爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง
风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด
— โปรย —
หลังจากภาพยนตร์เรื่อง สื่อถู ภาพยนตร์เรื่องแรกของ เซียวจยาซู่ เข้าฉาย
เขาก็ได้รับความนิยมขึ้นจนมีชื่อเสียง อีกทั้งยังได้ฉายาคู่ชิปพี่น้องกับราชาจอเงิน จี้เหมี่ยน
และดูท่าจะได้รับความเอ็นดูจากอีกฝ่ายมากขึ้นด้วย
ในระหว่างนั้นเซียวจยาซู่ก็ได้รู้ข่าวการคัดเลือกนักแสดงในภาพยนตร์ภาคต่อฟอร์มยักษ์ ฉงจู๋ต้าจ้าน
หนังสงครามอวกาศระหว่างแมลงปรสิตกับเผ่าพันธุ์อัจฉริยะที่เหลือรอด
ที่เขานั้นเป็นแฟนคลับหนังผู้เหนียวแน่น ไม่ว่าอย่างไรก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้
และผู้ที่ทำหน้าที่คัดเลือกนักแสดงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจี้เหมี่ยนนั่นเอง
งานนี้คุณชายเซียวผู้อยากคว้าบท CT001 หัวหน้าเอไอ เครื่องจักรสังหารไร้อารมณ์ความรู้สึก
ก็ของัดทุกสิ่งทุกอย่างที่มี โจมตีด้วยความงามเข้าไปให้อีกฝ่ายไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 67
คุณชายเซียวผู้เป็นติ่ง
“เล่อหยาง ทำไมคุณเขียนว่าสเต๊กกับเซียหวงเปาล่ะครับ” ผู้ดำเนินรายการถามพลางหัวเราะคิก
หลินเล่อหยางเหลือบมองจี้เหมี่ยนด้วยความประหม่าและไม่สบายใจ คล้ายอยากได้คำใบ้บางอย่างจากอีกฝ่าย แต่เขาก็เห็นเพียงสายตายากจะคาดเดาคู่นั้น ใจของเขาตื่นตระหนก จากนั้นก็ก้มศีรษะหลบสายตาอีกฝ่าย แล้วเงยขึ้นอีกครั้ง ฝืนยิ้มแล้วว่า “เพราะทุกครั้งที่พี่จี้สั่งอาหารก็จะชอบสั่งสเต๊กเนื้อวัวครับ เขากลับมาจากต่างประเทศ เคยชินกับการกินอาหารตะวันตก แต่มีครั้งหนึ่งที่พวกเราไปกินหม้อไฟด้วยกัน เขาชอบมาก จากนั้นก็มักจะไปด้วยกันบ่อย ๆ ส่วนเซียหวงเปาเป็นอาหารเช้าที่เขาชอบที่สุดครับ จะสั่งมาแทบทุกเช้าเลย น้อยมากที่จะกินอย่างอื่น”
“ดูท่าพวกคุณจะสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวไม่น้อยทีเดียวนะครับ กินอาหารเช้าแล้วก็ไปกินหม้อไฟด้วยกันอีก” ผู้ดำเนินรายการแหย่ จากนั้นก็หันมาหาเซียวจยาซู่ “กุ้ง? คำตอบนี้ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ เลยนะครับ บอกพวกเราหน่อยได้ไหมครับว่าทำไม”
เซียวจยาซู่มองจี้เหมี่ยน สีหน้าเหมือนขอความเห็น จี้เหมี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าหัวเราะ
ผู้ดำเนินรายการแซว “ดูสิ ๆ สองคนนี้แอบส่งซิกอะไรกัน! ดูจากความรู้ใจกันนี้ผมให้คะแนนคุณสองคนร้อยคะแนนเลยนะ!”
ชาวเน็ตพากันคอมเมนต์ผ่านหน้าจอ ‘เจ้าต้นอ่อนน้อย (กังวล) : พี่จี้ ผมพูดได้ไหม / เทพจี้ (ยิ้มสปอยล์) : พูดเถอะ ไม่เป็นไร’
แล้วก็มีชาวเน็ตตามน้ำไปทันที ‘ฮ่า แปลได้ไม่เลว! มันหมายความแบบนั้นแหละ สองคนนั้นส่งสายตากันไปมา มีลับลมคมในแน่!’
เซียวจยาซู่เห็นคอมเมนต์ที่กล่าวกันไปเรื่อยพวกนี้แล้วก็หน้าแดงแปร๊ด เขารีบอธิบาย “มีครั้งหนึ่งผมเอาอาหารเช้ามาให้พี่จี้ ตอนนั้นพวกเราถ่ายหนังด้วยกัน ก็ต้องเจอกันทุกเช้าแหละครับ เขาเห็นผมกินโจ๊กทะเลก็เลยถามว่ามันใส่กุ้งหรือเปล่า ผมบอกว่าใส่ แล้วก็ตักขึ้นมาให้เขาดู เขาดูมีสีหน้าคาดหวังมากเลย จากนั้นก็กินยาแก้แพ้ไปเม็ดหนึ่ง เสร็จแล้วก็เลือกกุ้งในโจ๊กมากินจนหมด ที่จริงเขาแพ้กุ้งครับ แต่ก็ยอมกินยาเพื่อจะได้กินกุ้ง ผมเลยคิดว่าเขาต้องชอบกินกุ้งมาก ๆ เลยละ”
ผู้ดำเนินรายการประสานมือเอ่ยอย่างจริงจัง “นับถือ นับถือ! ถ้าไม่ได้ใส่ใจเต็มที่ขนาดนั้นก็คงไม่รู้รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้หรอก อาจารย์จี้ คำตอบของคุณคือ”
จี้เหมี่ยนพลิกกระดาน บนนั้นเขียนว่า ‘กุ้ง’ หลังคำนั้นยังเขียนอธิบายไว้บรรทัดหนึ่งด้วยว่า ‘กินแล้วแพ้ จะขอไม่ให้แพ้ก็คงไม่ได้’
ผู้ชมหัวเราะจนน้ำตาเล็ด เทพจี้สมกับที่เป็นคนจีนขนานแท้ จิตวิญญาณแห่งนักกินนี่ซึมลึกถึงกระดูก! แหม ถ้าดูอย่างนี้แล้วเขาก็ติดดินมากเลยนา! คนทั่วไปจะผันตัวมาเป็นแฟนคลับแล้วเนี่ย!
ชาวเน็ตทยอยกันส่งคอมเมนต์เข้ามา บอกว่าตัวเองก็มีเรื่องกวนใจอย่างเดียวกัน ทั้งที่ชอบอาหารทะเลจะแย่ แต่ว่ากินไม่ได้ ทั้งที่ชอบมะม่วงจะแย่ แต่ว่าก็กินไม่ได้ ยิ่งเป็นอาหารที่แพ้ก็ยิ่งอยากกิน อยากจะตายอยู่แล้ว! ยังมีคอมเมนต์อีกว่า เจ้าต้นอ่อนน้อยมีความสามารถในการสังเกตสังกาน่าตกใจเกินไปแล้ว ทั้งที่เป็นรายละเอียดยิบย่อยขนาดนี้เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงเรื่องราวที่ต่างออกไปแล้วสลักเอาไว้ในใจ เขาจะต้องรักเทพจี้มาก ๆ เลยนะเนี่ย!
เซียวจยาซู่เห็นคอมเมนต์เหล่านั้น สองแก้มก็เห่อร้อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ใบหน้างดงามหล่อเหลายามสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ยิ่งดู ‘อ่อนหวาน’ มากจริง ๆ เขาลูบจมูก แอบพูดในใจว่า ชอบพี่จี้ก็ต้องสนใจเขาอยู่แล้วสิ จะเริ่มสนใจจากตรงไหน ก็ต้องเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตน่ะสิ เรื่องพวกนี้มันยากนักหรือ ขอแค่เอาใจใส่สักหน่อยก็สังเกตเห็นแล้วไม่ใช่หรือไง
แต่คนที่ควรจะเอาใจใส่มากที่สุดคนนั้นกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย หลินเล่อหยางเหม่อมองจี้เหมี่ยน สีหน้าของเขาเหมือนวิญญาณหลุดไปแล้ว
จี้เหมี่ยนเอ่ยเสียงเข้ม “เอาละ ข้อต่อไปเลยครับ”
“ได้ครับ ข้อต่อไปก็คือ ดาราหนังที่อาจารย์จี้ชอบมากที่สุดคือใคร” เสียงสดใสของผู้ดำเนินรายการปลุกหลินเล่อหยางจากภวังค์ เขาตั้งใจคิด จากนั้นก็เขียนคำตอบลงไป แต่ก็ลบออกคล้ายรู้สึกว่าไม่ถูก จากนั้นก็เขียนใหม่อีก ทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งกว่าจะแน่ใจ
เซียวจยาซู่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็เขียนเสร็จเรียบร้อย
คำตอบของชาวเน็ตออกมาหลากหลาย ตอบมาแทบทุกชื่อ เรื่องนี้เทพจี้ไม่เคยบอกเอาไว้ในข้อมูลส่วนตัว พวกเขาได้แต่อาศัยการคาดเดาเท่านั้น
ผู้ดำเนินรายการให้นักแสดงหน้าใหม่ทั้งคู่เปิดกระดานคำตอบ เซียวจยาซู่เขียนว่า ‘แดเนียล เดย์-ลิวอิส’[1] ส่วนหลินเล่อหยางเขียนว่า ‘เจมส์ สจ๊วร์ต’[2] ทั้งสองคนล้วนเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากในวงการภาพยนตร์ทั้งสิ้น
“ผมจำได้ว่าพี่จี้เคยพูด” หลินเล่อหยางมองจี้เหมี่ยนแวบหนึ่ง น้ำเสียงของเขาไม่มั่นใจทันที “เขาชอบหนังเรื่องหนึ่งที่ชื่อ The Philadelphia Story เพราะฉะนั้นผมเลยเดาว่านักแสดงที่เขาชอบที่สุดน่าจะเป็นเจมส์ สจ๊วร์ต ครับ”
ชาวเน็ตที่พากันตะลึงงันก็ทยอยส่งคอมเมนต์มา ‘จริงด้วย เทพจี้เคยพูดประโยคนี้ในสถานการณ์ต่าง ๆ หลายครั้ง บอกว่าเขาชอบหนังเรื่อง The Philadelphia Story ที่สุด และชื่นชมการแสดงของเจมส์ สจ๊วร์ต มาก คราวนี้คงจะไม่ผิดแล้วละ’
ผู้ดำเนินรายการมองเซียวจยาซู่ รอยยิ้มยังคงดูแปลกพิกล เซียวจยาซู่พูดพลางนึกถึงความหลัง “มีครั้งหนึ่งตอนที่ถ่ายหนัง ผมพบว่าอารมณ์ของพี่จี้ดิ่งลงมาก จากนั้นเขาก็กอดโทรศัพท์มือถือดูหนังอยู่ทั้งวัน ตอนหลังผมเพิ่งมารู้ว่าวันนั้นเป็นวันที่แดเนียล เดย์-ลิวอิส ประกาศเลิกแสดงหนัง พี่จี้ดูผลงานของเขาทุกเรื่อง ถ้าพี่จี้ประกาศเลิกแสดงหนัง ผมก็คงจะวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปทั้งวันแบบนั้นเหมือนกัน เพราะพี่จี้คือนักแสดงที่ผมชอบที่สุดครับ ผมคงจะเสียใจมากถ้าต้องเสียเขาไป เมื่อเอาความรู้สึกมาเทียบกันแล้ว ผมเลยเดาว่าคำตอบน่าจะเป็นแดเนียล เดย์-ลิวอิส ครับ”
เขาพูดพลางทำท่าหัวใจไปพลาง เมื่อประกอบกับใบหน้าที่ดูแดงซ่านนั้นแล้วก็ดูตลกนิดหน่อย แต่ก็ยังน่ารัก
ผู้ชมในห้องส่งทั้งโห่ฮาทั้งผิวปาก บรรยากาศครึกครื้นมาก ผู้ชมทางออนไลน์เองก็โดนความน่ารักของเขาจู่โจมจนจะขาดใจตาย ทั้งร่ำร้องกู่ก้องให้เขากับเทพจี้คบกัน ‘ถ้าทั้งหมดนี้ไม่นับว่าเป็นความรัก จะยังมีอะไรน่าเศร้าไปกว่านี้อีก ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อของเธอ[3]…เอ๊ะ ทำไมฉันถึงร้องเพลงนี้ได้ล่ะ ขอบคุณที่ออฟฟิเชียลปล่อยความหวานแบบนี้ออกมา!’
‘อ๊า ๆ ๆ คู่นี้น่ารักมาก หวานมาก! ทำไมเซียวจยาซู่ถึงเอาใจใส่เทพจี้ขนาดนี้นะ ขนาดตอนที่เขาอารมณ์ดิ่งลงต่ำก็ยังสังเกตเห็นได้ทันทีเลย! ถ้าพวกเขาไม่คบกันก็คงขัดหลักการสวรรค์แล้ว!’
เหล่ามงกุฎน้อยอวยขึ้นมาทันที ‘นี่คือแฟนตัวยงของเทพจี้ ไม่ผิดแน่! รับรองได้เลย!’
ไม่ต้องรอให้ผู้ดำเนินรายการประกาศคำตอบ ทุกคนก็แน่ใจแล้วว่าที่เซียวจยาซู่พูดนั้นถูกต้อง มีเพียงหลินเล่อหยางเท่านั้นที่ยังใช้สายตาคาดหวังมองจี้เหมี่ยนอยู่ จี้เหมี่ยนพลิกกระดานคำตอบ บนนั้นเขียนเอาไว้ว่า ‘แดเนียล เดย์-ลิวอิส’
หลินเล่อหยางไหล่ตกลู่คล้ายเรี่ยวแรงทั้งหมดหลุดลอยไปจากตัวเขา เป็นไปได้อย่างไร เขาอยู่กับพี่จี้มานานขนาดนี้ จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนิสัยและความชอบของอีกฝ่ายสักนิดเลยหรือ เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าความรักที่มีต่อกันนั้นเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า ทำไมพี่จี้ถึงไม่เคยพูดเรื่องเหล่านี้เลยล่ะ ทำไมกัน
จี้เหมี่ยนพลันเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาคู่นั้นดูลึกล้ำมืดมน
บรรยากาศในห้องส่งกำลังคึกคัก ผู้ดำเนินรายการถามอีกคำถามหนึ่ง เซียวจยาซู่กับหลินเล่อหยางตอบถูกทั้งคู่ คะแนนห่างกันมาก แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะรักษาหน้าหลินเล่อหยางเอาไว้ได้ เมื่อเห็นว่าเวลาใกล้หมดแล้วผู้ดำเนินรายการจึงประสานมือแล้วว่า “เอาละ ตอนนี้ก็มาถึงคำถามสุดท้ายแล้วนะครับ อาจารย์จี้กลัวอะไรมากที่สุดครับ”
หลินเล่อหยางพลิกกระดานอย่างอาจหาญ บนนั้นเขียนว่า ‘งู’
ส่วนคำตอบของเซียวจยาซู่ดูโอ้อวดมาก…’พี่จี้ไม่เกรงกลัวสิ่งใด’
‘ฮ่า! ไม่ไหวแล้ว เจ้าต้นอ่อนน้อยเกือบจะทำฉันขาดใจตายแล้วนะ!’ ผู้ชมในห้องส่งและทางออนไลน์หัวเราะจนปวดท้อง ตั้งแต่พวกเขาได้ดูคลิปที่เซียวจยาซู่ไปเป็นคนจรจัดข้างนอก ก็รู้ว่าคุณชายผู้สูงส่งคนนี้มีจิตวิญญาณของสุนัขฮัสกี้อยู่ในตัว เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบที่นิยามได้ว่า ‘บื้อแต่น่ารัก’ ทว่าก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเล่นในการสัมภาษณ์ออกอากาศเช่นนี้
จี้เหมี่ยนทนไม่ไหวแล้ว เขาบอกคำตอบที่ถูกต้องพลางหัวเราะไม่หยุด กล้องก็โคลสอัปไปที่กระดานคำตอบของเขา บนนั้นมีตัวหนังสือบรรทัดหนึ่งเขียนว่า… ‘ไม่อาจบอกได้’
“ผมไม่ให้คนอื่นรู้หรอกครับว่าผมกลัวอะไร ไม่ได้เด็ดขาดเลย” เขาหัวเราะพลางอธิบาย คำตอบนี้ทำให้ผู้ชมกรีดร้องโหยหวน แต่ก็ทำให้พวกเขาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ วันนี้เทพจี้ดูเปิดเผยติดดินจริง ๆ รอยยิ้มก็สดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ใช่ครับ จุดอ่อนของราชาไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้” เซียวจยาซู่เอ่ยเสริมอย่างจริงจัง
ผู้ชมหัวเราะอีกครั้ง บนหน้าจอมีแต่คำว่า ‘ฮ่า ๆ ๆ’ จนแทบจะบังหน้าแขกรับเชิญทั้งหมด จุดอ่อนของราชาหรือ นี่นายยังตลกกว่านี้ได้อีกหรือ
จี้เหมี่ยนทนแล้วทนอีก ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เอามือขยี้ผมเซียวจยาซู่จนยุ่ง สีหน้าดูคล้ายขัดเขินมาก ทว่าในดวงตานั้นกลับซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ลึก ๆ เจ้าหมอนี่รู้บ้างหรือเปล่าว่าคำว่าสงวนท่าทีเขียนยังไงน่ะ ทำไมถึงได้หน้าหนาอย่างนี้นะ
ผู้ดำเนินรายการกับแขกรับเชิญคนอื่น ๆ หัวเราะจนตัวโยนไปทางโน้นทีทางนี้ที ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าจะตัดบทได้ “เขานี่เป็นแฟนตัวยงของอาจารย์จี้จริง ๆ นะครับ!”
หลัวจางเหวยส่ายหน้า “ไม่หรอก คุณพูดผิดแล้ว ต้องบอกว่าเป็นติ่งถึงจะถูก!”
ทั้งแขกรับเชิญทั้งผู้ชมในห้องส่งฮาครืน มีเพียงหลินเล่อหยางเท่านั้นที่นั่งหน้าซีดอยู่เฉย ๆ เมื่อพบว่ากล้องจับภาพตนเองอยู่เขาจึงรีบยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูแข็งทื่ออย่างหาใดเปรียบ โลกนี้มี ‘ความรู้ใจกันโดยธรรมชาติ’ จริง ๆ หรือ ไม่สิ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
เมื่อสัมภาษณ์จี้เหมี่ยนกับนักแสดงหน้าใหม่สองคนเสร็จ ผู้ดำเนินรายการก็ไปสัมภาษณ์ซือถิงเหิงกับเหมียวมู่ชิงต่อ หลัวจางเหวยคอยเอ่ยแทรกบทสนทนาตลอด ไม่ว่าใครก็ไม่โดนทิ้งเอาไว้ ตอนที่สัมภาษณ์เหมียวมู่ชิงนั้น เธอยกหัวข้อเรื่องแสดงฉากบู๊เองทั้งหมดมาพูดอีกครั้ง ผู้กำกับรายการเอาภาพเบื้องหลังที่ทางทีมโปรดักชั่นภาพยนตร์ให้มาฉายขึ้นบนจอใหญ่ ทำเอาผู้ชมพากันร้องด้วยความตกใจอย่างต่อเนื่อง
เหมียวมู่ชิงเอ่ยล้อเล่น “ตอนนั้นฉันไปถ่ายหนังแบบช้ำไปทั้งตัวทุกวันค่ะ เวลาจะถ่ายก็ใช้คอนซีลเลอร์กลบเอาไว้ เซียวจยาซู่เห็นฉันทีไรก็ทำหน้าตกใจทุกที แล้ววันหนึ่งเขาก็ทนไม่ไหว แอบวิ่งมาถามฉันว่า ‘พี่มู่ชิงครับ ผมเห็นความสามารถในการรักษาตัวของพี่ดีมากเลย ฉากก่อนหน้านี้ยังมีแผลอยู่ ฉากต่อไปหายเป็นปกติแล้ว พี่ทำได้ยังไงกันครับ’ ทำเอาฉันหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เลยละค่ะ เขาน่ะไม่รู้จริง ๆ ว่าโลกนี้มันมีเครื่องสำอางมหัศจรรย์ที่เรียกว่าคอนซีลเลอร์อยู่ เขาคิดว่าฉันมีความสามารถพิเศษอะไรเสียอีก ตอนหลังที่แก้มฉันได้รับบาดเจ็บจนเกือบจะโดนเปลี่ยนตัวพรีเซ็นเตอร์สินค้า ก็เขานี่แหละที่มาเตือนสติฉันว่าใช้รอยช้ำพวกนี้ไปถ่ายโฆษณาเครื่องสำอางได้หรือเปล่า ผลของมันต้องดีมากแน่ ๆ ฉันว่าคงเพราะคอนซีลเลอร์มันทำให้เขาประทับใจไม่ลืมละมังคะ เขาถึงได้คิดลูกเล่นอัจฉริยะแบบนี้ขึ้นมาได้”
ผู้ชมไม่รู้ว่าเบื้องหลังโฆษณาดังกล่าวยังซุกซ่อนเรื่องราวสนุก ๆ อย่างนี้เอาไว้อีกด้วย พวกเขาจึงฮาครืนออกมาทันที
บนหน้าจอใหญ่ฉายคลิปช่วงหนึ่ง เป็นคลิปที่เหมียวมู่ชิงกำลังใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดรอยช้ำทั่วตัว ตัวแทนสินค้ายี่ห้อนั้นก็ดูรายการนี้อยู่เช่นกัน พวกเขาพอใจกับการแสดงออกของเหมียวมู่ชิงมาก หลังจากการสร้างกระแสซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเธอ คอนซีลเลอร์ของหลายหย่าก็มียอดขายพุ่งพรวดไปทั่วประเทศ ทั้งยังได้รับการยกย่องจากเว็บไซต์ช็อปปิ้งเถาเป่าว่าเป็นราชาแห่งสินค้าขายดีจนขาดตลาดอีกด้วย
เหมียวมู่ชิงชี้นำหัวข้อสนทนาไปยังเซียวจยาซู่แบบเนียน ๆ เธอพยายามเพิ่มความนิยมให้เขา ทั้งจี้เหมี่ยน ซือถิงเหิง และหลัวจางเหวยต่างก็ชื่นชมเขามากขึ้น ในทางกลับกัน หลินเล่อหยางกลับนั่งเหงา ๆ เหมือนคนถูกละเลย ทำให้ชาวเน็ตนึกถึงเรื่องที่เขาแอบดิสเครดิตเหมียวมู่ชิงกับเซียวจยาซู่ขึ้นมาอีกครั้ง ภาพจำที่มีต่อเขาก็ยิ่งตกต่ำลงถึงที่สุด
[1] นักแสดงชาวอังกฤษที่ได้รับการยกย่องว่าทุ่มเทให้กับบทบาทการแสดงมากคนหนึ่ง และได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมากที่สุดถึง 3 ครั้ง โดยผลงานเรื่อง Phantom Thread เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในปี ค.ศ.2017 ก่อนที่เขาจะอำลาวงการ
[2] นักแสดงชาวอเมริกันซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 5 ครั้ง แต่คว้ารางวัลมาได้เพียงครั้งเดียวจากภาพยนตร์เรื่อง The Philadelphia Story และยังอยู่อันดับ 3 จาก 100 นักแสดงชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในยุคทองของฮอลลีวูดด้วย
[3] เนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลง 如果这都不算爱 (ถ้าทั้งหมดนี้ไม่นับว่าเป็นความรัก) โดยศิลปิน จางเสวียโหย่ว (张学友)