[ทดลองอ่าน] นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม ตอนที่ 39

你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด

 

— โปรย —

ใครจะรู้ว่าหลังจากฮันต์สารภาพความในใจยาวเหยียด
วินสตันกลับจู่โจมเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนฮันต์ขวัญผวาเพราะ ‘ขวดโค้ก’ ไซส์ซูเปอร์บิ๊ก
ตอนนั้นเขาถึงได้รู้ว่าวินสตันคิดไม่ซื่อกับเขาตั้งแต่แรกแล้ว!

ทว่าตกตะลึงได้ไม่ทันไร ประโยคสารภาพรักของไชร์ที่พนันกับโอเว่นในงานเลี้ยง
เพื่อแกล้งวินสตันกลับผุดขึ้นในหัว ในสายตาของวินสตัน คนที่เขาให้ความสนใจ
และให้ความสำคัญล้วนเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ฝีมือทัดเทียมกันบนสนามแข่ง
แต่คนอย่างฮันต์ เมื่ออยู่ต่อหน้าวินสตันก็เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง
ได้แต่ไล่ตามอยู่ข้างหลังเขาเสมอ…แล้วทีนี้เขาควรจะทำอย่างไรดีล่ะ

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 39 นายโอ๋ง่ายมากจริง ๆ

 

เสียงของวินสตันดังอยู่ใกล้ใบหู มันทั้งอบอุ่นและชื่นเย็น ความคิดฟุ้งซ่านของฮันต์พลันตกตะกอนอย่างนุ่มนวล

“ดูสิ…นายก็เป็นซะแบบนี้…เหมือนกับทนด้านไร้สาระของฉันได้ตลอดเลย ฉันถึงได้โวยวายว่าจะเลิกคบนายโดยไม่คิด…ตอนนั้นฉันต้องอยากอวดมากแน่ ๆ”

“อวดอะไร” วินสตันหันหน้ามา ศีรษะสัมผัสกับฮันต์อย่างแผ่วเบา

“ถ้าคนอื่นพูดกับนายว่าจะเลิกคบ นายต้องหันหลังเดินจากไปอย่างเย็นชาแน่”

“แม้แต่เพื่อนฉันก็มีไม่กี่คน คนที่พูดกับฉันว่า ‘เลิกคบ’ ได้แทบไม่มีเลย” ทั้ง ๆ ที่เสียงของวินสตันเรียบเรื่อยชวนให้สติคนผ่อนคลาย แต่ก็เจือความจนใจอยู่หลายส่วน

“เพราะอย่างนั้นพอฉันโวยวายว่าจะเลิกคบนาย แต่นายยังแคร์ฉัน มันเลยทำให้ฉันรู้สึกมีตัวตนสุด ๆ ไปเลย”

“ฉันรู้แล้ว นายกำลังเอาแต่ใจ”

“นายก็กำลังเอาแต่ใจนะ! นายทำเรื่องเกินเหตุเยอะขนาดนั้น…ล้อเล่นเรื่องเกินเหตุเยอะขนาดนั้น แถมยังกดหน้าของฉันไปตรง…ตรงนั้น ถ้าเป็นคนอื่นคงโกรธนายไปตั้งนานแล้ว!”

“นายยังแค้นเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ” วินสตันตบหลังของฮันต์เบา ๆ

“แต่ฉันยกโทษให้นายหมดแล้ว! เรื่องอะไรที่นายทำให้ฉันช้ำใจ ฉันหาข้ออ้างยกโทษให้นายหมดแล้ว!”

“อืม นายใจกว้างจริง ๆ”

แววขบขันในน้ำเสียงของวินสตันยิ่งชัดขึ้น

“แต่นายที่เมาเหล้ามันอันตรายมากจริง ๆ ถ้าคนที่ส่งนายเข้าห้องไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคนอื่นล่ะ”

พอวินสตันถามแบบนี้ ฮันต์พลันรู้สึกหวาด ๆ

พระเจ้าช่วย เขาไม่กล้าจินตนาการภาพตัวเองกดคนของคุณนาริตะหรือนักบัญชีของทีมคว่ำเลย…ปล่อยให้เขาตายเถอะ!

“อันตราย…อันตรายมากจริงๆด้วย…”

ที่อันตรายไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่น

ฮันต์เงยศีรษะขึ้น ใช้หลังมือปาดน้ำตา

“เพราะงั้น พวกเราเลิกเล่น ‘เกมเลิกคบ’ กันได้หรือยัง”

วินสตันโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้เข้าใกล้ฮันต์จนเกินไป แค่คำถามนี้ประโยคเดียว ดวงตาของฮันต์ก็แสบขึ้นมาอีกครั้ง

เขายื่นแขนออกมารวบไหล่ของวินสตันเข้ามากอด

“ขอโทษ…ขอโทษ…”

ฉันนึกว่านายจะจากฉันไปเหมือนพ่อแม่ของฉัน…ง่ายกว่า ‘การหย่า’ เสียอีก

วินสตันมือหนึ่งตบบ่าของฮันต์ มืออีกข้างสอดเข้าในกระเป๋ากางเกงของฮันต์ ล้วงเอาคีย์การ์ดห้องพักของเขาออกมา โอบหลังของเขาพลางผลักประตูห้องเปิดออก แล้วพาฮันต์เดินเข้าไปทั้งอย่างนั้น

เมื่อฮันต์ปล่อยแขนจากวินสตัน อีกฝ่ายก็มองมาราวกับต้องการมองสีหน้าของเขาให้ชัดเจน

ข้อนิ้วของวินสตันไล้ผ่านแก้มฮันต์ เช็ดน้ำตาให้จนแห้ง

“ฮันต์ นายเคยพูดว่า ไม่ว่าฉันทำอะไร นายก็จะหาข้ออ้างยกโทษให้ฉันหมด แบบนี้ใช่ไหม”

“แน่นอนสิ”

“ต่อให้มีวันหนึ่งนายพบว่าจุดประสงค์ที่ฉันอยู่ข้างกายนายแบบนี้แตกต่างกับที่นายคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง นายก็จะหาข้ออ้างยกโทษให้ฉันใช่ไหม”

วินสตันหลุบตาลงมองฮันต์อย่างจริงจัง

“นายยังมีจุดประสงค์อะไรได้อีก ฉันไม่ได้รวยแบบนาย ไม่ได้หล่อแบบนาย กระทั่งคะแนนสะสมในฟอร์มูลาวันก็ยังไม่สูงเท่านาย…หรือว่านายอยากได้ไตของฉัน” ฮันต์ถามกลับอย่างจนปัญญา

มือของวินสตันเลื่อนเบา ๆ จากแผ่นหลังของฮันต์ลงไปบริเวณเอว ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มบาง ๆ “ไตของนายต้องรักษาไว้ให้ดี พวกมันสำคัญมากจริง ๆ”

“อะไรเล่า นายอยากได้ไตของฉันจริงเหรอ”

“ถ้าไตไม่ดี นายจะทนจนจบการแข่งเอฟวันกรังด์ปรีซ์ได้ยังไง”

“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ไตของฉันน่ะดีมาก!” ฮันต์ถูปลายจมูกพลางยิ้มออกมา

เขายังคงชอบคุยกับวินสตันด้วยบรรยากาศแบบนี้

“ฮันต์ ถ้างั้นในอนาคตพวกเราห้ามพูดคำว่า ‘เลิกคบ’ พล่อย ๆ อีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามหันหลังไปจากอีกฝ่ายเด็ดขาด”

หน้าผากของวินสตันแตะหน้าผากฮันต์ น้ำเสียงจริงจังยิ่งนัก

ฮันต์หลับตาลงตอบ “ได้”

“นอกจากอยู่ข้างกายฉันแล้ว นายห้ามดื่มจนเมาอีกนะ”

“ได้”

อยู่ข้างนาย ฉันยิ่งไม่กล้าเมาเข้าไปใหญ่!

“ยินดีด้วย ฮันต์”

“อะไร”

“ชนะนักขับชื่อดังเปนี แถมยังกัดฉลามขาวยักษ์เชียร์ไม่ปล่อย”

“แต่ฉันไม่ได้ดวลกับนายบนสนามแข่งเลยนะ”

“ถ้าอย่างนั้นอีกสิบห้าปีข้างหน้าจะมีแค่การดวลของนายกับฉัน”

คำพูดของวินสตันทำให้ฮันต์รู้สึกอบอุ่น

“งั้นสิบห้าปีหลังจากนั้นล่ะ”

“สนุกกับชีวิตด้วยกัน”

“เอาสิ! งั้นพวกเราไปพัทยาที่ไทยกัน!”

“ไปที่นั่นทำไม”

“ได้ยินว่าที่นั่นเช่าเมียได้! อ่อนโยนเหมือนน้ำ แถมยังคลอดบุตรชายอบรมบุตรสาวได้…”

“เรื่องนั้นนายอย่าคิดเลย” เสียงของวินสตันเย็นราวกับเครื่องปรับอากาศ ฮันต์พลันรู้สึกหนาวยะเยือก

“ทำไมล่ะ” ฮันต์เบิกตากว้าง

เห็นๆ อยู่ว่าเขาหล่อมาก แม้ว่าถ้าเทียบกับบรรดานักแข่งรถคนอื่นๆ เงินเดือนเขาจะไม่สูง แต่โบนัสของปีนี้ต้องพอ เช่าเมียที่พัทยาได้แน่!

วินสตันไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่ถามอีกคำถามหนึ่งแทน “มาร์คัสให้นายพักผ่อนหลังแข่งไหม”

“ฉันค่อยบินไปอาบูดาบีวันมะรืนได้ มีวันพักปรับตัวสองวัน พวกเสิ่นชวนจะไปอาบูดาบีก่อน”

“งั้นพวกเราไปฮอกไกโดกันเถอะ”

“แช่ออนเซ็นเหรอ” ฮันต์ตาเป็นประกาย

ออนเซ็นของญี่ปุ่นเขายังไม่เคยมีโอกาสได้ลองเลยนะ

“อืม”

“เอาสิ! ยังเล่นสกีได้อยู่ใช่ไหม”

“ทีมไม่น่าจะอนุญาตให้พวกเราเล่นสกี แล้วตอนนี้ก็ไม่ใช่ฤดูสกี อีกอย่าง นายเล่นเป็นเหรอ”

“นายน่าจะเล่นเป็นใช่ไหมล่ะ นายสอนฉันสิ! พวกเราไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้!”

“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันเล่นเป็น”

“ฉันก็คิดว่านายทำเป็นหมดทุกอย่างนั่นแหละ” ฮันต์ถูจมูก

“นายโทร.หามาร์คัสเถอะ ถ้าเขาไม่อนุญาต นายก็คงได้แต่นอนอยู่ในโรงแรม”

ฮันต์รีบต่อสายหามาร์คัสทันที มาร์คัสบ่นเสียยกใหญ่ตามคาดว่าสกงสกีอะไรไม่ให้ไป มันอันตราย แช่ออนเซ็นต้องระวังลื่นล้ม  อย่ากินของดิบ ระวังท้องไส้ปั่นป่วน เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือต้องบินไปอาบูดาบีให้ตรงเวลา

ฮันต์ตอบรับ ‘อืม’ ไปพลาง ในใจก็สบถอย่างบ้าคลั่งไปพลางว่าเมื่อไรจะพูดจบสักที!

แถมตอนนี้ก็ไม่ใช่หน้าสกีเว้ย!

ทำไมมาร์คัสถึงไม่มีความรู้รอบตัวเหมือนเขาเลยเนี่ย

“เรียบร้อยแล้ว! พวกเราอย่ามัวเสียเวลาเลย! จะไปก็รีบไป” ฮันต์วิ่งไปหน้าโซฟา เริ่มเก็บเสื้อผ้าที่ตัวเองโยนไว้มั่วซั่ว

วินสตันกลับยังคงนั่งมองแผ่นหลังของฮันต์อยู่ข้างเตียง

“เป็นอะไรไป หรือจู่ ๆ นายก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องอื่นต้องทำ” ฮันต์ที่ไม่ได้รับการตอบกลับหันไปถาม

“เคยมีคนบอกไหมว่านายโอ๋ง่ายมาก” วินสตันเอ่ยปาก

ทั้งที่ใบหน้าดูเรียบเฉย แต่กลับแฝงรอยยิ้มบางๆ ไว้ หัวใจฮันต์กระตุกวูบอย่างไร้สาเหตุ

“ฉัน…ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย โอ๋ง่ายอะไรกันวะ!” ฮันต์พูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ว่าจะพานายไปปาร์ตี้ หรือไปเที่ยวเป็นเพื่อนนาย อะไรที่ไม่มีความสุขนายก็จะลืมหมด”

ฮันต์พลันหมดปัญญาจะตอบอีกฝ่าย หรือที่บอกว่าไม่คิดแค้นก่อนหน้านี้จะเป็นการเข้าใจผิด

พวกเราต้องติดอยู่ใน ‘เกมเลิกคบ’ ไม่อาจหลุดพ้นเหรอ

ฮันต์บ่นงึมงำในใจ

“ใครก็สามารถหลอกนายไปได้ใช่หรือเปล่า” ในน้ำเสียงของวินสตันเจือความจนใจอยู่หลายส่วน น้อยครั้งนักที่ฮันต์จะได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้

“จะเป็นไปได้ยังไง! ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อย!”

“ถ้างั้นปาร์ตี้บันนี่เกิร์ลของโดนัลด์ล่ะ”

“หา?”

ปาร์ตี้บันนี่เกิร์ลไม่ได้จัดไม่ใช่เหรอ

“ลอว์เรนซ์ โอเว่น พูดว่าจะพานายไปเที่ยวนายก็เชื่อ?”

“หมอนั่นไม่ใช่คนดี ฉันรู้แล้ว คนที่โดนเขาหลอกไม่ใช่แค่ฉันสักหน่อย…เชียร์ก็โดนไม่ใช่เหรอ”

“วิเวียน นิค ล่ะ”

“เชี่ย! หมอนั่นใช้เวลาสามเดือนเลียนแบบผู้หญิง! จะมีคนมองออกสักกี่คนกัน”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ฮันต์ก็รู้สึกน้อยใจ

“ได้ยินว่าทั้งคลับมีแค่นายที่มองไม่ออก” วินสตันพูด

วินาทีนั้นฮันต์พลันรู้สึกว่าไอคิวของตนถูกทำร้าย

“นั่นก็เพราะไอ้โอเว่นนั่นไม่ได้อธิบายให้ฉันฟังชัด ๆ ว่า ‘โฉมงามกับอสูร’ คืออะไร! ผู้ชายปกติที่ไหนจะคิดไปถึงว่าในบรรดาสาวสวยเยอะแยะขนาดนั้นที่เดินผ่านหน้าตัวเองจะมีผู้ชายอยู่!”

“นายรู้สึกว่าผู้หญิงพวกนั้นสวยมากเลยใช่ไหม” หางคิ้วของวินสตันเลิกขึ้นเล็กน้อย

“…อย่างน้อยฉันก็ไม่เห็นสาวที่หน้าตาน่าเกลียด” ฮันต์พึมพำเสียงเบา

“ในบรรดาพวกเขามีครึ่งหนึ่งเป็นผู้ชาย”

“…หา?” ฮันต์รู้สึกตกใจจนเหมือนการรับรู้ทั้งสาม[1]จะปริแตก

“แล้วยังเป็นรุกด้วย”

“รุก?” ฮันต์ถามกลับอย่างโง่เง่า

“สำหรับผู้ชายพวกนั้นก็เหมือนเกมล่าสัตว์ที่หมาป่าสวมหนังแกะ ถ้าวิเวียน นิค หลอกนายเข้าไปอยู่ในกำมือได้ จะกลายเป็นเขากอดนาย ไม่ใช่นายกอดเขา เข้าใจหรือยัง” วินสตันเอียงหน้าไปด้านข้าง

ฮันต์อ้าปากค้าง โลกใบใหม่ที่เขาไม่คิดอยากจะเข้าใจได้เปิดประตูออกต่อหน้าเขาแล้ว

“นาย…นายรู้ได้ยังไง” ฮันต์พลันสงสัยจุดสำคัญจุดนี้ขึ้นมา

“แล้วนายคิดว่าไงล่ะ” วินสตันถามกลับ

“…ลอว์เรนซ์ โอเว่น บอกนาย?” ฮันต์คิดแล้วถามต่อ “ถ้างั้นโอเว่นชอบผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่”

คันปากจังเว้ย!

“ถ้าเขาชอบผู้ชาย เชียร์จะมีโอกาสแต่งงานแล้วหย่า หย่าแล้วแต่งอีกได้ยังไง”

“เกี่ยวอะไรกับเชียร์”

“ไม่มีอะไร เสื้อผ้าที่นายเอามาบางเกินไป ซัปโปโรตอนนี้แค่สิบกว่าองศา พวกเราไปซื้อเสื้อกันหนาวกันดีกว่า”

“อืม! ได้!”

ไม่อย่างนั้นถ้าลงเครื่องแล้วล้มป่วยหรือเป็นไข้จะกระทบกับผลงานที่สนามอาบูดาบี

ถึงแม้ฮันต์จะรู้สึกว่าด้วยสมรรถภาพร่างกายของตนคงไม่ถึงขั้นล้มป่วยก็ตาม

สองคนเก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จ เมื่อเดินออกจากประตูโรงแรมก็เจอกับแม็คเกรดีพอดี

ฮันต์กำลังเช็กเอ๊าต์ วินสตันก็ยืนพิงพลางโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ แต่เขาเหมือนจะพูดภาษาญี่ปุ่น ฮันต์ฟังไม่ออกสักประโยค

“นายพูดว่านายกับวินสตันเลิกคบกันแล้วไม่ใช่เหรอ” แม็คเกรดีถาม

“พวกเราคืนดีกันแล้ว!” ฮันต์ยกมือขึ้นพาดบ่าของอีกฝ่าย

แม็คเกรดีร้องฮึทีหนึ่ง “นายอายุเท่าไรแล้วยังเล่นเกมเลิกคบกันอยู่อีก”

“…”

ฮันต์อยากพูดว่าพวกเราไม่ได้เล่นเกม แต่เกือบเลิกคบกันจริง ๆ แล้วมาก…แต่วินสตันก็อยู่ข้างกาย เขากลัวนิด ๆ ว่าอีกฝ่ายจะโกรธ

“นายควรยินดีที่พวกเราไม่เลิกคบกันนะ ไม่งั้นนายอาจถูกเบียดออกจากสนามอาบูดาบี!” ฮันต์ยิ้มกวนประสาท

“แก…” แม็คเกรดีโกรธจนหน้าเขียว เขาปรายตามองวินสตันแวบหนึ่งก็หันหลังจากไป

“แต่พูดก็พูดเถอะ วินสตัน…ที่แม็คเกรดีพุ่งออกนอกสนามคราวนั้น ไม่ใช่ว่านายจงใจทำใช่ไหม” ฮันต์ใช้ศอกกระทุ้งวินสตันทีหนึ่ง

อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าพิมพ์ข้อความอยู่

ฮันต์จึงกระทุ้งอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจอีกครั้ง

“นี่ นายจงใจเล่นงานแม็คเกรดีเหรอ”

“แน่นอน มันยังไม่ชัดพออีกเหรอ” วินสตันหันหน้ามามองฮันต์แวบหนึ่ง ก่อนหันกลับไปส่งข้อความต่อ

ฮันต์อึ้งไป…เขาเข้าใจวินสตันคลาดเคลื่อนไปงั้นเหรอ เขานึกว่าอีกฝ่ายจะใจกว้างและประนีประนอมซะอีก!

ฮันต์พลันนึกถึงคำที่โอเว่นวิจารณ์วินสตันว่า ‘เจ้าคิดเจ้าแค้น…’

คำวิจารณ์นี้อาจเป็นกลางและยุติธรรมก็ได้

“เอ่อ คือ…คราวหน้านายอย่าเล่นงานเขาได้ไหม”

“ทำไม”

“เขาคือเพื่อนร่วมทีมฉันนะ! ถ้านายเล่นงานเขาออกไป ทีมพวกเราก็มีโอกาสได้คะแนนน้อยลงน่ะสิ!”

“นายจับมือคืนดีกับเขาแล้ว?”

“ใช่”

ฮันต์ถูจมูก…ไม่ได้จับมือ แต่ถือว่าคืนดีแล้วมั้ง

“ทำไมที่ฉันเห็นเมื่อครู่ไม่ค่อยเหมือนเลย”

“…พวกเรามีวิธีคบหากันแบบพิเศษ”

“ก็ได้ ถ้าคราวหน้าเขาต่อยนายอีก ก็อย่ามาพูดกับฉันว่าถูกต่อยจนตาเป็นแพนด้าแล้วกัน”

“ฉันไม่ทำหรอกน่า! เรื่องต่อยตี แม็คเกรดีไม่ใช่คู่มือฉันหรอก!”

“อืม”

ประโยค ‘อืม’ แฝงนัยขอไปทีและไม่ยอมรับไว้อย่างเข้มข้น

ศักดิ์ศรีของฮันต์ได้รับบาดเจ็บระดับหนักหน่วงปางตาย

เมื่อจัดการเช็กเอ๊าต์เสร็จแล้ว ฮันต์กับวินสตันก็นั่งรถกลับถึงเขตเมืองโตเกียว ทั้งสองไปยังแผนกเสื้อผ้าชายหรูหราแห่งหนึ่ง

ฮันต์ไม่เคยใส่ใจเรื่องเสื้อผ้า วินสตันโยนเสื้อกันลมตัวหนึ่งใส่หน้าของเขาดื้อ ๆ “เข้าไปเปลี่ยน”

ฮันต์กำลังคิดจะต่อว่าที่อีกฝ่ายโยนกระแทกโดนหน้าของเขา แต่เพียงแค่ปลายคางของวินสตันเชิดขึ้นทำท่าพยักพเยิด ฮันต์ก็เดินเข้าไปในห้องลองเสื้ออย่างยอมรับในชะตากรรม

เมื่อเขาสวมเสื้อแล้วมองตนเองในกระจกก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย “ที่แท้ฉันก็หล่อมากเลยนะเนี่ย!”

“ออกมาให้ฉันดูหน่อย อย่าเอาแต่อวยตัวเองอยู่ข้างในคนเดียว” เสียงของวินสตันดังขึ้น

ฮันต์เบ้ปาก หมอนี่ทำลายบรรยากาศเก่งจริงๆ!

เขาเดินออกมา พนักงานขายกำลังจะก้าวเข้ามาข้างหน้า ทว่าวินสตันกลับเอื้อมมือมาจัดคอเสื้อให้ฮันต์แล้ว

“คอเสื้อของนายโดนทับอยู่ด้านใน รู้สึกอึดอัดมั้ย”

นิ้วมือของวินสตันล้วงเข้าไประหว่างคอเสื้อกับลำคอ ข้อนิ้วของเขาเกลี่ยผิวของฮันต์ ทำเอาฮันต์รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายลูบคลำ

“ไม่นี่…”

“งั้นก็ซื้อตัวนี้” วินสตันโน้มตัวมาทางฮันต์แล้วพูดเสียงเบา “กางเกงในล่ะ นายเอามาพอไหม”

ฮันต์เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของวินสตันก็พลันนึกถึงคราวนั้นที่ตนเจอกับวินสตันในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วอีกฝ่ายช่วยเขาจ่ายเงินแทน

“เกี่ยวอะไรกับนาย!” ฮันต์ไม่สบอารมณ์แล้ว

“พวกเราไปซื้อกัน”

วินสตันพูดจบก็เดินไปจ่ายเงิน

“ฉันซื้อเองได้!” ฮันต์สาวเท้าตามไป

วินสตันกลับหันมายิ้ม “ฉันชอบความรู้สึกเวลาที่ได้ซื้อกระดาษห่อให้ของขวัญของตัวเอง”

“ฮะ? หมายความว่ายังไง”

วินสตันไม่ได้ตอบเขา

เดิมทีฮันต์นึกว่าที่อีกฝ่ายบอกจะพาเขาไปซื้อกางเกงในคือเรื่องล้อเล่น แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง

พวกเขามาถึงแผนกชั้นในบุรุษ เรื่องที่ทำให้ฮันต์คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกก็คือ ทำไมพนักงานที่แผนกชั้นในบุรุษถึงเป็นผู้หญิงหมดเลย

แถมสำหรับฮันต์แล้ว ของอย่างชั้นในนี่เขาไม่เคยใส่ใจด้วยซ้ำ เมื่อพนักงานหญิงนำกางเกงในทุกสไตล์ทุกเนื้อผ้ามาแนะนำให้เขาทีละตัว ฮันต์รู้สึกว่าหน้าของตัวเองเห่อร้อนจนแทบระเบิดแล้ว

พนักงานหญิงถึงขั้นใช้ภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยคล่องมาอธิบายความสบายและการโอบกระชับน้องชายตัวน้อยของแต่ละสไตล์ให้เขาฟังอย่างจริงจังมาก

ฮันต์รู้สึกกระอักกระอ่วน พอมองไปทางวินสตันก็พบว่าอีกฝ่ายกลับเอาแต่มองตน ใบหน้าคล้ายยิ้มแต่ก็ไม่เชิง

ทว่าสายตาที่คนภายนอกมองมาต้องเห็นแค่ว่าตอนนี้วินสตันมีสีหน้าเรียบเย็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งแน่ ส่วนรอยยิ้มแบบนั้นมีแค่ฮันต์เท่านั้นที่มองออก

“นายจงใจใช่ไหม” ฮันต์กระซิบถามอีกฝ่าย

“ฉันแค่รู้สึกว่านายควรจะยกระดับคุณภาพชีวิตตัวเองหน่อยก็เท่านั้นเอง” วินสตันตอบ

“คุณผู้ชายคะ ไม่ทราบคุณตัดสินใจได้หรือยังคะ” พนักงานหญิงถาม

ฮันต์คิดแต่จะอยากรีบออกไปจากที่นี่จึงจิ้มแบบหนึ่งไปมั่ว ๆ

แต่วินสตันกลับจับมือของเขาไว้ ใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดกับเจ้าหล่อนประโยคหนึ่ง พนักงานหญิงพลันป้องปากหัวเราะออกมา ก่อนจะหันกลับไปเตรียมของให้ฮันต์

“นี่ นายพูดอะไรกับหล่อน” ฮันต์ถามอย่างสงสัย

“เดาสิ”

พนักงานหญิงส่งถุงให้วินสตัน

วินสตันจะจ่ายเงินแทนฮันต์อีกครั้ง แต่คราวนี้ฮันต์ไม่ยอมแล้ว

“ฉันจะซื้อกางเกงในเอง!”

“ซื้อเอง?” วินสตันหันมามองเขา

“ทำไมจะซื้อไม่ได้ล่ะ การที่นายให้กางเกงในฉันมันโคตรประหลาดเลย!”

“ดูเหมือนว่านายจะไม่เคยให้ของฉันสินะ กระทั่งกาแฟสักแก้วก็ยังไม่เคยเลี้ยงฉันเลย”

“…เหมือนจะใช่มั้ง…” ฮันต์เอียงศีรษะคิด

เวลานี้วินสตันก็รูดบัตรชำระเงินเสร็จแล้ว

“เฮ้ยยย ฉันบอกว่าฉันจะซื้อเอง!”

วินสตันมองฮันต์แวบหนึ่ง ฮันต์นิ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจะโกรธแล้ว?

สองวินาทีต่อมาวินสตันก็หยิบกางเกงในแบบเดียวกัน เพียงแค่ต่างไซส์มาวางบนเคาน์เตอร์ พยักพเยิดคางใส่ฮันต์ “นายซื้อสิ!”

“…” ฮันต์รูดบัตรซื้อภายใต้สายตากดดันของวินสตัน

พนักงานหญิงด้านข้างยังคงป้องปากหัวเราะ

ฮันต์หิ้วของเดินออกมา “ฉันก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี นายรูดบัตรซื้อกางเกงในให้ฉัน ฉันก็รูดบัตรซื้อกางเกงในให้นาย พวกเราซื้อกางเกงในให้กัน…นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“งั้นก็เปลี่ยนวิธีพูด นายรูดบัตรซื้อกางเกงในของนาย ฉันรูดบัตรซื้อกางเกงในของฉัน”

“…พอพูดแบบนี้ฉันค่อยสบายใจขึ้นหน่อย” ฮันต์เอียงศีรษะครุ่นคิดต่อก่อนจะพูดว่า “งั้นนายพูดอะไรกับพนักงานหญิงคนนั้น หล่อนถึงได้ยิ้มซะขนาดนั้น”

“นายอยากรู้จริงเหรอ” วินสตันยกมือขึ้นโบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ฮันต์เข้าไปนั่งกับเขา

“แหงสิ นายพูดอะไรกับหล่อนกันแน่”

“ฉันพูดว่าฉันคือแฟนของนาย” เสียงของวินสตันราบเรียบ แต่มุมปากกลับยกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หลังฮันต์ได้สติ หัวใจก็ถูกกระแทกแรง ๆ ฮันต์ไม่รู้ว่าตนอยากกลบเกลื่อนอะไรเลยทุบอีกฝ่ายแรง ๆ ทีหนึ่ง “นายจงใจสินะ!”

“ใช่สิ ฉันจงใจ” สายตาของวินสตันหลุบลงมามองหว่างขาฮันต์ “เก่งนักนายก็ไม่ต้องใส่สิ”

ฮันต์นึกเสียใจที่ไม่ได้เปิดมือถืออัดเสียงคำที่วินสตันเพิ่งพูดไว้

“ต้องมีสักวันที่ทั้งโลกจะได้รู้ธาตุแท้ของนาย!” ฮันต์กัดฟันกรอดอย่างเคียดแค้น

“งั้นฉันก็เฝ้ารอให้วันนั้นมาถึงโดยเร็ว”

วินสตันเท้าคาง พูดพลางยิ้มบาง

ไม่รู้เพราะอะไรฮันต์ถึงรู้สึกว่าวินสตันในเวลานี้มีความสุขมาก

และไม่ปิดบังความสุขของตัวเองเลย

ที่สำคัญคือ เมื่อเขามีความสุข ฮันต์ก็รู้สึกว่าตนมีความสุขมากเช่นกัน ขอเพียงเขาสามารถอ่านรอยยิ้มในแววตาของวินสตันได้ตลอดไป เขาก็จะยอมเป็นคู่หูให้อีกฝ่ายเยาะเย้ยไปตลอดกาล

“นี่…”

“หืม?”

“ต่อไปฉันจะซื้อกางเกงในเอง!”

“ได้สิ จำไว้ว่าต้องเลือกที่ทนทาน ระบายอากาศดี และยืดหยุ่นดี” วินสตันตอบ

“ฉันรู้แล้ว”

ก็คืออย่าไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตสินะ!

“ที่จริงกางเกงในตัวไหนก็ไม่ทนทานเท่าตัวนี้”

วินสตันยื่นมือของตนโบกไปมาตรงหน้าฮันต์ นิ้วมือแกร่งและเรียวยาวนั่นทำให้ฮันต์รู้สึกชื่นชม

“หมายความว่าอะไร”

มือของวินสตันเคลื่อนไประหว่างเข่าของฮันต์อย่างรวดเร็ว ฮันต์ที่เข้าใจทันทีรีบจับข้อมือของอีกฝ่ายไว้

“เฮ้ยยย นายทำอะไรวะ! ตกใจหมดเลย!”

“ไม่ได้จับลงไปสักหน่อย นายกลัวอะไร”

ใบหน้าของอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนสีเลยสักนิด ฮันต์เสียอีกที่กลายเป็นคนผิดปกติ

ฮันต์วางมือของวินสตันกลับไปบนเข่าของอีกฝ่าย “บอกมาซิว่านายโดนอะไรกระตุ้นเข้าไป”

“นอกจากนาย ยังจะมีใครกระตุ้นฉันได้อีก”

ฮันต์พบว่าตนกลับตอบไม่ได้

เขาหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง

ตีกันแบบนี้เหมือนสมัยมัธยมต้น เขากับบลูอยู่ในห้อง ดู ‘หนังแอ๊คชั่น’ จบไปเรื่องหนึ่ง ตรงนั้นของพระเอกในเรื่องมีขนาดมหึมาสุด ๆ สองหนุ่มมองดูพลางเบิกตากว้าง หลังจากนั้นทั้งสองก็ตีกัน

เพราะตนใช้แรงมากไปจึงบีบจนบลูขดตัวอยู่บนพื้น

ในตอนนั้นน้ำตาของบลูเกือบไหลออกมาแล้ว ถึงขนาดพูดว่า ถ้าบลูน้อยมีปัญหาก็จะลากฮันต์น้อยลงโลงไปด้วยกัน

แม่ได้ยินเสียงก็ตั้งใจมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

สองหนุ่มพูดความจริงไม่ได้ ฮันต์บอกว่าบลูชนขอบโต๊ะ ส่วนบลูพูดว่าฮันต์เตะเขา แม่มองพวกเขาอย่างสงสัย สุดท้ายบลูยอมถอยพูดว่าตนชนกับขอบโต๊ะจริง ๆ

คิดถึงตรงนี้มุมปากของฮันต์ก็ยกยิ้ม

“คิดอะไรอยู่” เสียงของวินสตันดังขึ้น

วินาทีนั้น ฮนต์อดจะเริ่มจินตนาการไม่ได้ว่าถ้าเมื่อครู่ตนไม่ได้ห้ามวินสตันไว้ เขาจะจับมันจริง ๆ ไหม

นิ้วมือของอีกฝ่ายจะจับตัวตนของเขาอย่างไร ใช้แรงแบบไหน แล้วอุณหภูมิเท่าไร

จินตนาการนับไม่ถ้วนทำเอาเลือดของเขาไหลลงสู่เบื้องล่างจนเกือบจะมีปฏิกิริยาอยู่รอมร่อ เขาจึงรีบสลัดสมมติฐานทั้งหมดออกจากสมองของตนทันที

“ไม่เกี่ยวกับนาย” ฮันต์บุ้ยปาก

ข้างใบหูแว่วเสียงหัวเราะเบา ๆ ของวินสตัน ในน้ำเสียงนั้นเจือความยอมให้และเป็นความผู้ใหญ่อยู่หลายส่วน

ตนเหมือนจะกลายเป็นเด็กต่อหน้าเขาอีกแล้ว

 

[1] ได้แก่ มุมมองต่อโลก มุมมองต่อชีวิต และมุมมองต่อคุณค่า

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า