모든 악당은 멍청이다
Every Villainis Lemon
ตัวร้ายไม่ได้เรื่องทุกราย
จังนยัง เขียน
ตรองสิริ แปล
โปรย
ปีเตอร์ เจ้าหน้าที่ซีไอเอได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมภารกิจ ‘พ่อมด’
ไม่รู้ว่าโลกกลมหรือเป็นคราวซวย
เมื่อเป้าหมายการจับกุมในภารกิจครั้งนี้กลับเป็นคนรักเก่าของเขา
ไลนัส ทายาทธุกิจไอทียักษ์ใหญ่ คนรักเก่าของปีเตอร์
ตกเป้นผู้ต้องสงสัยว่าผลิตอาวุธสงคราม แถมยังเป็นผู้ป่วยจิตเวชขึ้นรุนแรง
นับเป็นบุคคลอันตรายระดับที่ก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สามได้
ทว่าในความทรงจำของปีเตรอ์ ไลนัสดูไม่เหมือนคนบ้าคลั่งแบบนั้นแม้แต่น้อย
ตลอดแปดปีที่ไม่ได้พบกัน เกิดอะไรขึ้นกับไลนัสกันนะ
แล้วทำไมพบกันคราวนี้อีกฝ่ายดันทำเหมือนยังรักปีเตอร์มาตลอดล่ะ
“ฉันยินดีโกหกคนทั้งโลก ขอเพียงให้ได้นายมา”
“ทุกคำที่ฉันเคยพูดกับนายคือใจจริงของฉัน ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม”
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
3.1
ช่วงเรียนต่อมหาวิทยาลัย ปีเตอร์หมกมุ่นกับการแฮ็กกิ้ง อืม อันที่จริงก็หมกมุ่นมาเป็นสิบปีแล้ว แต่เขาไม่เคยเบื่อเลย มีเด็กหนุ่มหลายคนทุ่มเทชีวิตจิตใจกับการเป็นแฮ็กเกอร์ฝีมือฉกาจ ปีเตอร์ก็เช่นกัน หลังตัดสินใจเรียนต่อที่เอ็มไอที[1] เขาก็ครุ่นคิดเสมอว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสำแดงฝีมืออันยอดเยี่ยมให้เป็นที่จดจำ
อีกไม่นานจะปิดเทอมฤดูร้อน คืนหนึ่งปีเตอร์แฮ็กเข้าเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในแคลเทค[2] คู่ปรับตลอดกาลของเอ็มไอทีได้ ตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ในสถาบันจนถึงคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่พวกเด็กนักศึกษาใช้ในหอพัก ขอเพียงเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ล้วนถูกปีเตอร์ปักธงประกาศศักดาทั้งสิ้น
“ปีเตอร์! ปีเตอร์!”
ใครบางคนจับหลังคอปีเตอร์ตอนกำลังจะเดินออกจากห้องเลกเชอร์ด้วยสภาพอย่างกับซอมบี้ เป็นคูซานเพื่อนเขากับคนอื่น ๆ ในชมรมนั่นเอง และยังมีคนที่ปีเตอร์ไม่รู้จักยืนเมียงมองอยู่ด้วย
“เมื่อวานเป็นฝีมือนายใช่ไหม”
“อะไรเหรอ”
ปีเตอร์ทำไก๋ คนอื่น ๆ ที่มามุงดูต่างพูดกันว่า “ไม่ใช่นายเหรอ เจ้านี่บอกว่าเป็นนาย” แล้วก็เขย่าตัวคูซาน
“ใช่มันนั่นแหละ เฮ้ รีบคายออกมานะ เมื่อวานนายแฮ็กพวกแคลเทคใช่ปะ”
คูซานดุเข้าให้ ปีเตอร์เลยว่า “อ๋อ เรื่องนั้น” เขาพูดต่อยิ้ม ๆ
“ฝีมือคาวบอยวูดดี้ไง”
‘cowboywoody’ คือไอดีแฮ็กเกอร์ประจำตัวปีเตอร์ นาทีก่อนที่จอคอมพิวเตอร์ของพวกเด็กแคลเทคจะดับ มีเสียง “คาวบอยวูดดี้แฮ็กได้แล้วจ้า คาวบอยวูดดี้แฮ็กได้แล้วจ้า” ซ้ำ ๆ ด้วยน้ำเสียงระคายหูขนาดที่ฟังนาทีเดียวยังอยากบีบคอเจ้าวูดดี้แทบแย่ แต่ถ้าปิดคอมพิวเตอร์หนีด้วยความหงุดหงิด เจ้าของจะต้องรีบูต[3]เครื่องไม่จบสิ้น
“ก็นายคือคาวบอยวูดดี้ไม่ใช่เหรอ”
คูซานเอ่ยเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่ อุตส่าห์ทิ้งหลักฐานไว้ขนาดนั้น หากไม่คุยโม้เลยคงเศร้าแย่ ปีเตอร์กล่าวด้วยเสียงที่ขนาดตัวเขาเองฟังแล้วยังรู้สึกว่าอวดดีสุด ๆ
“เป็นฝีมือใครสำคัญตรงไหน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซะหน่อย”
แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดที่จะพูดได้ก็ต่อเมื่อเป็นเรื่องใหญ่นั่นละ เขาป่วนแคลเทคด้วยตัวคนเดียว วันนี้เด็กแคลเทคจะต้องเฝ้ารีบูตคอมพิวเตอร์กันทั้งวัน ต่อให้ไม่มีทางรีบูตสำเร็จก็ตามที
“อ๊ะ แต่ก็สนุกดีนะ ไม่เห็นมีเด็กแคลเทคคนไหนโต้กลับได้นานเกินห้าวินาทีสักคน”
คำพูดโอ้อวดหน้าตาเฉยของปีเตอร์ทำให้ทุกคนอุทาน “โอ้วววว” ด้วยเสียงแบบหมีที่ล่าปลาเทราต์สำเร็จ
“วันนี้เป็นวันของปีเตอร์! ต้องฉลอง วูดดี้จงเจริญ!”
พริบตาเดียวบรรยากาศหน้าประตูห้องเลกเชอร์ก็เจี๊ยวจ๊าว ขนาดพวกอาจารย์ที่เดินผ่านมายังมีสีหน้าปลื้มปริ่ม แม้แต่คนที่ปีเตอร์ไม่รู้จักยังมาร่วมยินดี นี่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ใครก็ตามในสังกัดเอ็มไอทีรื่นเริง ปีเตอร์ถูกคนไม่รู้จักล็อกคอหยอกล้อจนต้องดิ้นหนี ถึงสถาบันเขาจะมีแต่พวกเด็กเนิร์ด แต่เวลาดีใจอารมณ์ลิงโลดขึ้นมาก็บ้าพลังยิ่งกว่านักกีฬารักบี้เสียอีก
“วันนี้จะปิดหอกินเลี้ยง ห้ามใครออกไปไหนนะ!”
เสียงทั่วทางเดินจอแจ มีคนบอกให้เตรียมเหล้าและทวีตแซะพวกแคลเทค แต่แล้วคำพูดต่อมาที่ได้ยินชัดเจนกว่าใครนั้นไม่ใช่เพราะเจ้าของเสียงตะโกนลั่น แต่เพราะชื่อในประโยคต่างหาก
“ไลนัส นายจะมาร่วมวงด้วยไหม”
คนละไลนัสกับตัวการ์ตูนในเรื่องพีนัตส์[4]แน่ ๆ ถ้าเป็นไลนัสที่เรียนเอ็มไอที ก็มีเพียงเขาคนนั้นคนเดียว ไลนัส สวินนีย์
เพื่อนร่วมสถาบันส่วนมากอิจฉาแกมรู้สึกถึงช่องว่างประหลาดระหว่างพวกเขากับไลนัส ชายหนุ่มมีเพื่อน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในสังคมเดียวกัน ส่วนมากจึงไม่มีใครเข้าหาเขาก่อน
พอใครสักคนร้องถามแบบนั้น ทุกคนจึงหันมองว่าเจ้าตัวจะตอบอย่างไร ไลนัสยืนนิ่งทั้งที่คล้ายกำลังจะเดินผ่านไป เขายืนอยู่ท้ายกลุ่มขณะมองมา ปีเตอร์เผลอกลืนน้ำลาย อีกฝ่ายดูหล่อเหลาเพียบพร้อมคล้ายเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวท่ามกลางฝูงสัตว์ป่า
“ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อกี้ เลยไม่รู้ว่าพวกนายคุยอะไรกัน มีเรื่องดี ๆ งั้นเหรอ”
ผิดคาดที่ไลนัสย้อนถามด้วยท่าทีเป็นกันเอง เล่นเอาทุกคนตรงนั้นพร้อมใจกันแย่งเล่า พูดตรง ๆ ขนาดปีเตอร์ผู้รู้เรื่องดีที่สุดยังฟังไม่ออกเลยว่าใครพูดอะไรบ้าง รอบตัวเขามีแต่เสียงเซ็งแซ่ บ้างเล่าว่าเมื่อคืนเล่นงานแคลเทคได้ บ้างเล่าว่าปล่อยหมัดเด็ดใส่เด็กฝ่ายนั้น บางคนถึงกับเล่าว่าอีกฝ่ายร้องไห้ด้วยซ้ำ ดูเหมือนต่างคนต่างคิดใช้โอกาสนี้คุยกับไลนัส
“อ๋อ คาวบอยวูดดี้น่ะเหรอ”
ไลนัสพูดยิ้ม ๆ เมื่อเข้าใจที่มาของบรรยากาศโกลาหล
“ฉันรู้ เมื่อคืนฉันก็อยู่แคลเทค โน้ตบุ๊กที่ฉันพกไปด้วยก็ดับเหมือนกัน มีรายงานต้องทำส่งพรุ่งนี้ด้วยสิ”
ชายหนุ่มพูดเรื่อย ๆ แต่ทุกคนต่างตัวแข็งทื่อ ปีเตอร์ตกใจถามอีกฝ่าย
“จริงเหรอ”
“ฮื่อ นายคือวูดดี้เหรอ”
ไลนัสเลียนเสียงยียวนของวูดดี้ “คาวบอยวูดดี้แฮ็กได้แล้วจ้า คาวบอยวูดดี้แฮ็กได้แล้วจ้า…ใช่นายไหม”
“…เอ่อ”
ปีเตอร์อุตส่าห์ใช้ความคิดตั้งมากมายเพื่อวางแผนการแฮ็กครั้งยิ่งใหญ่คราวนี้ ทุ่มเทคิดตั้งแต่กำหนดวันยันวิธีทำลายสุขภาพจิตของพวกเด็กแคลเทคให้แสบสัน แบบที่ให้เหมือนเขาโยนระเบิดนิวเคลียร์ใส่คอมพิวเตอร์เจ้าพวกนั้นจนต้องรีบูตตลอดเวลา ช่วงสอบเสร็จและใกล้ปิดเทอมเป็นช่วงที่เด็กนักศึกษาโหยหาอยากเล่นคอมพิวเตอร์สุด ๆ นี่จึงเป็นวิธีอันสมบูรณ์แบบที่จะทำให้พวกเนิร์ดผู้พร้อมจะเกิดอาการลมชักหากขาดคอมพิวเตอร์ต้องร่ำไห้
ปีเตอร์คิดด้วยว่าขอบเขตความเสียหายจะไปไกลแค่ไหน หากเกิดปัญหาใหญ่จะใหญ่แค่ไหน เขาคิดกระทั่งว่าอาจถูกฟ้องร้องหรือต้องติดคุก แต่ปีเตอร์ก็ยินดีรับผลการกระทำนั้น ด้วยเห็นว่าเป็นเสมือนเหรียญประดับยศของแฮ็กเกอร์
ถึงอย่างนั้นปีเตอร์ก็คิดไม่ถึงว่าจะทำให้โน้ตบุ๊กของไลนัส สวินนีย์ พังไปด้วย แต่เดี๋ยวก่อนนะ แล้วทำไมเด็กเอ็มไอทีถึงไปอยู่ที่แคลเทคได้ล่ะ
“…แก้ได้นะ ฉันแค่ทำให้ระบบไม่ยอมรับการรีบูต แต่ยังพอกู้คืนไฟล์รายงานได้”
ปีเตอร์ยังไม่ทันกล่าวขอโทษและแก้ตัว อีกฝ่ายก็ยักไหล่
“ไม่เป็นไรหรอก แต่นายช่วยฉันทำรายงานได้ไหม”
“หือ? เอ่อ…ฮื่อ ถ้าช่วยได้ฉันก็ยินดี”
ไลนัสยิ้มกว้างรับคำพูดปีเตอร์ นัยน์ตาเขาโค้งยิ้มเหมือนตอนพวกเขาสบตากันตรงม้านั่งเมื่อหลายวันก่อน ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มฉายแววขี้เล่น
“งั้นงานเลี้ยงวันนี้จัดที่ธีสสิ ฉันเป็นเจ้ามือเอง”
ธีสคือไนต์คลับยอดนิยมและมีขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้ เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของพวกเซเลบคนดังและนายแบบนางแบบ เด็กนักศึกษาเอ็มไอที โดยเฉพาะเด็กปีหนึ่งอย่างปีเตอร์คงหมดสิทธิ์เที่ยวที่นั่น คำพูดของไลนัสที่ว่าจะเป็นเจ้ามือทำให้ทุกคนอุทานเสียงเหมือนหมีกันอีกรอบ ฟังคล้ายดีใจเนื้อเต้นกว่าตอนคุยเรื่องสั่งสอนพวกเด็กแคลเทคได้เสียอีก
“…”
ปีเตอร์จ้องไลนัสด้วยสีหน้างงงันท่ามกลางบรรยากาศดีอกดีใจของเพื่อน ๆ อีกฝ่ายมองนาฬิกาข้อมือแล้วเดาะลิ้นเบา ๆ เขาคงมีเรียนต่อ ไลนัสเดินแหวกกลุ่มเด็กนักศึกษาแล้วหันมาบอกปีเตอร์
“ไปสายยังไงก็ขอให้ถึงก่อนหนึ่งทุ่มนะ”
“…อ๊ะ ฮื่อ”
ปีเตอร์พยักหน้าเซ่อซ่าตอบน้ำเสียงแสนเป็นกันเองนั้น แล้วไลนัสก็เดินออกจากโถงทางเดินด้วยท่าทางอารมณ์ดี
พอไลนัสพ้นสายตา ทุกคนก็พูดถึงเขากันใหญ่ เพราะรู้สึกเหมือนจู่ ๆ ดาราที่บังเอิญสบตากันบนถนนดันมาคุยด้วยอย่างใกล้ชิด เหลือเชื่อชะมัด
“หรือเขาคิดจะดึงนายร่วมธุรกิจเจ๋ง ๆ วะ แบบว่าให้เป็นคู่หูงี้”
ตลอดวันเพื่อน ๆ ปีเตอร์คุยกันแต่เรื่องมหาเศรษฐีระดับโลกที่สร้างธุรกิจกับคนรู้จัก เช่น สตีฟ วอซเนียก[5] กับสตีฟ จ็อบส์ บิล เกตส์ กับพอล อัลเลน[6] แล้วทิ้งท้ายว่า ถ้าได้ทำงานกับลูกชายของธอมัส สวินนีย์ ก็เหมือนได้ใช้ทางด่วนสู่ถนนมหาเศรษฐี
“อย่าเพ้อเจ้อน่า”
“ทำไมล่ะ ถึงไลนัสรวยมากก็เหอะ แต่คิดเหรอว่าเขาจะเป็นเจ้ามือที่ธีสให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน นายน่ะ ถ้ารวยแล้วห้ามลืมพวกเรานะเฟ้ย”
“ช่าย พอถึงตอนนั้นอย่าพูดเชียวนะว่า เจ้าพวกคนหน้าตาอย่างกับขอทานนี่เป็นใครกัน เพิ่งเคยเห็น”
คูซานกับเทอร์เนอร์ทำเสียงเข้มหลังคิดไปไกลถึงตอนที่ปีเตอร์ร่ำรวย
ไลนัสแสดงท่าทีสนิทสนมจริง ๆ แม้ปีเตอร์ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะทำตัวเย่อหยิ่งเยี่ยงชนชั้นสูงปฏิบัติต่อไพร่ทาส แต่ก็นึกไม่ถึงว่าไลนัสจะวางตัวเป็นกันเองราวกับปีเตอร์เป็นเพื่อนที่พบหน้าค่าตากันบ่อย ๆ ปีเตอร์เข้าใจว่าไลนัสไม่รู้ชื่อเขาด้วยซ้ำ ไม่สิ ไลนัสไม่ได้เรียกชื่อปีเตอร์สักคำ อาจจะยังไม่รู้ชื่อก็ได้
ที่ขอให้ช่วยทำรายงาน หมายความว่าจะนัดเจอเขาอีกหรือ ไหนว่ารายงานต้องส่งพรุ่งนี้ ยังมีแก่ใจเป็นเจ้ามือที่ธีสให้อีก เจ๋งดีแฮะ
***************
ทุกคนในห้องเลกเชอร์มุ่งหน้าไปที่ธีสทันทีหลังเลิกเรียน ไม่รู้ว่าข่าวที่ไลนัสจะเลี้ยงกระจายไปไกลแค่ไหน ถึงดูเหมือนนักศึกษาเอ็มไอทีทุกคนมากันครบ ทว่าพวกเขาไม่ต้องใช้บัตรประชาชนปลอมเพื่อโกงอายุด้วยซ้ำ แค่โชว์บัตรนักศึกษาก็เข้าไนต์คลับได้สบาย
เสียงดนตรีเคล้าเสียงสังเคราะห์ดังกระหึ่มท่ามกลางแสงวิบวับจากไฟดิสโก้ ถึงปีเตอร์ไม่ได้เที่ยวไนต์คลับเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังได้เปิดโลกใหม่ เพราะที่ธีสมีทั้งเซเลบที่เคยเห็นตามสื่อแท็บลอยด์ แล้วยังมีคนดังที่เป็นศิษย์เก่าเอ็มไอทีด้วย
คูซาน เทอร์เนอร์ และนักศึกษาส่วนใหญ่ซึ่งปกติคลั่งไคล้โปรแกรมเมอร์คนดังยิ่งกว่าสาว ๆ นุ่งกระโปรงสั้น เมื่ออยู่ที่ธีสก็ยังดูทำตัวต่างจากปกติ ถึงแม้จะไม่ค่อยผิดแผกจากเดิมนักก็เถอะ
ทุกคนพร้อมใจกันโห่ร้องสะใจที่สั่งสอนเด็กแคลเทคได้ แล้วดื่มกันมันสุดเหวี่ยง ยิ่งดึกบรรดานักเที่ยวคนดังที่เพิ่มสีสันให้ไนต์คลับก็ยิ่งหายหน้า เหลือแต่พวกเด็กเนิร์ด เพลงประกอบภาพยนตร์สตาร์วอร์สดังต่อเนื่อง พร้อมกับยาเม็ดปริศนาจากเด็กคณะวิศวกรรมเคมีที่ส่งต่อกันไปทั่วคลับ
ปีเตอร์ พระเอกของงานเมาจนไร้สติเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาไม่รู้แล้วว่าแสงไฟดิสโก้กับเสียงเพลงเนิบช้าลงจริง ๆ หรือแค่อุปาทาน ชีพจรปีเตอร์เต้นเดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า
จู่ ๆ ใบหน้าไลนัสก็ปรากฏตรงหน้า
“?”
ปีเตอร์ไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่าย
“…?”
‘ทำไมไลนัสถึงอยู่ที่นี่ล่ะ’ ปีเตอร์คิดพลางกะพริบตา
สงสัยเห็นภาพหลอน ไลนัสออกตัวว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงที่ธีส แต่ดันหายจ้อยตลอดคืน ตอนแรกปีเตอร์คิดว่าคงเพราะคนเยอะเลยไม่เจอกัน แต่พออยู่ที่คลับนานๆ สุดท้ายจึงเข้าใจว่าไลนัสคงไม่มาแล้ว…แต่ทำไมกะพริบตาปริบ ๆ แล้วก็ยังเห็นไลนัสอยู่เหมือนเดิมล่ะ
ไลนัสเหลือบตามองเหนือศีรษะอย่างยุ่งยากใจ ปีเตอร์เหม่อมองเรือนผมสีทองเป็นประกายปรกหน้าผากของฝ่ายตรงข้ามแล้วเงยหน้ามองข้างบนบ้าง เพดานอยู่ใกล้เกือบแตะศีรษะแน่ะ
“เอ๊ะ…”
พอกะพริบตาอีกโลกก็เอียงกระเท่เร่ ไม่สิ เขากำลังเอนพิงผนังร้าน แสงไฟสว่างวาบพาดผ่านดวงหน้าที่เอียงน้อย ๆ ของไลนัส พลอยส่องให้เห็นเครื่องหน้าหล่อเหลาชัดตามจังหวะแสงไฟวูบวาบ นัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนล้อแสง ปีเตอร์เหม่อมองจมูกโด่งสวยกับริมฝีปากที่ดูว่าน่าจะหยุ่นนุ่ม จู่ ๆ ใบหน้างดงามก็ขยับเข้ามาใกล้โดยไม่ทันตั้งตัว ปีเตอร์ได้ยินว่า
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
นึกว่าจะจูบเสียอีก น้ำเสียงเรียบเรื่อยเขย่าหัวใจปีเตอร์ให้เต้นโครมคราม แต่ถ้าไม่คุยกันใกล้ ๆ ก็คงไม่ได้ยิน เพราะเสียงดนตรีดังกระหึ่ม
“ที่นี่ที่ไหน”
ปีเตอร์ย้อนถาม ลำคอเขาร้อนผ่าว ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบา
“ใต้โต๊ะไง ไม่รู้จริงเหรอ”
ที่ไหนนะ ปีเตอร์กวาดตามองก็เห็นขาผู้คน ผนังด้านหลังบอกให้รู้ว่าเขานั่งอยู่ใต้โต๊ะเข้ามุม
“โคเคนหรือยาอี?”
ไลนัสถามต่อ “กินอะไรเข้าไปถึงตาลอยแบบนี้”
“…ก็คง…ปน ๆ กัน”
ปีเตอร์ไม่รู้ เขาดื่มเยอะพอสมควร แล้วก็กลืนยาปริศนาที่พวกเด็กวิศวกรรมเคมีส่งให้ จากนั้นภาพก็ตัด รู้ตัวอีกทีก็คลานมาอยู่ใต้โต๊ะแล้ว ไลนัสหัวเราะเสียงลำบากใจขณะจ้องปีเตอร์ด้วยสายตาราวกับคุณพ่อจ้องลูกชายวัยเจ็ดขวบแอบดื่มเบียร์
“ให้ตายเถอะ ปีเตอร์ แม็ก”
ไลนัสเรียกเขา ทั้งที่ปีเตอร์ได้ยินชื่อตัวเองมาตลอดชีวิต ทว่า ‘ปีเตอร์ แม็ก’ จากปากชายหนุ่มกลับฟังพิเศษเหลือเกิน
“ตัวเองอยู่ไหนก็ไม่รู้ เสพยาอะไรก็ไม่รู้อีก แล้วรู้ไหมเนี่ยว่าฉันเป็นใคร”
“…? ก็ไลนัสไง”
‘…หรือไม่ใช่’ ปีเตอร์คิด อาจผิดคนก็ได้ เพราะปีเตอร์ก็ไม่เห็นไลนัสทั้งคืน เขาเลยตะครุบใบหน้าอีกฝ่ายไว้
“…”
ปีเตอร์ประคองแก้มขาวนวลแล้วดึงมาจ้องใกล้ ๆ ดวงตาไลนัสเบิกกว้างคล้ายตกใจ เส้นผมนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายที่เคล้าเคลียหน้าผากดูยุ่งเหยิงกว่าปกตินิดหน่อย แต่เป็นไลนัส สวินนีย์ แน่นอน
‘พระเจ้าช่วย นึกว่าจะไม่มาเสียอีก จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวตรงหน้าอย่างกับในหนังแน่ะ’
ปีเตอร์คิดพลางมองสีหน้าตกใจของไลนัส แล้วหัวเราะแหะ ๆ เหมือนเด็กน้อย เสียงหัวเราะคอยจะหลุดลอดจากริมฝีปากอยู่เรื่อย
“…”
หัวเราะได้สักพัก ดวงตากลมโตของไลนัสก็หรี่ลง แล้วพวกเขาก็สบตากัน
“หือ?”
ไลนัสเอียงคอช้า ๆ เขาไม่ได้พิงผนัง เพียงอมยิ้มคล้ายแมวขี้เล่น นัยน์ตาสีฟ้าใต้แพขนตาดูอ่อนหวาน
พวกเขาสบตากันนานมาก
สายตาสบประสานก่อเกิดความรู้สึกเชื่อมโยงถึงกันล้ำลึก อย่างน้อยปีเตอร์ก็รู้สึกแบบนั้น นัยน์ตาไลนัสเปลี่ยนวูบวาบ มองไม่ออกว่าเกิดจากแสงไฟหรือแรงอารมณ์
ดวงตาไลนัสดูสั่นไหว ไม่สิ หัวใจปีเตอร์ต่างหากที่สั่นไหว
เสียงดนตรีดังเหลือเกิน หากแต่เสียงเต้นของหัวใจนั้นดังกว่า
“…ฉันคงเสพยาเยอะเกิน…”
ปีเตอร์กลืนน้ำลายสอเต็มโพรงปากพลางเงยหน้าบอก การอยู่ใต้โต๊ะทำให้ไร้ที่หลบหนี
เพราะยาแปลก ๆ แหง ๆ ก็ถ้าไม่ใช่เพราะของแปลกปลอมในยาปริศนา การสบตากันนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่มีทางทำให้หัวใจเต้นรัวเท่านี้หรอก ปีเตอร์ชั่งใจว่าควรไปโรงพยาบาลดีไหม
“จะนั่งต่อเหรอ ข้าง ๆ นายมีหนูด้วยนะ”
ไลนัสถามกลั้วหัวเราะ ปีเตอร์มองตามก็เห็นหนูบ้านตัวเล็กจริง ๆ เจ้าหนูกำลังกินเศษชีสบนพื้น ปกติปีเตอร์คงตกใจกลัว แต่ตอนนี้จังหวะหัวใจเขาเต้นผิดเพี้ยนมาสักพักแล้ว
“ฉะ…ฉันจะนั่งต่อ…เอ่อ…เพราะว่าพวกเรากำลังถกเรื่องซีเรียสกันอยู่”
ปีเตอร์หลบตาไลนัสแล้วตะครุบหนูด้วยสองมือ เจ้าหนูร้องจี๊ด ๆ ๆ ๆ ดิ้นหนีอุ้งมือ ปีเตอร์ทำเป็นคุยกับมัน
“ท่าทางมันไม่มีอารมณ์จะคุยกับนายนะ”
ไลนัสว่า จริง ๆ ปีเตอร์ก็ว่างั้น
“แล้วอีกอย่าง ไม่ได้มีแค่ตัวเดียวด้วย”
ปีเตอร์มองตามสายตาอีกฝ่าย ก็เห็นหนูอีกสองตัวอยู่ใกล้ ๆ หนูในมือปีเตอร์คงเป็นลูกหนู เพราะหนูตัวที่เดินวนอยู่ข้าง ๆ ตัวเบ้อเริ่มอย่างกับแมว
“มานี่มา ปล่อยมันไปซะ”
ไลนัสส่งมือให้
“มะ…ไม่”
ปีเตอร์มองหนูในมือสลับกับมือขาวเนียนของไลนัส จี๊ด ๆ ๆ ๆ เจ้าหนูส่งเสียงร้อง มือไลนัสสะอาดเกินไป แล้วหนูก็สกปรกเกินไป ปีเตอร์ไม่ควรสัมผัสมืออีกฝ่าย ทว่าไลนัสกลับดึงแขนปีเตอร์แล้วแย่งหนูออกจากมือ
“เดี๋ยวฉันค่อยให้เวลานายคุยกับเพื่อนตัวนี้ เอาเป็นว่าออกมาก่อนเถอะ”
ไลนัสใช้แก้วเบียร์เปล่าที่กลิ้งอยู่แถวนั้นคว่ำครอบหนูไว้ จากนั้นก็ฉุดปีเตอร์ออกจากใต้โต๊ะ แสงไฟนอกโต๊ะสว่างจ้าและกะพริบไหวเร็วเกินเหตุ ทว่าสัมผัสที่กำรอบข้อมือช่างนุ่มนวล ปีเตอร์พลันห่อไหล่
“อาจฟังเหลือเชื่อ แต่เรากำลังคุยกันจริง ๆ นะ แบบว่า ถกกันว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป…”
ปีเตอร์งึมงำต่อ “เศรษฐกิจกำลังซบเซาใช่ไหมล่ะ…” ขนาดตัวปีเตอร์ยังรู้สึกว่าคำพูดหงุงหงิงจากปากตัวเองฟังสุดจะเพี้ยน ไลนัสพยุงปีเตอร์ที่กำลังพึมพำเพ้อเจ้อจากทั้งฤทธิ์เหล้าและยา โลกหมุนติ้วจนเขาไม่มีสติสัมปชัญญะแล้ว
“ไหวไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”
ไลนัสซึ่งประคองไหล่ปีเตอร์ถามเสียงหวานจากด้านบนศีรษะ ปีเตอร์รู้สึกเหมือนใบหูแทบละลาย ไม่สิ เหมือนสมองละลายอ่อนเชื่อมจนกลายเป็นเยลลี่ไปแล้วมากกว่า ปีเตอร์รีบคิดหาทางหนีจากความหวานล้ำร้ายกาจนี้ ทันใดนั้นเขาก็เห็นใบหน้าคุ้นตาด้านหน้าห้องโถงพราวแสงไฟระยิบระยับ พวกนั้นเป็นฝ่ายเห็นปีเตอร์ก่อน
“ปีเตอร์!”
“โอ้ คูซาน! เทอร์เนอร์!”
ปีเตอร์ผละจากมือไลนัสที่ประคองไหล่เขาไว้แล้ววิ่งไปหาคูซาน ต่อให้ได้พบพี่น้องผู้พลัดพรากระหว่างสงครามก็คงไม่ยินดีเท่านี้ คูซานเมาแอ๋อ้าแขนกว้างวิ่งมาหาปีเตอร์เช่นกัน แต่ก่อนพวกเขาจะทันกอดกัน ใครบางคนก็ดึงคอเสื้อข้างหลังปีเตอร์ไว้
“อย่านะปีเตอร์ กอดเพื่อนทั้งแบบนี้ก็แย่สิ”
คำพูดของไลนัสทำให้ปีเตอร์สำรวจตัวเอง เขามอมแมมไปทั้งตัว
“เมื่อกี้นายเพิ่งเกลือกกลิ้งอยู่ใต้โต๊ะกับหนูตั้งสามตัว แถมยังหยิบตัวหนึ่งใส่ปากอม เกิดติดเชื้อโรคจะทำยังไง”
สิ้นเสียงไลนัส เพื่อน ๆ ของปีเตอร์ก็ทำเสียง “อี๋” แล้วถอยกรูด คูซานเปรยว่าลืมวางของสักอย่างทิ้งไว้แล้วรีบชิ่งไปทันที ‘เจ้าคนทรยศ’ ปีเตอร์คิด รอฉันรวยเมื่อไรจะพูดใส่หน้านายด้วยประโยคนั้น ‘เจ้าพวกคนหน้าตาอย่างกับขอทานนี่เป็นใครกัน เพิ่งเคยเห็น‘ ปีเตอร์หมายมั่นในใจทั้งที่สติยังเลือน ๆ
“เปล่าหยิบหนูใส่ปากสักหน่อย…”
ปีเตอร์แย้งเศร้า ๆ และยอมให้ไลนัสจูงมือ ไลนัสอมยิ้ม “ตลกดีออก” ชายหนุ่มกล่าวต่อ “แสดงว่าใช้ยานิดเดียว ไม่ได้เสพเกินขนาด”
ไลนัสพาปีเตอร์ขึ้นไปยังห้องชั้นสามอันเงียบสงบของไนต์คลับ ห้องนั้นหน้าตาคล้ายสำนักงานที่มีเอกสารกองพะเนิน ผนังกั้นทำให้แว่วเสียงดนตรีเบาลง ไลนัสหากล่องปฐมพยาบาลด้วยท่าทางคุ้นสถานที่ เขาให้ปีเตอร์นั่งบนโซฟา ซึ่งปีเตอร์ก็เอนตัวย้วยพิงโซฟาทันที เมื่อครู่เดินนิดเดียวภาพในคลองสายตายังหมุนติ้ว ร่างกายก็เหมือนลอยคว้างกลางอากาศ
มือขาวผ่องของไลนัสจับมือปีเตอร์มาสำรวจ
“ที่จริงแล้วหนูต่างหากเนอะที่เอานายเข้าปาก”
ปีเตอร์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามือทั้งสองข้างมีแต่แผล เขาเห็นแล้วว่าเจ้าหนูดิ้นหนี แต่ไม่รู้ว่าทิ้งรอยเล็บกับรอยฟันไว้เต็มมือ
“กินซะ”
ไลนัสยื่นยาเม็ดเล็ก ๆ ให้สองเม็ด แต่ปีเตอร์ถูกไลนัสกุมมือไว้ทั้งสองข้างจึงยังไม่สามารถรับยามาได้
“ยาอะไร”
“นายกินยาที่ใครก็ไม่รู้ส่งให้ตลอดคืน แล้วเพิ่งนึกสงสัยเอาป่านนี้เนี่ยนะ”
ไลนัสวางยาบนฝ่ามือและจ่อใกล้ปากปีเตอร์ราวกับจะป้อนก้อนน้ำตาลให้ม้า ปีเตอร์ลังเลเล็กน้อยก่อนจะแลบลิ้นแตะเม็ดยาเข้าปากกลืน นึกว่าจะหวานเหมือนน้ำตาล แต่ยาขมใช้ได้เชียวละ
ไลนัสเช็ดมือให้ปีเตอร์ จากนั้นก็ใส่ยาฆ่าเชื้อและทายาให้ ทั้งที่แผลออกจะเล็ก แต่ชายหนุ่มกลับทำแผลให้อย่างพิถีพิถัน ปีเตอร์เหม่อมองดวงตาที่หลุบจ้องแผลของเขา แพขนตาไลนัสยาว ผิวก็ขาวสะอาด ปลายนิ้วปีเตอร์เสียวปลาบซึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากบาดแผลหรือไลนัสกันแน่
“…ปกตินายใจดีกับทุกคนเหรอ”
ไลนัสซึ่งกำลังบรรจงพันแผลบนปลายนิ้วให้ช้อนตามอง ปีเตอร์ก็มองดวงตางดงามของอีกฝ่ายก่อนสารภาพตรง ๆ
“คือ…ฉันก็ไม่เคยคิดว่านายใจร้ายหรอก แต่นึกไม่ถึงว่าจะใจดีขนาดนี้”
ปีเตอร์เคยมองว่าอีกฝ่ายอยู่คนละโลกกับตน แต่กลับพบว่าไลนัสดันอ่อนหวานพอ ๆ กับรูปโฉม ไลนัสหัวเราะเบา ๆ พลางพันแผลและผูกปมให้ตรงปลายนิ้ว
“ฉันใจดีงั้นเหรอ”
ปีเตอร์หนุนศีรษะบนหมอนอิงโซฟาแล้วพยักหน้า ไลนัสจัดปาร์ตี้ที่ธีสให้ปีเตอร์ ช่วยปลอบและดึงเขาที่เมาจนขาดสติออกจากใต้โต๊ะ แล้วยังช่วยปรามไม่ให้เขาทำเสื้อผ้าของเพื่อนเปื้อน แต่กลับไม่สนใจเสื้อผ้าตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ชุดของไลนัสคงแพงกว่าของคูซานมาก เมื่อกี้ปีเตอร์ยังเห็นคราบดำ ๆ ติดแขนเสื้อสีขาวของไลนัสด้วย เขารู้สึกผิดจนพูดไม่ออกแล้ว นอกจากนี้อีกฝ่ายก็ยังช่วยทำแผลหนูกัดให้อย่างใส่ใจ
“หล่อ ฉลาด รวย แถมยังใจดีอีก…พ่อแม่นายโชคดี…”
ปีเตอร์กำลังจะพูดว่าน่าอิจฉาที่พ่อแม่ไลนัสมีลูกชายทั้งหล่อ เก่ง และนิสัยดี แต่แล้วก็หุบปากฉับเมื่อไลนัสหยัดตัวขึ้น ปีเตอร์เงยหน้ามอง อีกฝ่ายยังคงอมยิ้ม เป็นรอยยิ้มขี้เล่นมากกว่าอ่อนหวานใจดี
“…ไลนัส?”
“หืม ปีเตอร์”
เสียงขานหวานเชื่อมแทบละลาย เล่นเอาปีเตอร์กลืนน้ำลายเอื๊อก คลับคล้ายว่าริมฝีปากอีกฝ่ายจะแตะแก้มเขา แต่ปีเตอร์ไม่เหลือเรี่ยวแรงพอให้สนใจ เขารู้สึกเพียงว่าหน้าผากตัวเองชื้นเหงื่อ
“…เมื่อกี้นายให้ฉันกินอะไรน่ะ”
ปีเตอร์รู้สึกแปลกพิกล ภาพเบื้องหน้าพร่าลาย หูอื้อ ทั้งร่างหนักอึ้งและอ่อนแรง คล้ายลอยเท้งเต้งพุ่งขึ้นดิ่งลงสลับกันราวกับคนนั่งรถไฟเหาะ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั่งหรือนอนอยู่
“…”
ใบหน้างดงามของไลนัสประชิดใบหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มพูดบางสิ่งที่ปีเตอร์ไม่ได้ยิน เขารู้สึกถึงฝ่ามือของไลนัสบนไหล่ สัมผัสแข็งแกร่งแต่ก็อ่อนนุ่มแตะหน้าผาก เส้นผมที่ระแก้มช่วยให้รู้ว่าสิ่งนั้นคือไหล่ของไลนัส
“…”
ไลนัสอุ้มเขาย้ายไปที่ไหนสักแห่ง ตามด้วยผิวสัมผัสสบายตัวและอบอุ่นคลี่คลุมร่างกาย
รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
[1] Massachusetts Institute of Technology หรือสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงในสาขาเคมี ฟิสิกส์ และวิศวกรรมศาสตร์สาขาต่างๆ
[2] California Institute of Technology หรือสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ตั้งอยู่ในเมืองแพซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงด้านเดียวกับสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์
[3] Reboot หมายถึง การปิดและเปิดเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใหม่ในทันที
[4] Peanuts ชื่อการ์ตูนดัง คนไทยส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ สนูปี้โดยตัวละครชื่อ ‘ไลนัส’ เป็นเด็กผู้ชายช่างจินตนาการและติดผ้าห่ม
[5] ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิลกับสตีฟ จ็อบส์
[6] ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์กับบิล เกตส์