爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง
风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด
— โปรย —
ในที่สุดความเข้าใจผิดระหว่าง เซียวจยาซู่ และ จี้เหมี่ยน ก็คลี่คลาย
ทั้งคู่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน และตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
แต่การจะได้การยอมรับจากคนรอบข้างนั้นไม่ง่าย
ไหนจะมารดาที่รักลูกยิ่งชีพ บิดาหัวโบราณชอบวางอำนาจ และพี่ชายสุดเข้มงวด
ที่ทำเอาเซียวจยาซู่ต้องคิดหนัก แม้ว่าเขาอยากจะให้คนอื่น ๆ ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับพี่จี้ก็ตาม
แต่ก็ยังคงต้องเก็บงำไว้ ไม่อาจประกาศออกไปได้
ทว่าถึงจะไม่พูดแต่ใช่ว่าการกระทำของทั้งคู่จะรอดพ้นสายตาของคนเป็นแม่
เมื่อเซวียเหมี่ยวรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอก็รีบจับเซียวจยาซู่แยกจากจี้เหมี่ยนทันที
แต่มีหรือที่คนอย่างจี้เหมี่ยนจะไม่คิดทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 109
คุณชายเซียวปลดปล่อยตัวตน
เช้าวันต่อมา เซียวจยาซู่ยื่นมือออกไปอย่างสะลึมสะลือ ว่าจะดึงตัวพี่จี้มากอดมาหอมสักหน่อย แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ผ้าห่มก็เย็น ดูท่าพี่จี้จะไปนานแล้ว เขาตื่นเต็มตาทันทีแล้วลุกขึ้นนั่ง จึงพบว่าพี่จี้นั่งอยู่ปลายเตียง มือข้างหนึ่งจับเท้าของเขาอยู่ มืออีกข้างคีบบุหรี่ สีหน้าดูหมอง ๆ
“เล็บยาวหมดแล้ว”
อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เซียวจยาซู่กลับเข้าใจความหมายทันที จึงเอ่ยปลอบ “ยาวแล้ว เหมือนเล็บเท้าคนทั่วไปเลย พี่ดูสิ”
จี้เหมี่ยนยังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ไม่อยากพูดเรื่องอดีตอันย่ำแย่นั้นออกมาอีก เขาก้มหน้า ค่อย ๆ อมนิ้วหัวแม่เท้าของเสี่ยวซู่ ใช้ปลายลิ้นอุ่นร้อนกวาดไปบนเล็บสีชมพูเนียนลื่นของอีกฝ่าย
ตั้งแต่วันนี้ไป เขาจะปกป้องเสี่ยวซู่ให้ดี
เซียวจยาซู่จั๊กจี้จึงอดชักเท้ากลับไม่ได้ แล้วก็ใช้ฝ่าเท้าประทับลงไปบนใบหน้าหล่อเหลาของพี่จี้ จากนั้นก็นอนลงหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสเจิดจ้าท่ามกลางแสงแดดยามเช้าทำให้ดวงตาของจี้เหมี่ยนทอประกายวิบวับ เขาโน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากของเสี่ยวซู่อย่างอ่อนโยนหาใดเปรียบ สองมือแทรกเข้าไปในเส้นผมแล้วนวดคลึงเล่นเบา ๆ ท่าทีระมัดระวังนั้นเหมือนกำลังสัมผัสสมบัติล้ำค่าของตน
เสียงหัวเราะของเซียวจยาซู่ติดอยู่ในลำคอ ดวงตาใสกระจ่างค่อย ๆ รื้นน้ำ ท่ามกลางความมึนงงเขาก็คิดได้ว่า เอ๊ะ ไม่ใช่สิ พี่จี้เพิ่งจะอมนิ้วหัวแม่เท้าแล้วก็มาจูบปากเขา แบบนี้มันก็เท่ากับเขาอมนิ้วหัวแม่เท้าตัวเองสิ แต่ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เมื่อคืนเรายังอมเจ้าจีจี้น้อยของพี่จี้เลย อมเสร็จแล้วก็มาจูบพี่จี้ด้วยไม่ใช่หรือ ร่างกายของพวกเราก็เป็นของกันและกันอยู่แล้ว
จี้เหมี่ยนที่กำลังซาบซึ้งปล่อยเขาออกทันที จากนั้นก็ใช้สายตาเอ็นดูปนจนใจมองเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยซุกหน้าลงไปหัวเราะเบา ๆ เรื่องทำลายบรรยากาศนี่ตนละยอมเสี่ยวซู่จริง ๆ
“พี่จี้หัวเราะอะไร” เซียวจยาซู่ดันตัวเขา น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ “จูบอรุณสวัสดิ์ควรจะเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์และจริงจังมาก ๆ เลยไม่ใช่หรือไงเล่า”
“ขอโทษ พี่ผิดเอง” จี้เหมี่ยนพยายามกลั้นหัวเราะ เขาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “หรือเราจะเริ่มใหม่กันอีกรอบดีล่ะ”
“ช่างเถอะ ผมเอง” เซียวจยาซู่เปลี่ยนจากฝ่ายตั้งรับมาเป็นคนเดินเกมก่อน เขาพลิกตัวขึ้นไปกดร่างพี่จี้เอาไว้ ขบริมฝีปากของอีกฝ่ายเบา ๆ เหมือนลูกสุนัขน้อย จากนั้นก็ใช้เสี่ยวซู่น้อยดุนดันเจ้าจีจี้น้อย ทำให้ตื่นเต็มตาตั้งแต่หัวจรดเท้าทีเดียว ตั้งแต่วันนี้ไปเขากับพี่จี้จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน
คนที่เมื่อวานยังไม่ทันทำอะไรก็หน้าแดงเสียแล้วคนนั้น วันนี้กลับทำเรื่องลามกออกมาได้อย่างเปิดเผย จี้เหมี่ยนคงต้องกลับไปทบทวนความหน้าหนาของเสี่ยวซู่เสียใหม่แล้ว แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน คนรักกันก็ควรจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันแบบนี้ ควรจะแสดงความรักความปรารถนาต่อกันได้โดยไม่เขินอาย และเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้โดยไม่มีปิดบัง
ที่เสี่ยวซู่แสดงออกอย่างเปิดเผยได้รวดเร็วขนาดนี้ก็เป็นเพราะเสี่ยวซู่ยอมรับตัวเองอย่างสุดหัวใจ และยอมรับความรู้สึกนี้ด้วย จี้เหมี่ยนจ้องมองคนรักเด็กน้อยที่กำลังกระโดดโลดเต้นด้วยร่างเปล่าเปลือยอยู่หน้ากระจกหน้าต่างยาวจรดพื้นแล้วก็รู้สึกมีความสุขจนต้องหัวเราะออกมา นี่เขาเก็บแก้วตาดวงใจดวงเบ้อเร่อมาได้จริง ๆ นะนี่
ทั้งคู่กะหนุงกะหนิงกันอยู่ในห้องน้ำครู่หนึ่ง ช่วยกันแปรงฟันล้างหน้า ทำอย่างกับเด็กน้อยเล่นพ่อแม่ลูกอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เซียวจยาซู่ยืนทำธุระ จี้เหมี่ยนก็เข้ามาโอบจากด้านหลังเพื่อประคองเจ้าเสี่ยวซู่น้อย และถือโอกาสนี้ลวนลามอีกฝ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เซียวจยาซู่จึงแยกเขี้ยวยิงฟันขู่ว่าจะฉี่ใส่พี่จี้เสียเลย แต่ไม่นานก็หัวเราะจนต้องพิงร่างแนบอกอีกฝ่าย
ทั้งคู่ตื่นตอนเจ็ดโมงเช้า แต่จู๋จี๋กันไปมาจนแปดโมงครึ่งถึงได้จัดการตัวเองเรียบร้อย จากนั้นก็ให้รูมเซอร์วิสนำอาหารขึ้นมาให้สองชุด กินไปคุยไป แล้วก็เลื่อนดูเวยป๋อไป
“แปลกจัง ทำไมแฟนคลับผมถึงเพิ่มขึ้นได้ล่ะ” เรื่องที่เขาถอนตัวจากโปรดักชั่นซวงหลงฉวนฉีทำให้เซียวจยาซู่ถูกดารพาดัง ๆ หลายคนร่วมมือกันมาดิสเครดิต จำนวนแฟนคลับจึงลดฮวบลงไปมาก แต่เพียงแค่คืนเดียวจำนวนแฟนคลับของเขากลับเพิ่มขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่แค่นั้น ยังมากกว่าก่อนหน้านี้ถึงหลายแสนคนอีกด้วย
“ไหนดูคอมเมนต์หน่อยซิ” เขาไล่ดูคอมเมนต์แล้วถึงรู้ว่า เมื่อคืนจ้าวชวนกับท่านแม่ผู้ยิ่งใหญ่ของเขาผลัดกันออกมาพูดเรื่องภาพเซตนั้น
ตอนนี้หัวข้อคำค้นหาว่า ‘ภาพเซียวจยาซู่แต่งหญิง’ ซึ่งขึ้นอันดับหนึ่งแทน ‘สงสัยว่าจี้เหมี่ยนจะประกาศเรื่องแฟน’ ไปแล้ว เมื่อรู้ว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดของไอดอลตัวเองไม่ใช่สาวสวย แต่เป็นหนุ่มหน้าสวย ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ก็กำลังโปรโมตภาพยนตร์เรื่องใหม่ด้วยกันอีก ทำให้เหล่าแฟนคลับโพแฟนสาวกับแฟนคลับคีปเมนทั้งหลายต่างก็รู้สึกว่าได้รับการปลอบโยน อีกทั้งยังมีแฟนคลับที่ค่อนข้างแปลกส่วนหนึ่งถึงกับแสดงออกว่า หลังจากได้รู้ความจริงแล้วในใจของพวกเธอก็รู้สึกแปลก ๆ ทั้งร้อนรุ่ม กระวนกระวาย เหมือนเลือดกำเดาจะไหล
มีแฟนคลับคนหนึ่งพิมพ์ว่า ‘ตอนแรกฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้แรงเกินไป ไม่คู่ควรกับเทพจี้ แต่พอรู้ว่าเขาคือเจ้าต้นอ่อนน้อยเนี่ย…โอ้โห…ใจสาวน้อยของฉันไม่รู้ทำไมจู่ ๆ มันก็เต็มตื้นขึ้นมา อยากจะเอาเชือกมามัดพวกเขาเอาไว้ด้วยกันเหลือเกิน! ต่อจากนี้ไปถ้าเทพจี้หาผู้หญิงที่เทียบเจ้าต้นอ่อนน้อยไม่ได้ละก็ แม่จะยอมให้เขาเป็นโสดไปตลอดชีวิตเสียดีกว่า!’
จากนั้นก็มีคนมาคอมเมนต์ด้านล่างต่อทันที ‘ชู่ว์ มองออกแต่พูดออกมาไม่ได้นะจ๊ะที่รัก ถ้าเธอสนใจละก็ มาร่วมกลุ่มแชทลับของพวกเราได้นะ! ยังมีข้อมูลให้เธอได้ร้อนรุ่มกระชุ่มกระชวยอีกเยอะเชียวละ!’ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนคนนี้ต้องเป็นแฟนคลับคู่ชิปที่มีมากขึ้นทุกวันอย่างแน่นอน
ตอนนี้ทั่วทั้งวงการบันเทิงรู้กันหมดแล้วว่าจี้เหมี่ยนกับเซียวจยาซู่เป็นเพื่อนซี้ปึ้กกัน ประเภทที่ไม่มีทางแยกสองคนนี้ออกจากกันได้ ถ้านายโดนแอนตี้ฉันก็จะออกมาปกป้องสนับสนุน และไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนนาย เรื่องห่วงภาพลักษณ์หรือรักษาชื่อเสียงอะไรนั่นไม่สนใจสักนิด!
คงต้องพูดเลยว่ามิตรภาพแบบนี้ในวงการบันเทิงมีให้เห็นน้อยมาก เรื่องนี้จึงทำให้แฟนทั่วไปที่ไม่ได้ชอบใครเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษรู้สึกดีกับพวกเขา อีกทั้งยังเกิดความสงสัยใคร่รู้และคาดหวังกับภาพยนตร์อี๋ลู่ขวงเปินกันอย่างมากอีกด้วย เมื่อมีจี้เหมี่ยนมาร่วมทัพ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจะรับประกันคุณภาพได้อย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้น หากดูจากคาแร็กเตอร์แล้ว เขาอาจจะได้หลุดออกจากกรอบการแสดงเดิม ๆ ให้ทุกคนได้เห็นเขาในบทบาทใหม่เอี่ยมด้วยก็เป็นได้ ส่วนภาพที่เซียวจยาซู่แต่งหญิงนั้นก็งดงามเสียจนกินขาดคนทั้งวงการบันเทิงไปได้เลย เมื่อรวมกับความงามของเซวียเหมี่ยวผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพีคนสุดท้ายแห่งศตวรรษที่ยี่สิบด้วยแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีจุดที่น่าสนใจและน่าดูชมอยู่มากทีเดียว
‘คาดหวัง คาดหวังสุด ๆ!’ ในอินเทอร์เน็ตมีคอมเมนต์ประเภทนี้ให้เห็นทุกที่ ผู้ชมล้วนเป็นพวกลืมง่าย คำพูดนี้พูดเอาไว้ไม่ผิด นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็ลืมเรื่องข้อมูลดิสเครดิตเซียวจยาซู่ก่อนหน้านี้ไปจนหมด เพียงเพราะเขามีแบ็กที่แข็งแกร่ง มีเส้นสายอยู่มากมาย ทั้งยังมีหน้าตางดงามชนิดที่เรียกว่าเป็นคนหน้าตาดีแห่งยุค ต่อให้ดิสเครดิตเขาจนย่ำแย่แค่ไหนแล้วอย่างไรเล่า เพียงไม่นานเขาก็ได้ร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่ง ทั้งยังทำให้ซูเปอร์สตาร์คนนั้นมาอยู่ข้างเขาได้ ถามหน่อยเถิดว่า ในวงการบันเทิงมีใครหน้าไหนบ้างที่จะทำแบบนี้ได้
พวกคนอย่างฉิวตู้ เจียงปิงเจี๋ย ที่อยากจะเหยียบเซียวจยาซู่ให้จมดินจึงได้แต่เก็บความคับแค้นเอาไว้เงียบ ๆ แต่ไม่อาจทำอะไรเขาได้ ยุคสมัยนี้ขอแค่คุณหน้าตาดีก็ไปได้รุ่งในวงการบันเทิง แล้วนับประสาอะไรกับการที่เซียวจยาซู่ไม่ได้แค่หน้าตาดีในระดับทั่ว ๆ ไป เมื่อภาพที่เขาแต่งหญิงถูกโพสต์ออกไปก็มีผู้ชายแท้ทั้งแท่งมากมายถึงกับโหยหวนว่า ‘เพศคืออะไร กินได้หรือ ขอแค่หน้าแบบนี้ก็พอ! ไม่ต้องพูดแล้ว ไปฟอลโลว์เวยป๋อของเจ้าต้นอ่อนน้อยดีกว่า’
ดังนั้นภายในชั่วข้ามคืนเซียวจยาซู่จึงตกแฟนคลับผู้ชายมาได้อีกมากมาย คำว่า ‘ใช้ความงามก่ออาชญากรรม’ มันก็คืออย่างนี้เอง
เซียวจยาซู่เลื่อนเวยป๋อไปก็หัวเราะฮ่า ๆ ไป จี้เหมี่ยนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เขากำลังตั้งใจดูเวยป๋อที่ท่านแม่ยายผู้ยิ่งใหญ่โพสต์เอาไว้ เธอโพสต์รูปเสี่ยวซู่ตอนเล็ก ๆ ที่สวมชุดกระโปรงเจ้าหญิงพร้อมแคปชั่น ‘ใช่แล้ว ลูกชายของฉันเป็นเด็กผู้หญิงแสนสวยมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วละ’
ในรูปนั้นเสี่ยวซู่ทั้งเขียนคิ้วทาปาก ตรงหว่างคิ้วยังแต้มไฝเสน่ห์ลงไปจุดหนึ่งด้วย เขากำลังเอียงคอยิ้มหวานให้กับกล้อง กิริยาเหล่านั้นดูน่ารักจริง ๆ จี้เหมี่ยนรู้สึกคันจมูก ในใจยิ่งคันยุบยิบเข้าไปใหญ่ เขารีบเซฟรูปนั้นเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือทันที
รูปของเสี่ยวซู่นั้นเขาแบ่งประเภทเอาไว้ทั้งหมด รูปทั่วไปในชีวิตประจำวันก็จัดไว้กลุ่มหนึ่ง รูปจากภาพยนตร์ก็กลุ่มหนึ่ง รูปคู่ก็กลุ่มหนึ่ง รูปตอนเด็ก ๆ ก็อีกกลุ่มหนึ่ง…เขาเก็บรวบรวมทั้งหมดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ แล้วยังพริ้นต์ออกมาจัดเก็บเป็นอัลบั้มด้วย เอาไว้เผื่อชื่นชมวันหลัง
เขาจะบันทึกเรื่องราวปัจจุบันระหว่างตนเองกับเสี่ยวซู่เอาไว้ เมื่อพวกเขาแก่ตัวไป เรื่องราวทุกอย่างในตอนนี้ก็จะกลายเป็นความทรงจำอันงดงาม สิ่งที่เรียกว่าความสุขถูกเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อยจากในชีวิตประจำวันของพวกเขานี่เอง ไม่ต้องมีเรื่องใหญ่โตให้ตื่นตระหนกตกใจ ความสุขทั้งหมดล้วนอยู่ในสายธารเวลาอันยาวนานไหลเรื่อย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีความอดทนและความละเอียดอ่อนพอที่จะค้นพบมันหรือไม่
เมื่อมีเสี่ยวซู่ จี้เหมี่ยนก็เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งของคำว่า ‘ความสุข’ ไปโดยปริยาย หลังเซฟรูปแล้วเขาก็ไม่ลืมไปกดไลก์ให้ท่านแม่ยายผู้ยิ่งใหญ่ด้วย จากนั้นจึงค่อยป้อนสเต๊กเข้าปากเสี่ยวซู่ แล้วแย่งโทรศัพท์อีกฝ่ายมาโยนไปอีกทาง ก่อนจะจูบเสี่ยวซู่อย่างยาวนาน
ทั้งคู่ไปถึงสถานที่ถ่ายทำตอนเก้าโมงครึ่ง จ้าวชวนกำลังยืนคุยกับฝ่ายพร็อปส์อยู่ที่มุมหนึ่งพอดี
“โย่ว มาแล้วหรือ ไปแต่งหน้าเลย วันนี้เราจะถ่ายฉาก ‘ความวุ่นวายในคุก’ กัน” เมื่อเห็นสองคนเดินจูงมือกันมาเขาก็เอ่ยเร่งทันที
“เอ๋ วันนี้ไม่ใช่ฉาก ‘ไล่ล่าบนถนน’ เหรอ” เซียวจยาซู่ประหลาดใจเล็กน้อย
“ยังตกลงกับกรมการขนส่งไม่ได้น่ะ ฉากนี้ต้องย้ายไปสุดสัปดาห์หน้าโน่นถึงจะถ่ายได้ ฝ่ายพร็อปส์จัดฉากเสร็จแล้ว พวกนายก็เร็ว ๆ หน่อย” จ้าวชวนโบกมือ
เซียวจยาซู่กับจี้เหมี่ยนรีบเดินเข้าห้องแต่งตัวไป
ฉาก ‘ความวุ่นวายในคุก’ เป็นฉากที่แก๊งต่างด้าวต้องการจะแย่งไมโครชิปมาจากสวีเทียนโย่วกับหานตง จึงซุกซ่อนยาเสพติดล็อตใหญ่เอาไว้ในรถของพวกเขาแล้วแจ้งตำรวจ เมื่อทั้งคู่เข้าคุกไปแล้วก็จะมีพวกนักโทษคอยช่วยพวกเขาจัดการเรื่องยุ่งยากให้อีกต่อหนึ่ง ถึงเวลานั้นไมโครชิปก็จะมาอยู่ในมือ คนพวกนั้นตาย จากนั้นทุกอย่างก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
หานตงลงจากรถไปซื้อเครื่องดื่มที่ร้านสะดวกซื้อ ส่วนสวีเทียนโย่วนั่งฟังเพลงอยู่บนรถ สวีเทียนโย่วถูกตำรวจจับทันที ส่วนหานตงเห็นท่าไม่ดีจึงไปซ่อนตัว หลังจากนั้นก็พยายามหาวิธีไปช่วยสวีเทียนโย่ว เพราะเขารู้ดีว่าถ้าสวีเทียนโย่วโดนจับขังเมื่อไร ต่อให้เป็นเวลาเพียงแค่วันเดียวก็คงจะถูกพวกนักโทษที่แก๊งต่างด้าวซื้อตัวเอาไว้ฆ่าตายแน่
ในอเมริกา ถ้าคุณไม่อยากติดคุกก็ต้องจ่ายเงินประกันตัวก้อนโต แต่หานตงไม่มีเงินสักแดง เขาจึงได้แต่ไปขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อสวีที่อยู่ไกลถึงประเทศจีน และก็เหมือนกับครั้งที่แล้วคือคุณพ่อสวีปฏิเสธ อีกทั้งค่าประกันตัวนั้นก็สูงถึงเจ็ดสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินหยวนก็เกือบห้าร้อยล้าน เพียงพอจะทำให้เจ้าของธุรกิจขนาดกลางหมดเนื้อหมดตัวได้เลยทีเดียว สวีเทียนโย่วไม่มีทางอื่นจึงได้แต่ยอมเข้าคุก และเขาก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว
ก่อนเข้าคุกเขาบอกให้หานตงพาไปสักเพราะอยากให้ตัวเองดูน่าเกรงขาม ไม่โดนรังแกง่าย ๆ แต่ช่างสักลงเข็มไปครั้งเดียวเขาก็ร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด จึงได้แต่ให้ช่างสักใช้สีที่ลบไม่ออกมาวาดให้เขาแทน แต่คิดไม่ถึงว่าหมึกกันน้ำของช่างสักหมดพอดี ถึงอย่างนั้นช่างสักก็ยังไม่อยากปล่อยเหยื่ออันโอชะนี้ไป จึงวาดอะไรมั่ว ๆ ด้วยหมึกธรรมดาที่แค่ใช้น้ำล้างก็เลือนหายให้พวกเขา
ด้วยเหตุนี้สวีเทียนโย่วจึงมีรอยสักน่าเกรงขามเต็มตัว แต่ในใจกลับร้องไห้กระซิก ๆ ขณะเดินเข้าคุกไป
ตอนนี้ช่างแต่งหน้ากำลังเปิดอัลบั้มภาพวาดให้เซียวจยาซู่เลือกลายสัก
“พี่จี้ช่วยผมเลือกหน่อยสิ” เซียวจยาซู่เอาตัวทาบไปบนหลังของจี้เหมี่ยน กัดใบหูของเขาอย่างสนิทสนม
“อันนี้” จี้เหมี่ยนชี้เสือดำตัวหนึ่ง
“โอเค เอาภาพนี้ ดูน่าเกรงขามดี” เซียวจยาซู่ถอดเสื้อคลุมกับเสื้อเชิ้ตออกทันที จากนั้นเขาก็ต้องตัวแข็งทื่อ
ช่างแต่งหน้าปิดปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “จะให้วาดยังไงล่ะเนี่ย เสือดำตัวเดียวปิดไม่มิดหรอก! แล้วเดี๋ยวคุณต้องไปอาบน้ำล้างหมึกออกด้วย แบบนั้นก็เห็นรอยจูบหมดน่ะสิ คนดูเห็นคงคลั่งแน่”
“ไม่ต้องถึงคนดูหรอก แค่ฉันนี่ก็จะคลั่งตายแล้ว!” จ้าวชวนผลักประตูเข้ามา เขาอ้อนวอนแบบแทบจะสติแตกอยู่รอมร่อ “คุณชายทั้งสองขอรับ เพลา ๆ กันหน่อยได้ไหม ดูซิว่ารอยทั่วตัวเสี่ยวซู่เนี่ยจะจัดการยังไง พี่จี้ นี่พี่แม่งเป็นสัตว์ป่าหรือไงหา”
เขาถลึงตาใส่รอยจูบทั่วตัวของเซียวจยาซู่ ดวงตาแดงก่ำไปหมด เวรเอ๊ย ทั้งคอ อก หลัง มีรอยเต็มไปหมด แม้แต่ตามข้อพับก็ยังมี ต้องใช้คอนซีลเลอร์กันน้ำมากแค่ไหนถึงจะปิดหมดล่ะนี่
“ใช้สีกันน้ำทาสีเนื้อก่อนชั้นหนึ่งแล้วกัน แล้วค่อยวาดรอยสัก! เร็วเข้า ทุกคนรออยู่นะ!” จ้าวชวนถลึงตาใส่ทั้งคู่แรง ๆ
ตอนแรกเซียวจยาซู่อายนิดหน่อย แต่ตอนหลังก็คิดว่า…เขากับพี่จี้เป็นคู่รักกัน คู่รักกันทำเรื่องหน้าไม่อายบ้างจะเป็นไรไป ผิดกฎหมายหรือไง หรือมันไปเปลืองข้าวบ้านใครล่ะ เห็นหรือยังว่าพี่จี้ของฉันเร่าร้อนแค่ไหน พวกนายกำลังอิจฉาริษยาฉันสินะ!
เขาปล่อยแขนที่กำลังกอดตัวเองอยู่ลงทันที ทั้งยังยืดอกน้อยๆ แล้วพูดอย่างฉะฉานด้วยว่า “ถ้าแจ้งก่อนว่าวันนี้จะเปลี่ยนฉากที่จะถ่ายทำ ฉันกับพี่จี้ก็คงไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก เรื่องนี้นายมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ ”
“ได้ ๆ ๆ ฉันรับผิดชอบเอง ๆ เลิกกดดันกันสักที รีบวาดได้แล้ว” จ้าวชวนกุมขมับ ดูท่าใกล้จะโมโหจนเป็นลมแล้ว
จี้เหมี่ยนหัวเราะพลางบีบก้นเสี่ยวซู่เบา ๆ เขาพูดกับช่างแต่งหน้าว่า “ผสมสีเลย เดี๋ยวผมช่วยทากลบรอยจูบพวกนี้ให้”
“ได้เลย คุณชายเซียวผิวขาวมาก ฉันต้องผสมสีให้ละเอียดหน่อย ไม่อย่างนั้นจะดูไม่เป็นธรรมชาติ” ช่างแต่งหน้าหยิบขวดสีทั้งหลายมาเริ่มผสมสี จี้เหมี่ยนแต้มพู่กันลงไปลบรอยจูบทีละรอย หูก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้ของเสี่ยวซู่ดังขึ้นมาเป็นระยะ ในใจรู้สึกทั้งพึงพอใจและมีความสุข
หลังจากทนทรมานอยู่ชั่วโมงครึ่ง เซียวจยาซู่ที่มีแต่รอยสักทั่วตัวก็สวมกางเกงชั้นในตัวเดียวเดินเข้าฉาก สถานที่ถ่ายทำนี้เดิมเป็นคุกร้าง ทว่าตอนนี้ฝ่ายพร็อปส์ตกแต่งใหม่ ตัวประกอบรูปร่างกำยำมากมายนั่งพูดคุยกันอยู่ตามมุมต่าง ๆ หน้าตาของพวกเขาดูโหดเหี้ยม
“มา ๆ ๆ ทุกคนถอดเสื้อผ้าแล้วมาพันผ้าเช็ดตัว เตรียมเริ่มถ่าย!” ฝ่ายฉากดันลังใส่ผ้าขนหนูเข้ามา เซียวจยาซู่หยิบมามั่ว ๆ สองผืน ผืนหนึ่งส่งให้พี่จี้ อีกผืนพันรอบเอวตัวเอง เช่นนี้แล้วพวกเขาก็จะดูเหมือนไม่ได้สวมอะไรเอาไว้เลย
ฉากต่อไปเป็นฉากสำคัญที่เกิดความวุ่นวายในคุก เมื่อเข้าคุกไปแล้วสวีเทียนโย่วก็อาศัยรอยสักเต็มตัวทำให้ผ่านวันแรกไปได้อย่างสงบ แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งคืนเขาก็พบว่าเสื้อผ้าที่สวมมีสีติดมากมาย ถึงได้รู้ว่าโดนช่างสักหลอกเข้าแล้ว เมื่อนั้นจึงรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา เพราะผู้คุมจะส่งนักโทษไปอาบน้ำทุกวันด้วย ไม่อยากไปก็ไม่ได้ ดังนั้นคราวซวยครั้งใหญ่ของเขาจึงมาเยือน
“เสี่ยวซู่ พี่จี้ พร้อมแล้วใช่ไหม” จ้าวชวนถามเสียงดัง
“พร้อมแล้ว” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน
“โอเค แอ๊คชั่น!”
ทีมงานตีสเลท เซียวจยาซู่ถือสบู่มือหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งก็จับผ้าขนหนู เขาค่อย ๆ เข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างระมัดระวัง ที่ใต้ฝักบัวทั้งซ้ายและขวามีนักเลงหน้าตาโหดเหี้ยมยืนอยู่เต็ม คนเหล่านั้นค่อย ๆ หันมามองเขา สายตาไล่ไปตามผิวขาวราวหิมะกับร่างกายผอมบางแล้วก็ผิวปากหวือ
“เฮ้ ที่นี่มีอีตัวมาใหม่คนหนึ่งแน่ะ ดูตูดดิ งอนเชียวว่ะ!” มีคนเอ่ยแซวอย่างประสงค์ร้าย แต่กลับไม่กล้าเข้ามายุ่มย่าม เพราะช่างสักทำตามที่หานตงขอโดยการวาดรอยสักที่สืบทอดกันมาในแก๊งจิ้งซงให้สวีเทียนโย่ว และติงจิ้งซงก็เป็นหัวหน้าของแก๊งนี้ ทั้งยังเป็นหนึ่งในหัวหน้าแก๊งที่มีอิทธิพลที่สุดในอเมริกาอีกด้วย
เมื่อเห็นรอยสักนี้ พวกนักโทษที่เป็นคนเอเชียจึงออกมาปกป้องสวีเทียนโย่วกันทันที
เซียวจยาซู่ลูบรอยสักที่บ่าแล้วก็แอบให้กำลังใจตัวเอง เขาอยากจะวิ่งไปหลบด้านในสุด พยายามเลี่ยงไม่ให้โดนน้ำ แต่กลับพบว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปคนก็ยิ่งมารวมกันอยู่มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักโทษหลายคู่เริ่มจะทำอย่างว่ากันแล้ว เสียงครางดังสะท้อนไปทั่วห้องน้ำ
เรื่องนี้พลิกมุมมองของเซียวจยาซู่อย่างมาก เขายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางห้องอาบน้ำไม่ขยับไปไหน ขณะกำลังลังเลนั้นเอง นักโทษคนหนึ่งก็เดินผ่านมาชนเขาอย่างแรง ทำให้เขาเซถลาเข้าไปใต้ฝักบัว น้ำไหลชะล้างรอยสักของเขาออกไป ทำให้ผิวขาวเนียนปรากฏแก่สายตาทุกคน
นักโทษที่ชนเขาก้มลงมองสีที่เปื้อนแขนตัวเองแล้วสีหน้าก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นร้ายกาจขึ้น
เซียวจยาซู่ตะลึงงัน มือสั่น สบู่ที่กำอยู่ในมือพลันลื่นหล่นลงพื้นและไถลไปตามพื้นอีกไกล ทุกที่ที่สบู่ก้อนนั้นไถลไปนักโทษทั้งหลายก็จะพากันเงยหน้าหันมามองทางเขาอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าดูคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่เชิง
“ที่รัก สบู่หล่นแน่ะ รีบเก็บขึ้นมาสิ” นักโทษที่ร่างกายกำยำที่สุดเลียริมฝีปาก
เซียวจยาซู่กอดตัวเองแล้วค่อย ๆ ย่อตัวลง เนื้อตัวสั่นระริกราวกับลูกนกกระทา
นักโทษทุกคนเดินมาหาและกำลังจะล้อมเขาเอาไว้ เวลานี้เองประตูใหญ่ของห้องอาบน้ำก็เปิดออก จี้เหมี่ยนที่พันผ้าขนหนูผืนเดียวเดินเข้ามาทีละก้าว กล้ามเนื้อของเขาแม้จะไม่ได้ดูใหญ่โตล่ำสันเหมือนนักโทษคนอื่น ๆ ทว่ากลับเต็มไปด้วยพลังที่พร้อมระเบิดออกมาทุกเมื่อ รอยสักโหดเหี้ยมน่ากลัวมีอยู่ทั่วร่างกายท่อนบน ทั้งยังพาดตามแนวลำคอขึ้นมาถึงข้างใบหู ทำให้เขาดูเหมือนสัตว์ป่าตัวหนึ่งทีเดียว
ด้านหลังของเขามีสมาชิกแก๊งติดตามมามากมาย สายตาของแต่ละคนดูดุร้ายไม่แพ้กัน
ห้องอาบน้ำเงียบไปครู่หนึ่ง ทุกคนล้วนแต่มองเขา รวมถึงเซียวจยาซู่ที่กำลังตกใจกลัวจนนิ่งอึ้งด้วย เขาเดินมาหยุดลงตรงหน้าสบู่ก้อนนั้นแล้วเอ่ยติดตลก “ที่รัก นี่สบู่ของนายเหรอ”
เซียวจยาซู่มองพวกคนต่างชาติตัวสูงใหญ่เหมือนหอคอยเหล็ก แล้วมองจี้เหมี่ยนซึ่งแม้จะสูงมากเหมือนกันแต่กลับผอมกว่าอย่างเห็นได้ชัด เขาจำต้องเลือกยอมศิโรราบให้คนที่รูปร่างเล็กกว่า สิ่งที่เขาคิดเขียนอยู่บนสีหน้าทั้งหมด ทำเอาจี้เหมี่ยนทั้งโมโหทั้งขำ ความปรารถนาที่อยากจะทำเสี่ยวซู่แรง ๆ ยิ่งรุนแรงขึ้นอีก
เซียวจยาซู่ห่อไหล่ เขาเดินผ่านกลุ่มคนร่างกำยำไปอย่างระมัดระวังเพื่อไปอยู่ข้างกายจี้เหมี่ยน แล้วก้มลงเก็บสบู่ จี้เหมี่ยนเอ่ยเสียงเข้ม “หันอีกด้านหนึ่งแล้วค่อยเก็บ”
เมื่อเซียวจยาซู่เผชิญหน้ากับเขาแล้วก็แข็งเป็นหินไปทั้งตัว เวลาผ่านไปเนิ่นนานจึงค่อยหันกายอีกด้านด้วยความรู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขาหันหลังให้จี้เหมี่ยนแล้วก้มลงเก็บสบู่
จี้เหมี่ยนกระตุกมุมปากขึ้นหัวเราะ จากนั้นก็ตีก้นเขาแรง ๆ เสียงป้าบดังก้องห้องอาบน้ำ เซียวจยาซู่ถลาลงไปนอนกับพื้นทันที เขาปิดปากร้องไห้หงิง ๆ กิริยาท่าทางนั้นไม่ต้องบอกเลยว่าดูน่าปู้ยี่ปู้ยำแค่ไหน
“คัท!” จ้าวชวนลุกขึ้นตะโกน “ขอดูเทปก่อน ทุกคนเช็ดตัวแล้วไปพักกันก่อน เดี๋ยวอาจจะต้องถ่ายใหม่ กองถ่ายเตรียมเครื่องดื่มร้อน ๆ กับอาหารเอาไว้ให้แล้ว กินดื่มกันได้ตามสบาย”
ตัวประกอบทั้งหลายร้องเฮพลางเดินไปยังโซนพักผ่อน เซียวจยาซู่ตะเกียกตะกายขึ้นมาแล้วแยกเขี้ยวใส่พี่จี้
“เมื่อกี้ที่พี่ตีน่ะเจ็บหรือเปล่า” จี้เหมี่ยนยื่นมือไปจะช่วยนวดก้นให้ แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะคิกคักเบี่ยงตัวหลบ เขาดึงผ้าขนหนูที่พันเอวออกแล้วไปยืนรับน้ำใต้ฝักบัวพลางบิดเอว “พี่จี้ ผมเต้นให้ดูนะ”
เมื่อวานพี่จี้ยังบอกว่ากลับไปจะให้เขาเต้นให้ดูอยู่เลย แต่กลายเป็นว่าเขาลืมไปเสียอย่างนั้น วันนี้จึงมาชดเชย ขอเพียงเป็นเรื่องที่รับปากพี่จี้เอาไว้แล้ว หากทำได้ก็จะทำให้จงได้
จี้เหมี่ยนมองคนรักเต้นอยู่ใต้สายน้ำแล้วกุมขมับถอนหายใจ จากนั้นก็สาวเท้าเดินเข้าไปหา กดอีกฝ่ายเอาไว้กับผนังแล้วจับขาข้างหนึ่งของอีกฝ่ายมาเกี่ยวเอวตนเองไว้ จากนั้นก็ดันสะโพกเข้าไปแรง ๆ กัดฟันเอ่ย “ถ้าไม่อยากให้พี่ทำนายตรงนี้ก็ทำตัวดี ๆ หน่อย”
กระเบื้องเย็นมาก เย็นจนเซียวจยาซู่สั่นสะท้าน แต่ในใจของเขากลับมีลูกไฟร้อนแรงลูกหนึ่งเผาผลาญอยู่ เขาโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูจี้เหมี่ยน “พี่จี้ ถ้าตอนนี้ผมทำตัวดี ๆ กลับไปแล้วพี่ให้รางวัลผมได้ไหม พวกเราทำกันสักสองสามรอบในห้องน้ำ ยืนเปียกน้ำแบบตอนนี้ แล้วก็ลงไปแช่ในอ่าง แล้วก็นั่งบนชักโครก กดผมลงบนอ่างล้างหน้า”
เขาเพิ่งอายุยี่สิบปีเต็ม เป็นวัยที่ความปรารถนากำลังแรงกล้า อยากจะลองลิ้มรสชาติการทำรักท่าต่าง ๆ ในสถานที่ต่าง ๆ พี่จี้ทักษะดีเลิศ ทำให้ในสมองของเขามีแต่ภาพเมื่อคืนนี้ เมื่อเห็นพี่จี้เปลือยท่อนบนเดินเข้าห้องอาบน้ำมา เขาก็ถึงกับสร้างภาพในหัวทันที อยากจะวิ่งเข้าไปลูบไล้เรือนร่างแข็งแกร่ง จูบริมฝีปากบางงดงามนั้น จากนั้นก็ใกล้ชิดคลอเคลียให้พี่จี้มาทำรักกับเขา
เขารู้ว่าตัวเองจบเห่ โดนพิษของพี่จี้เข้าเสียแล้ว ชั่วชีวิตนี้อยากจะถอนตัวก็ทำไม่ได้ เพียงแค่เห็นพี่จี้สมองของเขาก็วิงเวียน ร่างกายร้อนผ่าว อยากดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายอยู่ร่ำไป ถ้าไม่วิ่งเข้ามารับน้ำใต้ฝักบัว เขาคิดว่าตัวเองอาจจะไหม้เป็นจุณได้เลย
เมื่อรู้สึกถึงความกระหายอยากของเสี่ยวซู่ จี้เหมี่ยนก็กดท้ายทอยอีกฝ่ายเข้ามาแล้วบดจูบลงไปแรง ๆ แบบนี้ใช่ลูกสุนัขชอบแสดงความรักที่ไหนกัน นี่มันภูตน้อยลวงวิญญาณชัด ๆ ดูท่าเขาคงจะต้องออกกำลังกายเพาะกล้ามให้เคยชินต่อไปเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นช้าเร็วคงโดนเสี่ยวซู่ดูดพลังไปจนเหือดแห้งแน่
แต่ถึงจะคิดอย่างนี้จี้เหมี่ยนก็ยังหัวเราะเบา ๆ ออกมาด้วยความปลื้มปีติที่สุดอยู่ดี ผู้ชายคือสัตว์ที่มักจะถูกความปรารถนาควบคุมได้ง่าย ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วคงไม่มีอะไรงดงามไปกว่าการที่คนรักต้องการและยอมรับในตัวตนของกันและกัน จี้เหมี่ยนอดยอมรับไม่ได้ว่าการที่เสี่ยวซู่รักและพึ่งพิงเขาเช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจจนในอกจวนเจียนจะระเบิดอยู่รอมร่อ
ตอนที่เขาพยายามจะทำให้ไฟร้อนรุ่มในกายสงบลงนั้นเอง เซียวจยาซู่ก็แทบรอไม่ไหว เขาบิดเอวถูไถร่างกับจี้เหมี่ยนแล้วรบเร้าถาม “ได้ไหมอ่า ได้ไหม กลับไปเราลองกันหน่อยได้ไหมครับ”
จี้เหมี่ยนกดร่างกายท่อนล่างที่กำลังทำนิสัยไม่ดีของอีกฝ่ายเอาไว้แรง ๆ แล้วกัดฟันเอ่ย “เลิกถูได้แล้ว เชื่อไหมว่าคืนนี้พี่จะทำจนนายลุกจากเตียงไม่ไหวเลยเชียว”
เชื่อ เพราะงั้นผมถึงถูไถกับตัวพี่ไปเรื่อย ๆ ไง! เซียวจยาซู่กัดริมฝีปากอมยิ้ม จากนั้นก็ดุนดันพี่จี้สองสามครั้งอย่างไม่กลัวตาย แล้วอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัวมุดใต้รักแร้แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่เรื่องใกล้ชิดสนิทแนบที่สุดก็ยังทำมาแล้ว เขาจะยังเขินอายกับผีอะไรล่ะ!
เขาได้ยินมาว่าคนรักกันจะมีพัฒนาการอยู่สามขั้น ขั้นที่หนึ่งคือเข้าใจกัน เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ขั้นที่สองคือปรับตัวเข้าหากัน ความสัมพันธ์จะห่างกว่าเพื่อนสนิทเล็กน้อย ไม่ว่าพูดหรือทำอะไรก็ต้องคิดกันนาน เพราะกลัวว่าจะไปทำลายภาพลักษณ์ของตนในใจอีกฝ่ายเข้า และขั้นที่สามคือไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ดังนั้นไม่ว่าจะเกาเท้า ผายลม กรน ก็ทำทุกอย่างต่อหน้าอีกฝ่ายได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะโดนทิ้ง
เซียวจยาซู่คิดว่าเขากับพี่จี้แม้จะคบกันมาได้แค่สามวัน แต่ก็กระโดดข้ามขั้นที่หนึ่งกับสองไปแล้ว ไปถึงขั้นไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงเชื่อใจพี่จี้ และยอมพึ่งพิงพี่จี้หมดทั้งตัวทั้งหัวใจ เขากับพี่จี้ไม่ได้เป็นแค่คนรัก แต่เป็นคนในครอบครัว ความรู้สึกระหว่างพวกเขามันสนิทสนมลึกซึ้งเป็นพิเศษ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ คิ้วกับตาที่โค้งเป็นสระอิทำให้เขายิ่งดูอ่อนโยนขึ้นอีกและยังดูซื่อบื้อนิด ๆ ด้วย แต่ก็ดูน่ารักอย่างไม่มีใครเทียบได้เลย
จี้เหมี่ยนยืนมองเขาอยู่ใต้ฝักบัว ดวงตาฉายแววอ่อนโยนเปี่ยมล้นจนไม่อาจละลายหายไปได้