[ทดลองอ่าน] ฝ่ากฎรักต่างโลก เล่ม 3 ตอนที่ 83

ฝ่ากฎรักต่างโลก

 Law of a Different World 

异世之万物法则

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน

BlueFeather แปล

 

นิยาย 3 เล่มจบ

 

 heart ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ Rose Publishing heart

…XOXO… 

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

———————————————————–

 

บทที่ 83

 

ลมหายใจลึกดุจดั่งคลื่นทะเลของเถิงเสอค่อย ๆ สงบทีละน้อยจนคล้ายกับคนตาย

โคห์ลยังไม่ขยับเข้าไปใกล้ เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตระดับเอมีความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่งมาก แม้มังกรเกล็ดย้อนจะเล่นงานเถิงเสอจนสะบักสะบอม ทว่ามันก็ยังมีชีวิตรอด

โจวอวี้ในตอนนี้รู้สึกง่วงมาก เขาฝืนตั้งสติและมองไปทางเถิงเสอ เขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนทางความคิดใด ๆ จากเถิงเสอตัวนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว แสดงว่ามันตายไปแล้วจริง ๆ

“ระวังตัวด้วย…ในร่างกายของมันจะต้องมีบางอย่างที่ดูดสารอาหารที่ใช้ในการฟื้นฟูของมันไปจนหมด…”

โจวอวี้ยกมือขึ้นกดขมับ

“เข้าใจแล้ว”

เวลานั้น ลำคอของเถิงเสอคล้ายกับมีอะไรบางอย่างกำลังขยับอยู่ภายในและส่งเสียงเฉอะแฉะออกมา

หัวของเถิงเสอมีขนาดใหญ่มาก ในตอนนี้เองขากรรไกรบนของมันก็ถูกแรงบางอย่างดันเปิดขึ้น

โคห์ลกระชับปืนในมืออย่างเคร่งเครียดและเล็งไปทางปากของเถิงเสอ

กลุ่มก้อนเหนียว ๆ ถูกเถิงเสอคายออกมาจากปาก มันพ่นลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกมาก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด

“โจวอวี้…” ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้โคห์ลแข็งค้างไปทันที เขาไม่อาจตัดสินได้เลยว่าก้อนเหนียวหนืดนั่นคืออะไรกันแน่ แต่พอเขาหันหน้าไปด้านข้าง เขาก็พบว่าโจวอวี้หลับไปแล้ว

“โจวอวี้?” โคห์ลเขย่าไหล่โจวอวี้ แต่โจวอวี้หลับลึกเกินไปคล้ายกับใช้พลังงานจนหมดแล้ว

ยามที่ก้อนเหนียวหนืดโซเซลุกขึ้นมา แผ่นหลังของโคห์ลก็เหยียดตรงเตรียมพร้อมรับมือศัตรู

ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะยื่นออกมาจากก้อนเหนียว ๆ นั่น!

โคห์ลที่คาดเดาอะไรได้ยิงปืนออกไปทันที พร้อมกับมือข้างนั้นที่หดกลับเข้าไปในก้อนเหนียวหนืดอย่างรวดเร็ว กระสุนปะทะเข้ากับพลังงานบางอย่างและไม่โดนเป้าหมาย

ก้อนเหนียวหนืดก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์ มันลุกขึ้นยืนและเดินลากขาไปทางโคห์ล

โคห์ลเหนี่ยวไกอย่างรวดเร็ว กระสุนหลายนัดพุ่งเข้าใส่ก้อนเหนียวหนืดจนซองกระสุนว่างเปล่า ขณะที่ก้อนเหนียวก้อนนั้นเกือบจะมาถึงโคห์ลแล้ว

โคห์ลจึงถีบเปิดประตูรถ บานประตูเหวี่ยงกระแทกเข้ากับสิ่งเหนียวหนึบอย่างพอดิบพอดี ส่งผลให้มันเซถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะล้มลง

โคห์ลลงจากรถอย่างว่องไวและวิ่งหนีไป

หลังจากวิ่งไปได้กว่าสิบเมตร โคห์ลก็อดที่จะหันกลับไปมองไม่ได้ สารเหนียวหนืดไหลย้อยลงมาเหมือนกับละลาย สิ่งที่อยู่ด้านในไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลี่เซิ่งหนาน!

ในมือของหลี่เซิ่งหนานคือกระสุนที่โคห์ลยิงออกไป เธอมองไปทางโคห์ลและเหยียดยิ้ม ก่อนจะบดขยี้กระสุนจนแหลกละเอียดและร่วงกราวลงพื้น

โคห์ลรู้ได้ทันทีว่าหลี่เซิ่งหนานอาศัยเถิงเสอตัวนั้นสร้างความผิดเพี้ยนให้ตัวเองสำเร็จแล้ว และตัวเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่เซิ่งหนานด้วย

โจวอวี้ยังคงนอนอยู่ในตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ หลี่เซิ่งหนานยืนอยู่ตรงนั้นและเอียงศีรษะมองเขา รอยยิ้มเย็นเยือกผุดขึ้นที่ริมฝีปาก

เธอโน้มตัวลงหยิบปืนของโจวอวี้ออกมาจากเอวและเหนี่ยวไกไปทางศีรษะของเขา

เพียงแค่ได้ยินเสียงดังปัง โคห์ลก็หันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต

ชั่ววินาทีที่หลี่เซิ่งหนานเหนี่ยวไก โจวอวี้ก็เบี่ยงศีรษะหลบ กระสุนเฉียดผ่านใบหูปะทะเข้ากับกระจกรถจนแตกกระจาย

ยังไม่ทันที่หลี่เซิ่งหนานจะได้ยิงนัดที่สอง ข้อมือของเธอก็ถูกโจวอวี้กำแน่น เขาลืมตาขึ้น แววตาที่จ้องมองไปยังหลี่เซิ่งหนานคมกริบราวกับใบมีด จิตสังหารแผ่กระจายไปทั่วคันรถ

“นายควบคุมมังกรเกล็ดย้อนมาจัดการกับเถิงเสอของฉัน!” หลี่เซิ่งหนานกัดฟันกรอด

แววตาของโจวอวี้ดูเฉยชา เขาออกแรงที่นิ้วมือมากกว่าเดิม บดขยี้กระดูกข้อมือของหลี่เซิ่งหนานจนแหลกละเอียด ปืนในมือร่วงลงมา โจวอวี้ใช้มืออีกข้างรับมันไว้และเหน็บกลับเข้าที่ข้างเอว

“ฉันแค่งีบไปนิดเดียว เธอก็อยากฆ่าฉันจนทนไม่ไหวเลยเหรอ”

โจวอวี้ยกขาขึ้นถีบหลี่เซิ่งหนานออกไป

ยามที่หลี่เซิ่งหนานยันตัวขึ้นมา ข้อมือของเธอก็หายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“งั้นเรามาสานต่อการต่อสู้ระหว่างมังกรเกล็ดย้อนกับเถิงเสอกัน” หลี่เซิ่งหนานขยับตัวเล็กน้อยและเอียงหน้ามองโจวอวี้ที่ยังคงนั่งนิ่ง “ฉันรู้ว่านายได้รับพลังของสิ่งมีชีวิตระดับเอสมาแล้ว แต่ยิ่งพลังมากเท่าไรก็ยิ่งควบคุมยากมากเท่านั้น ไม่เหมือนกับฉัน…”

สิ้นเสียงของหลี่เซิ่งหนาน บนท้องฟ้าพลันปรากฏนกยักษ์สามตาฝูงใหญ่บินตรงเข้ามา พวกมันร้องเสียงแหลมและดิ่งลงมากระแทกรถแฮมเมอร์ที่โจวอวี้อยู่

ทันใดนั้น อะไรบางอย่างพลันทลายพื้นดินที่อยู่ใต้ร่างของโจวอวี้ ทะลึ่งตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าและแทงนกยักษ์สามตาพวกนั้น ทั้งยังสอดประสานเข้าหากันและกันราวกับเป็นตาข่าย กักขังนกยักษ์สามตาที่เหลือไว้ข้างใน

หลี่เซิ่งหนานตะลึงงัน เวลานี้ดวงตาของโจวอวี้กลายเป็นสีทองไปแล้ว

โจวอวี้ลงจากรถมาอย่างสงบ

“เธออยากลองฝีมือ งั้นก็เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ”

สิ้นเสียงของโจวอวี้ เถาวัลย์ปีศาจพวกนั้นก็เคลื่อนไหวและโถมตัวไปทางหลี่เซิ่งหนาน

หลี่เซิ่งหนานพลันหมุนตัวและวิ่งหนีไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น จังหวะนั้นนกยักษ์สามตาตัวหนึ่งก็บินโฉบลงมาคว้าไหล่ของเธอและพาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

หัวใจของโจวอวี้เต้นถี่รัวเนื่องจากใช้พลังของตัวเองมากเกินไป จนรู้สึกได้ถึงเซลล์เม็ดเลือดที่แตกตัวอยู่ในร่างกาย

แม้จะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะปล่อยหลี่เซิ่งหนานไป ถ้าหากว่าเธอหนีรอดไปได้ ปัญหามากมายจะต้องตามมาเป็นพรวนแน่

โจวอวี้รู้ว่าตัวเองต้องอดทนและปรับสมองเข้ากับพลังที่ยิ่งใหญ่นี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก มองหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตบนท้องฟ้า เมื่อนกยักษ์สามตาฝูงหนึ่งบินผ่านมา โจวอวี้ก็จับมันไว้ตัวหนึ่งทันที

นกยักษ์สามตาตัวนั้นบินร่อนลงมาที่ข้างตัวเขาและก้มหัวลงอย่างนอบน้อม โจวอวี้ขึ้นไปขี่บนตัวมันก่อนที่มันจะกระพือปีกไล่ตามหลี่เซิ่งหนานไปอย่างรวดเร็ว

สายลมพัดผ่านใบหูดังหวีดหวิว เขาใช้มือข้างหนึ่งจับขนด้านหลังของนกยักษ์สามตาเอาไว้ ความเร็วในการบินแบบนี้ ถ้าหากเป็นคนธรรมดาคงจะถูกพัดตกลงไปนานแล้ว แต่ร่างกายของโจวอวี้ถูกเสริมความแข็งแกร่งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กำลังแขนของเขาในตอนนี้ทำให้เขายึดจับนกยักษ์สามตาที่บินด้วยความเร็วสูงได้

พวกเขาเข้าใกล้หลี่เซิ่งหนานมากขึ้นเรื่อย ๆ

โจวอวี้พยายามโจมตีนกยักษ์สามตาที่ถูกหลี่เซิ่งหนานควบคุม เพียงแต่เขายังแข็งแกร่งไม่พอ ทำให้ยังไม่ทันจะได้เข้าไปถึงแกนสมองของมัน เขาก็ถูกพลังของหลี่เซิ่งหนานกำจัดออกมาแล้ว

พวกเขาบินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่หลี่เซิ่งหนานพยายามสลัดโจวอวี้ให้หลุด

โจวอวี้ชักปืนที่เสียบอยู่ตรงเอวออกมา เล็งไปทางหลี่เซิ่งหนานด้วยมือข้างเดียวและเหนี่ยวไกทันที

กระสุนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แม้หลี่เซิ่งหนานจะไม่ได้หันกลับไปมองแต่เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังที่วิ่งตัดกระแสลมเข้ามา นกยักษ์สามตาทิ้งตัวดิ่งลงข้างล่างเพื่อหลบกระสุน แต่กระสุนนัดนั้นก็ยังฝังเข้าไปในปีกที่ตวัดยกขึ้น นิวโรท็อกซินแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและนกยักษ์สามตาตัวนั้นก็ร่วงลงไป

ชั่วขณะที่หลี่เซิ่งหนานตกลงพื้น เธอไม่ได้สนใจขาที่หักของตัวเองเลย หลังจากที่โซเซอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ออกวิ่งทันที

นกยักษ์สามตาที่โจวอวี้ขี่อยู่บินโฉบลงมาอย่างดุดัน ท่าทางไร้ปรานีนั้นคล้ายกับต้องการพุ่งชนหลี่เซิ่งหนานให้ตกลงสู่แกนกลางโลก

หลี่เซิ่งหนานพลิกตัวหลบการโจมตี

พื้นดินแทบจะถูกกระแทกเป็นหลุมใหญ่ เสียงที่ดังกัมปนาทส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเตลิดหนี

โจวอวี้ยิงอีกนัดเข้าที่สีข้างของเธอ

หลี่เซิ่งหนานทุ่มสุดตัว ไม่คิดหนีอีกต่อไป เธอพุ่งไปหาโจวอวี้ก่อนจะกระโดดขึ้นไปอย่างว่องไวและหวดขาเตะหวังจะทำให้โจวอวี้หล่นจากหลังของนกยักษ์ โจวอวี้ยกแขนขึ้นกันขาของหลี่เซิ่งหนาน แต่นั่นทำให้ปืนของเขาหลุดออกจากมือ

หลี่เซิ่งหนานเอี้ยวตัวไปคว้าปืนของโจวอวี้ ก่อนที่ประกายไฟจากกระสุนจะสว่างวาบขึ้น

ความเร็วในการเคลื่อนไหวของโจวอวี้ช่างน่าทึ่ง แม้จะรู้สึกถึงกระสุนที่เฉียดผ่านแก้ม แขน และแผ่นหลังของเขาไปนับไม่ถ้วน ทว่ากลับไม่มีกระสุนนัดไหนที่โดนตัวเขาเลย

เขาในตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าสมรรถภาพทางร่างกายและปฏิกิริยาตอบสนองของตัวเองเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ มันเหมือนกับครั้งนั้นที่โม่เย่เคยจับกระสุนไรเฟิลให้เขาด้วยมือเดียว

โจวอวี้ยันมือลงบนหลังของนกยักษ์และเตะปืนในมือของหลี่เซิ่งหนานจนหลุดออกไป ตามด้วยยกเข่าขึ้นกระแทกที่หน้าท้องของเธออย่างแรง

การโจมตีนั้นต่อเนื่องดุจดั่งสายน้ำไหล ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้หลี่เซิ่งหนานได้ตอบโต้

อวัยวะภายในของเธอโดนโจวอวี้กระแทกเข้าอย่างจังจนปริแตก ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ได้รับทำให้เธอหลั่งเหงื่อเย็นออกมา เธอแสร้งกุมท้องของตัวเองและถอยออกไปเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งเข้าใส่โจวอวี้อีกครั้งอย่างบ้าระห่ำและชกไปที่หน้าอกของเขา

หมัดของเธอเร็วจนน่าตะลึง แม้โจวอวี้จะตอบสนองได้ทันแต่ก็ยังถูกเธอชกเข้าที่ไหล่อยู่ดี เสียงกระดูกแตกดังลั่นอย่างชัดเจน

โจวอวี้ส่งเสียงครางในลำคอ

ทว่าไม่นานกระดูกของเขาก็สมานตัว

พวกเขาทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างชิงความเป็นหนึ่งอย่างไม่มีใครยอมใคร จนอากาศคล้ายกับจะลุกไหม้เพราะพวกเขา

โจวอวี้ควบคุมนกยักษ์สามตาให้พุ่งชนหลี่เซิ่งหนาน แต่เธอกลับหลบการโจมตีนั้นได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนที่ขาข้างหนึ่งจะเหยียบลงบนปีกของมัน ตวัดขึ้นไปคร่อมคอและบิดหักมันอย่างรวดเร็ว

โจวอวี้ที่ตามไปติด ๆ กระชากขาของเธอออก ดึงเธอให้ลงมาจากหลังนกยักษ์

หลี่เซิ่งหนานปล่อยหมัดเฉียดแก้มของโจวอวี้ ผ่านจมเข้าไปในต้นไม้โบราณ เสียงของลำต้นที่ปริแตกดังก้องอยู่ข้างหูของเขา

ศึกครั้งนี้ไม่เป็นเขาที่มอดม้วย ก็ต้องเป็นเธอที่มรณา

โจวอวี้ลดตัวลงเตะตัดขาของหลี่เซิ่งหนานและฉวยโอกาสนั้นหักน่องของเธอไปด้วย

เขาขยับตัวเตรียมจะใช้เข่ากระแทกศีรษะของหลี่เซิ่งหนานให้แตก ทว่าอะไรบางอย่างกลับจู่โจมเข้ามาทางด้านหลังของเขา

มันคือไป๋เหมิ่งที่ถูกหลี่เซิ่งหนานควบคุมและใช้หัวพุ่งกระแทกกระดูกสันหลังของโจวอวี้

ชั่วขณะนั้น โจวอวี้พลันย่อตัวลงและใช้ฝ่ามือกดเข้าที่ศีรษะของหลี่เซิ่งหนาน พร้อมกับเถาวัลย์ปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเจาะทะลุร่างของไป๋เหมิ่งตัวนั้น

โจวอวี้หอบหายใจอย่างหนัก แผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

ไป๋เหมิ่งคำรามออกมาอย่างเจ็บปวดและกลายเป็นสารอาหารของเถาวัลย์ปีศาจในที่สุด เถาวัลย์ปีศาจขยับผ่านข้างตัวโจวอวี้ มันส่งเสียงดังครืดคราดออกมา

โจวอวี้ในตอนนี้สูญเสียพลังที่ควบคุมมันไปแล้ว แต่เถาวัลย์ปีศาจคล้ายกับจะสัมผัสได้ถึงเลือดของสิ่งมีชีวิตระดับเอสที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของเขา มันถึงได้หมอบคลานอย่างข้าทาสที่ต้อยต่ำและเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ

โจวอวี้กัดฟัน เขาออกแรงที่ฝ่ามือบดกะโหลกศีรษะของหลี่เซิ่งหนาน

หลี่เซิ่งหนานที่เตะต่อยอากาศอย่างขัดขืนพลันแน่นิ่งไปเหมือนกับหุ่นที่ถูกตัดเชือก โจวอวี้พลิกตัวลงนอนถัดจากเธอ มองแผ่นฟ้าพลางพ่นลมหายใจออกมา

เขายันตัวลุกขึ้นอย่างโงนเงนและเดินไปหานกยักษ์สามตาตัวนั้น

ดวงตาของมันเบิกกว้างและจ้องมองมาทางโจวอวี้

โจวอวี้รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวของมัน เขาจึงวางฝ่ามือลงบนหัวที่ใหญ่โตและลูบมันอย่างช้า ๆ

“ไม่ต้องกลัว ทุกอย่างจะดีขึ้น…กระดูกคอของนายจะค่อย ๆ ฟื้นฟู…นายจะพบว่าตัวเองสามารถขยับปีกได้อีกครั้ง…”

แม้จะมีชีวิตอยู่มานานหลายร้อยปี แต่มันก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยสำหรับนีเบอลุงเงิน

และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัส

ความเจ็บปวดทำให้มันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

ตัวมันในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับความทรมานของการงอกกระดูกใหม่ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับโจวอวี้

แม้มันจะไม่ใช่มนุษย์ แต่โจวอวี้ที่เข้าไปในสมองของมันก็ก่อให้เกิดความรู้สึกร่วม เขาแนบหน้าผากเข้ากับมันและสัมผัสการเกิดใหม่ครั้งนี้ไปด้วยกัน

‘เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ตัวนายในวันนี้จะแข็งแกร่งกว่าเมื่อวาน’ โจวอวี้ปลอบโยนมันในใจ

ความง่วงคืบคลานเข้ามา โจวอวี้ไม่อาจประคองสติต่อไปได้อีก เขาจึงพิงนกยักษ์สามตาตัวนี้และจมลงสู่ห้วงนิทรา แม้เขาจะพยายามทำให้ตัวเองตื่นแต่ก็ไม่อาจฝืนลืมตาขึ้นมาได้

เวลานี้โจวอวี้ได้ยินเสียงของรถแฮมเมอร์

ใครบางคนเปิดประตูลงมา

โจวอวี้มองเห็นใบหน้าของโคห์ลอย่างเลือนราง

คิดไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะย้อนกลับมาหาตัวเอง ทั้ง ๆ ที่คิดว่าเผ่นหนีไปแล้ว!

โคห์ลแบกโจวอวี้ขึ้นมาวางลงในตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับของรถแฮมเมอร์และคาดเข็มขัดนิรภัยให้

หลังจากนั้นเขาก็ชักปืนออกมาจากเอวและยิงไปที่ศีรษะของหลี่เซิ่งหนานหลายนัด ก่อนจะยกร่างของเธอขึ้นมาโยนไปไว้ที่เบาะหลัง

โจวอวี้กึ่งหลับกึ่งตื่นไปตลอดทางขณะที่หูได้ยินเสียงโคห์ลพูดกับวิทยุสื่อสาร “ภารกิจเสร็จสิ้น พัสดุอยู่ระหว่างขนส่ง”

พัสดุ? พัสดุอะไร ตัวเขาหรือว่าหลี่เซิ่งหนาน

ขณะที่รถแฮมเมอร์วิ่งผ่านป่าโบราณ เงาดำสายหนึ่งก็พาดผ่านไปบนท้องฟ้า

โคห์ลเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ สิ่งที่โผล่พรวดออกมาคือนกยักษ์สามตาที่ล้มลงก่อนหน้านี้

เขานึกว่ามันถูกหลี่เซิ่งหนานฆ่าตายไปแล้วเสียอีก มันกลับมามีชีวิตได้อย่างไรกัน

ไม่ว่ารถของโคห์ลจะขับไปทางไหน นกยักษ์สามตาตัวนั้นก็ติดตามมาไม่ห่าง

ท่ามกลางสติที่เลือนราง โจวอวี้สัมผัสได้ถึงตัวตนของมัน มันต้องการจะปลุกเขาและอยากจะพาเขาออกไป

ริมฝีปากของโจวอวี้ขยับยกเป็นรอยยิ้ม ‘ขอบคุณเด็กดี…ฉันไม่เป็นอะไร นายไปเถอะ…’

ตอนที่โคห์ลกำลังจะเรียกปืนกลติดรถออกมา นกยักษ์สามตาตัวนั้นก็บินจากไป

โคห์ลพ่นลมหายใจออกมา ขณะที่ความคิดของโจวอวี้จมลงสู่ความมืดมิดในที่สุด

ตอนที่ตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยสีขาวและคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็คือหานลี่ เธอกำลังป้อนข้อมูลอะไรบางอย่างลงในแท็บเล็ต

“ตื่นแล้วเหรอ” หานลี่โน้มตัวลงมาตรวจม่านตาของโจวอวี้

“ที่นี่คือฐานเหรอ”

“ใช่ ฉันกำลังให้สารอาหารนายอยู่ เมื่อกี้คุกเพิ่งเอาเลือดของนายไปหนึ่งลิตร”

โจวอวี้ขมวดคิ้ว “เธอจะเอาเลือดของฉันไปทำอะไร”

“เรื่องนั้นนายต้องไปถามโคห์ลแล้วล่ะว่าเขาพูดอะไรกับดอกเตอร์คุกไปบ้าง” หานลี่มองไปที่โจวอวี้อย่างแฝงความนัย ก่อนจะออกจากห้องผู้ป่วยไปพร้อมกับแท็บเล็ตในมือ

เวลานั้น โม่เย่ก็เดินล้วงกระเป๋าเข้ามา

ท่อนบนของเขาสวมเสื้อยืดสีขาว ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวลายพราง

เดิมทีสีขาวคือสีที่บริสุทธิ์ ยิ่งมารวมเข้ากับผิวที่ขาวหมดจดและใบหน้าที่งดงามของโม่เย่แล้วก็ยิ่งเผยเสน่ห์ที่ไร้เดียงสาออกมาอย่างชัดเจน ท่อนขาเรียวยาวที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าลายพรางอัดแน่นไปด้วยพลัง ทุกย่างก้าวที่เดินเข้ามาหาโจวอวี้แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน

โม่เย่นั่งลงที่ข้างเตียงและไล้ข้อนิ้วไปตามปลายคางของโจวอวี้ “รู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่”

“เหรอ ฉันคิดอะไรอยู่ล่ะ” โจวอวี้ขยับมือข้างที่ไม่ได้ถูกเสียบสายให้สารอาหารมารองท้ายทอยตัวเองและมองโม่เย่ด้วยท่าทางสบาย ๆ

“คุณอยากถลกเสื้อผม จูบที่หน้าท้องของผม แถมยังอยากกระชากกางเกงของผมออกและโลดแล่นอยู่ในร่างกายของผม”

โม่เย่โน้มศีรษะลงมาอย่างช้า ๆ น้ำเสียงของเขาถูกปรับเป็นเนิบนาบ ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะกดลงข้างหมอนของโจวอวี้

ชั่วขณะนั้น โจวอวี้มองเห็นภาพในใจของโม่เย่ มันช่างเป็นภาพที่ชวนให้ใจร้อนรุ่มและใบหน้าแดงก่ำ โอ้อวดและเร้าอารมณ์ บ้าคลั่งดุจดั่งวันสิ้นโลก

“ฉันว่าสิ่งที่ฉันคิดดูจะเป็นไปได้มากกว่านะ” โจวอวี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและฉวยจังหวะนั้นยกเข่าขึ้นกระแทกเข้าที่หน้าท้องของโม่เย่

ถ้าเป็นคนธรรมดาโดนทำแบบนั้นคงได้คายของเก่าออกมาแล้ว

“จริงเหรอ” มุมปากของโม่เย่ค่อย ๆ ยกขึ้น ก่อนจะกดเข่าของโจวอวี้ลงไป มือของเขาคืบคลานเข้าไปใต้เสื้อของโจวอวี้อย่างช้า ๆ คล้ายกับตั้งใจจะทดสอบความอดทนของคนที่นอนอยู่

นี่เป็นครั้งแรกที่โจวอวี้เสียการควบคุม โดยเฉพาะในตอนที่เขาเหนื่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นิ้วของโม่เย่เหมือนเปลวไฟที่จุดอารมณ์วาบหวามทั้งหมดในเลือดของโจวอวี้

มันราวกับลาวาที่ปะทุขึ้นมาจากเปลือกโลก โจวอวี้งอเข่าขึ้น แม้กระทั่งแผ่นหลังก็ยังแอ่นโค้งเหมือนกับจะหักลงได้ทุกเมื่อ

ลมหายใจหนัก ๆ เต็มไปด้วยความอดกลั้น ทว่าโม่เย่กลับอยากจะปลดปล่อยมันทั้งหมดออกมา

ยามที่โจวอวี้สูญเสียตัวตน เขาก็เห็นแววตาสีดำที่เหมือนลูกแก้วของโม่เย่

เขาก้มหน้าลงบดจูบที่ริมฝีปากของโจวอวี้ กวาดปล้นและอาละวาดดุจดั่งจอมเผด็จการ เมื่อเห็นว่าหัวใจของโจวอวี้เต้นราวกับจะทะลุออกมานอกอก โม่เย่ก็ยกมือขึ้นดึงอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจวัดสัญญาณทางกายภาพของโจวอวี้ออก

มันเป็นจูบที่บ้าคลั่ง ลิ้นของโม่เย่ปั่นป่วนโลกของโจวอวี้ ทว่าโจวอวี้ต่อต้านไม่หยุด เขาอาศัยช่องว่างที่มีไล้เลียโม่เย่เพื่อหวังจะบรรเทาอารมณ์ที่เดือดพล่าน แต่การปลอบโยนเพียงชั่วพริบตานั้นคล้ายกับเป็นเปลวไฟจากนรก มันกลับโหมกระพือความบ้าคลั่งของโม่เย่ให้ลุกโชนเป็นเท่าตัว

ความโลภของโม่เย่เปิดเปลือยออกมาจนหมดสิ้น

จวบจนกระทั่งตอนที่โจวอวี้คิดว่ากระดูกหน้าอกของเขาจะหัก โม่เย่ก็ผละออกจากปากของเขาไปอย่างไม่เต็มใจ

“ไม่คิดว่าจินตนาการของผมจะไม่ได้ใช้”

เสียงของโม่เย่ทั้งเซ็กซี่และแหบพร่าราวกับจะกลืนโจวอวี้ลงไปได้ทุกเมื่อ การที่ต้องอดทนไม่ทำให้ผู้ชายที่ทอดตัวอยู่ตรงหน้านี้บุบสลาย สำหรับโม่เย่แล้วช่างเป็นความทรมานเหลือแสน

“โคห์ลรายงานกับคุกว่ายังไง” โจวอวี้จำต้องเบี่ยงความสนใจที่ตัวเองมีต่อโม่เย่ออกไป

โม่เย่เผยสีหน้าผิดหวังออกมา

“โคห์ลบอกคุกว่าคุณเป็นคนฆ่าหลี่เซิ่งหนาน และหลี่เซิ่งหนานก็ติดเชื้อจากเถิงเสอสำเร็จจนได้รับพลังของสิ่งมีชีวิตระดับเอมาแล้ว การที่หลี่เซิ่งหนานถูกฆ่าตายแบบนี้ คุณรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”

“ฉันจะกลายเป็นวัตถุดิบในการวิจัยของจวี้ลี่กรุ๊ป”

“พวกเราต่างก็เป็นวัตถุดิบในการวิจัยของพวกเขาอยู่แล้ว” โม่เย่ยักไหล่ “ถึงยังไงก็ต้องมีใครสักคนดึงดูดความสนใจของอีตั้นอยู่ดี ในโลกมนุษย์ของคุณ เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารแล้ว ดังนั้นต้องมีอะไรสักอย่างดึงดูดเขามาที่โลกใบนี้”

“ตัวอย่างเช่นฉันที่ครอบครองพลังฟื้นฟูอันยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตระดับเอส”

“พวกเขาเอาเลือดของคุณไปก็เพราะอยากรู้ว่าจะใช้เลือดของคุณสร้างคุณขึ้นมาอีกนับไม่ถ้วนได้หรือเปล่า สำหรับจวี้ลี่กรุ๊ปแล้วเห็นได้ชัดว่าคุกยังเป็นผลผลิตที่มีข้อบกพร่องอยู่ แต่คุณน่ะสมบูรณ์แบบ” โม่เย่พูด

“แต่ยีนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต่อให้เป็นมนุษย์ที่มีกรุ๊ปเลือดเดียวกับฉันก็ใช่ว่าจะรับพลังนี้ไปได้” โจวอวี้ตอบกลับ

“เขาจะโคลนนิ่งคุณ” โม่เย่นอนลงข้างโจวอวี้

“ถ้าโคลนนิ่ง สิ่งที่คุณอีตั้นได้รับจะมีเพียงกองทัพที่แข็งแกร่ง แต่ไม่อาจช่วยตัวเขาได้ แถมสมองของเขาก็ยังคงเป็นมะเร็งเหมือนเดิม”

“นั่นเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ของเรา”

“ตอนนี้ฉันเป็นห่วงโจวชิงมากกว่า ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง” โจวอวี้หรี่ตามองเพดานและถอนหายใจออกมา

“ไม่ต้องห่วง…บนโลกใบนี้มีคนคนหนึ่งที่เป็นของโจวชิงอยู่เสมอ เขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อโจวชิงจนถึงลมหายใจสุดท้าย”

หลังจากผ่านการเดินทางที่ยาวนาน กระทั่งน้ำมันของรถแฮมเมอร์แห้งเหือดไปจนหมด ในที่สุดซ่งหลิ่นก็พาโจวชิงมาถึงจุดที่อยู่ใกล้กับบรรพบุรุษยูมีร์มากที่สุด

ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในนีเบอลุงเงินยามนี้เหลือเพียงแค่กิ่งก้านเหี่ยว ๆ สิ่งมีชีวิตที่เคยพึ่งพาอาศัยมันต่างพากันจากไปจนหมด

แผ่นฟ้าที่ถูกมันค้ำยันเอาไว้คล้ายกับจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ

ในอากาศไร้ซึ่งกลิ่นอายสดชื่นของชีวิต

ซ่งหลิ่นรู้ว่าต่อให้เป็นความตาย มันก็ยังคงเป็นจุดจบที่ยิ่งใหญ่

ซ่งหลิ่นเงยหน้าขึ้น แม้จะมองไปจนสุดสายตาแล้วแต่ก็ยังมองไม่เห็นยอดของยูมีร์

มันสูงเกินไป

“พวกเรามาถึงแล้วเหรอ” โจวชิงเอ่ยถาม

“ใช่”

โจวชิงหลับตาลง ทว่าเขาไม่ได้ยินเสียงใด ๆ จากยูมีร์เลย ตัวเขามาช้าไปเหรอ อีกฝ่ายตายแล้วใช่ไหม

แผ่นฟ้ากับผืนดินที่ไกลห่าง สายลมแรงพัดผ่านใบหูของโจวชิง โลกที่เป็นแบบนี้ช่างเงียบเหงาและเดียวดาย

“พาผมขึ้นไปได้ไหม” โจวชิงถาม

“ได้สิ” ซ่งหลิ่นยกมือขึ้น มังกรน้ำเอลนีโญตัวหนึ่งพลันโผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบและกระพือปีกมาตรงหน้าเขา

ซ่งหลิ่นช่วยประคองโจวชิงขึ้นไป ก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปซ้อนด้านหลัง มังกรน้ำกางปีกออกและพาพวกเขาบินไล่ไปตามกิ่งก้านของยูมีร์วนขึ้นไปด้านบน

พวกเขาที่อยู่ต่อหน้ายูมีร์ช่างตัวเล็กจิ๋วราวกับมด

สายลมกรีดผ่านร่างของโจวชิง

เขาไม่อาจมองเห็นภาพความยิ่งใหญ่ของยูมีร์ จึงทำได้เพียงแค่จินตนาการอยู่ในใจ

บางครั้งเปลือกที่ห่อหุ้มร่างกายของยูมีร์อยู่ก็หลุดออกและร่วงลงสู่พื้น ดุจดั่งดาวตกที่พุ่งฝ่าชั้นบรรยากาศและโถมกลับเข้าสู่อ้อมกอดของพื้นโลก

พวกเขาบินเข้าไปในกลุ่มเมฆ พวกมันดูราวกับหลุดพ้นจากอำนาจของแรงโน้มถ่วงและโลกของนีเบอลุงเงิน

“ตรงนั้น!” จู่ ๆ โจวชิงก็ตะโกนออกมา

มังกรน้ำหยุดชะงัก

ซ่งหลิ่นเห็นรอยแตกลึกระหว่างลำต้นที่ดูเหมือนจะทะลุไปถึงแกนกลางของต้นไม้ได้

ซ่งหลิ่นแบกโจวชิงขึ้นหลังและเข้าไปในรอยแตกนั้น พวกเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ภายในช่องว่างที่ไม่ควรจะมีแสงสว่างกลับมีแสงสว่างเย็นตาขึ้นมา

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า