幼崽护养协会
ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 2
酒矣 (Jiu Yi)
เขียน
ชาเย็น Lover
แปล
— โปรย —
ด้วยความช่วยเหลือของเซี่ยหลวน
อนุบาลสัตว์ สาขาอวิ๋นเป่า พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
มีเหล่าลูกสัตว์สมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามามากมายในสาขา
การที่ได้ดูแลและอยู่กับเจ้าพวกตัวน้อยทั้งหลาย|
ทำให้เซี่ยหลวนเริ่มเข้าใจทีละนิด
ว่าเพราะอะไรเขาถึงถูกเลือกให้มาทำหน้าที่พี่เลี้ยงลูกสัตว์ ณ อวกาศแห่งนี้
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 50
วันที่ห้าสิบในฐานะพี่เลี้ยง
ลูกเงือกใช้สองมือเกาะขอบสระเล็ก โบกสะบัดหางสีฟ้าน้ำแข็งไปมาใต้น้ำ เงยหน้ามองผู้ปกครองที่อิงแอบกันอยู่ใกล้ ๆ ด้วยดวงตาสีฟ้าคราม
เงือกน้อยมองคนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของตน ก่อนจะเบนสายตาไปยังชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ทางขวา แล้วแกว่งไกวครีบหางของตัวเองเบา ๆ ในท้ายที่สุด
ตอนแรกเซี่ยหลวนกะจะกอดแค่ไม่กี่วินาทีแล้วปล่อย แต่หางที่พันรอบเอวเขาและอีกฝ่ายซึ่งกอดตอบดึงดันจะยืดเวลาออกไปอีกสักสองสามวินาทีจนกลายเป็นสิบกว่าวินาที
ภายใต้สถานการณ์ที่เรียกได้ว่าใกล้ชิดกันแทบจะทุกอณู ทำให้แก้มขวาของเซี่ยหลวนคลอเคลียกับผมสีเงินที่ออกจะเย็นนิด ๆ และนุ่มลื่นของน็อกซ์อย่างเลี่ยงไม่ได้
เซี่ยหลวนใช้มือลูบเรือนผมสีเงินจึงได้รู้ว่าเส้นผมของน็อกซ์ตัวนี้สวยจริง ๆ
ผ่านไปหลายวินาทีแล้ว เซี่ยหลวนจึงเริ่มรู้สึกว่าควรจะปล่อยหรือไม่ปล่อยดี
และด้วยระยะอันใกล้มากนี้ทำให้เซี่ยหลวนเพิ่งรู้ตัวว่าน็อกซ์ร่างโตเต็มวัยสูงกว่าเขานิดหน่อย ประมาณเกือบครึ่งศีรษะ
พอเซี่ยหลวนเหลือบไปเห็นลูกเงือกในสระเล็กกำลังใช้ดวงตาสีฟ้าครามอันงดงามจับจ้องพวกเขาอยู่จึงได้สติเอื้อมมือไปตีหางสีเงินที่พันรอบเอวเขาไว้เบา ๆ ทีหนึ่ง เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระเขาก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เมื่อลูกเงือกกลับลงน้ำแล้วก็ฟื้นฟูสภาพร่างกายได้รวดเร็วมาก
เซี่ยหลวนย้ายเก้าอี้มานั่งมองลูกสัตว์อยู่ข้างสระน้ำเล็ก เขารอถึงสิบกว่านาทีก่อนจะอุ้มลูกเงือกขึ้นจากสระ
พอเตรียมจะออกจากห้อง น็อกซ์ผมสีเงินที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็กลับคืนร่างลูกสัตว์ตัวกลมขนปุกปุยโดยอัตโนมัติแล้วกระโดดไปที่ตักของชายหนุ่ม
เซี่ยหลวนผูกสายผ้าคลุมเล็กให้ลูกน็อกซ์เสร็จก็อุ้มลูกสัตว์สองตัวไว้ในอก
ครั้นยืนขึ้นก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างขยับยุกยิกเล็กน้อย เซี่ยหลวนก้มหน้ามอง พลันเห็นลูกเงือกที่ตัวเองอุ้มอยู่ทางด้านซ้ายยื่นมือไปจับเขาเล็กข้างหนึ่งของน็อกซ์ด้านข้างในร่างลูกสัตว์
น็อกซ์ขยับหางเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยง ราวกับอนุญาตการกระทำของลูกเงือกกลาย ๆ
ทำไมรู้สึกว่าผ่านไปแค่คืนเดียวปฏิสัมพันธ์ของลูกสัตว์สองตัวนี้ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย…
วันนี้ควรกลับดาวไกอาได้แล้ว แต่ก่อนจะไปจากดาวเคราะห์ดวงนี้ เซี่ยหลวนยังมีเรื่องสุดท้ายที่อยากจะทำ
ความคิดนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนจะออกเดินทางเขาก็มีความคิดนี้อยู่แล้ว ในเมื่อจะมาดาวเฮเลนมิตต์อยู่แล้ว เขาควรจะพาลูกเงือกไปหาพ่อแม้แท้ ๆ ของตัวเองสักหน่อย
ความหมายของเขาก็คือ พาลูกเงือกไปที่ป้ายหลุมศพของผู้ปกครองซึ่งมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดที่สุสาน
พ่อแม่ของลูกเงือกด่วนจากไปเร็วมาก เซี่ยหลวนจึงไม่รู้ว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไรกับลูกสัตว์ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นคนทอดทิ้งลูกตัวเอง
ในฐานะที่เมืองเซโร่เป็นเมืองศูนย์กลางของดาวเฮเลนมิตต์ สุสานออสเตนในเมืองจึงเป็นสุสานที่มีชื่อเสียงที่สุด และเป็นสุสานสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในดาวดวงนี้ ผู้นำแต่ละรุ่นและวีรบุรุษมากมายของเผ่าเงือกล้วนหลับใหลอยู่ที่นี่
ตระกูลที่มีชื่อเสียงและบารมีบางส่วนในเผ่าเงือกก็มักจะเลือกฝังศพคนในตระกูลที่นี่ ตามข้อมูลที่รู้มาพวกนี้ เซี่ยหลวนจึงอุ้มลูกสัตว์สองตัวมายังสุสานแห่งนี้
เขาไปหาผู้ดูแลสุสานก่อนเพื่อสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แล้วจึงเดินเข้าไปในสุสานออสเตนตามทางที่อีกฝ่ายบอก ซึ่งบริเวณนั้นถูกจัดให้เป็นสุสานของตระกูลฮาวดี้
ตำแหน่งป้ายหลุมศพแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามสถานะของสมาชิกในตระกูลเดียวกัน
ป้ายหลุมศพของอดีตผู้นำตระกูลเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดจึงไม่จำเป็นต้องหา
ส่วนพ่อของลูกเงือกเป็นลูกชายคนรองของผู้นำตระกูลฮาวดี้คนปัจจุบัน เซี่ยหลวนจึงกวาดสายตามองไปยังป้ายหลุมศพสองแถวแรก แล้วก็เห็นสองชื่อที่เขาตามหาอยู่ตรงแถวที่สองในจุดที่ค่อนข้างไกลสายตา
เรื่องที่ทำให้เซี่ยหลวนคาดไม่ถึงก็คือ มีเงือกสาวที่ดูอ่อนเยาว์มากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าป้ายหลุมศพสองป้ายนั้น
อีกทั้งเซี่ยหลวนยังเห็นอีกว่า มีดอกไม้สดช่อหนึ่งวางอยู่หน้าป้ายหลุมศพทั้งสองที่อยู่ติดกัน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมาเคารพหลุมศพ
เซี่ยหลวนไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอจึงไม่ได้เดินเข้าไป ทำเพียงยืนอยู่ในจุดที่ค่อนข้างไกล รอให้เธอคนนั้นจากไปก่อน
ทว่ามันกลับบังเอิญอย่างที่สุด ระหว่างที่หญิงสาวกำลังจะหันหลังเดินจากไป สายตาก็เหลือบมาทางเซี่ยหลวนพอดี
เมื่อเห็นตราสีทองอ่อนบนหน้าผากของลูกเงือกที่เซี่ยหลวนอุ้มอยู่ หญิงเผ่าเงือกก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนก
แม้อีกฝ่ายที่เป็นคนของตระกูลฮาวดี้จะเห็นเขาเข้าพอดี แต่เซี่ยหลวนก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องลนลานอะไร
ตราบใดที่ตระกูลนี้ยังอยากกอบกู้ชื่อเสียงกลับมา ก็ไม่มีทางทำอะไรเขาในเวลาและสถานที่นี้ได้ ต่อให้เขาจะขวางหูขวางตาอย่างไรก็ต้องอดทนไว้
อีกอย่าง เซี่ยหลวนไม่เห็นเจตนาร้ายใด ๆ จากสีหน้าของอีกฝ่าย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงอุ้มลูกสัตว์เดินไปด้านหน้าป้ายหลุมศพทั้งสอง
ลูกเงือกที่ซุกอยู่ในอกชายหนุ่มนิ่งเงียบมาตลอดทาง แม้ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่เพราะผู้ปกครองอุ้มอยู่ ไม่ว่าจะถูกพาไปแห่งหนใด มันก็ยังคงส่ายครีบหางเบา ๆ
เวลานี้ภาพท้องฟ้า พื้นหญ้า พุ่มดอกไม้ และหินแต่ละก้อนที่ตั้งอยู่สะท้อนเข้ามาในดวงตาของลูกเงือก
หินสี่เหลี่ยมที่ตั้งไว้พวกนี้คืออะไร มันสื่อถึงอะไร ลูกสัตว์ไม่รู้เลย
เดิมทีเซี่ยหลวนกำลังกลั่นกรองคำพูด เขายังไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องป้ายหลุมศพสองป้ายนี้กับลูกเงือกที่อุ้มอยู่อย่างไรดี ระหว่างนั้นเองหญิงสาวเผ่าเงือกก็เดินเข้ามาใกล้อย่างลืมตัว
เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามา เซี่ยหลวนจึงถูกเบนความสนใจ หลังจากมองอยู่สองสามวินาทีเซี่ยหลวนก็พบว่าใบหน้าของเงือกสาวคนนี้คล้ายคลึงกับลูกเงือกในอกเขามาก
หากมองแค่ตากับคิ้วก็ดูคล้ายอยู่แปดส่วน
เมื่อผู้ปกครองมองคนตรงหน้า ลูกเงือกจึงมองตามเช่นกัน
เมื่อสบสายตากับลูกสัตว์ก็ยิ่งเห็นว่าหญิงเผ่าเงือกยังปรับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ไม่ดีนักชัดเจนกว่าเดิม
“ฉัน…” เสียงของแคเทอรินาสั่นเครือเล็กน้อย เธอตัดสินใจบอกฐานะของตัวเองให้คนตรงหน้ารับรู้ก่อน “ฉันเป็นพี่สาวฝาแฝดของพ่อลูกสัตว์ตัวนี้”
เซี่ยหลวนได้รับข้อมูลนี้โดยไม่ทันตั้งตัวจึงตกตะลึงไปวินาทีหนึ่ง ก่อนจะยอมรับคำพูดของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
เขาไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายเลือกพูดถึงความสัมพันธ์นี้ออกมาเป็นพิเศษนั้นมีเจตนาอะไร
และดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะอธิบายให้ละเอียด เมื่อเผยฐานะตัวเองแล้ว หญิงเผ่าเงือกจึงนำสร้อยพร้อมจี้เส้นหนึ่งออกมาจากกระดุมมิติเก็บของ ก่อนยื่นมาตรงหน้าเซี่ยหลวนโดยไม่พูดไม่จา
ในตระกูลฮาวดี้ลูกสาวไม่มีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ ไม่อาจเข้าร่วมการประชุมของตระกูล ตอนนั้นที่แคเทอรินาไม่เห็นลูกเงือกแล้ว เธอถึงได้รู้ว่าตระกูลของเธอตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป
ต่อให้ไม่เห็นด้วยก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังสืบหาไม่เจอด้วยว่าลูกสัตว์ถูกทิ้งไว้ที่ไหน แคเทอรินาจึงทำได้เพียงฝังเรื่องนี้ไว้ให้ลึกที่สุด
“จี้อันนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาเตรียมไว้ให้ลูกสัตว์ตัวนี้ ตอนนั้นไม่ทันได้ให้ ฉันเลยเก็บรักษาไว้แทน” พวกเขาที่ว่าก็คือคนที่หลับใหลอยู่ในสุสานนี้อย่างแน่นอน มือของหญิงเผ่าเงือกแบออกตรงหน้าเซี่ยหลวน
กระทั่งเซี่ยหลวนรับจี้ไปแล้ว แคเทอรินาจึงมองลูกเงือกที่ซุกอยู่ในอกของเซี่ยหลวนอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่กล่าวอะไร
สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกสัตว์ตกเป็นของอีกฝ่ายแล้ว สำหรับแคเทอรินา เธอหวังอย่างยิ่งว่าลูกสัตว์ตัวนี้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลฮาวดี้อีก
เมื่อรับจี้มาแล้วเซี่ยหลวนก็ไม่ได้ขบคิดถึงความลึกลับซับซ้อนและความสัมพันธ์ของคนในตระกูลฮาวดี้อีก เพราะต่อให้เรื่องราวซับซ้อนยิ่งกว่านี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เซี่ยหลวนรู้แค่ว่าจี้ในมือเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองเตรียมไว้ให้ลูกสัตว์ในอกเขาก็พอแล้ว
ตัวจี้เป็นหินสีน้ำเงินที่ผ่านการเจียระไนเป็นรูปหยดน้ำ ราคาของมันย่อมสูงลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอัญมณีที่ผลิตออกมาได้จำนวนน้อยนิดนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘หินกำเนิด’ ขนาดเล็ก
ใช้อัญมณีชนิดนี้มาทำเป็นของขวัญมอบให้ลูกสัตว์ที่ยังถือกำเนิดออกมา อย่างน้อยก็บอกได้ว่าพ่อแม่ของลูกสัตว์รอคอยการเกิดมาของมันอย่างใจจดใจจ่อ
“ปะป๊า” เซี่ยหลวนชี้ไปยังภาพขาวดำของป้ายหลุมศพทางด้านซ้าย แล้วบอกลูกเงือกที่อุ้มอยู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ปะป๊า?”
ลูกเงือกมองไปทางภาพคนแปลกหน้าที่ชายหนุ่มแนะนำ แม้จะลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพูดคำสองพยางค์นี้ตามอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นเซี่ยหลวนชี้ไปอีกทางหนึ่ง ภาพนี้เป็นผู้หญิงที่ดูค่อนข้างอ่อนโยน
ไม่ต้องรอให้เซี่ยหลวนกล่าวอะไร ลูกเงือกซึ่งถูกเซี่ยหลวนอุ้มก็ราวกับมีความทรงจำเลือนรางต่อคนในภาพ แต่มันไม่แน่ใจนักเลยเปล่งเสียงออกมาค่อนข้างเบา
“หม่าม้า?”
“ใช่ครับ” เซี่ยหลวนยกมือขึ้นมาลูบผมลูกเงือก “แม่ของเกลไง พวกเขารักเกลนะ” เซี่ยหลวนสวมจี้หินสีน้ำเงินใสบริสุทธิ์ลงบนคอของเงือกน้อยพร้อมกับพูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน