[ทดลองอ่าน] รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่ เล่ม 3 ตอนที่ 85

老婆粉了解一下
รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่

 

ชุนเตาหาน เขียน
เสี่ยวฝาน แปล

 

— โปรย —

 

“…ชีวิตนี้นอกจากคุณแล้ว จะไม่ชอบใคร ไม่นอกใจ ไม่จิ้น ตั้งใจรักแค่คุณคนเดียว”
แม้ว่าจะคิดแบบนี้และพูดแบบนี้ แต่เธอก็สงสัยว่าไอดอลของเธอจะมี “ผู้หญิงที่เขารัก” หรือไม่
แล้วผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครกันนะ…

จะต้องเป็นนางฟ้าบนโลกมนุษย์แน่ๆเลย
ต้องเป็นผู้หญิงที่จิตใจอ่อนโยนและใจดี คอยอยู่เคียงข้างเขาด้วยความรักเต็มเปี่ยม
ในหัวใจและในสายตามีเพียงแค่เขา…

เมื่อถึงตอนนั้น ขอเพียงชายหนุ่มที่เธอรักมีความสุขและปลอดภัย เธอจะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

85

 

ทุกคนในกองถ่ายทำตกอยู่ในความเงียบ ฮั่วซีเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน

“ผู้กำกับหวัง ฉากนี้พรุ่งนี้ค่อยถ่ายแล้วกันครับ ให้เซิ่งเฉียวพักซักหน่อย” จากนั้นก็เรียกเสี่ยวตั้นซึ่งอยู่หลังกล้อง “บอกสื่อพวกนั้นว่าไม่ต้องถ่ายแล้ว”

ผู้กำกับหวังกับฮั่วซีรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งเขาเองก็ตกตะลึงกับคำว่า “คุณสามี” ของเซิ่งเฉียวจนตอนนี้ยังไม่ได้สติ ความโกรธจึงหายไปแล้ว

สายตาของทุกคนในสถานที่ถ่ายทำพุ่งไปสู่ที่เดียวกัน ต่างก็ตกตะลึงและมุงดูด้วยความใคร่รู้

เวลานี้เซิ่งเฉียวแทบอยากจะตบตัวเองให้ตายไปเสีย สมองหายมึนงงแล้ว แล้วก็ไม่ขาดออกซิเจนด้วย ในใจมีเพียงความคิดเดียวคือ ซวยแล้ว

เธอจะต้องจ่ายราคาให้กับความปากพล่อยของตัวอย่างอย่างไร

ฮั่วซีที่ยังจับข้อมือเธอและเอ่ยพูดเสียงเบาว่า “ไปเถอะ”

เธอหน้าซีดเป็นไก่ต้ม “ฉันอธิบายได้ค่ะ…”

เขาหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องหรอก ไปเถอะ”

เธอเองก็ไม่มีทางอยู่ในที่แห่งนั้นต่อไปได้จริงๆ ได้แต่ก้มหน้าให้ฮั่วซีลากออกไป สื่อมวลชนที่อยู่ด้านหลังทำท่าจะตามมา ทว่าโดนเสี่ยวตั้นกับฟางไป๋ขวางไว้ ติงเจี่ยนเองก็รีบตามไปเช่นกัน

ฮั่วซีส่งเธอขึ้นรถ เขายันประตูรถไว้แล้วพูดขึ้นว่า “ผมขอไปจัดการเรื่องอะไรหน่อย คุณกลับโรงแรมไปพักผ่อนก่อนนะ”

เซิ่งเฉียวไม่กล้ามองเขา ได้แต่ก้มหน้าผงกศีรษะ

พอรถแล่นออกไป เธอก็ยกมือปิดหน้าแล้วกรีดร้องออกมา ติงเจี่ยนที่แทบจะหัวใจวายถามด้วยน้ำเสียงรวดร้าวและตกตะลึงว่า “พวกเธอ…พวกเธอมันยังไงกันแน่เนี่ย”

เซิ่งเฉียวตะโกนไปร้องไหไป “ฉันแย่แน่ ฉันพลั้งปากไป ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะทำยังไงดี!”

ติงเจี่ยนโทรศัพท์หาเป้ยหมิงฝานด้วยความหมดอาลัยตายอยาก

ฝ่ายเป้ยหมิงฝานนั้นกำลังกินหม้อไฟอยู่ พอได้ยินเรื่องที่ติงเจี่ยนเล่าให้ฟังก็เกือบทำโทรศัพท์มือถือหล่นใส่หม้อไฟเลยทีเดียว

เขาตะโกน “ไหนเธอพูดอีกทีซิ”

“เฉียวเฉียวเรียกฮั่วซีว่า ‘คุณสามี’ กลางกองถ่ายละคร คนทั้งกองได้ยินกันหมด แถมข้างๆยังมีพวกสื่อที่มาตามกองถ่ายด้วย”

เป้ยหมิงฝาน “เซิ่งเฉียว! เธอไปจดทะเบียนสมรสตั้งแต่เมื่อไหร่ หา เธอปกปิดเรื่องแต่งงานไว้แม้แต่กับผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่บอกเหรอ!”

เซิ่งเฉียว “ฮือๆๆ ฉันเปล่านะคะ ฉันโสด”

เป้ยหมิงฝาน “???”

ติงเจี่ยน “ไม่ต้องโวย รีบคิดหาวิธีแก้ไขดีกว่า อีกไม่นานก็คงจะติดเทรนด์คำค้นหายอดนิยมแล้วละ”

เป้ยหมิงฝาน “…”

 

อีกฟากหนึ่ง ฮั่วซีกลับมายังสถานที่ถ่ายทำละคร แล้วไปทักทายบรรดาสื่อมวลชนที่มาเยี่ยมกองละคร บรรดานักข่าวต่างก็ยังตะลึงไม่หาย

พวกเราแค่มาดูการถ่ายละครเฉยๆ ทำไมถึงได้รู้ข้อมูลเด็ดขนาดนี้ล่ะ เยี่ยมมากเลย

ฮั่วซี “เรื่องที่เกิดในกองถ่ายละครวันนี้ หวังว่าทุกคนจะยอมปล่อยผ่าน รอให้มีเวลาแล้วผมจะให้สัมภาษณ์กับทุกคนเอง”

นักข่าว “แน่นอนๆ เราไม่เขียนข่าวมั่วซั่วหรอกๆ” แต่ในใจก็แอบคิดว่า ไม่เขียนมั่วซั่วหรอก! แต่เขียนตามความจริงแน่นอน!

พอฮั่วซีเดินกลับมา เสี่ยวตั้นก็เอ่ยว่า “ปิดไม่อยู่หรอกครับ ในกองถ่ายมีทีมงานเยอะมาก เดี๋ยวผมให้ทางสตูดิโอเตรียมตัวหน่อยแล้วกัน เตรียมแถลงการชี้แจงและแก้ข่าวลือให้พร้อม”

ฮั่วซีส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ต้อง”

ถ้าหากทางสตูดิโอแก้ข่าวลือก็มีค่าเท่ากับเป็นการตบหน้าเซิ่งเฉียวเต็มๆ

เสี่ยวตั้นร้อนใจมาก “แล้วจะทำยังไงดีล่ะครับ คงปล่อยให้ทุกคนคิดว่าพี่ปกปิดเรื่องการแต่งงานไม่ได้หรอกนะ”

ฮั่วซีไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินกลับไปยังสถานที่ถ่ายละคร แล้วส่งยิ้มให้กับทุกสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อย่างไม่ปิดบังพลางเอ่ยว่า “ส่วนตัวผมกับเซิ่งเฉียวชอบต่อบทกันบ่อยๆ เราหยอกล้อกันบ่อยจนชินแล้ว”

ทุกคน “…”

ไม่ พวกเราไม่พอใจคำอธิบายนี้

ผู้กำกับหวังเองก็ยิ้ม แล้วช่วยเขาแก้สถานการณ์ “ฉันก็ว่า เสี่ยวซีแต่งงานจะไม่เชิญฉันไปได้ยังไงกัน ถ้าเป็นอย่างงั้น อีกหน่อยนายไม่ต้องมาเล่นละครของฉันแล้วละ”

“รอให้ผมหมั้นก่อน ต้องบอกคุณเป็นคนแรกแน่นอน”

ถ้อยคำหยอกล้อกันนี้ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศไปได้บ้าง

ฮั่วซีกล่าวว่า “ถ่ายต่อเลยครับ ถ่ายส่วนของผมไปก่อน”

 

เมื่อกินเผือกจนอิ่มแล้วก็ต้องทำงานต่อ ทีมงานในกองละครกลับมาตั้งใจทำงานกันอีกครั้ง ทว่าจะให้ปกปิดข่าวซุบซิบนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้อความว่า “ฮั่วซีเซิ่งเฉียวแอบแต่งงาน” ก็ขึ้นอันดับหนึ่งคำค้นหายอดนิยม

เซิร์ฟเวอร์เวยปั๋วล่มไปเรียบร้อย

ซีกวง : [???]

แฟนคลับเซิ่งเฉียว : [???]

คนทั่วไป : [???]

ทีมคู่จิ้นหาเรือ : [???]

เหลียงเสี่ยวถัง : [คู่ฮั่วเซิ่งเป็นเรื่องจริง!]

 

เซิ่งเฉียวนั่งอยู่ในห้อง ถือโทรศัพท์มือถืออย่างหมดอาลัยตายอยาก แล้วโทรศัพท์หาเป้ยหมิงฝาน “ติดต่อสตูดิโอของฮั่วซี ให้พวกเขาโพสต์ชี้แจงแก้ข่าวลือเลยค่ะ”

เป้ยหมิงฝานกล่าว “ติดต่อไปแล้ว พวกเขาบอกว่าจะไม่ชี้แจง”

เซิ่งเฉียว “…”

เป้ยหมิงฝาน “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่งั้นก็เท่ากับเป็นการตบหน้าคุณอย่างจัง คุณพักก่อน ให้ผมพักด้วย ขอคิดก่อนว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี”

รอให้ทีมงานแก้ไขเซิร์ฟเวอร์กันอย่างชุลมุนวุ่นวายเรียบร้อยแล้ว ข้อความว่า “แอบแต่งงาน” ก็แพร่สะพัดไปทั่ว สิ่งที่คนทั้งโซเชียลสนใจนั้นไม่มีเรื่องอื่นนอกจากเรื่องนี้ สื่อมวลชนที่มาเยี่ยมสถานที่ถ่ายทำละครต่างก็เขียนรายงานโดยบรรยายอย่างถึงพริกถึงขิง

เซิ่งเฉียวทำการแสดงไปหลายเทคอย่างไร ฮั่วซีตำหนิอย่างไร ไปจนถึงเซิ่งเฉียวพลั้งปากเรียก “คุณสามี” ได้อย่างไร แค่จินตนาการภาพนั้นก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เสียดายก็แต่ไม่มีวิดีโอเป็นหลักฐาน

ให้ตายเถอะ นี่เป็นข่าวเด็ดของปีเลยนะ

ไอดอลระดับท็อปแอบแต่งงาน ฝ่ายหญิงดันเป็นดาราสาวที่เคยมีกระแสคู่จิ้นกัน

สรุปว่าแฟนคลับทั้งสองบ้านโกรธกันเดือดดาล แต่เจ้าตัวกลับแอบไปจดทะเบียนสมรสกันเนี่ยนะ

 

ซีกวง : [เป็นไปไม่ได้! พวกเราไม่เชื่อ! พี่ชายไม่มีทางแอบแต่งงาน! แถมอีกฝ่ายยังเป็นเซิ่งเฉียวด้วย! ไม่! พวกเราไม่ยอมรับ! ทางสตูดิโอรีบออกมาแก้ข่าวลือเร็ว! เซิ่งเฉียวรีบเสนอหน้ามาอธิบายเร็ว!]

แฟนคลับของเซิ่งเฉียว : [เป็นไปไม่ได้! พวกเราไม่เชื่อ! เฉียวเฉียวที่รักไม่มีทางแอบแต่งงานแน่! แถมอีกฝ่ายยังเป็นฮั่วซีด้วย! ไม่! พวกเราไม่ยอมรับ! หน้าที่การงานของเธอเพิ่งจะเริ่มต้น! จะมาหยุดอยู่แค่นี้ได้ยังไงกัน!]

 

สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เซิร์ฟเวอร์มีท่าทีว่าจะล่มอีกครั้ง

ผู้จัดการส่วนตัวของฮั่วซีและทีมงานสตูดิโอคนแล้วคนเล่าพยายามโทรศัพท์หาฮั่วซี เพื่อขอให้เขาประกาศชี้แจงเพื่อแก้ข่าวลือและปฏิเสธข่าวลือเรื่องการแอบแต่งงาน

เป้ยหมิงฝานเองก็ติดต่อทีมงานเพื่อเริ่มการประชาสัมพันธ์ฉุกเฉิน

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างร้อนใจกันอยู่นั้น เซิ่งเฉียวก็ออนไลน์เวยปั๋ว แล้วโพสต์ว่า

 

เซิ่งเฉียว : [เอ่อ แฟนคลับระดับภรรยาน่ะ พวกเธอรู้จักไหม]

คนทั้งโซเชียล : [???]

 

อะไรนะ

ที่เธอพูดนี่เป็นความหมายเดียวกับที่พวกเราเข้าใจหรือเปล่า

เป้ยหมิงฝานโทรศัพท์มาหาอีกครั้ง “ผมบอกว่าไม่ให้คุณออนเวยปั๋วไม่ใช่เหรอ!”

เซิ่งเฉียว “นี่เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดค่ะ นอกจากนี้แล้ว การประชาสัมพันธ์อื่นๆไม่มีประโยชน์หรอก”

จริงอยู่ว่านอกจากเหตุผลนี้แล้ว คำอธิบายอื่นคงไม่สามารถโน้มน้าวสาธารณชนได้

คำอธิบายที่เธอให้มาเป็นคำอธิบายที่จริงที่สุด

นอกจากจะแก้ข่าวเรื่องการแอบแต่งงานแล้วก็ยังไม่ทำร้ายฮั่วซีเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ เป้ยหมิงฝานก็ยอมจำนน

เขาสั่งอีกว่า “คุณไม่ต้องยุ่งแล้วนะ ในเมื่อมีมูลแล้ว เรื่องช่วยชงให้ผมจัดการเอง”

พอวางสาย เซิ่งเฉียวก็ใช้แอ็กเคานต์รองเข้าเวยปั๋ว ถึงแม้ข้อความ “ฮั่วซีเซิ่งเฉียวแอบแต่งงาน” จะยังติดอันดับหนึ่งของคำค้นหายอดนิยม แต่ข้อความ “เซิ่งเฉียวแฟนคลับระดับภรรยา” ก็ได้ทะยานขึ้นมาอยู่อันดับสองแล้ว

เธอไม่ได้ดูอะไรอีกและล็อกเอาต์ออกจากเวยปั๋ว เสียงข้อความในวีแชตดังติ๊งๆไม่หยุด แน่นอนว่าเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทในวงการโดยมีจงเซินเป็นตัวแทนส่งข้อความมาถามไถ่ด้วยความ “อยากรู้อยากเห็น”

เซิ่งเฉียวตอบกลับทุกข้อความว่า : [พลั้งปากไป]

เหลียงเสี่ยวถัง : [ฮือๆๆ ฉันเข้าใจ ฉันจิ้นจนกลายเป็นจริงแล้ว]

ไม่นาน แอ็กเคานต์ปั่นข่าวใหญ่ๆก็ไปขุดคำวิจารณ์ตอนที่เซิ่งเฉียวให้สัมภาษณ์พิเศษลงนิตยสารปกแดงขึ้นมาอีกครั้ง

คำพูดเหล่านี้ทำให้แฟนคลับเกิดความรู้สึกร่วม ทุกคนยังขนานนามเซิ่งเฉียวว่าเป็น “ตัวแทนแห่งการตามดาราของประชาชนทั่วประเทศ” อีกด้วย ในตอนนั้นมีคนสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้มีความรู้สึกสมจริงเสียขนาดนี้ หรือว่าเธอจะตามดาราอยู่จริงๆ เพียงแต่ถูกเป้ยหมิงฝานห้ามไว้ ซึ่งเวลานี้เขากลับใช้เรื่องนี้เป็นมูลและเผยแพร่ข้อมูลออกมา

ทุกคนกระจ่างในทันทีว่าที่แท้เธอก็ตามดาราจริงๆด้วย! คนที่เธอตามอยู่ก็คือฮั่วซีนี่เอง!

เธอเป็นแฟนคลับระดับภรรยาของฮั่วซีจริงๆน่ะเหรอ

แอ็กเคานต์ปั่นข่าวและพวกหน้าม้าออกโรงเพียงครู่เดียวก็สามารถดึงประเด็นสำคัญไปอยู่ที่เรื่องการติดตามดาราของเซิ่งเฉียวจนได้ ชาวเน็ตที่หูตาไวเปิดเผยรายละเอียดการตามดาราของเซิ่งเฉียวอย่างละเอียดยิบ

มิน่าละ เธอถึงได้รังเกียจเสิ่นเจวี้ยนอี้ขนาดนั้น! ถ้าเธอเป็นซีกวงละก็ ท่าทางรังเกียจที่มีต่อเสิ่นเจวี้ยนอี้ในรายการ ทั้งกลอกตามองบนและหลบหลีกไปเสียไกลก็เข้าใจได้ทันที! พระเจ้า นั่นฝ่ายตรงข้ามนะ จะไม่ให้เกลียดได้อย่างไรกัน!

ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติต่อแฟนคลับของตนเองหรือแฟนคลับของศิลปินคนอื่นๆ เธอก็จะให้ความสนิทสนมและอ่อนโยนด้วยเสมอ มีทั้งคนที่บอกว่าเธอเป็นพวกชอบเอาใจแฟนคลับ มีทั้งคนบอกว่าเธอชอบแสร้งทำให้คนอื่นเห็น ที่จริงแล้วไม่ใช่ทั้งนั้น แต่เป็นเพราะตัวเธอเองก็เป็นแฟนคลับเหมือนกัน เธอเลยเข้าใจความรู้สึกนี้ไงล่ะ!

ในรายการดาวจรัสแสงรุ่นเยาว์สัปดาห์ที่สอง เธอด่าคนที่ลอกเพลง ตอนนั้นยังสงสัยกันอยู่เลยว่าทำไมเธอถึงฟังเพียงครู่เดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นเพลงของฮั่วซี ทั้งที่เป็นเพลงที่มีแต่ซีกวงเท่านั้นถึงจะรู้ ทั้งยังต้องจ่ายราคาในการก่อเหตุฉุกเฉินขณะถ่ายทอดสด ถูกปิดไมค์แต่ก็ยังพุ่งขึ้นไปบนเวที ที่เธอโมโหและไร้สติมากขนาดนั้น เป็นเพราะความรักและอยากปกป้องไอดอลนี่เอง!

รายการวาไรตี้ที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกันที่เซิ่งเฉียวกับฮั่วซีเข้าร่วมนั้นกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ชาวเน็ตใช้เพื่อหาหลักฐานยืนยัน

พอมีสถานะเป็นซีกวงแล้ว การกระทำของเธอในรายการนั้นชัดเจนเหลือเกิน!

เธอยกห้องนอนเดี่ยวให้ฮั่วซี ช่วยฮั่วซีขนของ ไม่แบ่งงานบ้านให้ฮั่วซีทำ แม้แต่ตอนทำจ๋าเจี้ยงเมี่ยน ซอสในจานของฮั่วซีก็ยังมากกว่าของคนอื่น!

อาหารเช้าเป็นไข่ดาวใส่ซอสที่ฮั่วซีชอบกิน ทั้งๆที่ตัวเองแพ้มะเขือม่วง แต่กลับซื้อมะเขือม่วงมามากเสียขนาดนั้นก็เพราะฮั่วซีชอบกิน ตอนออกไปเดินเล่นก็ยังซื้อมันเทศเผาที่ฮั่วซีชอบกินมาให้ ตอนถ่ายภาพโปรโมตก็ยังหลบอยู่ริมขอบ เพื่อไม่ให้เกิดข่าวลือ ยอมเป็นฝ่ายออกห่างจากไอดอลเอง!

แม้กระทั่งการถ่ายทอดสดตอนเที่ยงคืนที่เมื่อก่อนไม่มีใครดูก็ยังถูกชาวเน็ตขุดออกมา

ใครจะรู้ว่าตอนตีสอง เซิ่งเฉียว หญิงสาวผู้ตามดารายังทำบะหมี่ไข่มะเขือเทศให้ไอดอลของเธออยู่เลย

เธอนั่งอยู่ตรงข้ามเขา และแอบมองเขาอย่างระมัดระวัง พอถูกจับได้ก็รีบก้มหน้าด้วยความตื่นตระหนก

ให้ตายสิ นี่เป็นการตามดาราแบบไหนกัน

ไม่นานหลังจากนั้น แอ็กเคานต์เวยปั๋วที่ชื่อว่า “ทีมฮั่วเซิ่งแสนสดใส” ก็โพสต์คลิปตัดต่อคลิปหนึ่ง!

คลิปนี้ยาวสิบกว่านาที ทั้งยังมีเสียงประกอบหวานแหววสุดๆ โดยเป็นภาพที่เซิ่งเฉียวแสดงความรู้สึกรักและทะนุถนอมที่มีต่อฮั่วซีอย่างระมัดระวังและยังต้องหลบๆซ่อนๆ

คลิปวิดีโอมาพร้อมคำบรรยายว่า : [เธอเป็นคนกล้าหาญ ต่อสู้โดยไม่สนใจตนเอง ใช้ความอ่อนโยนของตนปกป้องชายหนุ่มที่โดดเด่นเปล่งประกายอย่างเงียบๆ ฉันเชื่อว่าเธอกับพวกเราก็รักเขาไม่ต่างกัน]

คลิปวิดีโอนี้กลายเป็นประเด็นร้อน พอเผยแพร่ออกไปชาวเน็ตก็ช่วยกันดันจนติดประเด็นยอดนิยมอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพวกแอ็กเคานต์ปั่นข่าวไม่ปล่อยให้โอกาสเกาะกระแสหลุดลอย ต่างก็คัดลอกคลิปไปลงที่อื่น เพียงครู่เดียวคลิปนี้ก็มีจำนวนการคลิกเข้าชมเกินร้อยล้านครั้ง

เมื่อภาพต่างๆถูกตัดต่อรวมเข้าด้วยกัน เมื่อภาพถูกชะลอความเร็วลง ความรักที่อัดแน่นในแววตาของเธอในยามชำเลืองมองฮั่วซีก็ไม่อาจปิดบังไว้ได้อีกต่อไป

ฮือ ร้องไห้แล้ว นี่มันต้นแบบของการตามดาราหรืออย่างไรกันเนี่ย

เหลียงเสี่ยวถัง : [ฮือ คลิปที่ฉันแอบตัดต่อเอาไว้ ในที่สุดวันนี้ก็ได้โอกาสเผยแพร่แล้ว!]

ไม่นานก็มีโพสต์ออกมาเผยความลับทีละโพสต์ ทีมงานในกองละครถึงขั้นใช้แอ็กเคานต์ทางการเผยว่า : [ฉากที่ถ่ายทำวันนี้เป็นฉากที่เซิ่งเฉียวตีฮั่วซีอย่างแรง ฉากก่อนหน้านี้สองสามฉากเธอแสดงครั้งเดียวก็ผ่าน แต่พอมาถึงฉากนี้กลับแสดงไปยี่สิบกว่าเทค คนที่อยู่ตรงนั้นมองออกอย่างชัดเจนว่าเธอทำใจทำร้ายฮั่วซีไม่ได้ เวลาเผชิญหน้ากับฮั่วซีเธอก็แสดงท่าทางโกรธเกลียดไม่ลง]

ชาวเน็ต : [ฮือ ร้องไห้แล้ว ร้องไห้แล้วจริงๆ]

จากนั้นก็มีแอ็กเคานต์ซึ่งมีคนติดตามน้อยออกมาเผยว่า : [ฉันมีอะไรจะบอกพวกเธอ อัลบั้มใหม่ของฮั่วซีเพิ่งวางขายเมื่อสองวันก่อนไม่ใช่เหรอ เซิ่งเฉียวต้องเข้ากองถ่ายละคร เลยสั่งอัลบั้มมาร้อยอัลบั้มแล้วส่งไปที่บ้านของผู้จัดการส่วนตัวเธอ ฮ่าๆๆ พวกเธอดูสีหน้าของผู้จัดการส่วนตัวตอนที่เซ็นรับของสิ ขำจะตายแล้ว] พร้อมแนบภาพเป้ยหมิงฝานเปิดกล่องพัสดุออกมาตรวจดูอยู่หน้าประตู ในครั้งนี้หน้าปกอัลบั้มของฮั่วซีเป็นสีดำแดง เสียดแทงลูกตามาก พอเห็นปุ๊บก็เลยรู้ได้ในทันที

ชาวเน็ต : [แม่เจ้า ฮ่าๆๆ ที่แท้เวลาดาราตามดาราก็เหมือนกับพวกเรานี่แหละ!]

แน่นอนว่าแอ็กเคานต์ที่ออกมาเผยแพร่ข้อมูลนี้ เป้ยหมิงฝานส่งคนไปจัดการเอง ตอนนี้วิธีการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดก็คือยืนยันสถานะการเป็นแฟนเกิร์ลของเซิ่งเฉียว เมื่อก้าวนี้ทำได้ดีแล้ว ไม่ใช่แค่คลี่คลายวิกฤตการณ์ในวันนี้ได้เท่านั้น แต่ยังตกแฟนคลับได้อีกด้วย!

ซีกวงที่โมโหของขึ้นอยู่ดีๆ ตอนนี้กลับงุนงงกันไปหมด

อะไรนะ คนที่พวกเราโจมตีคือพวกเดียวกันเหรอ

ซีกวงจำนวนไม่น้อยไปดูคลิปนั้นด้วยใจที่คิดว่า “เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ ทั้งที่เป็นฝ่ายรุกผู้ชายก่อน ทั้งสร้างกระแส” ปรากฏว่าหลังจากดูเสร็จ…

ฮือๆๆ นี่มันตัวฉันเลยไม่ใช่เหรอ นี่มันสภาพเวลาที่ฉันเจอพี่ชายไม่ใช่เหรอ

คู่จิ้นฮั่วเซิ่งเหรอ

โอ๊ย อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ชื่อคู่จิ้นนก็เพราะอยู่เหมือนกัน ดูน่าเชื่อถือกว่าคู่จิ้นหาม้าหาเรือเยอะเลย

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงส่วนน้อย ซีกวงส่วนใหญ่ยังคงก่นด่าว่าเซิ่งเฉียวสร้างกระแส ถ้าเธอเป็นแฟนคลับจริงๆ ก่อนหน้านี้จะปล่อยให้ผู้จัดการส่วนตัวทำกับพี่ชายฉันแบบนั้นได้ยังไง แต่ก็มีแฟนคลับบางส่วนออกมาบอกว่า : [ก่อนยกเลิกสัญญา เธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหรือมีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรได้ คิดว่าตัวเองก็คงตัดสินใจไม่ได้เช่นกัน ตั้งแต่ยกเลิกสัญญาก็ดูเหมือนจะไม่มีการกระทำเพื่อสร้างกระแสคู่จิ้นอีกเลย]

 

ขณะที่มีคนทะเลาะกันอย่างดุเดือดในเชาฮว่าของฮั่วซี สมาชิกบ้านไซต์ใหญ่อย่างอวิ๋นตวนที่ชื่อว่า “ไห่ถังเสี่ยวซี” ก็โพสต์เวยปั๋วว่า : [การที่ออกมาพูดในเวลานี้ อาจทำให้หลายคนเกิดความแคลงใจ ทว่ามีคำพูดบางคำที่อยากจะพูดเสียหน่อย ในฐานะที่เป็นแฟนคลับของฮั่วซีเพียงคนเดียว เมื่อก่อนฉันเคยเกลียดเซิ่งเฉียวไม่น้อยไปกว่าพวกเธอเลย แต่ว่าตอนนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งที่บริษัท ฉันถูกหัวหน้ารังแก เซิ่งเฉียวที่อัดเสียงอยู่ตรงนั้นพอดีพุ่งเข้าไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าและช่วยฉันออกมา  ในตอนนั้นสำหรับเซิ่งเฉียวแล้ว ฉันไม่ได้ต่างอะไรจากคนแปลกหน้าเลย และในฐานะที่เธอเป็นศิลปิน การกระทำหุนหันพลันแล่นแบบนั้นมันย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดี แต่ตอนที่ฉันสิ้นหวัง แม้แต่เพื่อนร่วมงานก็ยังไม่ยอมยื่นมือเข้ามาช่วย กลับมีเพียงเธอที่เข้ามาช่วย ไม่ได้อยากพูดถึงเรื่องอื่นนะ แต่ฉันเชื่อว่าเธอเป็นคนที่มีจิตใจดีและอ่อนโยนคนหนึ่ง เรื่องเมื่อก่อนคิดว่าคงเป็นเพราะเธอทำอะไรไม่ได้ พวกที่คอยด่าคอยแซะน่ะ ควรพอและหยุดได้แล้ว]

 

บ้านอวิ๋นตวนนั้นเป็นบ้านไซต์ที่ก่อตั้งมานาน หลายปีมานี้เวลามีการสนับสนุนดันชาร์ตก็จะอยู่แนวหน้าเสมอ จึงไม่มีอะไรต้องสงสัยในความเป็นแฟนคลับ ไห่ถังเสี่ยวซีก็เป็นแฟนคลับเก่าแก่ซึ่งมีอิทธิพลไม่น้อย เธอไม่มีทางกุเรื่องขึ้นมาเพื่อสนับสนุนเซิ่งเฉียวอย่างแน่นอน

โพสต์เวยปั๋วโพสต์นี้ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในแฟนด้อม

พอเธอนำก็มีซีกวงอีกคนโพสต์เวยปั๋วว่า :

[ไม่รู้ว่าควรจะพูดไหมนะ แต่ก็อดไม่ได้ ขอพูดก็แล้วกัน ก่อนหน้านี้มีครั้งหนึ่งที่ฉันไปรับศิลปินที่สนามบิน ฉันเก็บกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งได้ ตอนนั้นฉันวิ่งไล่ตามอยู่นานกว่าจะตามเจ้าของกระเป๋าสตางค์ใบนั้นทัน เธอสวมผ้าปิดปากกับหมวก ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครก็เลยคืนกระเป๋าสตางค์ให้เธอไป ปรากฏว่าเธอหยิบรูปภาพพร้อมลายเซ็นของพี่ชายออกมาให้ฉันหนึ่งใบ บอกว่าเธอก็เป็นซีกวงเหมือนกัน แล้วช่วงก่อนหน้านี้ฉันได้ดูรายการหนีตายถวายชีวิต กระเป๋าสตางค์ของเซิ่งเฉียวในรายการนั้นเหมือนกับใบที่ฉันเก็บได้เป๊ะเลย ฉันยังนึกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ อย่าบอกนะว่าตอนนั้นคนที่ฉันเจอที่สนามบินคือเซิ่งเฉียวจริงๆน่ะ]

ด้านล่างมีการแนบภาพพร้อมลายเซ็นมาด้วย

จากนั้นก็มีแอ็กเคานต์เวยปั๋วอีกแอ็กเคานต์หนึ่งบอกว่า : [ขอโทษนะ ฉันอดไม่ไหวแล้วจริงๆ ตอนนี้เราลองสมมติให้เซิ่งเฉียวเป็นซีกวง งั้นวันนั้นคนที่ฉันเห็นที่เทศกาลดนตรีก็เป็นเธอจริงๆน่ะสิ พระเจ้าช่วย ฉันยังนึกว่าฉันตาฝาด!]

ด้านล่างมีการแนบภาพถ่ายจากด้านข้างขณะลงบันได

ในภาพนั้นเป็นภาพคนกำลังคุยโทรศัพท์ ท่าทางนั้นทำให้หมวกที่สวมอยู่ถูกดันขึ้นไปด้านบน เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่ง ให้ตายเถอะ เหมือนเซิ่งเฉียวจริงๆ แถมยังกอดป้ายไฟสีทองเอาไว้ด้วย

คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าตามไปงานอีเวนต์อย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ แถมยังนั่งอยู่ท่ามกลางพวกเราอีกด้วย

เมื่อตัดข้อสันนิษฐานที่ว่าเธอจงใจแสดงออกให้รับรู้ออกไป หลักฐานทุกอย่างในตอนนี้ล้วนบ่งชี้ว่าเธอคือซีกวง

เป็นซีกวงถูกพี่น้องในแวดวงก่นด่า

พี่น้อง เธอแน่จริงๆ

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า