[ทดลองอ่าน] ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ บทที่ 95 วันที่เก้าสิบห้าในฐานะพี่เลี้ยง

幼崽护养协会
ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 3

 

酒矣 (Jiu Yi)
เขียน

ชาเย็น Lover
แปล

— โปรย —

ภารกิจหลักที่ทำให้เซี่ยหลวนมายังดาวไกอาก็ต้องดำเนินต่อไป
การเปลี่ยนแปลงจุดจบของดวงดาว
และอวกาศแห่งนี้ขึ้นอยู่กับเซี่ยหลวนจริงหรือ
เขาจะต้องทำอย่างไรเพื่อปกป้องเหล่าลูกสัตว์อันเป็นที่รัก
และอวกาศแห่งนี้เอาไว้ได้

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 95 วันที่เก้าสิบห้าในฐานะพี่เลี้ยง

 

บนดาวเคราะห์อันเปล่าเปลี่ยวร้างผู้คน ท้องฟ้ายามราตรีไร้ดวงดาวประดับ โดยรอบไร้สิ่งงดงามใด ๆ

บนฟ้ามืดมัว รอบด้านมีแต่ซากปรักหักพัง ทั่วทุกสารทิศดูเลวร้ายเกินเยียวยา

แต่ภาพน็อกซ์ใช้หางพันและกอดมนุษย์คนหนึ่งไว้เป็นที่พึ่งพิงกลายเป็นความอบอุ่นหัวใจท่ามกลางสภาพอันย่อยยับพังทลายเหล่านี้

มนุษย์มีธรรมเนียมสวมแหวนให้คนที่ชอบ เพราะเข้าใจถึงข้อนี้อัยถึงได้ทำเรื่องเมื่อครู่

เซี่ยหลวนอึ้งไปนิดหน่อยเนื่องจากแหวนที่ปรับขนาดเองอัตโนมัติตามนิ้วของผู้สวมใส่สวมลงบนนิ้วของเขาอย่างเหมาะเจาะพอดี

“คว้าไว้ได้แล้ว อาหลวนก็เป็นของฉันแล้วใช่ไหม” อัยไม่รู้ว่าเผ่ามนุษย์ตีตราเป็นเจ้าของกันอย่างไร เขาใช้หางพันชายหนุ่มไว้ มองคนรักของตัวเองไม่วางตา นัยน์ตาคู่นั้นมีความอ่อนโยนบางอย่างที่ส่งให้สำหรับคนรักโดยเฉพาะ

อัยแค่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้น

แหวนที่สวมนิ้วนางราวกับนำพาความอุ่นร้อนมาด้วย เซี่ยหลวนมองเห็นความอ่อนโยนและความปรารถนาภายใต้ใบหน้าเฉยชาของน็อกซ์ที่อยู่ในระยะใกล้ จึงพยักหน้าอย่างไม่อาจต้านทาน

เซี่ยหลวนก้มดูแหวนบนนิ้วนางข้างซ้าย เขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงเลือกนิ้วนางข้างนี้ของเขา แต่ตามคำเล่าขานของเผ่ามนุษย์ การสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายมีความหมายแฝงสำคัญที่แตกต่างจากนิ้วอื่น

ความจริงแล้วอัยเลือกนิ้วนางข้างนี้ไปโดยไม่รู้ตัว เขารู้แค่ว่าเผ่ามนุษย์มีธรรมเนียมสวมแหวนให้กับคู่ชีวิต แต่เขาไม่รู้ว่าการสวมแหวนของแต่ละนิ้วมีความหมายต่างกันอย่างไร

ทว่าเขาได้เลือกนิ้วนางที่มีความหมายมากที่สุดพอดี

อัยเห็นชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ ทำให้หางสีเงินที่พันร่างคนตรงหน้ารัดแน่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว แต่เวลานี้เขาพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงจำเป็นต้องคลายหางลงชั่วคราวอีกครั้ง

ตอนที่มนุษย์สวมแหวนให้คู่ชีวิตจะทำพิธีการอย่างหนึ่ง

น็อกซ์ตัวนี้คุกเข่าลงข้างหนึ่งให้ชายหนุ่มตรงหน้า แล้วจับมือข้างซ้ายของชายหนุ่มที่สวมแหวนไปเรียบร้อยแล้วตามความรู้บางส่วนที่ได้รู้มา

แม้จะไม่รู้ความหมาย แต่อัยก็ยังคงทำแบบนี้ หางสีเงินทางด้านหลังลู่ลงเล็กน้อย ประดุจสัตว์ป่าอันตรายตัวหนึ่งสำรวมความก้าวร้าวทั้งหมดที่มี เปลี่ยนเป็นเชื่องกว่าปกติ

เมื่อได้รับคำตอบจากชายหนุ่ม อัยจึงก้มหน้ากดจูบลงบนนิ้วนางของเซี่ยหลวนที่สวมแหวนไว้แผ่วเบา กลีบปากบางสัมผัสปลายนิ้วอุ่น ครอบครองข้อนิ้วส่วนหนึ่งก่อนจะทิ้งหยาดน้ำใสไว้บนนั้นเล็กน้อย

แม้ถูกครอบครองเพียงส่วนเล็ก ๆ ตรงปลายนิ้ว ทว่ามันก็มากพอที่จะทำให้ร่างกายของเซี่ยหลวนสั่นน้อย ๆ

“ฉันเป็นของนาย” อัยจับจ้องชายหนุ่มก่อนพูดประโยคนี้ออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

น้ำเสียงของอัยยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยน ทั้งยังคงความเนิบช้าทุ้มต่ำ ทว่าสำหรับเผ่าน็อกซ์แล้ว คำพูดนี้ไม่ใช่คำที่จะพูดพล่อย ๆ ได้

เพราะน็อกซ์ตัวนี้คุกเข่าลงข้างหนึ่งทำให้เซี่ยหลวนตกตะลึงอีกครั้ง ครั้นนึกถึงที่อีกฝ่ายสวมแหวนก่อนแล้วค่อยคุกเข่าลง เขาก็พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

เรียงลำดับขั้นตอนผิดแล้ว…

แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่น็อกซ์ตัวนี้ต้องการสื่อก็เป็นความหมายเดียวกัน เซี่ยหลวนแตะแหวนตรงนิ้วมือข้างซ้ายแล้วยื่นมือไปสัมผัสเส้นผมสีเงินนั้นเพื่อเป็นการตอบรับ

หากกล่าวว่าการที่อีกฝ่ายเชื่อว่าการยอมสวมแหวนคือการยอมรับความสัมพันธ์ในฐานะคู่ชีวิตของเผ่ามนุษย์ เซี่ยหลวนก็มีความสงสัยอยู่นิดหน่อยว่า เช่นนั้นการกระทำแบบเดียวกันนี้สำหรับเผ่าน็อกซ์แล้วมีความหมายว่าอะไร

เซี่ยหลวนถามเรื่องนี้ออกไปโดยไม่รู้ตัว พอเขารู้สึกตัวอีกทีหางสีเงินที่เชื่อฟังก็โผล่มาตรงหน้าแล้ว หางสีเงินนี้ซ่อนความก้าวร้าวและความอันตรายไว้ ก่อนจะหยุดนิ่งตรงตำแหน่งที่เขาสัมผัสมันได้

“…” เซี่ยหลวนเบิกตากว้างเล็กน้อย กระทั่งตอนนี้เขาถึงเพิ่งตระหนักได้เรื่องหนึ่ง

เขาสังเกตมานานแล้วว่า หางของเผ่าน็อกซ์คงเป็นส่วนที่คนสนิทกันเท่านั้นถึงจะสัมผัสได้ แต่เซี่ยหลวนคาดไม่ถึงว่าขอบเขตของ ‘ความสนิทสนม’ มีไว้เฉพาะคู่ชีวิต…

ก่อนหน้านี้เขาลูบไปหลายรอบ จะถือเป็นการไม่ให้เกียรติหรือเปล่านะ

เซี่ยหลวนคิดอยู่ไม่กี่วินาทีก็เลือกที่จะเลิกคิดถึงประเด็นนี้ เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแล้วกระแอมไอทีหนึ่งก่อนจะหันหน้ากลับมาอีกครั้ง หนนี้เขายื่นมือไปลูบหางสีเงินด้วยเข้าใจความหมายของการลูบหางแล้ว

อัยอยากจะทิ้งกลิ่นไว้บนตัวชายหนุ่มให้ยาวนานกว่านี้ ครั้งก่อนตอนที่เกิดความคิดนี้ ความปรารถนาของอัยก็ได้รับการบรรเทาลงด้วยฝ่ามืออันอบอุ่นอ่อนนุ่มของอีกฝ่าย เวลานี้เพราะยืนยันว่าชายหนุ่มเป็นของเขาแล้วอัยจึงเกิดความคิดแบบเดียวกันขึ้นมา แต่ก็รู้ว่ามันไม่ถูกที่ถูกเวลา

ในสถานที่แบบนี้มันไม่ได้

สุดท้ายเขาได้แต่โอบกอดสมบัติชิ้นนี้ด้วยความอดทน อัยโน้มใบหน้าลง ใช้กลีบปากบางแตะแก้มของชายหนุ่มเบา ๆ ทีหนึ่ง

เป็นความรู้สึกที่สุขใจไม่น้อย

เขาหรี่ตาลงยามสัมผัสแก้มของชายหนุ่ม น็อกซ์ตัวนี้ส่งเสียงครางต่ำหลังมอบจุมพิตเสร็จ

เมื่อทั้งสองกลับมาถึงสาขาอวิ๋นเป่า เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นคนในสาขาก็สังเกตเห็นว่าพวกเขาดูจะมีความสัมพันธ์เปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด

ดูเหมือนชัดเจนขึ้นกว่าเมื่อก่อน

ไม่รู้ว่าน็อกซ์ตัวนี้กลืนกินประธานของพวกเขาเข้าไปแล้วหรือยัง คนที่สังเกตเห็นไม่พูดอะไร แต่ก็อดคิดขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ได้

เผ่ามนุษย์กับน็อกซ์…

จะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าชายหนุ่มคงจะลำบากมาก

สุดสัปดาห์เป็นวันที่ผู้ปกครองจะมาเยี่ยมลูกสัตว์หรือพาลูกสัตว์กลับบ้าน และสุดสัปดาห์นี้ก็มีพ่อแม่ของลูกสัตว์ตัวหนึ่งมาเยือนสาขาอวิ๋นเป่า

พวกเขาเป็นพ่อแม่ของลูกมายา

เผ่ามายาเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง โดยทั่วไปแล้วจัดเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเผ่าอื่น ความสูงต่ำสุดคือสองร้อยสามสิบเซนติเมตร และคนตรงหน้าเซี่ยหลวนในตอนนี้ก็เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ทั้งสองคน

พอเซี่ยหลวนได้ยินเซี่ยฉีบอกว่าพ่อแม่ของลูกมายาตัวนี้มาถึงแล้ว เขาจึงอุ้มลูกมายาที่เหมือนลูกเต่าขึ้นจากสระที่อยู่ในห้อง

“เด็กน้อย เดี๋ยวค่อยกลับมาเล่นกับเกลนะครับ วันนี้พ่อกับแม่ของหนูมาแล้ว” เซี่ยหลวนนำผ้าขนหนูผืนนุ่มมาห่อตัวลูกมายาพลางเช็ดน้ำเปียกชื้นบนร่างของลูกสัตว์ให้แห้ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

ลูกมายากำลังเล่นไล่จับกับเงือกน้อยในสระอยู่พอดี คล้ายกับแข่งว่าใครว่ายน้ำได้เร็วกว่ากัน ทว่าการแข่งขันย่อม ๆ นี้ก็ถูกเซี่ยหลวนขัดจังหวะเสียก่อน

“ปะป๊า~” เงือกน้อยผมสั้นสีทองอ่อนเรียกชายหนุ่มตรงหน้าตัวเองด้วยน้ำเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาไปมองร่างของลูกมายาที่ถูกชายหนุ่มอุ้มไว้ในอกแล้วพูดว่า “ทอร์ต”

เพราะลูกมายาไม่ชอบเดินบนบก ทั้งยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างชอบน้ำ เวลาส่วนใหญ่ลูกมายาเลยอยู่แต่ในสระน้ำในห้องหรือไม่ก็ในมหาสมุทรจำลอง ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ร่วมกับลูกเงือก

การที่เงือกน้อยเรียกชื่อของลูกมายาตัวนี้ทำให้รู้ได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกมันค่อนข้างดี

นอกจากเซี่ยหลวนแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เงือกน้อยจะเรียกชื่อใครออกมา

เซี่ยหลวนย่อตัวลงนั่งลูบผมสีทองอ่อนนุ่มของเงือกน้อย เพียงครู่เดียวเขาก็เห็นว่าหางเล็กใต้น้ำของลูกเงือกสะบัดเร็วขึ้นอยู่สองสามที แล้วมือของลูกเงือกที่จับขากางเกงเขาในตอนแรกก็ยอมปล่อยแต่โดยดีหลังจากเขาลูบหัว

“ไว้เดี๋ยวปะป๊าจะมาใหม่นะ” เซี่ยหลวนเอ่ยเสียงเนิบช้า รอให้เงือกน้อยสะบัดครีบหางสองครั้งก่อนถึงอุ้มลูกมายาเดินไปห้องรับแขก

พอลูกมายาที่เซี่ยหลวนอุ้มเห็นผู้ปกครองก็ร้องเสียงเบา หางเล็กแหลมด้านหลังเริ่มกระดิก

เซี่ยหลวนเห็นท่าทางของลูกสัตว์แล้วก็อดทำตายิบหยีไม่ได้ เขาอุ้มลูกสัตว์ส่งให้ผู้ปกครองที่อยู่ด้านหน้าอุ้มไว้ในอก

เมื่อผู้ปกครองเห็นลูกสัตว์ของตัวเอง สีหน้าของทั้งสองก็อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อลูกมายาอยู่ในอ้อมอกของมารดา หางเล็กแหลมทางด้านหลังก็กระดิกไปมาจนเรียกสายตาทุกคน

ลูกมายาแสดงอาการดีใจออกมาอย่างชัดเจน การที่ลูกสัตว์เห็นผู้ปกครองแล้วดีใจขนาดนี้ นั่นก็แสดงว่าผู้ปกครองทั้งสองรักลูกสัตว์มาก

ยามมองลูกสัตว์สีหน้าของผู้ปกครองยังคงอ่อนโยน ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นพูดธุระกับเซี่ยหลวน สีหน้าของพวกเขาก็แฝงความกังวลใจเล็กน้อย

เพราะเผ่าพันธุ์มายาขึ้นชื่อในด้านพลังการป้องกันที่แข็งแกร่ง และคนในเผ่าพันธุ์นี้ก็ภูมิใจกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ภายภาคหน้าเมื่อลูกสัตว์โตเต็มวัยแล้ว หากจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ย่อมต้องเป็นทหารกองหน้าอย่างไม่มีข้อยกเว้น

แต่ก่อนจะโตเต็มวัย ชาวมายาจะประเมินคุณสมบัติของลูกสัตว์เพื่อตัดสินว่าในอนาคตลูกสัตว์จะมีคุณสมบัติพอที่จะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารหรือไม่

การประเมินคุณสมบัติมีโอกาสห้าครั้ง ผ่านแค่ครั้งใดครั้งหนึ่งก็ถือว่าสำเร็จ

แต่ลูกสัตว์ของพวกเขาลองประเมินมาแล้วสองครั้ง ไม่ผ่านเลยสักครั้ง ทั้งยังสังเกตได้ว่าเหมือนลูกของตนจะต่อต้านการประเมินอยู่ในที ฉะนั้นผู้ปกครองสองคนนี้จึงลังเลว่าจะให้ลูกเข้าร่วมการประเมินในเดือนนี้ที่ใกล้จะมาถึงอีกรอบดีหรือไม่

พวกเขายังไม่แน่ใจ จึงมาขอคำแนะนำจากเซี่ยหลวน

“ความจริงพวกเราคิดว่าถึงไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร เพียงแต่…” หญิงเผ่ามายาที่อุ้มลูกสัตว์บอกความคิดของพวกเธอก่อน ทว่าพอพูดถึงท้ายประโยคก็หยุดด้วยความลังเลอีกครั้ง

ถึงลูกสัตว์จะไม่มีคุณสมบัติอันโดดเด่น ไม่มีพรสวรรค์ แต่พวกเธอก็ยังรักลูกสัตว์อยู่ดี

เพียงแค่ลูกสัตว์หลายตัวในเผ่าพันธุ์ เมื่อเติบโตขึ้นล้วนเป็นทหารกองหน้าที่โดดเด่นเพื่อเกียรติยศกันทั้งนั้น ผู้ปกครองทั้งสองไม่รู้ว่าหลังจากลูกสัตว์โตขึ้นจะมีความคิดแบบนี้หรือไม่ พวกเธอเกรงว่าลูกจะโทษพวกตนที่ไม่ผลักดันให้ลูกพยายามจนถึงที่สุด

ผู้ปกครองสองคนจัดระเบียบความคิดข้างต้นแล้วถึงถ่ายทอดมันออกมา หลังจากฟังคำพูดของทั้งสองจบ เซี่ยหลวนจึงก้มหน้ามองลูกมายาที่ผู้ปกครองอุ้มไว้ในอกอีกครั้งแล้วพูดว่า “ลองอีกทีก็ได้นะครับ”

เซี่ยหลวนลูบกระดองหลังแข็งแรงของลูกสัตว์ทีหนึ่ง เขาเห็นลูกมายาเงยหน้าส่ายหางเล็กๆให้แล้วส่งเสียงอึง ๆ ออกมา

เซี่ยหลวนไม่ได้สนใจผลลัพธ์จากการลองดูใหม่ในรอบนี้

เพราะต่อให้ลูกสัตว์ตัวนี้ไม่มีคุณสมบัติโดดเด่นก็ยังได้รับความรักอยู่ดี

เมื่อมีลูกสัตว์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ย่อมมีลูกสัตว์ที่มีคุณสมบัติธรรมดาเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ล้วนมีค่าพอให้ได้รับการปกป้องดูแลทั้งสิ้น

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า