你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม
焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด
— โปรย —
การแข่งขันฟอร์มูลาวันประจำฤดูกาลเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย
ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับวินสตันเข้าจนได้
สิ่งที่อีกฝ่ายฝากฝังฮันท์เอาไว้คือให้พุ่งเข้าเส้นชัยแทนเขา
ท้ายที่สุดฮันท์ก็คว้าแชมป์แรกมาได้
แต่ข่าวร้ายกลับกลายเป็นว่าวินสตันไม่สามารถลงแข่งในสนามถัดไปได้
และใครจะรู้ว่าหลังจากเขาคว้าแชมป์สนามย่อยมาได้
วินสตันกลับจัดรางวัลชุดใหญ่ไฟกะพริบเป็นปาร์ตี้บันนี่บอยสุดสยิวให้เขา!
พระเจ้า ราชากระต่ายอย่างเขาต้องล้อมรอบไปด้วยบันนี่เกิร์ลสิโว้ย!
แถมเขายังได้รับของขวัญเยอะแยะมากมาย
แต่ของขวัญชิ้นที่เขาดีใจที่สุดกลับเป็นการที่เขาสามารถซื้อบ้านในวัยเด็กกลับคืนมาได้
บ้านหลังใหญ่ที่ไร้ผู้คนมานาน ในที่สุดก็มีสองชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
นี่มันรางวัลที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการได้แชมป์เสียอีก
ไม่ว่าจะอีกกี่ปีข้างหน้า ความปรารถนาสูงสุดของเขาก็คือการไล่ล่าความเร็วไปพร้อมกับวินสตัน
ปกครองอาณาจักรแห่งความเร็วนี้ไปด้วยกันชั่วนิรันดร์
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 70 แชมป์แรก
วินสตันพยักหน้าให้ทีมงานข้างตัว จากนั้นก็เดินตามฮันต์มาอีกฝั่ง
ฮันต์มองอีกฝ่ายหน้านิ่ง “นี่ ก่อนหน้านี้ที่นายพูดว่าจะช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายในคลับให้ฉันก่อน นายละอายแก่ใจบ้างมั้ยที่เอาเงินฉันไป”
วินสตันชะงักไปตามคาด แต่ก็กลับมาสงบทันที
“นิคหรือโอเว่นบอกนายล่ะ”
“ทำไม นายจะไปเล่นงานคนอื่นหรือไง”
ไม่ว่าจะนิคหรือโอเว่น ฮันต์ก็ยินดีจะเห็นพวกเขาถูกเล่นงานทั้งนั้นแหละ
…แต่เดี๋ยวก่อน นิคน่ะช่างเถอะ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ช่วยบอกข้อมูลที่สำคัญมากกับเขานี่นา
“ต่อให้คลับนั้นเป็นของฉัน แต่นายเสียเงินในนั้น การจ่ายเงินให้ฉันมันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง จนถึงตอนนี้ ฉันก็ไม่ได้ทวงเงินก้อนนั้นกับนายสักหน่อย”
วินสตันพูดอย่างมีเหตุผล ฮันต์จนปัญญาตอกกลับ
“อืม แล้วที่นายดูฉันกับนิคพูดอะไรทำอะไรกันตั้งแต่ต้นจนจบในห้องวงจรปิดล่ะ” ฮันต์เชิดคาง ถึงยังไงเรื่องนี้เขาก็คงจะมีเหตุผลสินะ
“ถ้าฉันไม่ดู จะรู้ได้ยังไงว่านายชอบดวงตาของฉัน จะแน่ใจได้ยังไงว่าที่ฉันเปลืองพลังงานเข้าใกล้นายมากขนาดนั้นน่ะมีประโยชน์ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าระหว่างนายกับนิคที่จริงมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายคงไม่ได้สนใจเขาขนาดนั้นหรอกใช่ไหม”
วินสตันเดินเข้าใกล้เขาทีละก้าวขณะที่พูดแต่ละประโยค ทั้งที่เขาไม่มีทีท่าจะบีบคั้น แต่กลับทำให้ฮันต์รู้สึกตัวเล็กกว่า
จนกระทั่งแผ่นหลังสัมผัสกับกำแพง ฮันต์เผลอกลืนน้ำลาย แต่ก็ยังสบตากับวินสตัน
เขารู้อยู่แล้วว่าผู้ชายคนนี้จะทำทุกวิถีทางที่จะครอบครองทุกทิศทางของชีวิตเขา ตามเหตุผลแล้วเขาควรจะหวาดกลัว แต่ฮันต์กลับไม่รู้สึกกลัวเหมือนตอนเผชิญหน้ากับเมอร์ลิน
ในทางตรงกันข้าม นอกจากรถแข่งแล้ว วินสตันก็ใช้พลังงานทั้งหมดไปกับเขาใช่หรือเปล่านะ
บางทีอาจจะเป็นเพราะเห็นความตั้งใจที่จะไม่ประนีประนอมในสายตาของฮันต์ วินสตันจึงค่อย ๆ ก้มลงมาแนบหน้าผากกับหน้าผากของฮันต์ “อย่าโกรธฉันเลย”
ฮันต์ไม่ได้พูดอะไร
“นายชอบเที่ยวไม่ใช่หรือไง ฉันก็เลยอาศัยพวกมันมาเข้าใกล้นาย มันเป็นเรื่องปกติมาก”
“ถ้านายไม่อยากให้ฉันโกรธ งั้นนายก็อย่าเก็บภาพพวกนั้นของฉันกับโอเว่นมาใส่ใจสิ”
“ได้” วินสตันหลับตาผงกศีรษะ
“ในเมื่อไม่ใส่ใจ งั้นคืนนี้ก็นอนกับฉัน”
ความรู้สึกผิดเรื่องที่ก่อนหน้านี้ตนปรึกษากับโอเว่นว่าจะกดวินสตันอย่างไรถูกโยนขึ้นฟ้าไปหมดแล้ว
“ฮันต์…” วินสตันขมวดคิ้ว “ฉันบอกแล้วว่าฉันจะทนไม่ไหว”
เมื่อก่อนถ้าได้ยินคำพูดแบบนี้ บางทีเขาก็จะรู้สึกถึงอันตราย รู้สึกว่าหลังเอวจะปวดร้าว แต่ตอนนี้พอได้ยินคำพูดแบบนี้ ฮันต์กลับรู้สึก…ได้ใจนิด ๆ
“ทนไม่ไหวก็ต้องทน” ฮันต์ล้วงกระเป๋าเดินผ่านข้างตัววินสตันไป
ดังนั้นคืนนี้ฮันต์จะทรมานใจคนจนถึงแก่น
ตอนที่กลับถึงห้องพักก็เกือบจะตีสองแล้ว ฮันต์เปลี่ยนไปสวมเสื้อตัวโคร่งแล้วก็ซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม วินสตันยังคงถอดเสื้ออย่างไม่เร่งรีบเช่นเคย
ฮันต์นั่งพิงหัวเตียง ลูบคางชื่นชมแผ่นหลังของวินสตัน ก่อนจะเอ่ยเสียงสูง “เฮ้…นายถอดเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม ถึงยังไงก็ต้องมานอนข้าง ๆ ฉันอยู่ดีนั่นแหละ!”
ฮันต์ไม่เคยรู้สึกเหิมเกริมขนาดนี้มาก่อน
“แล้วนายจะต้องเสียใจ” วินสตันพูด
“นายวางใจเถอะ ฉันจะเสียใจในฝัน” ฮันต์พยักหน้าพูด
วินสตันสอดตัวเข้ามานอน แล้วยกมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง
“นอนเถอะ”
“อืม ก่อนนอนขอจูบทีสิ”
เดิมทีวินสตันก็จงใจรักษาระยะห่างระหว่างทั้งสองคน แต่ฮันต์กลับเบียดเข้าไป ครึ่งตัวทาบทับบนตัววินสตัน
“ฮันต์!” วินสตันเตือนเสียงต่ำ
“ขับรอบควอลิฟายนานขนาดนั้น ตรงนั้นของนายก็ต้องเหนื่อยเหมือนกันแหละน่า! พวกเราแค่จูบกันนิดเดียวเอง มันจะเป็นอะไรไปเล่า! นายชอบจูบฉันไม่ใช่เหรอ”
ริมฝีปากของฮันต์แค่แตะแก้มของวินสตัน หมอนี่ก็หลบเขาจริงด้วย
ฮันต์ยื่นมือไปจับคางของวินสตันไว้แล้วจูบลงไปอย่างแรง
วันนี้นิคยังชมว่าเขามีออร่าชายหนุ่มอยู่เลยนะ!
แต่ใครจะรู้ว่ายังไม่ถึงสามวินาที วินสตันก็พลันจับไหล่ของฮันต์ รวบเขากดลงไปแล้วทาบทับบนตัวเขา
จูบที่รุนแรงกระตุ้นความปรารถนาที่ข่มกลั้นมานานของวินสตัน ฮันต์ถูกเขาจูบและดูดดึงจนเวียนหัว แต่ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่แท้จริง เพราะที่ไหนสักที่ของวินสตันร้อนเหมือนไฟราวกับจะลุกไหม้บนตัวฮันต์
เชี่ย! หลังรอบควอลิฟายนายยังมีแรงเหลืออยู่อีก?!
มือของฮันต์ถูกวินสตันจับไว้แน่นแล้วดึงลงไปด้านล่าง ฮันต์ดิ้นรนจะชักมือกลับคืน ทว่าวินสตันกลับออกแรงจนเหมือนจะบดขยี้ข้อมือเขา
“ช่วยให้ฉันถึง” อีกฝ่ายกัดฟันพูดข้างหูฮันต์
“นายทำเองสิ!” นึกถึงคราวก่อนหลังช่วยวินสตันจนเสร็จ มือของตนก็โดนลวกจนผิวแทบจะหลุดล่อนออกมาชั้นหนึ่ง ฮันต์ไม่อยากเจอแบบนั้นอีกรอบ
“ถ้าฉันทำเอง ฉันจะเข้าไป” วินสตันพูดอย่างหนักหน่วงจนฮันต์ตัวสั่นเทิ้ม
มือฮันต์เพิ่งกุมส่วนที่ชูชันของวินสตัน อีกฝ่ายก็พลันกระตุกทีหนึ่ง ทำเอาฮันต์ตกใจจนไหล่แข็งเกร็ง
“นายทำแบบนี้…ใช้ไม่ได้จริง ๆ…” วินสตันหันหน้ามาจูบแก้มฮันต์ ขบกัดใบหูของฮันต์อย่างคุ้นเคย
ความปรารถนาของฮันต์ที่เดิมทียังสะกดเอาไว้ได้ก็ถูกวินสตันปลุกขึ้นมาแบบนี้ เมื่อเขาอยากหยอกเย้าปลายลิ้นของวินสตัน หมอนี่ดันเก็บลิ้นกลับไป แถมยังจงใจเลียผ่านริมฝีปากบนของฮันต์ด้วย
มือของฮันต์กุมวินสตันไว้อย่างเร่งร้อน รูดรั้งขึ้นลงตามจูบของอีกฝ่าย ฮันต์ยิ่งทำก็ยิ่งอยากให้วินสตันปล่อยใส่มือตน เมื่อฮันต์ไล่ตามไปจูบ วินสตันก็หลบอีก ฮันต์จึงยกมืออีกข้างไปกดศีรษะวินสตันเอาไว้ กัดริมฝีปากล่างของเขาไว้อย่างเจือกลิ่นอายอยากแก้แค้น และมองเขาด้วยสายตาท้าทาย
เลือดบริเวณแก่นกายที่โป่งพองของวินสตันในมือฮันต์ก็ยิ่งสูบฉีดรุนแรงขึ้นในชั่วพริบตา ปลายลิ้นของฮันต์ไม่เร่งร้อนจะพัวพันกับวินสตันแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นไล้เลียไปมาระหว่างริมฝีปากของวินสตันแทน นิ้วก็สอดเข้าไปในช่องเล็ก ๆ ตรงคอเสื้อวินสตันเบา ๆ อย่างชั่วร้าย
“อืม…” ใบหน้าของวินสตันขึ้นสีระเรื่อจากตัณหาที่พลุ่งพล่าน นี่ทำให้ฮันต์มึนเมา เขาเบิกตากว้างมองผู้ชายคนนี้
อีกฝ่ายเป็นคนใจเย็น ควบคุมตัวเองได้ อดกลั้นได้ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนหายไปเมื่ออยู่ต่อหน้าฮันต์
เมื่อฮันต์ลูบแก่นกายของอีกฝ่าย ตรงนั้นทั้งใหญ่และหนา มือของฮันต์แทบจะกุมไว้ไม่อยู่ ได้แต่ใช้นิ้วและฝ่ามือสลับกันลูบคลึงด้วยความรักใคร่อย่างต่อเนื่อง วินสตันครางฮึมฮัม กระทั่งหัวคิ้วก็ขมวดมุ่น เขาทาบทับลงมา จูบและหมุนวนปลายลิ้นอย่างรุนแรงราวกับรวบรวมน้ำฝนหลายร้อยล้านปีพรมลงมาอย่างบ้าคลั่ง ศีรษะของฮันต์แนบสนิทกับหมอนเพราะจูบของเขา ไม่อาจกลืนน้ำลายได้ มันจึงไหลออกมาตามมุมปาก เสียงครางของวินสตันราวกับเสียงคำราม เขายกก้นของฮันต์ขึ้น บีบเคล้นอย่างแรงราวกับจะขยี้เชิงกรานของฮันต์
ฮันต์เผลอยกเข่าขึ้น น่องก็ถูไถกับเอวของวินสตันอยู่แบบนี้ราวกับไฟที่ไหม้บนทุ่งหญ้าอันแห้งแล้ง วินสตันพลันกดก้นของฮันต์มาทางตน ฮันต์ผวาเฮือก ถ้าไม่ใช่เพราะมือของตนยังกำส่วนแข็งขืนที่ร้อนจนแทบไหม้ของวินสตันไว้ เขานึกว่าวินสตันจะกระแทกเข้ามาจริง ๆ!
“วิน…” ฮันต์ยังพูดไม่จบก็ถูกอีกฝ่ายงับริมฝีปาก มือของวินสตันดึงกางเกงเขาลง เคล้นคลึงอย่างไม่พอใจ ขยับเอวของเขาไม่หยุด
ฮันต์จำต้องใช้สองมือกุมเอาไว้ ทำมือเป็นรูปถ้ำ สองมือของเขายอมรับการจู่โจมของวินสตัน มันคือความรุนแรง เร่าร้อน ลมหายใจหอบหนักของอีกฝ่ายเกือบจะแผดเผาใบหูของฮันต์ มือก็เกือบจะรับการกระแทกของอีกฝ่ายไม่ไหวแล้วจึงคลายออก วินสตันพลันแหวกแก้มก้นของเขาอย่างแรงราวกับจะลงโทษ ทำท่าคล้ายว่าจะแทรกนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังของฮันต์ ทำให้ฮันต์ตกใจจนต้องกุมตัวตนของวินสตันเอาไว้อย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจแล้วกระแทกเข้ามาในตัวเขาจริง ๆ!
ฝ่ามือชาแล้ว กระทั่งข้อนิ้วที่กอบกุมเอาไว้ก็แข็งจนเกร็ง ฮันต์พลันลนลาน
“นายแม่งทำไมยังไม่ปล่อยออกมาอีก!”
“เพราะ…รู้สึกดีไม่พอ…”
คำตอบของวินสตันทำให้หัวใจฮันต์เต้นรัวทันที เขารู้ว่านั่นคือวินสตันกำลังกล่าวหาว่าเขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าไป
แน่นอน…พวกเขายังมีการแข่งขันอีก ไม่เหมาะจะพัฒนาไปถึงขั้นนั้น
ฮันต์ปล่อยมือออกดื้อ ๆ เขาผลักวินสตัน แต่อีกฝ่ายไม่ขยับสักนิด ดวงตาที่เปี่ยมความต้องการนั่นมองเขาอย่างชัดเจนเช่นนี้ สีฟ้าน้ำแข็งที่เคยทำให้ฮันต์รู้สึกสงบ เวลานี้กำลังเผาไหม้เดือดพล่าน
“ฉัน…ฉันจูบนายแทนได้ไหม”
นึกถึงคราวก่อนที่ช่วยใช้ปากให้วินสตันถึง เล่นเอาเจ็บปากเจ็บคอไปหมดตอนเขากินขนมปัง แต่ตอนนี้ถ้ายังไม่รีบแก้ไขสถานการณ์โดยด่วน คงได้เล่นกันไปเล่นกันมาจนฟ้าสว่างจริง ๆ แน่!
ในที่สุดวินสตันก็พลิกตะแคงตัว ฮันต์จึงค่อย ๆ คลานลงไป เมื่อเห็นสิ่งมหึมานั่นที่เกือบจะดีดจมูกตน ฮันต์ก็อยากรู้จริง ๆ ว่าวินสตันกินอะไรเข้าไปกันแน่ ทำไมมันถึงได้ใหญ่ขนาดนี้!
“หมุนตัวมา ฮันต์”
“ฉันไม่หมุนไปหรอกเว้ย!” ฮันต์คิดในใจว่าถ้าตนหมุนตัวไป วินสตันอาจจะแหวกก้นตนแล้วกระแทกเข้ามาทั้งอย่างนั้น
“ฉันหมายถึง…ฉันก็จะช่วยนายทำ”
อารมณ์ของฮันต์ไหววูบ เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะมีสักวันที่ตนจะใช้ท่านี้กับคนอื่น…
“ตกลงนายจะเอาไหม” เสียงของวินสตันเย็นลงแล้ว
“เอา! เอา! เอาแหงอยู่แล้ว!” ฮันต์ถอดกางเกงของตนที่ถูกอีกฝ่ายดึงจนเกือบจะเผยทั้งก้นออกมาอยู่รอมร่อโยนลงจากเตียง ก่อนจะส่งฮันต์น้อยของตนไปจ่อตรงหน้าวินสตัน
ทั้งสองคนนอนตะแคง ฮันต์อมส่วนหัวที่ชูชันและกระตุกของวินสตันไว้ ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็เลียรูปัสสาวะของเขาแล้วไล้ลงไป ด้วยสัมผัสที่อบอุ่น การอมและเลียอย่างร้อนแรงระเรื่อยลงไปจนถึงถุงหนังของแกนกายฮันต์ จากนั้นขบกัดลูกบอลเล็ก ๆ ฝั่งซ้ายของเขาเบา ๆ
พอฮันต์ตื่นเต้น ส่วนแข็งขืนของวินสตันก็เลื่อนหลุดออกจากปาก ดีดหน้าเขาแรง ๆ ทีหนึ่ง สิ่งแข็งขืนสีเข้มที่มีเลือดคั่งนั่นเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งของบุรุษเพศปรากฏอยู่ตรงระดับสายตาฮันต์ เลือดร้อนสายหนึ่งพุ่งจากหัวใจของฮันต์ลงสู่ท้องน้อย วินสตันอมมันเข้าไปลึก ๆ พร้อมกับใช้สองมือบีบก้นของฮันต์อย่างแรง ไอร้อนของเขาแผ่ลงบนช่องทางด้านหลังของฮันต์ราวกับจะพุ่งเข้ามาในตัวเขา
วินสตันกลืนเข้าและคายออกอย่างช้า ๆ เมื่อเกือบจะถอนออกมาจนหมดก็ใช้ฟันครูดเบา ๆ ความรู้สึกชื้นแฉะแต่เผาไหม้ถูกการกระทำนี้กระตุ้น ฮันต์จึงร้องครางออกมาอย่างทรมาน
รู้สึกดีจนทำให้สมองเขาขาวโพลน
เอวของวินสตันพลันขยับ ไอ้หนูนั่นก็กระแทกลงบนแก้มฮันต์ นั่นคือคำเตือนจากวินสตัน
ฮันต์กุมมันทันทีแล้วจูบลงไป
แต่ความจริงฮันต์ไม่รู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ ราวกับทุกอย่างนั้นเลียนแบบท่าทางของวินสตัน การกลืนเข้าและคายออกของวินสตัน การเกี่ยวกระหวัดของลิ้นเขา การโลมเลียของเขา เขาดูดดุนไล้ไปตามแกนกาย ถึงขั้นกัดเบา ๆ บนถุงหนังราวกับวินสตันกำลังสอนฮันต์ว่า ‘แบบนี้ถึงจะทำให้ฉันรู้สึกดี’
ลมหายใจของฮันต์ยิ่งกระชั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงกับลืมช่วยวินสตันทำต่อ แต่จมลงในความบ้าคลั่งที่อีกฝ่ายชักนำ
เมื่อเขาปลดปล่อยออกมาจนหมดก็นอนแผ่บนเตียงอย่างสิ้นสติ เบื้องหน้าคือความปรารถนาที่ยังโป่งพองของวินสตัน เขารู้สึกดีเกินไปแล้ว ทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง ได้แต่ใช้ปลายจมูกคลอเคลียอีกฝ่ายเพื่อบ่งบอกว่า ‘ให้ฉันพักสักหน่อย’
“นายนี่มันเลวชะมัด…”
เสียงเย็นของวินสตันตัดกับลมหายใจอันร้อนผ่าวของเขาอย่างชัดเจน ในวินาทีนั้น ราคะอันงดงามที่เลือนรางก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
ฮันต์ยังคงหอบหายใจ รู้สึกว่าวินสตันยกขาเขาขึ้น
“เฮ้…ให้ฉันพักหน่อยสิ…” จังหวะหัวใจของฮันต์ยังไม่สงบ เขายังคงจมอยู่ในความรู้สึกดีที่ได้ปลดปล่อยออกมา
แต่เมื่อนิ้วหนึ่งของวินสตันแตะลงบนช่องทางของฮันต์ เขาพลันระเบิดออกมา
“นายจะทำอะไร…อ๊า”
นิ้วกลางของวินสตันป้ายของเหลวที่ฮันต์ปล่อยออกมาเมื่อครู่แล้วหมุนแทรกเข้าไปทั้งแบบนั้น ฮันต์ทั้งเตะทั้งถีบ แต่กลับถูกวินสตันดึงเข้ามา สูญเสียแรงที่จะมีอำนาจเหนือกว่าทั้งหมด
“ออกไปนะ! คนชั่ว!” ฮันต์คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ วินสตันจะเล่นไม้นี้ ผ้าปูที่นอนก็ถูกเขาดึงขึ้นมาหมด
“ไม่ต้องกลัว ฮันต์…เชื่อฉัน แบบนี้จะรู้สึกดีมาก”
วินสตันจูบต้นขาด้านในของฮันต์ ลิ้นเขาแทบแนบสนิท ทุกส่วนที่ไล้เลีย เลือดก็ล้วนสูบฉีด
ยิ่งฮันต์คิดจะยกเข่า วินสตันก็ยิ่งแหวกพวกมันออกกว้าง ยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อเรียวนิ้วของเขาเข้าไปจนสุด ประสาทสัมผัสของฮันต์ก็อ่อนไหวจนเขาอยากทุบตัวเองให้สลบ เขาคุ้นเคยกับนิ้วของวินสตันเกินไป ไม่ต้องหันกลับไปก็รู้ว่านั่นคือนิ้วกลางของอีกฝ่าย
“นาย…นายเอาออกไปนะ!”
ฮันต์ลนลานขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน!
“นี่น่าจะดีกว่าที่ฉันเข้าไปตรง ๆ สินะ” เสียงของวินสตันยังคงแหบพร่า และความแหบพร่านี้เจือแรงเย้ายวนราวกับกำลังยั่วสติของฮันต์ พังทลายการป้องกันตัวของเขาทั้งหมด ลากเขาเข้าสู่เขตต้องห้ามทีละก้าว ๆ
นิ้วของวินสตันเริ่มขยับช้า ๆ ฮันต์พลันเครียดขมึง เกร็งไปทั้งตัว
“อย่าเป็นแบบนี้สิ ผ่อนคลายเข้าไว้…นายรัดแน่นเกินไป นิ้วของฉันจะออกไม่ได้แล้ว”
ศีรษะของฮันต์ซุกกับเตียง ครางฮืออย่างน่าสงสาร “ถ้างั้นนายออกมาเร็ว ๆ สิ…”
ในตอนที่ฮันต์ผ่อนคลาย วินสตันก็ดึงนิ้วกลางออกมาอย่างช้า ๆ แต่ข้อนิ้วของเขากลับงอขึ้นแล้วดันผนังด้านใน ฮันต์แทบจะร้องครางแล้ว ในตอนที่ฮันต์นึกว่านิ้วของเขาจะถอดถอนออกไปจนหมด คิดไม่ถึงว่าเขากลับส่งมันกลับเข้ามารวดเดียว มันเร็วเกินไปแล้ว ฮันต์พลันรัดแน่น ตอนที่นิ้วกลางของเขาจิ้มโดนจุดไหนสักจุด ฮันต์ก็เกร็งอย่างไม่เป็นตัวเอง
“ตรงนี้เองสินะ…” วินสตันงอนิ้ว ปลายนิ้วกดลงบนจุดนั้นพอดี ฮันต์ขดตัวเหมือนกับโดนไฟฟ้าช็อร์ตในทันใด
“ออกไปสิ! นายแหย่นิ้วเข้ามา…”
ยังพูดไม่ทันจบ วินสตันก็แทรกนิ้วชี้เข้าไป สองนิ้วขยับเข้าออกไม่หยุดเลียนแบบการร่วมรัก ถึงขั้นที่บางทีก็แยกออกจากกันราวกับจงใจจะแยกร่างของฮันต์ สิ่งที่น่าตายกว่านั้นคือ เขากระตุ้นจุดที่ทำให้ฮันต์คลั่งด้วยปลายนิ้วอย่างไม่หยุดหย่อน
“อา…อา…” ฮันต์เชิดคางขึ้น สติที่กระเจิดกระเจิงกับหัวใจที่ถูกบดขยี้แบบนี้ทำเอาฮันต์แทบคลั่ง
เส้นผมของเขาชื้นเหงื่อแนบติดใบหน้า นิ้วของวินสตันสอดเข้าออกเหมือนกับมีเวทมนตร์ปั่นป่วนอยู่ในร่างเขา ฮันต์ถึงกับได้ยินเสียงของเหลวที่ถูกขับออกมาจากช่องทางอันเปียกชื้น ความอ่อนไหวที่ถูกจู่โจมไม่หยุดทำให้ท้องน้อยของเขาหดเกร็ง แล้วของเหลวอุ่นร้อนก็ฉีดพุ่งออกมา
คราวนี้…ฮันต์อ่อนเปลี้ยไปหมดแล้ว
ท่ามกลางความเลือนราง เขารู้เพียงว่าตนถูกวินสตันดึงเข้ามาแล้วพลิกตัว ฮันต์ตกใจจนร้องออกมา “อย่าเข้ามานะ! ยังมีการแข่ง!”
“ฉันไม่เข้าไปหรอก”
วินสตันพูดไม่กี่คำนี้ออกมาด้วยการกดเสียงต่ำมาก มันเหมือนกับดวงดาวที่ใกล้จะแตกดับและสามารถระเบิดกลืนกินทุกสิ่งรอบด้านได้ทุกเมื่อ
ฮันต์รู้เพียงว่าส่วนมหึมาของวินสตันกระแทกอย่างบ้าคลั่งอยู่ระหว่างต้นขาของตน ช่องทางด้านหลังของเขาถูกสิ่งมหึมาของวินสตันถูไถ ร่างกายก็เกือบจะถูกเผาแล้ว…
ฮันต์ที่แทบไม่เหลือสติพลันรู้สึกว่าตนน่าสงสารมาก
เดิมทีตนอยากฉวยโอกาสทรมานเขาสักรอบ แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ยังถูกวินสตันทรมานจนได้!
แต่บนโลกนี้…คนที่สามารถทำให้วินสตันคลั่งได้ขนาดนี้ เมื่อความปรารถนาพุ่งขึ้นสุดขีดก็ยังต้องทนเอาไว้ คงจะมีแค่เขาคนเดียวละมั้ง
วันรุ่งขึ้นฮันต์หลับจนเกือบเที่ยง
และวินสตันก็ไม่อยู่ข้างเขาแล้ว
ฮันต์เอื้อมมือไปลูบตำแหน่งที่อีกฝ่ายเคยนอน ยังหลงเหลือความอบอุ่นอยู่ หมายถึงวินสตันก็อยู่เป็นเพื่อนเขาตรงนี้นานมาก
ก่อนการแข่งจริง ทีมอย่างเฟอร์รารี่จะต้องมีการจัดการเรื่องเทคนิคครั้งสุดท้าย วินสตันไม่สามารถมีอิสระได้เหมือนฮันต์
โน้ตบนหัวเตียงคือลายมือของวินสตัน ‘รอจะสู้กับนาย’
นิ้วของฮันต์ลูบไล้ไปมา สัมผัสได้ถึงรอยบุ๋มที่ลายมือเหลือทิ้งไว้บนกระดาษ มุมปากจึงยกขึ้นน้อย ๆ
ถึงการเข้ามาของนิ้ววินสตันจะทำให้ฮันต์ไม่ค่อยชอบใจเท่าไร แต่เห็นแก่ที่เขาทำให้ตนรู้สึกดี…ยกโทษให้เขาละกัน
ฮันต์เข้าไปในห้องอาบน้ำ ยืนอยู่ใต้สายน้ำที่ไหลริน ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไปด้านหลังของตน…เขาคิดไม่ถึงว่าแค่วินสตันใช้นิ้วก็ทำให้เขารู้สึกดีจนตัวลอยได้ แถมในร่างกายก็ไม่มีตรงไหนไม่สบาย ทว่ากลับเอาแต่ย้อนนึกถึงความบ้าคลั่งเมื่อคืนไม่หยุด
เพียงแต่…ถ้าไอ้หนูตัวโตของวินสตันจะเข้ามาจริง ๆ…ก็น่าจะยากมากอยู่…
แต่สัมผัสจากริมฝีปากวินสตัน แรงดูดดุน การกระดกของปลายลิ้น รวมถึงปลายนิ้วของเขาที่แค่คิดถึงก็รู้สึกว่าน่าคลั่งไคล้…ฮันต์จึงยิ่งแน่ใจว่าตนกำลังต้องมนตร์ ต่อให้อันตรายแค่ไหน หรืออาจมีสักวันที่จะต้องเจ็บจนตาย ฮันต์ก็ยังชอบเขา ยังอยากอยู่กับเขา
ยามบ่าย ฮันต์ตามทีมกลับไปที่สนามแข่ง
การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในเวลาสองทุ่ม
สื่อกำลังรายงานข่าวก่อนการแข่งขัน เหล่าผู้ชมต่างข่มอารมณ์ตื่นเต้นของตนไม่อยู่ ทั้งสิงคโปร์ก็เหมือนว่าจะคึกคักขึ้นมาแล้ว
ฮันต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ เอนตัวพิงพนัก สูดหายใจเข้าลึก ๆ
สองขาของเขาจำลองการควบคุมคลัตช์ สองมือกุมพวงมาลัย
สนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิตมีด้านที่สวยงาม แต่ก็มีด้านที่ไร้ความปรานี
ถนนอันคับแคบและทางโค้งอันตราย เมื่อความเร็วสูงเกินไปก็จะเสียการควบคุมได้อย่างง่ายดาย ถึงขั้นถ้าความเร็วสูงเกินหรือเบรกไม่ทันที่สุดปลายทางตรงก็อาจพุ่งตกทะเลได้
เขาจำเป็นต้องแข่งสนามนี้ให้จบ
ฮันต์รู้ว่าการแซงวินสตันบนสนามแบบนี้ถึงจะมีความหมาย
การแข่งจริงกำลังจะเริ่มขึ้น ฮันต์เห็นรถเฟอร์รารี่สีแดงคันนั้นที่อยู่เยื้องไปด้านหน้า ดวงตาราวกับจะลุกไหม้
หากคราวนี้ฉันชนะนาย นายอยากทำอะไรฉันก็ทำเถอะ ถือว่าเป็นการปลอบใจ
มุมปากของฮันต์ยกขึ้น สายตายิ่งคมปลาบ
ฮันต์พุ่งออกไปในวินาทีที่สัญญาณไฟทั้งห้าดับลง
เชียร์ในตำแหน่งโพลรักษาความได้เปรียบไว้มั่นแทรกเข้าโค้งแรก รักษาตำแหน่งจ่าฝูง ไม่เปิดโอกาสให้โอเว่นที่อยู่ด้านหลังคุกคามตน
โอเว่นขับอย่างระมัดระวังแต่ไม่ได้เสียความเร็วเพราะเรื่องนี้ เรซซิ่งไลน์อันลื่นไหลทำให้เขารักษาระยะห่างกับวินสตันที่อยู่ด้านหลัง
ฮันต์เปิดฉากแซงวินสตันในทางโค้งแคบ แผนและการคำนวณทั้งหมดถูกทิ้งไปด้านหลัง ทุกสิ่งถูกขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณ
คนในทีมมาร์คัสนึกว่านี่คือการลองเชิงแซงในสนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิตครั้งแรกของฮันต์ แต่วินสตันที่ถูกเขาไล่โจมตีกลับรู้ว่าฮันต์เปิดฉากการต่อสู้แล้ว
เรซซิ่งไลน์ของฮันต์ดุดัน วินสตันป้องกันเต็มที่จนเกือบจะเสียการควบคุมเพราะพุ่งเข้าไหล่ทาง แต่กลับยึดเรซซิ่งไลน์ไว้ รักษาตำแหน่งได้อย่างเหนียวแน่น
เหล่าผู้ชมพากันเคร่งเครียด ชั่ววินาทีนั้นวินสตันดูเหมือนจะขับได้น่าหวาดเสียวมาก แต่ฮันต์กลับรู้ดีว่าหมอนี่จงใจ
เมื่อฮันต์วางแผนจะแซงวินสตัน ข้างหลังเขาก็คือเอนโซ่จากทีมโลตัสที่หาโอกาสอยู่เช่นกัน
เอนโซ่ตามติดฮันต์ การดวลครั้งก่อนทำให้เขารู้ว่าไม่อาจดูถูกความสามารถในการป้องกันของเด็กหนุ่มคนนี้ได้เลย หากไม่ระวัง การป้องกันของอีกฝ่ายจะทำให้ผู้โจมตีเสียเรซซิ่งไลน์ที่ดีที่สุดไป
ในทางโค้งความเร็วต่ำ เอนโซ่วางแผนแซงฮันต์ แต่ฮันต์รีบปรับเรซซิ่งไลน์ สะบัดทีหนึ่งก็ออกโค้งไปอย่างมีชีวิตชีวา และขณะที่เอนโซ่ขับผ่านไหล่ทาง เศษชิ้นส่วนขนาดใหญ่ก็ร่วงลงมาจากตัวรถจนเกือบจะแข่งต่อไม่ได้
รอบที่สิบเจ็ด เชียร์เข้าพิตครั้งแรก เปลี่ยนเป็นยางแข็ง หลังออกพิตก็ร่วงไปอยู่หลังโอเว่นชั่วคราว จากนั้นในรอบต่อมา โอเว่นและวินสตันก็เข้าพิตต่อเนื่องกัน หลังออกพิต โอเว่นอยู่หลังเชียร์ชั่วคราว
ฮันต์เข้าพิตอย่างงดงามครั้งแรกในรอบที่สิบเก้า ไล่โจมตีวินสตันบนถนนอันคับแคบ การไล่กัดกันแบบนั้น ความตื่นเต้นที่ฮันต์ขึ้นนำเล็กน้อยและถูกวินสตันแซงกลับอีกในทางโค้ง ถึงขั้นทำให้เหล่าผู้ชมเหงื่อซึมฝ่ามือ
ฮันต์ในเวลานี้ราวกับลืมไปแล้วว่านี่คือการแข่งขัน การตัดสินใจและการยึดเกาะเรซซิ่งไลน์ที่วินสตันแสดงออกมาทำให้ฮันต์รู้สึกสนุกชะมัด
การดวลกับผู้ชายคนนี้ทำให้สติของฮันต์ตื่นตัวและเฉียบคมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากที่ดวลกันในโค้งมาหลายครั้ง ฮันต์มักจะถูกวินสตันควบคุมในชั่วอึดใจสุดท้ายตลอด ทั้งสองคนถึงกับทำสถิติความเร็วรอบใหม่ในสนามนี้!
ฮันต์ตื่นเต้นขึ้นทุกที ภัยคุกคามที่มอบให้วินสตันก็ชัดเจนขึ้นทุกขณะ
“เขาโตเกินไปแล้ว ยิ่งขับก็ยิ่งเฉียบคม เขาหายใจรดต้นคอของวินสตันแล้ว” ออเดรย์ วิลสัน นั่งถอนหายใจชื่นชมอยู่บนที่นั่งสื่อ
“นั่นสิ จะมีใครคิดว่าไอ้เด็กผีที่เพิ่งเข้าฟอร์มูลาวันก็รั้งท้ายอยู่สามสนามติดกันคนนี้ เวลานี้จะทำให้ทีมใหญ่บนสนามต่างใจไม่นิ่ง” คาโชก็เผยสีหน้าชื่นชม
ขณะที่การดวลกันระหว่างวินสตันกับฮันต์ดุเดือดราวกับจะเบียดอีกฝ่ายตกเส้นขาวไปได้ตลอดเวลา โอเว่นที่อยู่ด้านหน้าพลันหมุนคว้างอยู่บนไหล่ทาง รถขวางไปทางเอเป็กซ์ของโค้ง ในเวลานี้เองที่วินสตันก็ขับเข้ามาในโค้งนี้แล้ว
เพราะจะชิงเอเป็กซ์กับฮันต์ วินสตันจึงชะลอการเบรก และนี่ก็ทำให้เขาพุ่งกระแทกโอเว่นเต็มความเร็ว
ฮันต์ที่ตามอยู่หลังวินสตันเบิกตากว้าง เผลอตะโกนเรียก “วินสตัน”
การตอบสนองของวินสตันเฉียบคมมาก เขาพลันปรับทิศทางแล้วเฉี่ยวโอเว่นไป แต่รถของโอเว่นกลับหมุนรอบหนึ่ง ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเสียหายจากการเฉี่ยวชนกับวินสตันแล้วพุ่งชนฮันต์ที่วิ่งเข้ามา
ฮันต์กัดฟันแน่น รีบปรับทิศทาง แต่โค้งนี้ไม่กว้างพอ เขาอาจจะไม่เหลือที่ให้หลบ!
วินสตันที่กำลังจะปลอดภัย วินาทีนั้นกลับหักรถพุ่งไปทางโอเว่น ตัวรถฝั่งขวาของวินสตันชนกับปีกหน้าของรถโอเว่น เศษไฟเบอร์กระจายไปทั่วในพริบตา วินสตันใช้ตัวรถบังโอเว่นไว้แล้วเบียดเขาไปยังเขตกันชน เหลือที่ว่างให้ฮันต์ผ่านไป
วินาทีที่ฮันต์ขับผ่านโค้งนั้นก็ราวกับรู้สึกถึงร่องรอยของแรงกดดันที่วินสตันแบกรับไว้ โลกก็เหมือนแหลกสลายอย่างบ้าคลั่งตรงหน้าเขา
ปีกหน้าของรถโอเว่นดูเหมือนจะพุ่งชนลำตัวของวินสตัน กระดูกทั่วร่างของฮันต์ก็เจ็บสาหัสเกินจะทานทนตามวินสตันไปด้วย
ชั่วพริบตาสั้น ๆ ที่เขาผ่านข้างรถอีกฝ่ายไป เขาเห็นวินสตันทำมือมาทางเขา ‘ไป!’
หัวใจพลันบีบรัด ฮันต์ไม่มีโอกาสจะหันไปดู
วินสตันล่ะ
วินสตันเป็นยังไงบ้าง
ฮันต์คิดแต่อยากจะไปดูเขาอีกสักครั้ง!
เขาเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่ง จะต้องรีบจบรอบนี้ให้ไวถึงจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง!
วินสตัน…วินสตัน…
ในสมองของฮันต์มีแต่ภาพผู้ชายคนนั้นใช้รถบังรถแข่งที่เสียการควบคุมของโอเว่นไว้ เศษชิ้นส่วนทั้งหลายก็ทิ่มแทงสติของฮันต์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจ็บชะมัด!
เจ็บชะมัดเลย!
เชียร์ที่วิ่งนำก็สัมผัสได้ราง ๆ ว่าด้านหลังเกิดเรื่อง เมื่อเขารู้สึกว่าด้านหลังมีคนไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง ก็พบว่าคนคนนั้นกลับเป็นฮันต์!
เขาเหมือนกับจะดันเชียร์ออกจากสนาม แต่ก็รักษาขอบเขตไว้ให้ไม่ถึงขั้นผิดกฎ แต่การไล่ตามที่รุนแรงแบบนี้ทำให้เชียร์กัดฟันแน่น
การแข่งสนามก่อนเขาแพ้ให้ฮันต์ คราวนี้ไม่มีทาง!
ทั้ง ๆ ที่สนามนี้ต้องให้ความสำคัญกับความเสถียรในการควบคุมมากกว่าความเร็ว แต่เชียร์กลับไม่ลังเลที่จะเพิ่มความเร็วรถของตนขวางฮันต์ไว้ต่อ
ไสหัวไปซะ!
ไสหัวไปให้หมดทุกคนเลย!
ฮันต์คิดเพียงแต่จะรีบกลับไปยังจุดเกิดเหตุนั่น
เขารู้สึกว่าตนบ้าไปแล้ว คิดแต่จะพุ่งทะลุทุกพันธนาการแล้วกลับไปที่ข้างกายผู้ชายคนนั้น
เป็นครั้งแรกที่เชียร์เกิดความรู้สึกเหมือนถูกคนบีบจนสุดทางไปต่อ เกือบจะขับออกนอกเส้นขาวหลายรอบ เขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ฮันต์ไม่สนทุกสิ่ง แต่ฮันต์ที่เป็นแบบนี้ก็ยังสามารถขับต่อได้ด้วยความเร็วโดยไม่เกิดความผิดพลาดเช่นเดิม เชียร์รู้สึกว่าเด็กผีนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว
ในที่สุดฮันต์ก็ได้กลับไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเหตุ
รถแข่งของวินสตันกับโอเว่นดูอนาถเหลือเกิน เศษชิ้นส่วนแหลกละเอียด ตรงนอกเขตกันชนก็ไม่มีคนอยู่ในรถแล้ว
วินสตันล่ะ
ฮันต์กัดฟัน ในสมองขาวโพลน ถนนที่แข่งเบื้องหน้าเขาล้วนไม่น่าสนใจแล้ว
วิทยุในรถแว่วเสียงของมาร์คัส “ฮันต์! นายฟังนะ! อย่าวู่วาม! วินสตันไม่เป็นไร เมื่อกี้เขาโทร.มาหาพวกเราโดยเฉพาะเพื่อฝากบอกนายว่า…แข่งสนามนี้ให้จบแทนเขา!”
ในห้วงวินาทีนั้น ความคิดที่แตกซ่านก็กลับมา โลกย้อนกลับเข้ามาสู่สายตาของเขา
เขาสามารถจินตนาการถึงท่าทางตอนที่วินสตันถือโทรศัพท์พูด หลุบตาลงน้อย ๆ สงบนิ่งและเย็นชา
ฮันต์ แข่งสนามนี้ให้จบแทนฉัน
ฮันต์สูดหายใจเข้าแรง ๆ กัดฟันกรอด
ฉันจะแข่งสนามนี้ให้จบ
ฉันจะไปหานายด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด!
สนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิตขึ้น ๆ ลง ๆ จึงต้องการสมรรถนะสูงสุดของรถ
ในตอนที่ฮันต์กัดเชียร์ไม่ปล่อยในช่วงเข้าสู่ทางแคบบนสนามแข่ง เอนโซ่จากทีมโลตัสด้านหลังก็เกิดอุบัติเหตุรถแข่งเฉี่ยวชนกับเปนีจากทีมเรโนลต์
เปนีถูกชนจนกระจกมองหลังหัก ด้านข้างตัวรถของเอนโซ่ได้รับความเสียหาย จำต้องถอนตัวออกจากการแข่งขัน การแข่งขันเวลานี้เพิ่งผ่านไปสองในห้า สถิติการถอนตัวก็ทำให้สื่อหลายสำนักคาดการณ์กันไม่หยุด
บนถนนแคบ ๆ ฮันต์ยังคงข่มขู่เชียร์ไม่หยุด เมื่อคิดจะแซง ระยะห่างระหว่างรถสองคันก็แคบจนทำให้มาร์คัสร่ำ ๆ จะร้องไห้
“ไอ้เด็กโง่นั่นจะทำอะไรอีก ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าวินสตันไม่เป็นไรน่ะ ช่วยแข่งให้จบแทนเขา ไม่ใช่ให้ตายแทนเขา!”
“เชื่อใจเขาเถอะ มาร์คัส ฮันต์รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และรู้ว่าตัวเองควรทำอะไร ตอนที่นักขับคนอื่นตื่นเต้นอาจจะตัดสินใจไม่สมเหตุสมผล แต่เมื่อฮันต์ตื่นเต้น…เขาจะทำในสิ่งที่เกินจินตนาการของพวกเรา” เสิ่นชวนที่อยู่ข้าง ๆ ปลอบใจ
ผ่านไปอีกรอบ ฮันต์ยังคงเป็นนักขับที่กดดันเชียร์ที่สุด
ถึงแม้ในห้ารอบแรกที่ถูกฮันต์ไล่โจมตี เชียร์จะรู้สึกว่าเด็กนี่เป็นบ้าไปแล้ว แต่ตอนนี้เชียร์รู้สึกเพียงความกลัว อะไรกันที่ทำให้ไอ้เด็กผีที่เข้าร่วมการแข่งขันสนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิตครั้งแรกคนนี้ ไม่ว่าจะเรซซิ่งไลน์หรือการเบรกก็สมบูรณ์แบบและเปี่ยมไปด้วยแรงโจมตี ทุกการดวลในโค้งของเขาเหมือนจดหมายเตือนตายที่ส่งให้เชียร์ จะบดขยี้เขาให้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่เลิกรา
เชียร์และฮันต์เข้าพิตครั้งที่สองตามลำดับ
นี่ทำให้โดนัลด์ที่อยู่ด้านหลังขึ้นนำชั่วคราว แต่รอบที่สองหลังจากเชียร์ออกพิตก็สามารถชิงอันดับหนึ่งกลับมาได้
จากนั้นคนที่ผ่านข้างโดนัลด์ไปก็คือฮันต์ เรซซิ่งไลน์การแซงของเขาโจมตีดีเยี่ยมจนโดนัลด์โกรธไม่ลง
“ก็ได้! เอาเลย! ไอ้เด็กเวร ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพเถอะ!”
ฮันต์รู้สึกเพียงบนตัวเหมือนมีแรงอะไรบางอย่างกำลังรวมตัว รอบแล้วรอบเล่า ความคิดของเขาเหมือนคลื่นที่กระทบฝั่ง ทั้ง ๆ ที่ฝ่ามรสุมจากที่ห่างไกลเข้ามา แต่เมื่อกระทบฝั่งแล้วกลับไม่ได้เสียพลังงานไปเลยสักนิด
ที่โค้งความเร็วต่ำอีกแห่ง ฮันต์ดื้อจะแซงอีกรอบ เชียร์กัดฟันแน่น รักษาระยะห่างที่ได้เปรียบ แต่ในตอนที่รถสองคันกำลังออกโค้งแทบจะตีคู่กันไป เชียร์ที่แซงห่างไปในทางตรงกลับไม่อาจสลัดฮันต์ทิ้งได้ เลยต้องดวลกันอีกในโค้งถัดไป
พื้นเหมือนจะลุกไหม้เพราะแรงเสียดทานจากล้อที่ห้อเหยียด เวลานี้ศูนย์รวมความสนใจทั้งหมดของพวกสื่อต่างอยู่ที่การชิงแชมป์ระหว่างเชียร์กับฮันต์!
“น่ากลัวเกินไปแล้ว! ขับแบบนี้…เด็กนั่นจะเกิดเรื่องเอานะ! ตอนนี้ต้องใจเย็น ๆ สิ!” ออเดรย์ วิลสัน กำมือแน่น หล่อนเห็นอย่างชัดเจนว่าวินาทีนั้นวินสตันหลบลอว์เรนซ์ โอเว่น ได้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่หลังจากนั้นการตอบสนองของเขากลับเห็นได้ชัดเจนว่าจงใจบังไว้
การทำแบบนี้มีแค่เหตุผลเดียว คือเพื่อปกป้องฮันต์ที่ตามมา
แต่ทุกสิ่งที่ฮันต์ทำตอนนี้ดูไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง เหมือนจะเปลืองการเสียสละที่วินสตันทำให้เขา
“ไม่หรอก…อีวาน ฮันต์ ไม่ใช่พวกที่ถูกโจมตีแล้วจะเสียความมีเหตุผลบนสนาม ตรงกันข้าม การขับของเขาไม่ได้ผิดพลาดเลยจนถึงตอนนี้ คุณตั้งใจสัมผัสการเบรกและเรซซิ่งไลน์ของเขาสิ ที่นี่คือสนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิต ระยะโหลดล้อ[1] ของเขาถึงขั้นน้อยกว่านักขับคนอื่น เขาจะเอาเชียร์ลง เขารู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่” คาโชลูบคาง ในดวงตามีความชื่นชมอย่างปิดไม่มิด
การแข่งขันเข้าสู่แปดรอบสุดท้ายแล้ว ฮันต์ยังคงตามติดเชียร์ การเบรกเพื่อเข้าโค้งของเขาช้าลงทุกที ถึงขั้นหักเลี้ยวตอนแตะเส้นขาว นี่ทำให้เชียร์ที่ผ่านมาร้อยศึกตระหนักได้ว่า เด็กผีนี่กำลังคุ้นชินกับสนามแข่งแห่งนี้ด้วยความไวที่ทำให้คนตกใจ ทุกองศาโค้ง ทุกความยาวของทางตรง ล้วนถูกฝีมือการขับของเขาพิชิต เขาไม่คิดถึงเรื่องเทคนิคใดๆ อีกต่อไปแล้ว แต่ใช้สัญชาตญาณล้วน ๆ
เมื่อนักขับคนหนึ่งอาศัยสัญชาตญาณการขับในสนามแข่งแห่งหนึ่งก็จะน่ากลัวมาก
แต่ว่านะ ฮันต์…ฉันกับโอเว่นเป็นตัวแทนของยุคหนึ่ง
ยุคของพวกเราไม่มีทางถูกนายแซงได้ง่ายขนาดนั้นหรอก
เชียร์กับฮันต์ผลัดกันนำผลัดกันตาม เหล่าผู้ชมร้องผวากันไม่หยุด สนามแข่งดูเหมือนจะถูกรถแข่งสองคันนี้ทำให้ลุกเป็นไฟ ทั้งสองคนล้างสถิติความเร็วรอบที่ไวที่สุดของสนามแห่งนี้ติดๆ กัน
การดวลในรอบสุดท้ายมาถึงในที่สุด
นักขับคนอื่นบนสนามแข่งกลายเป็นตัวประกอบ จุดโฟกัสของทั้งสนามอยู่ที่เชียร์และฮันต์
เลือดเต้นเร่าอยู่บนปลายนิ้วราวกับจะพุ่งหลุดจากพันธนาการ ลมหายใจของฮันต์ติดอยู่ในลำคอ หนึ่งในสามของรอบผ่านไป ฮันต์ยังคงไม่อาจแซงเชียร์ได้ แต่ในตอนที่ทุกคนรู้สึกว่าชัยชนะสนามนี้แน่นอนแล้ว ฮันต์ก็เร่งความเร็วในทางโค้งความเร็วต่ำ แต่โค้งเรซซิ่งไลน์กลับกว้างขึ้น เมื่อเห็นว่าจะพุ่งเข้าเขตกันชนอยู่รอมร่อ เหล่าผู้ชมก็ยืนขึ้น ออเดรย์ วิลสัน ยกมือบังสายตาไว้ เวลาก็เหมือนพลิกกลับด้าน…
หัวใจของฮันต์ราวกับร่วงวูบจากที่สูง พุ่งเข้าไปใต้มหาสมุทรอันราบเรียบที่สุดในดวงตาของวินสตัน สองแขนของเขาหักพวงมาลัย โลกหมุนอยู่ข้างหู เขาเลี้ยวผ่านจุดเอเป็กซ์ราวกับปาฏิหาริย์ ชิงผ่านโค้งก่อนหนึ่งก้าว พุ่งสู่ทางตรง!
มาร์คัสเบิกตากว้างและลุกขึ้นยืนโดยที่ยังอ้าปากค้าง สายตาของผู้ชมทั่วสนามก็ราวกับจะระเบิดออกมา
ฮันต์วิ่งห้ออยู่บนทางตรงราวกับทลายผนึกของเวลา เชียร์ไล่ตามอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนเกือบจะพุ่งเข้าเส้นชัยพร้อมกัน!
วินาทีที่พวกเขาพุ่งผ่าน โลกก็เงียบลง เสียงเครื่องยนต์คำรามก็ถูกสายตาที่ตื่นตะลึงกลบมิดในพริบตา
โสตประสาทและสายตาของฮันต์เปิดกว้างในวินาทีนั้น
หัวใจของเขากำลังเต้นเร่า ลมหายใจพลุ่งพล่าน
จนกระทั่งเสียงกู่ร้องราวคนบ้าของมาร์คัสแว่วมาในวิทยุ “ฮันต์ ฮันต์! นายคือแชมป์! นายชนะเชียร์ศูนย์จุดสี่วินาที! นายชนะแล้ว! ชนะแล้ว!”
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าสิ่งที่สะสมอยู่ในร่างกายคืออะไร
มันคือน้ำตาของเขา
เขาพิงศีรษะกับพวงมาลัย ทั้งหมวกกันน็อกเต็มไปด้วยน้ำตาที่ควบคุมไม่อยู่
“ฮันต์! นายต้องขับรถไปรับรางวัล! ฮันต์! พวกเราจะเปิดแชมเปญฉลอง! ฮันต์…อืม…ฮันต์…ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้…”
มาร์คัสพูดนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ฮันต์กลับพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าสะอึกสะอื้น “วินสตัน….เขาอยู่ที่ไหน ผมอยากได้ยินเขาพูด…”
อยากได้ยินเขาเรียกชื่อตนเบา ๆ
อยากโดนเขาอุ้มขึ้นมา
คิดถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวในอกของเขา
ทุกอย่างของเขา…ฮันต์ล้วนคิดถึงใจแทบขาด
“วินสตัน…เขาอยู่โรงพยาบาล…”
ฮันต์พลันผุดลุกจากที่นั่ง
“คุณว่า…คุณว่าอะไรนะ”
หัวใจเย็นเยียบ ความบ้าคลั่งที่ทำให้คนหายใจอย่างยากลำบากบนสนามแข่งในเวลานี้ก็แข็งค้าง
ความหวาดหวั่นกลบเขาจนมิด
“นายอย่าเพิ่งกังวลไป ฮันต์ ฟังฉันพูดนะ…ดูเหมือนว่าปีกหน้าของรถโอเว่นจะทับบนรถแข่งเขาแล้วกระแทกโดนไหล่ แต่วินสตันหลบออก…เพียงแต่ดูเหมือนไหล่กับแขนจะเคล็ด…แต่ไม่หนักแน่นอน! ไม่มีเลือดสักหยด! หมอของทีมแค่คิดว่าเขาน่าจะไปตรวจร่างกายสักรอบ นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว! พวกเราก็คอยติดต่อกับทีมเฟอร์รารี่ตลอด ถ้ามีอะไรเขาจะบอกพวกเราเป็นคนแรก”
ฮันต์เกือบจะประคองพวงมาลัยไม่อยู่แล้ว
วินสตันได้รับบาดเจ็บ? ไหล่ของเขา…
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดของนักขับคือพละกำลังและความสามารถในการตอบสนอง บาดแผลเพียงเล็กน้อยล้วนทำให้สูญเสียความสามารถของนักขับได้ ถึงขั้นอันตรายต่ออาชีพ
ฮันต์กำลังจะขับรถกลับไป เขาไม่อยากรับรางวัล เขาจะไปโรงพยาบาล!
เวลานี้เสียงวินสตันแว่วมาในวิทยุ มาร์คัสต่อสายหาเขาแล้วส่งเข้ามา เสียงเบามาก และยังได้ยินเสียงกู่ร้องฉลองของพวกทีมงานด้วย
“ฮันต์ ยินดีด้วยที่นายได้แชมป์” เสียงของวินสตันดังขึ้น ต่อให้โลกนี้วุ่นวายจนหูแทบดับ ฮันต์ก็สามารถได้ยินเสียงของเขาผ่านทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย
ฮันต์อ้าปาก ถึงพบว่าตนพูดไม่ออกสักประโยค
“ฮันต์ นายต้องไปร่วมงานรับรางวัล ยืนอยู่บนที่สูงสุดและทักทายเชียร์แทนฉัน” เสียงของวินสตันยังสงบเช่นเคย แต่กลับแฝงความอบอุ่นที่ทำให้ดวงตาของฮันต์ร้อนผ่าว
“…ได้”
“นายต้องยิ้มด้วยความมั่นใจเต็มที่ เพราะฉันจะมองนายอยู่ ฉันฝากให้แอนนี่ถ่ายรูปนายแล้ว”
“ได้” ฮันต์ออกแรงตอบ
“อย่าชูสองนิ้ว มันดูทึ่ม”
“ได้” ฮันต์หลุดขำพรืด แต่น้ำในดวงตากลับไหลหนักขึ้น
“จำไว้ว่าพาดแขนบนบ่าเชียร์ แบบนั้นจะทำให้เขาทำหน้าไม่สบอารมณ์”
“…นายมันชั่วจริง ๆ” ฮันต์หัวเราะหนักขึ้นแล้ว
“ฉันก็ไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” วินสตันตอบ
เวลานี้เชียร์ขับรถมาข้างฮันต์ ชูนิ้วกลางให้เขาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วคำราม “เด็กเวร! แกอยู่กับที่นานไปแล้ว! ทุกคนรอแกอยู่!”
ฮันต์กุมพวงมาลัยแล้วตะโกนออกมา “นายจะรีบขนาดนั้นเพื่อ?! นายไม่ใช่แชมป์สักหน่อย!”
“เชี่ย! นายอยากตายเรอะ!” เชียร์โกรธจนไฟแทบลุกแล้ว
“ถ้างั้นนายก็มาต่อยฉันสิ!
“ลำพองใจไปเถอะ! สนามหน้าจะทำให้แกร้องไห้!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮันต์ยืนบนโพเดียม แต่เป็นครั้งแรกที่ยืนบนจุดสูงสุด
เขาสร้างประวัติศาสตร์ของฟอร์มูลาวันฤดูกาลนี้ นักขับจากทีมกลางค่อนไปทางเล็กคว้าแชมป์สนามย่อยได้
อันดับสองคือเชียร์ ส่วนอันดับสามคือโดนัลด์
ได้อันดับนี้ โดนัลด์ก็น้ำตาไหลพราก
ตอนถ่ายรูป ฮันต์โอบโดนัลด์ หมอนี่ยิ้มจนปากจะฉีกแล้ว ทว่าเมื่อฮันต์ยื่นอีกมือไปโอบเชียร์ หมอนั่นก็โก่งไหล่หนีด้วยท่าทีหยาบคายตามคาด
“เด็กผี แกทำอะไร เอาลงไป!”
“ถ่ายรูปไง!” ฮันต์พูดอย่างสมเหตุสมผล
“จะถ่ายรูปก็ไม่ต้องโอบไหล่!”
“แบบนั้นสื่อจะพูดได้ว่าพวกเราไม่ถูกกันนะ” ฮันต์พูดเสียงเบา
“ฉันกับแกก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว!” คิ้วของเชียร์ขมวด โกรธจนจะบินได้แล้ว
“พวกเขาจะบอกว่านายใจแคบ รับไม่ได้ที่ฉันชนะนายเอาน่ะสิ”
เชียร์รู้ว่าตนไม่ได้คิดไปเอง เสียงของฮันต์ฟังดูชั่วช้าจริงๆ
เขาจึงได้แต่ยอมให้แขนของฮันต์กดลงบนไหล่ตน
“เด็กเวร ผยองฉิบหาย!”
“…มีอะไรให้น่าผยองกัน…คนสำคัญที่สุดของฉันไม่อยู่ข้าง ๆ เลย”
เป็นประโยคที่เบามาก ฮันต์นึกว่าเชียร์ไม่ได้ยิน แต่หมอนั่นกลับเบือนหน้าไป ดวงตาก็เหมือนจะเริ่มแดงแล้ว
นั่นสิ เขาลืมได้ยังไงว่าโอเว่นก็เกิดเรื่อง พวกเขาเป็นคู่แข่งกันมาสิบกว่าปี ตอนนี้ต้องเป็นห่วงแทบขาดใจแน่
เมื่องานมอบรางวัลจบลงก็เป็นเวลาการสัมภาษณ์
แต่ฮันต์ไม่มีกะจิตกะใจจะให้สัมภาษณ์เลย เขาเดินมาข้างหน้ามาร์คัส เพิ่งอ้าปาก มาร์คัสก็ตบบ่าเขาเบาๆ “ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ทำไมอีก วินสตันตรวจร่างกายเสร็จแล้ว แค่มีแผลเล็กน้อย แน่นอนว่าไม่กระทบกับอาชีพนักขับของเขา! แต่การชนหนนี้คิดบัญชีกับทางเฟอร์รารี่ ไอ้มิลเลอร์นั่นคงปวดใจจนน้ำตาร่วงแล้วมั้ง”
พอได้ยินว่าวินสตันไม่เป็นไร ฮันต์ก็ยิ้มโดยไม่ต้องแกล้งทำว่าไม่เป็นไรได้สักที
“เขากลับไปโรงแรมแล้ว การให้สัมภาษณ์หลังแข่งยกให้ฉันกับพีอาร์จัดการเอง! ฉันเตรียมรถไปส่งนายไว้แล้ว! ขยับให้ไว ๆ!”
ตอนนี้ตรงที่ทีมมาร์คัสอยู่ถูกสื่อห้อมล้อมจนน้ำผ่านไปไม่ได้แม้แต่หยดเดียว
ฮันต์ถอดชุดแข่งอย่างรวดเร็ว แล้วเปลี่ยนเป็นชุดหมีของวิศวกรที่ผู้ช่วยส่งให้ กดหมวกเบสบอลลงมา แทรกตัวผ่านวงล้อมออกไปพร้อมวิศวกรหลายคน
จากนั้นเขาก็เห็นเสิ่นชวนนั่งรอเขาอยู่ในรถคันหนึ่ง
“เฮ้ ฮันต์ ฉันรู้ว่านายขับรถเก่งมาก แต่คราวนี้ฉันจะไปส่งนายเอง” เสิ่นชวนโบกมือให้
ภายในใจของฮันต์อุ่นวาบ ทุกคนต่างคิดเผื่อเขา ไม่ว่าจะมาร์คัสหรือเสิ่นชวน พวกเขาต้องกังวลว่าเรื่องนี้จะกระทบกระเทือนจิตใจฮันต์จนอาจทำให้เกิดเรื่องระหว่างทางกลับแน่
ฮันต์เอาแต่กังวล
เขาไม่รู้ว่าเห็นวินสตันแล้วตนควรพูดอะไร
แค่ ‘ขอบคุณ’ เหรอ
คำว่า ‘ขอบคุณ’ พออยู่ต่อหน้าหมอนั่นมันดูตื้นเขินเกินไป แค่ ‘ขอบคุณ’ มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกลึก ๆ ในใจของฮันต์ที่มีต่อวินสตันด้วยซ้ำ
ปลายเท้าของฮันต์สั่น นิ้วมือเดี๋ยวก็เล่นกับขอบหน้าต่าง อีกเดี๋ยวก็บิดข้อมือ ท่าทางดูกระสับกระส่ายไปหมด
[1] Ground Clearance คือ ระยะความสูงจากพื้นถึงจุดที่ต่ำที่สุดใต้ท้องรถ