวกัน ความจริง : ชาวสวีเดนชอบแสดงความคิดเห็นแล้การโต้ตอบด้วยเหตุผล พวกเขาเถียงกันได้เป็นชั่วโมง ซึ่งหากเป็นคนชาติอื่นคงทะเลาะกันไปแล้ว ผลจากการโต้คารมไม่ใช่การแพ้หรือชนะ แต่คือการตัดสินใจที่ทุกคนยอมรับ ความเชื่อ : […]
สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว แฟชั่น หรืออาหาร มักมีเรื่องราวสนุกๆ ในตัวเองอยู่แล้ว แต่ธุรกิจที่น่าเบื่อ อย่างธุรกิจที่เกี่ยวกับเครื่องจักร พลังงาน ฯลฯ ล้วนต้องพึ่ง วิธีสร้างคอนเทนต์ เฉพาะตัว หากคุณกำลังทำธุรกิจที่น่าเบื่อข้างต้นคงสงสัยว่า คุณจะสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาอ่านสิ่งที่คุณเขียนได้มากเท่ากับธุรกิจที่สนุกอย่างท่องเที่ยว อาหาร แฟชั่น หรือความบันเทิงอื่นๆ ได้หรือเปล่า คำตอบสั้นๆ ก็คือ “ได้” ลองมาดู วิธีสร้างคอนเทนต์ สำหรับธุรกิจที่สุดแสนจะน่าเบื่อ ว่าคุณต้องปรับตรงส่วนไหนบ้าง คำว่าคอนเทนต์น่าเบื่อไม่มีอยู่จริง จริงๆ แล้วคำว่า “น่าเบื่อ” สำหรับคอนเทนต์นั้นไม่มีอยู่จริง มีแต่คำว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่น่าสนใจ เพราะคอนเทนต์บางอย่างที่ดูเหมือนจะน่าเบื่อสำหรับคนหนึ่ง อาจจะดูน่าสนใจในสายตาของคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นๆ ก็เป็นได้ อย่างเช่น คอนเทนต์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ คงไม่ถูกใจสาวๆ ที่ไม่สนใจเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ แต่หนุ่มๆ ไอทีกับให้ความสนใจกันอย่างมาก คำว่า ไม่เกี่ยวข้องและไม่น่าสนใจ หมายความว่า คุณทำคอนเทนต์ที่ไม่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ และไม่ใช่คอนเทนต์ที่ลูกค้าคาดหวังว่าจะได้รับจากคุณ เช่น ถ้าคุณขายคอมพิวเตอร์ แต่คุณกลับทำคอนเทนต์เรื่องอาหาร เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องทำคอนเทนต์ให้ถูกใจทุกคน “ถ้าคุณพยายามจะเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน สุดท้ายคุณจะไม่ได้เป็นอะไรสำหรับใครเลย” คำกล่าวนี้ใช้ได้กับการทำคอนเทนต์เช่นกัน […]
วิธีทำให้ลูกค้าจดจำที่นอกเหนือจากโลโก้หรือสโลแกน ก็คือการ สร้างแบรนด์ด้วยเรื่องราว (Storytelling) ที่เปลี่ยนจากการเล่าเรื่องแบรนด์ เป็นการทำให้ลูกค้ากลายเป็นตัวเอกของแบรนด์ Storytelling หรือศาสตร์แห่งการเล่าเรื่อง เป็นอีกคำที่ได้ยินบ่อยๆ ในแวดวงการตลาด การโฆษณา และการทำแบรนดิ้ง การเล่าเรื่องที่จะพูดถึงนี้ไม่ใช่การเล่าเรื่องแบรนด์แบบเดิมๆ แต่เป็นการเรียงร้อยเรื่องราวของลูกค้าให้กลายเป็นตัวละครเอกของแบรนด์ โดยใช้หลักการ StoryBrand Framework รู้จัก StoryBrand Framework หนังสือ Building a Story Brand กลายเป็นหนังสือการตลาดที่ขายดีที่สุด เพราะผู้เขียนได้พลิกโฉมคำว่า Storytelling ให้เป็นไปในมุมมองใหม่ โดยเปรียบเทียบการทำธุรกิจเป็นการเดินทางของพระเอกในภาพยนตร์ว่า เริ่มต้นอย่างไร ผ่านอุปสรรคอะไรบ้าง และแบรนด์จะเข้าไปเป็นองค์ประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไร โดยใช้วิธีการเล่าเรื่องด้วย StoryBrand Framework ซึ่งช่วยร้อยเรียงเรื่องราวของลูกค้าและแบรนด์เข้าด้วยกัน ลองมาดูขั้นตอน สร้างแบรนด์ด้วยเรื่องราว ทั้ง 7 ขั้นตอนดังนี้ 1.เริ่มจากตัวเอง คุณไม่ต้องไปตามหาคุณชายหรือเจ้าของธุรกิจหมื่นล้านคนไหนมาเป็นพระเอกให้ยุ่งยาก เพราะพระเอกตัวจริงก็คือ “ลูกค้า” นั่นเอง เรามักจะพูดถึงแต่เรื่องแบรนด์ จนลืมไปว่าจริงๆ แล้วคนที่คุณควรให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือลูกค้า ละครธุรกิจเรื่องนี้จะออกมาเป็นแบบไหน อยู่ที่ว่าคุณเข้าใจลูกค้าดีพอหรือยัง […]
มี CEO หลายคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ล้วนมี เคล็ดลับความสำเร็จ ที่แตกต่างกัน บางครั้งก็ดูสุดโต่งจนเราคาดไม่ถึงว่าจะมีใครใจกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนั้น ข้อดีในความกล้าทำ กล้าเสี่ยงของพวกเขาก็คือสิ่งที่ได้รับ ความสำเร็จ และชื่อเสียงไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยอย่างเดียวแน่นอน ต้องอาศัยประสบการณ์ความเก๋าส่วนบุคคลด้วย มาดูกันว่า เคล็ดลับความสำเร็จ แบบประธานบริษัทมีอะไรบ้าง ลดช่องว่างระหว่างพนักงานกับประธานบริษัท ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จก็คือ พนักงาน หากพนักงานมีช่องว่างระหว่างประธานบริษัทมากเกินไปก็จะทำให้เกิดปัญหาในการทำงานตามมาได้ เช่น เวลามีปัญหาก็ไม่กล้าบอกประธาน ไม่กล้าขอคำปรึกษา ฯลฯ ซึ่งการทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกันมีอยู่ 3 สาเหตุ นั่นก็คือ 1.เพราะมาตรฐานการตัดสินใจไม่เหมือนกัน พนักงานทั่วไปมีมุมมองที่แคบกว่าประธานบริษัท พนักงานโฟกัสที่หน้าที่และเป้าหมายในทีมของตัวเอง แต่ประธานบริษัทมองไปกว้างกว่านั้นมาก การจะให้ทั้งสองฝ่ายมาเข้าใจกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย 2.เพราะมองเห็นในสิ่งที่ต่างกัน ประธานบริษัทคิดว่าตนจะบริหารบริษัทระยะยาวอย่างไรด้วยสายตาที่มองไปยังหนทางข้างหน้า และจับตาดูความเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ในขณะที่พนักงานทั่วไปมัวแต่สาละวนอยู่กับงานปัจจุบันที่ล้นมือจนไม่มีเวลานึกถึงหนทางข้างหน้า และไม่เข้าใจสิ่งที่ประธานบริษัทจะสื่อได้ เช่น ประธานบริษัทออกคำสั่งว่า “เลี้ยวขวา” พนักงานย่อมไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “เลี้ยวขวา” เมื่อไม่เข้าใจก็ทำไม่ถูก แต่ประธานบริษัทที่เก่งเกินไปจะไม่เข้าใจว่าทำไมพนักงานถึงเลี้ยวขวาไม่ได้ หรือ ทำไมพนักงานถึงไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองบอก 3.เพราะอยากให้พนักงานทำงานในแบบเดียวกับตัวเอง ประธานบริษัทที่เก่งเกินไปมักมองว่า ทำไมแค่นี้ทำไม่ได้ แต่การที่พนักงานทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว จึงต้อง […]
นิสัยแบบคนดีบางอย่างก็ทำให้ชีวิตเราไม่พัฒนา การยอมคนไปเสียทุกอย่างจนถูกเอาเปรียบ และอีกหลายปัญหาที่บอกเราว่าควร เลิกเป็นคนดี ซะ! การเป็นคนดีของเราอาจทำให้หลายๆ คนสบายใจ อยากอยู่ใกล้ เพราะเราใจดี ให้ทำอะไรก็ทำให้ พูดด้วยง่าย ไหว้วานอะไรก็ไปหมด จนทำให้ตัวเองอึดอัดและไม่สบายใจ เราจะมัวฝืนใจทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นคนดีอยู่ทำไม ในเมื่อเราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากเป็นและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน มาดูวิธี เลิกเป็นคนดี แบบมืออาชีพ ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปในทางที่ดีขึ้นได้ เลิก “เลี่ยงบทสนทนาที่เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ” ความจริงที่น่าเศร้าอย่างหนึ่งในสังคมเราก็คือ “ยิ่งเป็นคนดีก็จะยิ่งจน” เพราะคนดีมักมีความคิดว่า การพูดคุยเรื่องเงินเป็นเรื่องที่เสียมารยาท และมักแคร์สายตาคนอื่นมาเกินไป และกลัวว่า “ถ้าคุยเรื่องเงินจะถูกมองว่าเป็นคนน่ารังเกียจหรือเปล่า” ทั้งยังไม่กล้าเผชิญหน้าความจริงจึงไม่อยากพูดเรื่องเงินซึ่งเป็นสิ่งของที่เห็นเป็นรูปธรรม คนดียากจนเพราะไม่ยอมเข้าหาเงิน และมักเลี่ยงบทสนทนาที่เกี่ยวกับเงิน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราชอบเลี้ยงแมว แล้วพูดถึงแต่เรื่องแมว เราจะมีเพื่อนที่ชอบเลี้ยงแมวเหมือนกัน หากเราชอบวิ่งมาราธอนแล้วคุยแต่เรื่องนี้ เราก็จะมีเพื่อนไปวิ่งมาราธอนด้วย เรื่องเงินก็เช่นกัน คนที่ไม่ชอบคุยเรื่องเงินจะไม่เข้าใกล้คนที่สนใจเรื่องเงิน โอกาสที่จะได้รับข้อมูลในการสร้างรายได้ก็จะลดน้อยลงด้วย ดังนั้น หากไม่อยากขัดสนเรื่องเงินหรืออยากมีเงินมากขึ้น เราก็ต้องพูดคุยเรื่องเงินมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ไปพูดกับคนอื่นว่า “คุณมีเงินเดือนเท่าไหร่” หรือ “โปรดช่วยเหลือคนจนๆ อย่างฉันด้วยเถอะ” การพูดคุยเรื่องเงิน หมายถึงการคุยในหัวข้อต่างๆ เช่น “มีวิธีประหยัดเงินแบบนี้ด้วยนะ” “ทำแบบนี้จะคุ้มกว่านะ” […]
ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต จากคนดังระดับโลก เช่น ศิลปิน ดาราที่ชื่นชอบ นักกีฬาในดวงใจ ที่ประสบความสำเร็จจนคุณรู้สึกภูมิใจไปด้วย หลากหลายมุมมองที่พวกเขาได้ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด ล้วนหยิบจับมาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้หมด ไม่เฉพาะคนดังหรือบุคคลสำคัญเท่านั้น คนที่ผ่านมาในชีวิตล้วนมีสิ่งที่ทำให้เราต้องเรียนรู้แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าเราจะสามารถหยิบจับประเด็นเหล่านั้นออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้หรือเปล่า เพื่อนในที่ทำงาน อาจจะมีแนวคิดที่ว่า “ทำทุกอย่างให้เต็มที่แล้วจะไม่รู้สึกเสียดายทีหลัง” เลยปาร์ตี้สุดเหวี่ยง ทำงานก็ขยันขันแข็ง ไปเที่ยวทุกอาทิตย์ ใช้ชีวิตให้หลุดโลก นั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเขาสามารถบาลานซ์เวลาได้ดี หรือคุณพ่ออาจจะมีแนวคิดว่า “ขยันวันนี้ สบายวันหน้า” ท่านจึงทำงานอย่างหนักในช่วงวัยรุ่น และใช้ชีวิตสุขสบายในวัยเกษียณ คุณจะนำเอาแนวคิดเหล่านี้มาปฏิบัติตามหรือไม่ ไม่มีใครบังคับ อยู่ที่ว่าคุณจะเอาข้อคิดเหล่านี้มาเป็นบทเรียนได้ดีแค่ไหน ลองมาดู ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต จากคนดังเหล่านี้ ที่อาจจะช่วยให้เติบโตขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ล้มเลิกความตั้งใจไม่ได้เด็ดขาด มารายห์ แครีย์ ได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐอเมริกา จนถือว่าเป็นศิลปินหญิงที่ครองอันดับหนึ่งแห่งยุค ซึ่งคนทั่วโลกต่างขนานนามว่าเธอเป็นศิลปินหญิงที่ครองอันดับหนึ่งแห่งยุค ตอนมารายห์ แครีย์ได้ไปร้องเพลงต่อหน้าแขกร่วมห้าพันคน ณ โรงแรมเดอะเวเนเชี่ยนมาเก๊า เธอได้พูดประโยคนี้ก่อนเปิดตัวว่า “ฉันไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็ไม่ยอม” ต่อให้เป็นความฝันที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร หรือจะเล็กเพียงใด ก็ขอให้คุณมีความฝันเอาไว้ และถ้าเป็นไปได้ก็ควรมีความฝันสักสองอย่างดีกว่ามีเพียงหนึ่ง […]
ชีวิตเราล้วนต้องเลือกและตัดสินใจตลอดเวลา การเลือกบางครั้งอาจส่งผลดีที่สุดหรือแย่ชีวิตกับชีวิตของคุณได้ หรือเรียกว่า เลือกเปลี่ยนชีวิต เลยก็ว่าได้ ลองทำบททดสอบเหล่านี้ แล้วคุณจะเข้าใจคำว่า เลือกเปลี่ยนชีวิต อย่างแท้จริง หน้าบึ้งหรือแสร้งยิ้ม ตอนอารมณ์ไม่ดี คุณมักแสดงออกตรงกันให้ทุกคนเห็นหน้าหงิกของคุณ เผยให้เห็นนิสัยแท้จริงอย่างเต็มที่ แต่นี่อาจเป็นอุปสรรคของมนุษยสัมพันธ์ คุณอาจเสแสร้งฝืนยิ้ม พยายามกลบเกลื่อนอารมณ์ของตนเอง ไม่อยากกระทบกับคนอื่น แต่อาจเพราะเก็บกดเกินไปจนตีตัวออกห่างจากผู้คน คุณคิดว่าวิธีไหนที่เหมาะกับคุณมากกว่า A : แสดงนิสัยของตนออกมา ไม่ต้องคิดมาก B : หลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับคนอื่น จึงเสแสร้งยิ้ม สำหรับความคิดและพฤติกรรมเชิงบวกของคนเราจะแสดงออกมาไม่เหมือนกัน บางคนเหมือน “พรมน้ำหอม” บางคนเหมือน “กวาดขยะ” การ “พรมน้ำหอม” คือไม่ได้จัดการกับอารมณ์ของตนเองให้เข้าที่เข้าทางอย่างจริงจัง ปล่อยให้ความรู้สึกไม่มีความสุขทับถมไปเรื่อยๆ เมื่อถึงยามที่ต้องเปิดให้คนเข้าชม ก็ต้องรีบพรมน้ำหอมพยายามปกปิดความรุงรังของตนเอง เรียกได้ว่าเป็นการฝืนยิ้มว่ามีความสุข ส่วนการ “กวาดขยะ” หมายถึงการจัดแจงอารมณ์รัก โกรธ ดีใจ เสียใจ ให้เป็นหมวดหมู่ และห่อไว้ตามกำหนดเวลา อะไรที่ควรทิ้งก็ทิ้งไป อะไรที่ควรเก็บก็เก็บไว้ วิธีจัดการอารมณ์ทั้งสองแบบ ไม่มีสิ่งใดผิดหรือถูก […]
โฮวาร์ด ชูลท์ส ผู้ปลุกปั้นร้านกาแฟเล็กๆ ในซีแอตเทิล สู่ร้านกาแฟระดับโลกที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ และดูแลพนักงานกว่า 191,000 ชีวิตทั่วโลก กว่าที่ โฮวาร์ด ชูลท์ส จะมีวันนี้ เขาต้องผ่านอะไรบ้าง มาดูกัน แรงบันดาลใจของโฮวาร์ด ชูลท์ส เมื่อปี 1961 พ่อของโฮวาร์ดประสบอุบัติเหตุ ต้องใส่เฝือกที่ขาเพราะลื่นลมจนข้อเท้าหัก เป็นผลที่ทำให้พ่อต้องตกงานโดยที่ครอบครัวไม่มีสวัสดิการรองรับเลย แม่ซึ่งตั้งท้องเจ็ดเดือนไปทำงานไม่ไหว ครอบครัวของเขาไร้ตัวช่วยยามคับขัน หลายครั้งที่เขาต้องนั่งฟังพ่อแม่เถียงกันว่าจะไปยืมเงินใครดี เวลาใครโทรศัพท์มา แม่จะสั่งให้เขาบอกว่าพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน โฮวาร์ด ฝันจะสร้าง “บริษัทแบบที่พ่อผมภูมิใจจะทำงานด้วย” ซึ่งดูแลพนักงานเป็นอย่างดีพร้อมให้สวัสดิการด้านสุขภาพ เขาแทบไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาต้องมาดูแลพนักงานกว่า 191,000 คน ซึ่งทำงานในร้าน 21,000 แห่งทั่วโลก ประสบการณ์ในชีวิตที่พ่อต้องเสียงานเพราะอุบัติเหตุ คือแรงบันดาลใจให้เขาสร้าง Starbucks จนกลายเป็นร้านกาแฟชั้นนำของโลก ปีศาจและความกลัวจากอดีต โฮวาร์ดเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย พูดเจือสำเนียงบรุกลิน ชอบกินอาหารอิตตาเลียน ชอบใส่กางเกงยีนสบายๆ และเคารพคนทุกแบบ เขาไม่เคยลืมที่มาของตัวเองหรือหลงคิดว่าตัวเองร่ำรวย “ผมอยู่ในแวดวงผู้คนที่ทำงานแบบปากกัดตีนถีบให้พอค่าใช้จ่าย ไม่มีความหวังอะไร แล้วก็ไม่มีสิทธิ์หยุดงานเลย ” ตั้งแต่ที่เขาจำความได้ แม่พร่ำบอกเขาอยู่เสมอว่า ให้ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำในอเมริกา ส่วนพ่อกลับสร้างผลกระทบตรงข้าม […]
การไม่ได้ วางแผนการใช้เงิน ทำให้หลายคนใช้เงินเดือนหมดตั้งแต่ยังไม่ถึงกลางเดือน ช้อปปิ้ง บุฟเฟต์ จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยว จนทำให้ปลายเดือนห่อเหี่ยวเพราะไม่มีเงินใช้ วิธี วางแผนการใช้เงิน ที่จะมาแนะนำนี้ จะช่วยคุณให้มีเงินเหลือกินเหลือใช้ได้อย่างไร มาดูกัน ลงทุนกับตัวเอง กระแสโลกไหลอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบรับสิ่งนี้ การขัดเกลาตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องตัวเองอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการลงทุนด้าน IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย เช่น โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชั่นที่รองรับในการทำงาน หรือแท็บเล็ตขนาดกะทัดรัด พกพาได้ถนัด ลดค่าใช้จ่าย ลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงเล็กน้อย จะช่วยให้ วางแผนการใช้เงิน ได้ง่ายขึ้น ปรับวิถีชีวิตใหม่โดยเลือกสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องจ่ายมาไว้ลำดับแรกๆ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำ-ไฟ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ส่วนของฟุ่มเฟือยต่างๆ ก็ให้ลดลง เช่น ลดการกินบุฟเฟต์จากสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็น สัปดาห์ละครั้ง บุฟเฟต์ 1 มื้อราคาเฉลี่ย 300-800 บาท ยิ่งลดเยอะ […]