[ทดลองอ่าน] นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม ตอนที่ 5

你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด

 

— โปรย —
ราชันนักขับฟอร์มูล่าวัน ‘วอห์น วินสตัน’ สูญเสียคู่แข่งและเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
ไปในอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด ทว่าหลังค่ำคืนวันแต่งงานของเพื่อนนักขับในวงการคนหนึ่ง
เขากลับตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่เจอ ‘อีวาน ฮันท์’ เป็นครั้งแรกอีกครั้ง!

ในวินาทีนั้นกาลเวลาที่หยุดนิ่งพลันแล่นรี่ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ครั้งนี้เขาจะชดเชยช่วงเวลา
ทั้งหมดที่มีและใช้โอกาสที่ได้มาอย่างคุ้มค่า ทุกนาที ทุก ๆ วินาที จะไม่สูญเปล่าอีกต่อไป
เพราะเขาไม่เคยอยากเป็น ‘เพื่อน’ กับฮันต์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…

ทว่านักขับหนุ่มมือใหม่กลับคิดว่าวินสตันก็แค่ ‘แกล้ง’ เขาเล่น คนที่ได้ฉายาจากสื่อว่า
‘ดาบน้ำแข็งแห่งความเร็ว’ คนนั้นน่ะเหรอที่จะอยากเป็นเพื่อนกับคนท้ายตารางอย่างเขา
และอีกอย่างถ้าอยากเป็นเพื่อนกันจริงๆ เขาจะพูดออกมาได้ยังไงว่า ‘ฉันอยากเอานาย’
เพื่อนกันเขาเล่นมุกใต้สะดือพรรค์นี้กันที่ไหนเล่า

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 5 ชอบแบบอ่อนโยนสักนิดหรือว่าป่าเถื่อนสักหน่อยล่ะ

 

 

“เอ่อ…ฉันกลับเองก็ได้”

วินสตันลดโทรศัพท์มือถือลง เขากำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คนของบริษัทประกันก็มาถึงพอดี

ฮันต์จัดการธุระสำคัญเสร็จ ก่อนจะมองดูรถของตนถูกลากไปแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เมื่อหันหน้ากลับมาก็พบว่าวินสตันกำลังรอตนอยู่เช่นเดิม

ภายใต้ดวงไฟริมถนน เงาร่างของเขางดงามมาก แต่ก็ดูโดดเดี่ยวมากเช่นกัน

“ไปกันเถอะ” เขาเปิดประตูรถให้ฮันต์

ฮันต์หยิกหูของตัวเอง ‘ก็ได้วะ คนห่วย ๆ อย่างฉันจะได้นั่งรถของอัจฉริยะกลับบ้านแล้ว’

สายลมยามราตรีพัดผ่าน ฮันต์หลับตา เขาอยากรู้มากว่าวินสตันขับรถอย่างไร รวมทั้งวิธีควบคุมคลัตช์[1] แล้วก็การหมุนพวงมาลัยนั่นด้วย

เขาขับรถนิ่งมาก การหยุดรถตรงสี่แยกหรือการเลี้ยวเปลี่ยนทิศก็ล้วนทำให้คนรู้สึกสบาย

ความสบายแบบนี้ทำให้ฮันต์บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

“นายขับรถแบบนี้…ไม่เหมือนนักแข่งรถเอาซะเลย…”

วินสตันหันหน้ามา มุมปากยกขึ้น “นายอยากลองไหม”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันต์เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายชัดขนาดนี้ มันราวกับมีนิ้วหมุนวนอยู่ภายในร่างกายเขารอบหนึ่ง สมองและหัวใจล้วนถูกม้วนเข้าสู่วังวนนั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับถอนตัวออกอย่างเยือกเย็น

ฮันต์ลอบถอนหายใจ เขาเข้าใจสักทีว่าทำไมวินสตันถึงไม่เคยเผยรอยยิ้มต่อหน้าสื่อเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว เพราะมันจะไม่ใช่แค่เป็นหนังฆาตกรรม แต่มันยังบีบคั้นให้ผู้คนที่เห็นเข้าสู่ทางตันด้วยน่ะสิ!

“ตรงนี้เป็นเขตเมือง เฟอร์รารี่ซิ่งไม่ขึ้นหรอก…” ฮันต์ยักไหล่

“งั้นก็ไปในที่ที่ซิ่งได้สิ”

วินสตันหมุนพวงมาลัยแล้วพุ่งทะยานออกนอกเมือง

“เฮ้! นายจะไปไหน”

“นายกลัวฉันไหม” อีกฝ่ายมองเขานิ่ง ๆ

“กลัวอะไร”

“กลัวว่าฉันจะพานายไปที่ไหนสักแห่งแล้วขังนายไว้ในที่มืดมิดไร้แสงตะวัน นอกจากฉันแล้วนายก็จะไม่ได้เจอใครอีก เป็นอย่างนี้ไปชั่วชีวิต”

น้ำเสียงของเขายังคงเย็นเยียบ ทว่ามันกลับมีอะไรบางอย่างกำลังโหมไหม้ด้วยความคลุ้มคลั่ง

ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ รอยยิ้มบางเบาเมื่อครู่ล้วนกลายเป็นภาพมายา มันไต่ระดับจากเย็นชาไปจนถึงโหดร้าย

ฮันต์เผลอกลืนน้ำลาย เขาควานมือไปเช็กประตูรถตามสัญชาตญาณ

“ฉันล็อกไว้แน่นแล้ว นายจะกระโดดลงไปก็ได้ แต่จากความเร็วในตอนนี้ ความน่าจะเป็นที่นายจะตกลงไปตายไม่น้อยไปกว่าการตกตึกสิบชั้น” วินสตันเลี้ยวรถอย่างเยือกเย็น

แสงไฟโดยรอบมืดลงทุกขณะ แทบจะไม่มีรถคันไหนผ่านมาทางนี้เลย

วินสตันดูเหมือนจะก่อเหตุฆาตกรรมอย่างอ่อนโยน และตนก็คือเหยื่อของเขา

ฮันต์รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางฆ่าตนแน่…แต่ถ้าเกิดวินสตันคือฆาตกรโรคจิตอะไรพวกนั้นจริงๆ ล่ะ

เมื่อสองวันก่อนเหมือนจะเห็นบนหนังสือพิมพ์เขียนว่ามีศพวัยรุ่นสักคนถูกทิ้งไว้นอกเมือง กระดูกตามร่างหักหลาย แห่ง…

“นายชอบให้ฉันอ่อนโยนสักนิดหรือว่าป่าเถื่อนสักหน่อยล่ะ” เสียงของเขาเบามากราวกับเสียงกระซิบของคนรักกัน

ทว่ามันกลับคล้ายเค้าลางแห่งความตาย และอันตรายอย่างถึงที่สุด

ฮันต์อ้าปากพะงาบ ๆ สันหลังเย็นยะเยือก และความรู้สึกนั้นก็เหมือนกับจะแช่แข็งลิ้นของเขาเอาไว้ จนพูดอะไรไม่ออก

“ทำไมไม่ตอบฉันล่ะที่รัก นายไม่ปรารถนาเลยเหรอ”

รถขับเร็วมากขึ้นทุกที บริเวณโดยรอบรกร้างไร้บ้านคน ประสาทสัมผัสของฮันต์รับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขากำลังประเมินว่าตนพอจะปล้นรถแล้วหนีไปได้ไหม

อย่างเช่นว่าทุบวินสตันให้สลบ แย่งพวงมาลัยมาคุม ถีบเขาลงจากรถ แล้วตนก็ขับรถกลับบ้าน!

อย่าโง่น่า! เวลานักขับเข้าโค้ง น้ำหนักเฉลี่ยของหมวกกันน็อกบวกกับแรงโน้มถ่วงอยู่ที่ยี่สิบสี่กิโลกรัม ความสามารถ ในการแบกรับน้ำหนักส่วนคอของวินสตันต้องแข็งแรงมากแน่ ตนจะทุบเขาให้สลบจากระยะห่างแบบนี้ได้อย่างไรล่ะ

“ทำไมไม่ตอบฉันล่ะ” เสียงของเขาอบอุ่นขึ้นกว่าเดิม

“ฉัน…ฉัน…” ฮันต์พยายามอ้าปาก อยากจะพูดคำที่สามารถสงบสติอารมณ์ของไอ้บ้าในชุดสูทคนนี้ได้ ต่อให้แค่ ประโยคเดียวก็ยังดี แต่เขากลับพูดไม่ออกสักประโยค

แม่ง! ปกติก็ดี ๆ อยู่หรอก! ทำไมพอถึงเวลาสำคัญดันพูดไม่ออกล่ะ!

“นายชอบกุญแจมือแบบไหน”

“…”

กุญแจมือ? กุญแจมือบ้าอะไร!

“แส้ล่ะ ชอบแบบใหญ่หน่อยหรือว่าเล็กหน่อย”

เมื่อวินสตันใช้เสียงเรียบนิ่งไร้อารมณ์ของเขาถามประโยคนี้ออกมา มันเหมือนกับมือที่มองไม่เห็นบีบรัดหัวใจเขาไว้ ทำให้เลือดของฮันต์ลดฮวบอย่างไร้สาเหตุ

ทุบเขาให้สลบ ต้องทุบเขาให้สลบ!

“ถ้านายไม่พูด ฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องถนอมนายยังไง” มุมปากของวินสตันยกสูงขึ้น แต่ฮันต์กลับรู้สึกว่าในสมองคล้ายมีอะไรบางอย่างกำลังจะระเบิดออกมาจริง ๆ แล้ว

ฉันไม่ต้องการให้นายมารักใคร่ถนอมอะไรทั้งนั้นแหละ!

แม่งประสาทเส้นไหนแดกวะ!

“ทำไมนายยังไม่พูดอีกล่ะ”

“ฉัน…คิดว่า…มุกของนาย…ไม่ตลกเลยสักนิด” ฮันต์ใช้แรงกายเกือบหมดถึงค่อยทำให้ลิ้นที่แข็งทื่อของตนเริ่มม้วนได้

จะติดอ่างไม่ได้ จะให้อีกฝ่ายดูออกว่าพอตัวเองตื่นเต้นแล้วจะพูดติด ๆ ขัด ๆ ไม่ได้

“ทำให้นายตกใจจริง ๆ สินะ”

รถหยุดลง วินสตันกุมพวงมาลัยพลางมองฮันต์

รอยยิ้มเย็นชาเจือกลิ่นคาวเลือดจาง ๆ เมื่อครู่หายไปแล้ว แต่ในดวงตากลับแฝงแววซุกซนอย่างเห็นได้ชัด

วินาทีนี้ฮันต์มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเมื่อครู่วินสตันแกล้งตน

“ฉันไม่ได้ตกใจ แค่รู้สึกว่านายทำเกินไป”

เมื่ออารมณ์สงบลง ลิ้นก็ผ่อนคลายตาม น้ำเสียงจึงเปล่งออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“นายตกใจ” วินสตันพูด

น้ำเสียงแม้ไม่ได้ฟังดูยืนกรานหนักแน่น ทว่ามันกลับทำให้คนฟังรู้สึกว่าเขากำลังพูดถึงข้อเท็จจริง

“ฉันเปล่า”

ฮันต์จ้องวินสตันด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มที่

ไอ้หมอนี่ ถ้านายกล้าถามว่าเมื่อกี้ฉันติดอ่างใช่ไหม ฉันจะอัดนายจนความจำเสื่อม!

“นายไม่เคยดู แผนฆ่าท้าความเร็ว เหรอ” วินสตันเอ่ยถาม

“อะไรนะ”

“หนังเรื่องหนึ่ง”

“หา?”

“พวกเรามาถึงแล้ว”

“ถึงที่ไหน”

“ที่ที่จะซิ่งรถได้”

ฮันต์พบว่าตัวเองตามความคิดของวินสตันไม่เคยทันเลย

เป็นเพราะความคิดกับการตอบสนองเปลี่ยนทิศทางไว จึงมักทำคะแนนสูง ๆ ในกรังด์ปรีซ์ได้งั้นเหรอ

ฮันต์มองตามสายตาของวินสตันไปก็พบว่าพวกเขาได้มาถึงลานวิ่งที่ปิดไว้แห่งหนึ่งแล้ว

“ที่นี่คือสนามทดสอบรถ[2]นอกเมืองนิวยอร์กของเฟอร์รารี่”

เออ…ทีมใหญ่นี่มันรวยจริง ๆ!

วินสตันใช้บัตรบลูทูธเปิดประตูเสร็จ พวกเขาก็ขับรถเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผย

“เฮ้ แบบนี้ไม่เป็นไรเหรอ” ฮันต์กังวลนิด ๆ

วินสตันเป็นคนของทีมเฟอร์รารี่ แต่เขาไม่ใช่

“มีแค่พวกเราสองคน หรือนายกังวลว่าฉันจะทำอะไรนายที่นี่”

เอาอีกแล้ว เอาอีกแล้ว!

มุกใต้สะดือแบบนี้มันช่างแตกต่างกับเวลาที่เขาให้สัมภาษณ์สื่อและอยู่บนสนาม F1 ลิบลับ!

“นายคือวอห์น วินสตัน จริงเหรอ” ฮันต์เอียงศีรษะถาม

“ใช่”

“งั้นนายรู้ไหมว่าถ้าฉันใช้ปากกาอัดเสียงอัดคำที่นายพูดไว้…”

“ถ้านายต้องการ คราวหน้าฉันเอามาให้นายได้นะ”

“ฉันว่านะ นายเป็นผู้ชายจริงจังจนนิ่งเป็นรูปปั้นไปเลยน่ะดีที่สุด”

“ได้ ไว้คราวหน้า” วินสตันขับรถไปยังจุดที่ทำเครื่องหมายออกสตาร์ตไว้บนสนามทดสอบรถ

“เฮ้ย นายจะซิ่งรถที่นี่จริงดิ”

“นายไม่อยากรู้เหรอว่าความเร็วเท่าไรกันแน่ถึงจะทำให้เครื่องยนต์ของรถสปอร์ตอย่างเฟอร์รารี่ระเบิดได้”

ฮันต์เท้าศีรษะของตัวเอง “รู้ตัวไหมว่าภาพลักษณ์ของนายมันพังหมดแล้ว”

“ฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”

“ก็ได้…ในเมื่อนายตัดใจให้เครื่องยนต์เฟอร์รารี่ของนายระเบิดได้ ฉันก็ไม่แคร์…”

เสียงของฮันต์เพิ่งจบ วินสตันเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวล เครื่องยนต์คำรามครั้งหนึ่งก่อนรถสปอร์ตจะพุ่งทะยาน ออกไปอย่างบ้าคลั่ง

หลังศีรษะของฮันต์เกือบกระแทกจมเบาะที่นั่ง

การแข่ง F1 สนามหนึ่งเท่ากับรถไฟเหาะเกินห้าสิบรอบ

ตามหลักแล้วฮันต์ไม่มีทางรู้สึกกลัว แต่เมื่อวินสตันเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งบนทางตรง หลังเข้าโค้งใบหน้าของฮันต์ก็แทบจะแนบติดกระจกรถ

ต่อด้วยการดริฟต์[3]เข้าโค้ง ฮันต์จำต้องเอนตัวไปทางวินสตัน ศีรษะแทบจะกดลงบนบ่าของอีกฝ่าย

ประหนึ่งเข้าสู่อุโมงค์แห่งกาลเวลา ฮันต์เพิ่งสังเกตเห็นว่าทั้งสนามทดสอบรถไม่มีแสงไฟเลย อาศัยแค่ไฟจาก รถเฟอร์รารี่และปฏิกิริยาตอบสนองของวินสตันเท่านั้น!

ไม่มีหน้ากากกันไฟ ไม่มีหมวกกันน็อก แรงบดขยี้ที่มาตามลมปะทะใบหน้าของฮันต์จนยับยู่ กระทั่งการหายใจก็ยังกลายเป็นเรื่องยาก

วิธีขับรถสปอร์ตแบบนี้ สิ่งที่ใฝ่หาไม่ใช่ความเร็วที่ทำให้เครื่องยนต์ระเบิด แต่เป็นการฆ่าตัวตายต่างหาก!

เมื่อฮันต์เหลือบตาดูมาตรวัดความเร็ว หัวใจก็แทบระเบิด เพราะความเร็วมันเกินกว่าค่าความเร็วของรถสปอร์ต ที่เฟอร์รารี่ประกาศอย่างเป็นทางการไปตั้งนานแล้ว

หลังวิ่งครบสามรอบวินสตันจึงค่อยลดความเร็ว เมื่อรถสปอร์ตหยุดลง ฮันต์ก็นั่งอึ้งอยู่กับที่ ไม่กระดุกกระดิกสักนิด

“คิดอะไรอยู่” ตัวต้นเรื่องนิ่งมากทีเดียว

ฮันต์ไม่พูดไม่จา

เขาคิดจริง ๆ นะว่าจุดจบสุดท้ายของพวกเขาคือการพุ่งออกนอกลานวิ่ง กระแทกเข้ากับเขตกันชน แล้วก็ถูกถุงลมนิรภัยอัดทับจนบี้แบน

“ไม่ต้องตื่นเต้น ความเร็วของรถสปอร์ตไม่มีทางเร็วเกินเอฟวัน” วินสตันปลดเข็มขัดนิรภัย มือหนึ่งค้ำเบาะเอาไว้ก่อนจะเอนตัวมาทางฮันต์

เวลานี้ฮันต์ถึงได้เข้าใจในที่สุดว่าตอนวินสตันขับรถอยู่ในเขตเมือง ความรู้สึกลื่นไหลอันราบเรียบนั่นเรียกว่า ‘ความปลอดภัย’

และการใฝ่หาความเร็วแบบไร้ขีดจำกัดบนสนามทดสอบรถเรียกว่า ‘ความบ้าคลั่ง’

เขาไม่เข้าใจว่าคนคนหนึ่งจะผสานสองบุคลิกไว้ในเวลาเดียวกันได้อย่างไร

เส้นผมของวินสตันยามนี้ยุ่งเหยิง โบหูกระต่ายของเขาถูกปลดออกนานแล้ว มันถูกแขวนอย่างไม่ใส่ใจอยู่ข้างหนึ่ง และคอเสื้อก็แหวกออก

ป่าเถื่อน…นี่คือนิยามที่แล่นวาบเข้ามาในสมองของฮันต์ตอนนี้

“สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคิดว่าให้เปลี่ยนการควบคุมสมองของนายไปที่ปลายลิ้น ตอนนี้บอกฉันซิ นายกลัวไหม”

เสียงของวินสตันสงบและอ่อนโยน

“ไม่กลัว”

ท่ามกลางเสียงของเขา ดูเหมือนว่าฮันต์จะหาตัวตนกลับมาได้แล้ว

“ถ้านายไม่กลัว งั้นตอนนี้นายคิดอะไรอยู่”

“…ทรงผมฉัน…เละหมดแล้วใช่ไหม”

วินสตันเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ฮันต์รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหมอนี่กำลังยิ้ม

นิ้วมือของเขาปัดผ่านใบหูของฮันต์ จัดเส้นผมให้เขาอย่างเบามือ

“ตอนนี้ดีแล้ว”

ความสนิทสนมแบบในงานเลี้ยงนั่นปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ฮันต์รู้สึกว่าตนต้องเคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อนแล้วแน่ ๆ แต่ไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก

“เฮ้…คนสารเลว ขนาดไฟบนถนนนายก็ยังไม่เปิด! ถ้าพวกเราพุ่งออกไปจะทำยังไง!”

“นี่คือสนามทดสอบรถที่ฉันเคยขับมานับครั้งไม่ถ้วน”

ความหมายคือหลับตาขับก็ไม่มีทางชน

“…เอาเถอะ”

“สนามแข่งของฟอร์มูล่าวันก็เป็นแบบนี้แหละ”

“อะไรนะ”

“เวลาแข่งนายทำให้ตัวเองตึงเครียดเกินไป”

 

 

[1] คืออุปกรณ์ควบคุมการต่อและตัดกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังกระปุกเกียร์ ซึ่งคลัตช์จะทำให้รถมีความเสถียรและทำให้การเปลี่ยนเกียร์สะดวกและนุ่มนวลมากขึ้น

[2] คือสนามสำหรับใช้ทดสอบสมรรถนะของรถเพื่อพัฒนาและปรับปรุงรถก่อนการแข่งขัน โดยแต่ละทีมจะมีสนามทดสอบรถของตัวเอง เช่นสนามฟีโอราโน่ของทีมเฟอร์รารี่

[3] เทคนิคการขับรถเข้าโค้งโดยอาศัยหลักการโอเวอร์สเตียร์ กล่าวคือ การปล่อยให้ล้อหลังลื่นไถลมากกว่าล้อหน้า ด้านท้ายของรถจะปัดออก ทำให้รถเคลื่อนเป็นแนวขวาง จากนั้นผู้ขับจะบังคับพวงมาลัยพร้อมเหยียบคันเร่งเพื่อควบคุมให้รถสไลด์ไปในทิศทางที่ต้องการ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า