เรามีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกคน แต่สิ่งที่มีไม่เท่ากันคือการ บริหารเวลา นั่นเป็นเหตุผลหลักที่บางคนทำงานเสร็จเร็วมาก แต่อีกคนกลับทำงานไม่ทัน การใช้เวลาให้คุ้มค่าเป็นลักษณะของคนรวย พวกเขาจะไม่ยอมเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ สำหรับคนรวยแล้ว เวลามีค่ามากกว่าเงิน เขายอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเวลา เช่น การเดินทางโดยเครื่องบินแทนการขับรถ จ้างคนทำความสะอาด ตัวเองจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นแทน เป็นต้น ลองมาดูกันว่าเทคนิคการ บริหารเวลา แบบคนรวยเขาทำอย่างไร ทำงานอย่างมีสมาธิ คนที่ดูเหมือนไม่ได้ทำงานแต่ทำงานเก่ง เป็นคนที่มีผลิตภาพต่อเวลาสูง เขาใช้การระเบิดพลังยามมีสมาธิ จนสามารถทำงานได้มากในระยะเวลาอันสั้น ในทางตรงข้าม ก็มีบางคนที่ทำงานช้าทำงานได้ปริมาณน้อย ผลิตภาพต่ำ ทั้งยังใช้เวลานาน วิธีแก้ไขปัญหานี้คือต้องรู้ช่วงเวลาและสภาพแวดล้อมที่ทำให้เรามีสมาธิที่สุด และทำงานที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลานั้น สมมติว่าช่วงเวลาที่เรามีสมาธิมากที่สุดคือช่วงเช้า เราก็ใช้เวลานั้นทำงานที่สำคัญที่สุด งานที่ซับซ้อน งานที่ยากมาก ส่วนงานอื่นๆ ไว้ทำหลังจากนั้น งานที่ไม่สำคัญและไม่เร่งรีบอย่างการทำบัญชีหรือทำเอกสารจิปาถะก็ให้ทำตอนบ่าย ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าประชุมช่วงเช้า แต่จำเป็นต้องประชุมช่วงเช้าจริงๆ ให้เข้างานก่อนเวลาทำงานสักชั่วโมง วิธีนี้จะทำให้คุณได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครมาคุยด้วย นอกจากนี้การปรับสภาพแวดล้อมก็มีผลต่อสมาธิเช่นกัน ให้จัดโต๊ะด้วยการนำงานที่ไม่เกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ออกไปให้พ้นสายตา และวางเอกสารหรืองานที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้บนโต๊ะก่อนกลับบ้านทุกครั้ง เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานจะได้รู้ว่าควรทำอะไรก่อน-หลัง เคารพเวลาของคนอื่น คนทำงานเก่งและเร็วจะให้ความสำคัญกับเวลามาก ไม่เพียงแค่เวลาของตัวเองเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับเวลาของคนอื่นด้วย […]
Category Archives: How To
หนังสือ ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย จะพาทุกคนไปพบกับสถานการณ์ที่น่าเจ็บปวดจากคนเฮงซวยทั้งหลาย และวิธีป้องกันอย่างชาญฉลาดไม่ให้คนเหล่านั้นแพร่เชื้อร้ายใส่คุณ ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ มาดูกันว่า ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย มีอะไรบ้าง และน่าสนใจขนาดไหน หนีออกมาแบบสวยๆ การหนีออกมาไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการช่วยบรรเทาความหงุดหงิดใจจากคนงี่เง่าต่างหาก และยังช่วยป้องกันการเผชิญหน้ากันในช่วงสั้นๆ แต่รุนแรงน่ากลัวได้ งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าเมื่อคนเราถูกพูดจาหยาบคาย หรือการกระทำที่หยาบคายใส่ การหลีกเลี่ยงจุดเกิดเหตุจะช่วยคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าการปะทะแบบตรงๆ ทันที หลายคนอาจจะโดนคนเฮงซวยก่อกวน สร้างปัญหาที่น่ารำคาญใจมานักต่อนักจนเกิดฟิวส์ขาดระเบิดอารมณ์ใส่ จงท่องไว้ว่า การระเบิดอารมณ์จะทำให้มีคนเฮงซวยเพิ่มมาอีกหนึ่งคนก็คือตัวคุณนั่นเอง การตัดสินใจปะทะจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงตามมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การทะเลาะวิวาท ต้องเสียงาน เสียเพื่อน ฯลฯ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ถ้าควบคุมสติของตัวเองได้ ให้เงียบและเดินออกมาจะเป็นผลดีต่อตัวเองมากกว่า เพิกเฉย และบล็อก หลายคนคงเคยเจอนักเลงคีย์บอร์ดเข้ามาคอมเม้นต์ด้วยถ้อยคำรุนแรง และก่อกวน inbox อย่างไม่จบไม่สิ้น คนเฮงซวยพวกนี้จะมีนิสัยชอบก่นด่า ถ้าได้รับการตอบโต้จากอีกฝ่ายเมื่อไหร่ พวกเขาจะมีความสุขมาก และเริ่มส่งข้อความตามมาไม่หยุดหย่อน วิธีอยู่กับคนพวกนี้คือเพิกเฉยเสีย ทำเป็นไม่เห็นสิ่งที่พวกเขาก่อกวน จากนั้นก็กดปุ่มบล็อกเบาๆ ขยับปลายนิ้วแค่สองทีก็ตัดคนเฮงซวยที่เข้ามาก่อกวนใจได้แล้ว แถมสุขภาพจิตไม่เสียอีกด้วยนะ อย่าไปยุ่งกับคนบ้า สำหรับใครที่กำลังมีปัญหา ถูกทำร้ายจิตใจจากคนงี่เง่า บางครั้งก็ติดอยู่กับการเผชิญหน้าและความสัมพันธ์กับคนเฮงซวย […]
เชื่อว่ามนุษย์วัยทำงานล้วนมี ความเครียดจากการทำงาน กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ ฟรีแลนซ์ หรือเป็นนายตัวเอง ความเครียดเกิดจากปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละวัน ทั้งโดนเจ้านายดุ ยอดไม่เข้าเป้า ทำงานไม่ทัน งานเยอะท่วมหัว ฯลฯ ก่อนที่เราจะไปแก้ปัญหานั้น ควรลดความเครียดลงเสียหน่อย เพราะความเครียดจะทำให้เรารู้สึกกังวล กดดัน จนคิดหาทางไม่ออก ปรับสภาพจิตใจให้คงที่ด้วยการคิดบวกก่อนแล้วค่อยเดินหน้าลุยปัญหาอีกครั้ง ลองมาดูกันว่า ความเครียดจากการทำงาน สามารถแก้ไขด้วยการคิดบวกได้อย่างไร ความผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรู้ การทำอะไรสักอย่างพลาดถือเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง การลองแล้วพลาดทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการรับมือจากปัญหาต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ถ้ามัวแต่เครียด กังวล ไม่กล้าทำเพราะกลัวพลาดก็จะกลายเป็นว่าเราไม่มีโอกาสได้เรียนรู้วิธีรับมือกับอะไรเลย ตัวอย่างเช่น คนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ นั้นคงเต็มไปด้วยความเครียด ความกังวลเป็นอย่างยิ่ง กังวลว่าจะทำงานนี้ไม่สำเร็จ เครียดถ้าทำงานพลาดไปแล้วเกิดผลกระทบกับบริษัท ถ้ามัวแต่รีรออยู่แบบนั้นคงไม่สามารถพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าได้ ถ้าไม่เริ่มสักก้าวหนึ่ง แล้วเรียนรู้การผิดพลาด ชีวิตนี้ก็ไม่มีทางเรียนรู้การทำงานได้เลย ใช้ความเครียดเพิ่มสีสันในชีวิต ลักษณะของความเครียดนั้นจะเปลี่ยนไปตามทักษะและประสบการณ์การทำงาน วิธีที่จะชนะความเครียดได้มีแต่การเผชิญหน้าเท่านั้น แม้จะเครียดมากแค่ไหนก็ต้องพยายามทำอะไรเพื่อขจัดความรู้สึกนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันเป็นรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น ซีเนียร์ในบริษัทหนึ่งที่ไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางการทำงานที่ราบรื่นสวยหรูนัก แม้จะเก่ง มีความสามารถ และประสบความสำเร็จมาระยะหนึ่ง แต่ช่วงหลังๆ ก็มีความเครียดจากการได้เห็นเด็กจบใหม่ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญแบบยุคใหม่ […]
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็กหรือใหญ่ล้วนอยากได้ พนักงานที่ดี ทั้งนั้น แม้จะมีการศึกษาดี สติปัญญาดี แต่ก็กลายเป็นลูกน้องที่ไม่เอาไหนในสายตาของหัวหน้าได้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ทำงานดีแต่การเข้าสังคมไม่ดี ทำงานดีแต่ไม่ตรงต่อเวลา ทำงานดีแต่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานบ่อย ฯลฯ สาเหตุยิบย่อยเหล่านี้จะเป็นตัวที่ฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าให้ย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้รับการโปรโมต ปรับตำแหน่ง หรือเลื่อนตำแหน่งแม้จะทำงานมาหลายปีแล้วก็ตาม ลองมาดูลักษณะของ พนักงานที่ดี ที่หลายบริษัทต้องการมีอะไรบ้าง คิดริเริ่มด้วยตนเอง เจ้านายมักปลื้มที่พนักงานลงมือคิดไอเดียใหม่ๆ ด้วยตัวเองและลงมือทำทันที จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เช่น สนุก ทันกระแส ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ฯลฯ แล้วผลตอบรับออกมาเป็นที่น่าพอใจ หลักการทำงานแบบนี้ ให้ยึดกฎเหล็กสำคัญว่า “งานที่สนุกต้องไม่ใช่งานที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบน และงานที่สนุกคืองานที่ลงมือทำก่อนและเป็นผู้ชนะ” แต่ไม่ใช่ว่าเอาแต่ทำงานที่ชอบเพียงอย่างเดียว งานที่ไม่ชอบก็ต้องทำออกมาสมบูรณ์แบบเรียบร้อยเช่นเดียวกัน การมีความสามารถคิดเองเป็นเพื่อทำงานที่สนใจด้วยตัวเองเป็นสิ่งชี้วัดผลแพ้ชนะในการทำงาน เพราะคนที่ชิงลงมือทำงานที่น่าสนใจก่อนย่อมเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน ใส่ใจคุณภาพของงาน “จงใส่ใจในเนื้องาน อย่าทำงานที่ขาดความเอาใจใส่” นี่เป็นคำพูดที่ควรปลูกฝังไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ แม้กระทั่งของที่ระลึกที่แจกผู้ที่มาร่วมงานสำคัญในบริษัทก็ยิ่งต้องใส่ใจ รู้ไหมว่าบริษัทที่ญี่ปุ่นใช้เวลาหลายวันถกเถียงกับคณะกรรมการกว่า 20 ท่านในที่ประชุมว่า จะเลือกอะไรเป็นของที่ระลึก เลือกกระดาษห่อแบบไหน จะใช้ริบบิ้นสีอะไรห่อ หลายคนคงสงสัยว่าแค่ของแจกเอง ทำไมต้องมาเสียเวลากับมันด้วย ลองคิดเมื่อตัวเองได้รับของแจกดูสิ พวงกุญแจราคาถูก พัดกระดาษที่ใช้งานไม่ได้ […]
อยากลาออกจากงาน แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดีเป็นความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่าง “อยากลาออก” เพื่อ เปลี่ยนงาน และ“กำลังตามหาสิ่งที่ใช่ในชีวิต” เรียกได้ว่าเป็นห้วงเวลาแห่งความสับสนนั่นเอง สำหรับคนที่กำลังลังเล หรือคิดอยาก เปลี่ยนงาน ลองตอบคำถามทั้ง 4 ข้อนี้ดูก่อน ไม่แน่บางทีคุณก็อาจกำลังคนหาตัวเองอยู่ก็ได้นะ คุณกำลังทำงานเพื่อใคร การทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อใครสักคนแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่เราต้องไม่ลืมว่า “เพื่อใครสักคน” เป็นแค่ผลที่ตามมา สิ่งที่เราทำควรส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น แต่ไม่ใช่เริ่มลงมือทำเพื่อคนอื่น ดังนั้นเมื่อจะเริ่มลงมือทำสิ่งใดก็ตาม สิ่งสำคัญอยู่ที่ “เราอยากทำจริงๆ หรือเปล่า” มากกว่า “เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นหรือเปล่า” ต่อให้สิ่งนั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น แต่ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำ สุดท้ายก็ทำได้ไม่นาน ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ทั้งที่จริงๆ เป็นสิ่งที่อยากทำเพื่อตัวเอง แต่กลับคิดว่าเป็นการทำเพื่อคนอื่น คุณ “ตื่นเต้น” กับอะไร การที่จะสร้างผลงานขั้นสุดยอดได้เราต้องรู้สึกตื่นเต้น ต่อให้เป็นงานที่เงินเดือนสูงแค่ไหน ต่อให้เป็นงานที่น่ายกย่องเพียงใด หากใจของเราตายด้านไปเสียแล้วก็ไม่อาจสร้างผลงานที่ดีได้ แล้วงานแบบไหนที่ทำให้ตื่นเต้นได้ล่ะ คำตอบของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ต้องลองถามกับตัวเองดูว่า ทำงานนั้นแล้วสนุกไหม เกิดให้เดียที่ทำให้หัวใจพองโตเรื่อยๆ หรือเปล่า ตื่นมาตอนเช้าแล้วอยากไปทำงานไหม ถ้าตอบว่า สนุก,ใช่,อยาก เมื่อไหร่ งานนี้ก็เหมาะสมกับคุณแล้วละ! […]
การคิดแบบคนอื่นทั่วๆ ไป อาจทำให้เรามีเงินเก็บมากขึ้นแต่ยังห่างไกลคำว่ารวยอยู่มากโข วิธีคิดของคนรวย ที่จะมาแนะนำนี้ เป็นวิธีคิดที่ล้ำ แปลก แหวกแนว แต่ทำให้เรารวยขึ้น ถ้านำไปปรับใช้ได้ถูกวิธี ลองมาดู วิธีคิดของคนรวย กันบ้าง ว่าเขามีวิธีผลิตเงินอย่างไร ใครๆ ก็เป็นคนรวยได้ คนรวยคิดว่าใครก็เป็นคนรวยได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์หรือเรียนสูงก็ทำได้ ถ้าอยากเป็นคนรวย ต้องเปลี่ยนมโนภาพทางการเงินให้เป็นบวก คิดเสียว่าเราเป็นคนที่รวยแล้ว ถ้าอยากรวยแต่ยังพูดถึงเรื่องความต่างทางฐานะ เสพติดเรื่องความจนหรือความเป็นผู้ด้อยกว่า ความสำเร็จก็จะอยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน เริ่มต้นแบบเบาๆ ด้วยการจินตนาการภาพอนาคตที่มีความสุข คิดภาพตัวเองสวมใส่เสื้อผ้าดีๆ ภาพตัวเองกำลังนั่งอยู่บนรถยนต์ราคาแพง อาศัยอยู่ในบ้านหลังโต มีสระว่ายน้ำ ลองวาดภาพชีวิตในอนาคตว่าเราคือคนรวย แล้วสิ่งแวดล้อมที่ห้อมล้อมเราอยู่จะเปลี่ยนไป ไม่เก็บเงินอย่างเดียว คนรวยจะคิดว่าการใช้เงินสำคัญพอๆ กับการเก็บเงิน ถ้าเอาแต่เก็บอย่างเดียวอาจเกิดผลข้างเคียงได้เพราะการไหลของเงินถูกปิดกั้น ไม่ว่าจะเป็นตอนใช้เงิน เก็บเงินหรือลงทุน เขาจะคิดถึงคุณค่าในอนาคตของมันเสมอ บางครั้งเราอาจเห็นคนที่ใช้เงินซื้อของแพงๆ มาใช้ เป็นเพราะพวกเขามั่นใจในระยะยาวแล้วว่า เขาจะได้รับคุณค่ามากกว่านั้น ดังนั้นอย่ามัวแต่ค่อนแคะว่าทำไมถึงซื้อคอมพิวเตอร์แพงๆ เป็นแสนมาใช้ โดยไม่รู้ว่าเขาสามารถใช้มันหาเงินได้มากเท่าไหร่จากของสิ่งนั้น จงคิดว่าเราจะใช้เงินอย่างไรถึงจะได้ผลตอบลัพธ์ระยะยาวที่คุ้มค่าคืนมามากกว่า ดูแลกระเป๋าเงินให้ดี สำหรับคนรวย กระเป๋าเงินคือที่พักของเงิน จึงต้องดูแลให้ความสำคัญเท่าๆ กับเงิน […]
หลายคนเข้าใจว่าการ เรียนรู้เร็ว ความจำดี ต้องฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเด็ก และต้องเป็นคนที่เรียนเก่งแล้วเท่านั้นถึงทำได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนหัวอ่อน ความจำสั้นขนาดไหนก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนเรียนรู้เร็วได้ สำหรับนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบ หรือวัยทำงานที่อยากเปลี่ยนงาน การเรียนรู้เร็วก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้บริษัทที่อยากทำงานเลือกคุณ คงไม่มีใครอยากสอนงานคนที่เรียนรู้ช้า ต้องสอนซ้ำๆ หรอกจริงไหม ลองมาดู 8 วิธีเหล่านี้ ที่จะทำให้คุณเป็นคน เรียนรู้เร็ว มากขึ้น! เป็นเรื่องของวิธีล้วนๆ ความสามารถในการรักษาสมาธิ และจดจำข้อมูลนั้นขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอายุหรือระดับสติปัญญาสักเท่าไหร่ คนที่เรียนหนังสือไม่ดี ก็สามารถเรียนดีขึ้นได้ ถ้าใช้วิธีให้ถูกต้อง ไม่ใช่การเรียนรู้แบบเดิมๆ ที่มักจะได้ผลลัพธ์แบบเดิม อุดช่องว่าง สมองคนเราคิดเร็วกว่าพูดหรืออ่านมากเลยทีเดียว ผลคือเราจะเหลือพื้นที่สมองให้คิดถึงสิ่งอื่นๆ ซึ่งหมายถึง ในระหว่างที่อ่านหนังสือฟังคนอื่นพูด ความคิดของเราจะฟุ้งซ่านได้ง่าย ถ้าอุดช่องว่าง คุณจะเหลือพื้นที่ให้คิดสิ่งอื่นได้น้อย ทำให้มีสมาธิเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำงานทีละอย่าง สมาธิแบบรู้ตัวของคนเราจดจ่อได้เพียงทีละอย่างเท่านั้น และทุกครั้งที่สลับงานไปมา คุณจะเสียทั้งเวลา ความทุ่มเท และพลังงาน ถ้าคุณพยายามทำงานทีละหลายๆ อย่าง หรือสลับงานไปมาอย่างรวดเร็ว ระดับความสามารถและประสิทธิภาพของคุณจะต่ำลง ด้วยเหตุนี้จึงควรโฟกัสที่งานเป็นอย่างๆ ไป ต่อจุด ข้อมูลที่อยู่เดี่ยวๆ […]
เรื่องราวของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ที่เรารู้จักในฐานะเจ้าของ FACEBOOK โซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย เขาเริ่มต้นเขียนโปรแกรมขึ้นมาเพียงเพราะความชอบเท่านั้น มาดูกันว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก สามารถเปลี่ยนความชื่นชอบให้กลายเป็นเม็ดเงินได้อย่างไร ฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเป็นเด็กอัจฉริยะที่มีปัญญาฉลาดล้ำ เขาเกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1984 พ่อเป็นทันตแพทย์ ส่วนแม่เป็นจิตแพทย์ เขาและพี่น้องผู้หญิงสามคนเติบโตในนิวยอร์ค สมาชิกในครอบครัวล้วนมีพรสวรรค์ด้านวิชาการ และประสบความสำเร็จอย่างมากในวิชาชีพ ซักเคอร์เบิร์กได้รับรางวัลด้านคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ และวรรณกรรมคลาสสิก และเป็นกัปตันทีมฟันดาบ ก่อนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นอกจากภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาบ้านเกิดแล้ว เขายังสามารถอ่านและเขียนภาษาฝรั่งเศส ฮีบรู ละติน และกรีกโบราณได้ด้วย เริ่มสนใจคอมพิวเตอร์ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เริ่มสนใจการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในช่วงมัธยมต้น เขาเรียนการเขียนโปรแกรมภาษาเบสิกก่อน จากนั้นจึงไปเรียนแบบส่วนตัวกับเดวิด นิวแมน นักพัฒนาซอฟต์แวร์ขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เขาเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากมาย เช่น เกมคอมพิวเตอร์ที่เพื่อนของเขาเป็นผู้วาดภาพประกอบ และซักเน็ต (ZuckNet) โปรแกรมซึ่งเป็นรุ่นดั้งเดิมของโปรแกรมอินสแตนท์เมสเซนเจอร์ของเอโอแอล รวมไปถึงไซแนปส์มีเดียเพลเยอร์ที่ได้รับการกล่าวถึงในเว็บไซต์สแลชด็อต โดยผู้วิจารณ์ให้คะแนนโปรแกรมนี้ 3 คะแนน จากเต็ม 5 […]
Death Cleaning คือการเก็บกวาดทำความสะอาดเตรียมพร้อมก่อนจะลาจากโลกนี้ไป ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในประเทศไทย แนวคิดนี้มาจากมาร์การีตา แมกนัสสัน ศิลปินนักวาดภาพชาวสวีเดน คุณแม่ลูกห้าที่เดินทางย้ายหลักแหล่งมากหลายที่จากหลายมุมโลก ผ่านความทรงจำและข้าวของมากมาย จนเมื่อเธอคิดถึงวันสุดท้ายบนโลกใบนี้ ที่ไม่ควรจะเป็นเรื่องน่าหดหู่ จึงคิดที่สร้างความสุข ความสบายในชีวิต ด้วยการเก็บของให้เป็นระเบียบและเหลือน้อยชิ้นที่สุด ลองมาดูหลักการ Death Cleaning กันว่ามีอะไรที่นำไปปรับใช้ได้บ้าง รื้อของออกมาให้หมด สำหรับมาร์การีตา เดธคลีนนิ่งคือการรื้อดูสิ่งของทั้งหมดที่ตัวเองมี แล้วตัดสินใจว่าจะกำจัดของที่ไม่ต้องการแล้วออกไปจากบ้านยังไง แค่มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วก็รู้แล้วว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่รอบตัวมานานเหลือเกิน นานจนไม่แม้แต่จะมองหรือเห็นค่ามันอีกแล้วด้วยซ้ำ ความแตกต่างของเดธคลีนนิ่ง กับการเก็บกวาดทั่วๆ ไป อยู่ตรงเวลาที่ใช้ การเก็บกวาดเดธคลีนนิ่งไม่ใช่การปัดหรือถูก แต่มันเป็นรูปแบบการจัดระเบียบถาวรซึ่งจะทำให้ชีวิตของทุกคนดำเนินไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น รื้อดูข้าวของเก่าๆ นึกถึงหนสุดท้ายที่ได้ใช้มัน แล้วบอกลาพวกมันไปซะ หลีกเลี่ยงภาพถ่ายและจดหมาย การเริ่มเก็บของที่ดีที่สุดคือเริ่มจากบริเวณประตู เพราะเป็นพื้นที่ที่ต้องเดินผ่านอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าเก่าที่ไม่ได้ใช้นานแล้ว ร่มพังๆ กล่องเก่าๆ โต๊ะที่มีแต่หนังสือพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้ว กวาดทิ้งไปให้หมด ส่วนที่ควรหลีกเลี่ยงคือภาพถ่ายและจดหมาย การไล่ดูทั้งสองอย่างจะทำให้รู้สึกสนุกมากไม่ก็เศร้านิดหน่อย แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ถ้าเริ่มต้นเก็บจากของพวกนี้เมื่อไหร่ คุณจะติดอยู่ในความทรงจำและไม่มีทางหลุดออกมาเก็บกวาดสิ่งของอื่นๆ ได้เลย ภาพถ่ายและจดหมายที่ตัดสินใจเก็บไว้ด้วยเหตุผลบางอย่างจะต้องรอจนกว่าคุณจะจัดแจงที่ทางให้กับเฟอร์นิเจอร์และข้าวของอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว จำไว้ว่าจัดของให้เป็นระเบียบจะต้องเริ่มจากใหญ่ไปเล็กเสมอ กำจัดของที่ง่ายที่สุดก่อน เลือกของประเภทที่คิดว่าจะจัดการได้ง่ายก่อน เช่นของที่มีเยอะและไม่ได้มีความผูกพันทางอารมณ์อะไรมากมายนัก การเอาของง่ายๆ […]
โดยทั่วไปแล้วการ ขายสินค้าทางโทรศัพท์ มีโอกาสสำเร็จแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นในสายตาของลูกค้า การกดวางโทรศัพท์ ปิดเครื่อง ยกสายออกเป็นเรื่องง่ายกว่ามาฟังการขายสินค้าตั้งเยอะ แต่หากลองวิธีเหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง โอกาสก็จะเพิ่มขึ้นสิบเท่าเลยทีเดียว มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้การ ขายสินค้าทางโทรศัพท์ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เตรียมรายชื่อลูกค้า ตอนเริ่มติดต่อกับลูกค้ารายใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ต้องมีรายชื่อของลูกค้าอยู่ในปริมาณมาก ถ้าตั้งใจจริงๆ การโทรนัดหมายวันละ 100 รายการก็ทำได้ สมมุติว่ามีผู้รับผิดชอบฝ่ายขายทางโทรศัพท์ 5 คน ในวันหนึ่งก็จะทำได้ 500 รายการ หนึ่งเดือนก็จะได้ประมาณ 10,000 รายการเลยทีเดียว รายชื่อลูกค้าจึงสำคัญมาก รองลงมาคือการเตรียมข้อมูลสั้นๆ ต้องพูดเกริ่นด้วยอะไร จบด้วยประโยคไหน ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมากๆ ถ้าเกริ่นไม่ดี ปิดไม่สวย โอกาสที่จะได้ยอดก็จบลงในพริบตา ทำการนัดหมาย แม้ว่าจะติดต่อลูกค้าไป 100 ราย โอกาสที่ลูกค้าจะยอมถือสายฟังมีประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนลูกค้าที่ยินยอมให้นัดหมายเพื่อมาเจรจาสินค้ามีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้าเอาแต่พูดน้ำไหลไฟดับ โดยไม่เปิดช่องว่างหรือเสนอสิ่งที่ลูกค้าสนใจเลย ลูกค้าก็คงรู้สึกเหมือนฟังหุ่นยนต์พูดซ้ำไปซ้ำมา สิ่งที่ต้องพูดคือ อธิบายข้อดีที่บริษัทลูกค้าจะได้รับอย่างกระชับและเข้าใจง่าย วิธีการใช้สินค้าของคุณแก้ปัญหาที่ลูกค้าประสบอยู่ หลังจากนั้นค่อยนัดหมายมาเพื่อเจรจาธุรกิจอีกครั้ง ห้ามขอสายผู้รับผิดชอบ การขายสินค้าทางโทรศัพท์ จำเป็นต้องเลือกเป้าหมายในการเสนอขายเป็นคนสำคัญที่มีอำนาจตัดสินใจ […]