[ทดลองอ่าน] ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ บทที่ 49 วันที่สี่สิบเก้าในฐานะพี่เลี้ยง

幼崽护养协会
ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 2

 

酒矣 (Jiu Yi)
เขียน

ชาเย็น Lover
แปล

 

— โปรย —

ด้วยความช่วยเหลือของเซี่ยหลวน
อนุบาลสัตว์ สาขาอวิ๋นเป่า พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
มีเหล่าลูกสัตว์สมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามามากมายในสาขา
การที่ได้ดูแลและอยู่กับเจ้าพวกตัวน้อยทั้งหลาย|
ทำให้เซี่ยหลวนเริ่มเข้าใจทีละนิด
ว่าเพราะอะไรเขาถึงถูกเลือกให้มาทำหน้าที่พี่เลี้ยงลูกสัตว์ ณ อวกาศแห่งนี้

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 49
วันที่สี่สิบเก้าในฐานะพี่เลี้ยง

 

ค่ำคืนอันเงียบสงบของเทศกาลเนเซร่า พระจันทร์สว่างลอยสูงเด่นอยู่บนท้องฟ้า แสงจันทร์ดุจน้ำค้างแข็งสาดส่องไปทั่วทุกมุมถนนของเมืองเซโร่

เหล่าหิ่งห้อยน้อยที่เต้นระบำบนถนนค่อย ๆ หรี่แสงลง ทยอยลาลับไปทีละดวง ซึ่งนั่นหมายความว่าเทศกาลเนเซร่าในปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว

ผู้ใหญ่สองคนกับลูกสัตว์หนึ่งตัวที่นอนเตียงเดียวกันภายในห้องพักของโรงแรมเวลานี้ต่างหลับหมดแล้ว นอกจากลูกเงือกที่นอนซุกอกของชายหนุ่มอยู่ตรงกลางและขยับครีบหางอยู่เป็นครั้งคราว ก็ไม่มีสิ่งใดในห้องนี้เคลื่อนไหวอีก

ยิ่งดึกมากเท่าไหร่แสงที่ทอประกายล้อมรอบหินจันทราก็ยิ่งสะดุดตามากขึ้นเท่านั้น เวลานี้อัญมณีวงรีที่เซี่ยหลวนใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อปรากฏแสงจาง ๆ เหมือนกำลังตอบรับแสงจันทร์เย็นยะเยือกดุจน้ำค้างแข็งด้านนอก

ตามตำนานเล่าขานเรื่องหินจันทราของเผ่าเงือก เมื่อมอบหินจันทราเป็นของแทนใจให้คนรักก็จะเกิดผลที่น่าอัศจรรย์

เซี่ยหลวนได้ฟังเรื่องเล่าขานนี้แล้วก็มองแค่ว่าเป็นเรื่องราวที่ทำให้อัญมณีมีความหมายแฝงอันงดงามเหมือนกับคนอื่น ๆ ทว่าตอนนี้เขาได้สัมผัสประสบการณ์จริงของเรื่องเหลือเชื่อนี้เข้าแล้ว

หลังจากเซี่ยหลวนนอนหลับไปบนเตียง ครั้นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ภาพอันคุ้นเคยของโลกใบเดิม แต่เป็นซากปรักหักพังและสถานที่รกร้างแห่งหนึ่ง

สภาพโดยรอบเป็นซากกำแพงผุพัง ระดับความเสียหายของสิ่งปลูกสร้างมากมายมหาศาลจนมองรูปร่างเดิมไม่ออก

ท้องฟ้ามืดมัวจนมองไม่เห็นสีฟ้าครามของท้องฟ้า ลมที่พัดผ่านเมืองหอบฝุ่นและทรายมาเป็นระลอก ๆ ภาพฉากอันรกร้างไร้จุดสิ้นสุด…

ดาวเคราะห์ดวงนี้ราวกับตายไปแล้ว

ท่ามกลางสถานที่อันทรุดโทรมแห่งนี้ เซี่ยหลวนยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน เขายังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น กระทั่งเห็นไข่ลูกสัตว์สีขาวใบหนึ่งวางอยู่เดียวดายในซากปรักหักพังนี้

เซี่ยหลวนจำไข่ใบนี้ได้

แม้ไข่ใบนี้จะเป็นสีขาวต่างจากสีในความทรงจำของเขา ทว่าเซี่ยหลวนก็ยังพอจำมันได้

และเพราะว่าจำได้ เซี่ยหลวนจึงรู้ถึงต้นสายปลายเหตุบางอย่างกับสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้

เขาเข้าไปใกล้ไข่สีขาวใบนั้น แต่เนื่องจากไม่อาจสัมผัสได้ เซี่ยหลวนจึงได้แต่ยืนอยู่ตรงนี้ในมุมของผู้ชม

ทว่าขณะที่เขาเข้าไปใกล้ ภายในจิตใจของเซี่ยหลวนก็ถูกความรู้สึกไม่คุ้นเคยสายหนึ่งสาดซัดเข้ามากะทันหัน มันไม่ใช่ความรู้สึกของเขา แต่เป็นความรู้สึกของไข่ใบนี้

คล้ายกับแบ่งปันการรับรู้ต่อโลกใบนี้ ตอนนี้เซี่ยหลวนจึงได้สัมผัสความรู้สึกต่าง ๆ ของไข่ใบนี้ทางอ้อม รวมทั้งการอยู่ในซากปรักหักพังอันรกร้างอย่างโดดเดี่ยว ณ เวลานี้ด้วย…

มันเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ยากจะบรรยาย

ลูกสัตว์ที่ยังไม่ได้กะเทาะเปลือกออกมา แต่รับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ จากโลกภายนอกได้แล้ว แม้จะยังไม่ฟักออกมา แต่ไข่ใบนี้กลับมีสติรับรู้ถึงโลกภายนอกได้อย่างชัดเจน

อุปกรณ์ป้องกันหลายสิบชั้นที่คุ้มกันไข่ใบนี้ไว้ถูกปะทะอย่างรุนแรงทำให้ใช้การไม่ได้โดยสมบูรณ์ ด้านข้างไข่มีสร้อยคอสีเงินที่ไม่ทราบวัสดุแน่ชัดวางอยู่เส้นหนึ่ง เซี่ยหลวนก้มดูจึงเห็นแหวนที่คล้องสร้อยคอสลักคำว่า ‘อัย’ เอาไว้พอดี

ไข่ใบนี้ได้แต่อยู่ในซากปรักหักพังที่ย่อยยับแห่งนี้ รอคอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ

มันรอเวลากะเทาะเปลือกหรือรอให้มีใครสักคนอุ้มมันไปจากสถานที่แห่งนี้

เซี่ยหลวนที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าไข่ใบนี้รับรู้เรื่องราวของโลกภายนอกได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้น นึกอยากอุ้มไข่ที่อยู่อย่างเดียวดายขึ้นมาลูบสักหน่อย แต่เขาก็ไม่อาจทำได้

เซี่ยหลวนประมวลผลได้จากการเชื่อมโยงแต่ละอย่างว่าสถานที่แห่งนี้คงเป็นห้วงจิตใจของน็อกซ์ตัวนี้

ส่วนเรื่องที่ว่าเขาเข้ามาอยู่ในนี้ได้อย่างไรนั้น เซี่ยหลวนครุ่นคิดดูแล้ว เขาได้แต่นึกไปถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับหินจันทราของเผ่าเงือก

ไข่ใบนี้อยู่ในซากปรักหักพังอันรกร้างแห่งนี้หนึ่งวัน สองวัน…

รอคอยอยู่เงียบ ๆ เป็นเวลานาน จนดาวเคราะห์ที่เรียกได้ว่าเหลือเพียงเศษซากดวงนี้ได้ต้อนรับผู้มาเยือนกลุ่มหนึ่ง พร้อมกันนั้นยังมีคนจากทีมของสหพันธ์ดวงดาวที่ค้นหาไข่ใบนี้เจอจากในซากปรักหักพัง

เดิมทีเมื่อหาเจอแล้วก็ควรจะเป็นเรื่องดีสำหรับไข่ใบนี้ ทว่านับตั้งแต่ที่ถูกค้นเจอ สิ่งที่รับรู้ได้ผ่านการแบ่งปันก็ทำให้เซี่ยหลวนรู้สึกถึงอารมณ์ด้านลบมากขึ้นเรื่อย ๆ

มันหนักอึ้งราวกับถูกปกคลุมไปด้วยเงามืดกดทับลงในจิตใจอย่างหนักหน่วง

เมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกด้านลบที่คนอื่นมีต่อตัวเอง ไข่ใบนี้ก็ค่อย ๆ กลายเป็นสิ่งที่เย็นยะเยือกมากเป็นพิเศษ เซี่ยหลวนเห็นว่าเปลือกภายนอกสีขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างช้า ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ ตามการสะสมความรู้สึกด้านลบ

ความเร็วของเวลาเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เรื่องราวต่อมาของไข่ใบนี้ที่เซี่ยหลวนเห็นเกือบจะเหมือนภาพสไลด์ แต่ก็ไม่อาจเห็นถึงตอนจบ

เพราะพอดูไปเรื่อย ๆ โลกตรงหน้าของเซี่ยหลวนก็มีแต่ความมืดมิด จนสุดท้ายเข้าสู่ความอนธการ มองไม่เห็นอะไรแม้แต่อย่างเดียว

ฉากสีดำนี้เป็นความมืดมิดที่อยู่ในจิตใจของน็อกซ์ตัวนี้

“…”

ชั่วขณะที่ขอบเขตสายตาของเซี่ยหลวนตกอยู่ในความมืดสนิทดั่งฝันอันยาวนาน เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็กลับมายังโลกเดิมของตัวเองในที่สุด

เซี่ยหลวนพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบาแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง

ตั้งแต่ถูกสร้างการเชื่อมต่อจิตสื่อสารระหว่างโลกสองฝั่ง เมื่อเซี่ยหลวนอยู่ในโลกฝั่งเดิมก็กลายเป็นคนอยู่ติดบ้านมากขึ้น

อย่างไรเสียด้วยชื่อเสียงของเขาในตอนนี้ ต่อให้เขาร่างภาพภาพเดียวต่อเดือนก็หาเงินสำรองไว้ใช้ได้ไม่น้อยแล้ว และด้วยประกอบอาชีพอิสระจึงพูดได้ว่าเขาจะอยู่ติดบ้านอย่างไรก็ย่อมได้

การท่องเที่ยวสองสามเดือนครั้งก็ยกเลิกไปแล้วเช่นกัน เนื่องจากไม่ได้อยู่กับครอบครัว ในระยะนี้ที่เซี่ยหลวนเก็บเนื้อเก็บตัว จึงมีเพียงเพื่อนที่โตมาด้วยกันซึ่งเห็นเขาเป็นพี่น้องแท้ ๆ เกิดสนใจขึ้นมา

ความจริงแล้วตอนแรกลู่หย่วนก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากนัก แต่เขาจำได้มาตลอดว่าตั้งแต่ฤดูหนาวเมื่อสองเดือนก่อน ตอนที่พ่อกับแม่ให้เขาไปส่งเกี๊ยวให้เซี่ยหลวน อีกฝ่ายถามเขาว่าแวะซื้อ ‘หนังสือเลี้ยงเด็ก’ ที่ร้านหนังสือใกล้ ๆ ให้ได้หรือเปล่า…

หากจะมอบของขวัญแก่เพื่อนที่คลอดลูก ลู่หย่วนคิดว่าอย่างไรก็ไม่ควรมอบ ‘หนังสือเลี้ยงเด็ก’ ให้ ยิ่งให้ญาติอะไรนั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ทำให้ในตอนนั้นลู่หย่วนรู้สึกสับสนมาก

ถ้าไม่ได้เห็นว่าสีหน้าตอนรับหนังสือของชายหนุ่มนิ่งเฉยเป็นปกติ ลู่หย่วนคงหลุดปากถามออกไปแล้วว่ามีเรื่องอะไรปิดบังเขาอยู่หรือเปล่า

หลังจากลุกขึ้นจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เซี่ยหลวนจึงนั่งลงที่หน้าคอมพิวเตอร์ เปิดเวยปั๋วของตัวเองขณะใช้กราฟิกแท็บเล็ตวาดภาพ

นอกจากวาดผลงานขาย เซี่ยหลวนก็มักวาดภาพบางส่วนตามแรงบันดาลใจหรือความชอบส่วนตัว แล้วอัปโหลดภาพพวกนี้ลงเวยปั๋ว

[ช่วงนี้อาจารย์วาดแต่อะไรน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย ฉันไร้แรงต้านต่อเจ้าตัวขนปุกปุยซะด้วยสิ เงือกน้อยกับกุ้งมังกรน้อยก็วาดได้น่ารักมาก ไว้จะโทร.หาอาจารย์บ่อย ๆ นะคะ!!]

[รู้สึกว่าฝีมือวาดภาพของพี่ใหญ่พัฒนาขึ้นอีกแล้วหรือเปล่า ไม่รู้จะพูดว่าไงดี แต่รู้สึกว่าภาพวาดสองสามภาพในช่วงนี้ดูเหมือนจริงมากเป็นพิเศษเลย…]

[ปูเสื่อรอเลยฮับ อยากดูเจ้าตัวน่ารักมากกว่านี้]

เมื่อเซี่ยหลวนเห็นคำว่า ‘กุ้งมังกรน้อย’ มือที่กำลังจับเมาส์ปากกาอยู่ก็อดสั่นเล็กน้อยไม่ได้ เขารู้ว่าสิ่งที่คอมเมนต์นี้กำลังพูดถึงแท้จริงแล้วคือลูกมูกะ

ลูกสัตว์ตัวนี้ไม่ได้เหมือนกุ้งมังกรน้อยเลย แต่พอเห็นคนอื่นเรียกเขาก็ต้องยอมรับว่ามีความคล้ายคลึงกันบางส่วนจริง ๆ

เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกที่เซี่ยหลวนกลับมายังโลกใบเดิม เขามักจะวาดรูปลูกสัตว์ในสาขาด้วยกราฟิกแท็บเล็ตบ่อย ๆ

ทีแรกเซี่ยหลวนแค่เคยชินกับการอัปโหลดภาพที่ไม่ใช่ภาพขายลงเวยปั๋ว ไม่เคยคิดทำอะไรมากไปกว่านั้น แต่ผู้ติดตามของเขาดันชอบกันเยอะเกินคาด

นอกจากภาพวาดลูกสัตว์ ในบรรดาภาพที่เซี่ยหลวนวาดยังมีเรื่องราวมากมายที่เขาคิดว่าเป็นความทรงจำที่มีความหมาย เช่น ภาพลูกนกอ้วนสามตัวที่คล้องเหรียญรางวัลพร้อมกับยืดอกขนปุกปุยน้อย ๆ อยู่บนแท่นรับรางวัลในตอนนั้น และภาพของลูกเคิร์ดที่ผู้เป็นพ่อพาไปทำกิจกรรมพ่อลูก

การวาดในครั้งนี้ ตอนแรกเซี่ยหลวนอยากจะวาดภาพที่เงือกน้อยผมสั้นสีทองอ่อนมีหางสีฟ้าน้ำแข็งร้องเพลงบนโขดหินด้วย แต่เพราะเรื่องเหนือความคาดหมายที่เพิ่งประสบมา เซี่ยหลวนเลยจรดเมาส์ปากกาวาดลูกสัตว์ตัวกลมขนปุกปุยซึ่งมีเขาสองข้างอยู่บนหัวลงกราฟิกแท็บเล็ตแทน

ลูกสัตว์ตัวนี้มีนัยน์ตากลมใสเช่นเดียวกัน ตัวกลมดิกดูน่าลูบน่าสัมผัส ด้วยรูปร่างที่เป็นก้อนกลมทำให้แลดูเชื่องมาก และเขาเล็กสองข้างยังทำให้รู้สึกว่าน่ารักน่าเอ็นดู

เซี่ยหลวนไม่ได้วาดลูกน็อกซ์เป็นครั้งแรก เมื่อวาดเสร็จแล้วเขาก็อัปโหลดภาพผลงานนี้ลงเวยปั๋ว เพียงครู่เดียวก็ได้รับคอมเมนต์ใหม่ ๆ มาเป็นกะตั้ก

[ดูเชื่องจัง คราวก่อนที่เห็นเจ้าน่ารักตัวนี้ที่พี่ใหญ่วาดก็รู้สึกว่าโดนใจสุด ๆ]

คอมเมนต์ถัดมาล้วนมีใจความคล้าย ๆ กัน พอเซี่ยหลวนอ่านคอมเมนต์เวยปั๋วเหล่านี้แล้ว ใบหน้าของเขาเวลานี้ก็เรียกได้ว่าดีใจจนหน้าบานอย่างแท้จริง

แม้ห่างกันคนละโลก และคงไม่อาจส่งต่อข้อความดี ๆ เหล่านี้ให้น็อกซ์ตัวนั้นได้ แต่ข้อความดี ๆ เหล่านี้ล้วนมีอยู่จริง

เขายังอยากจะส่งต่อพลังบวกเหล่านั้นให้กับอีกฝ่ายในทางอ้อม เมื่อเซี่ยหลวนตื่นขึ้นมาในห้องพักโรงแรมของเมืองเซโร่ เขาก็อุ้มลูกเงือกที่ตื่นอยู่ก่อนแล้ว แต่ยังคงซุกตัวในอกและจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีฟ้าครามคู่นั้น ไปหย่อนไว้ในสระเล็กเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย ก่อนเดินไปยืนตรงหน้าน็อกซ์ผมสีเงินที่อยู่ไม่ไกล

เซี่ยหลวนไม่ได้พูดอะไร เมื่อเขายืนทรงตัวดีแล้วจึงกอดคนที่อยู่ตรงหน้าแผ่วเบา

นัยน์ตาของอัยหดเกร็งเล็กน้อยก่อนเริ่มขยับตัวตอบสนอง หางสีเงินพันเอวของชายหนุ่ม เป็นการตอบรับตามสัญชาตญาณ

ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของอัยเผยอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาบ้างแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนกอดชายหนุ่มเผ่ามนุษย์ตรงหน้ากลับอย่างระมัดระวัง

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า