[ทดลองอ่าน] ฝ่ากฎรักต่างโลก เล่ม 3 ตอนที่ 86

ฝ่ากฎรักต่างโลก

Law of a Different World

异世之万物法则

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน

BlueFeather แปล

 

นิยาย 3 เล่มจบ

 

 ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

———————————————————–

 

บทที่ 86

 

จังหวะที่ไอแซกกำลังจะเหนี่ยวไกยิงแสกหน้าอีกฝ่าย โจวอวี้พลันยกปากกระบอกปืนของเขาขึ้น

“คุณอีตั้น คุณแน่ใจใช่ไหมว่าจะยิงอีกคนต่อหน้าเจ้าหน้าที่จำนวนมาก” โจวอวี้ถามเสียงเย็น

ไอแซกมองสบตากับโจวอวี้ รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปาก

ชั่วขณะนั้น ประกายสังหารพลันปรากฏขึ้นในรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาปลดข้อมือของโจวอวี้ออกอย่างชำนาญ ก่อนจะเล็งปืนไปที่หน้าอกของโจวอวี้และยิงออกไปด้วยความเร็วที่ไม่มีใครคาดคิด

อู๋อวิ้นผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ แก้วไวน์ของหานลี่ที่อยู่ถัดไปไม่ไกลร่วงลงมา เสียงแก้วแตกดังลั่นพร้อมกับโจวอวี้ที่เบี่ยงตัวไปด้านข้าง เขายกมือขึ้นปลดซองกระสุนของไอแซกด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ก่อนจะกดแขนลงบนลำคอของไอแซกและกระแทกเขาลงบนโต๊ะอาหารที่อยู่ด้านหลังอย่างแรง

โต๊ะอาหารสั่นสะเทือน

โจวอวี้มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา บอดี้การ์ดของไอแซกชักปืนออกมาเล็งไปทางโจวอวี้ทันที

ไอแซกนอนอยู่บนโต๊ะ ผมสีเกาลัดทิ้งตัวไปด้านหลัง เปิดเปลือยหน้าผากและเสริมให้จมูกของเขาโด่งเป็นสันยิ่งกว่าเดิม เขายกยิ้มอย่างไม่ถือสา ก่อนจะฟาดปืนที่ไม่มีกระสุนไปที่หลังของโจวอวี้

โจวอวี้หลบออกอย่างว่องไว ขณะที่ไอแซกยันตัวขึ้นและจัดชุดสูทของตัวเองให้เรียบร้อย

“ฝีมือของคุณไม่เลวเลย”

“ขอบคุณ” โจวอวี้ตอบกลับ

“คุณพูดถูก ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับกรุ๊ปมากมาย จะให้ฆ่าคนต่อหน้าต่อตาพวกเขาทุกครั้งได้ยังไง” ไอแซกยกมือขึ้น บอดี้การ์ดพวกนั้นจึงลดปืนลง

เขาเดินไปตรงหน้าเจ้าหน้าที่ภาคสนามคนนั้นและจัดคอเสื้อของอีกฝ่าย

“ฉันไม่ต้องการการเสแสร้งของแก! แกยิงฉันเลยสิ! ให้ทุกคนที่นี่ได้เห็นโฉมหน้าของแก!”

“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยให้คุณอยู่ดีกินดีสักหน่อย ตอนที่คุณวางแผนทั้งหมดนี่คุณก็ได้ละเมิดข้อตกลงกับกรุ๊ปไปแล้ว และถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องเข้าใจแล้วว่าที่โลกใบนี้จวี้ลี่กรุ๊ปให้การปกป้องแบบไหนกับทุกคน”

เมื่อไอแซกว่าจบ บอดี้การ์ดสองคนก็จัดการหิ้วปีกเจ้าหน้าที่ภาคสนามคนนั้นและไล่เขาออกจากฐานไป

สิ่งที่อยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ในโรงอาหารไม่ใช่เอ็มวีเพลงอีกต่อไป แต่เป็นภาพด้านนอกของฐาน

เจ้าหน้าที่ภาคสนามคนนั้นยืนอยู่ที่ด้านนอกประตู แม้สีหน้าของเขาจะดูฮึกเหิมเหมือนเดิม แต่ไหล่ที่สั่นสะท้านของเขาก็เปิดเผยความกลัวของเขาออกมาจนหมดสิ้น

คุณอีตั้นมองทุกคนที่อยู่ในโรงอาหารและพูดยิ้ม ๆ “ทุกคนสามารถรับประทานอาหารต่อได้ แล้วก็ลืมเรื่องราวไม่น่ารื่นรมย์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไปซะนะครับ”

อู๋อวิ้นแค่นเสียงเหอะ “โคตรปลอมเลย”

ขณะนี้อะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้เม็ดทรายด้านนอกฐาน

ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองไปทางจอ

หนอนทรายเชิงเส้นสองสามตัวผุดขึ้นจากผืนทราย ปากอ้ากว้างกัดเข้าที่ช่วงเอวของเจ้าหน้าที่ภาคสนามคนนั้นและลากลงไปในทรายทันที

ช่างเป็นภาพที่สั่นคลอนจิตใจคนเป็นอย่างยิ่ง

“กรี๊ด—” นักวิจัยหญิงหน้าใหม่หลายคนกรีดร้องออกมา ขณะที่คนอื่น ๆ รีบเบือนหน้าหนี

แม้เหตุการณ์นั้นจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกฐาน แต่ก็มีโอกาสมากทีเดียวที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ดังนั้นชีวิตของแต่ละคนจึงใช่ว่าจะปลอดภัย

ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่โจวอวี้กับอู๋อวิ้นได้เห็นภาพแบบนี้ แต่ภายในใจของพวกเขาก็ยังคงรู้สึกอึดอัดอยู่ดี

งานเลี้ยงที่เฝ้ารอจึงสิ้นสุดลงท่ามกลางบรรยากาศแบบนั้น

โจวอวี้กับโม่เย่กลับไปที่ห้องนอน

เพียงแค่เดินพ้นประตูเข้าไป โม่เย่ก็โถมโจวอวี้ลงบนเตียงทันที

โจวอวี้ที่ไม่ล่วงรู้ถึงความคิดของโม่เย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยกขาขึ้นกันโม่เย่ไว้อย่างรวดเร็ว ทว่าโม่เย่กลับยึดข้อเท้าของเขาไว้แน่น

“นายเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก” โจวอวี้หันหน้ามามองโม่เย่

ทว่าในใจลึก ๆ กลับมีความคาดหวังที่ไม่สามารถอธิบายได้

เจ้าเด็กนี่จะทำอะไรกับตัวเขา

จะใช้วิธีไหนมาทำให้ตัวเขาเสียการควบคุม

ความรู้สึกวาบหวามที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กำลังสะกิดหัวใจเขา

ถ้าบอกว่าโม่เย่เสพติดเขา ไหนเลยเขาจะไม่เสพติดโม่เย่

โม่เย่ยังไม่คลายมือออก เขาดันขาของโจวอวี้ให้งออย่างช้า ๆ และโน้มตัวลงมาจูบหัวเข่าอีกฝ่ายผ่านกางเกงลายพราง

รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าเขาถูกเก็บกลับไป นับเป็นครั้งแรกที่โจวอวี้อ่านอารมณ์ของเขาไม่ออก แต่ท่าทางเย็นเยียบไร้อารมณ์นี้กลับมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด

“ตอนแรกผมอยากจะใช้เข็มขัดมัดคุณ” เสียงของโม่เย่ดังขึ้นราวกับไวน์แดงที่บ่มหมักมานาน มันให้สัมผัสเนียนนุ่มและมีเสน่ห์น่าลิ้มลอง

“จะใช้เข็มขัดกับฉัน?” โจวอวี้เองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะขัดขืน เขาจึงนอนมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น

“ไอแซก อีตั้นสนใจคุณมาก” โม่เย่คุกเข่าข้างหนึ่งลงที่ขอบเตียง ฉวยโอกาสพาดขาข้างนั้นของโจวอวี้ขึ้นบนไหล่ก่อนจะค่อย ๆ ก้มตัวลงไปและวางมือทั้งสองข้างไว้ข้างหมอนของโจวอวี้

ท่านี้ค่อนข้างจะยั่วอารมณ์มากทีเดียว

“อ๋อ นายอ่านความคิดของไอแซก อีตั้นงั้นสิ” โจวอวี้ถามอย่างไม่ใส่ใจ

“ผมไม่จำเป็นต้องอ่าน แค่ใช้สายตามองก็รู้แล้ว”

มือซ้ายของโม่เย่เกี่ยวติ่งหูของโจวอวี้ ไล่นิ้วมือไปที่ซอกคอของเขา ปลดกระดุมชุดลายพรางออกด้วยมือข้างเดียวและขยับเข้าด้านในวนเวียนอยู่แถวไหปลาร้า

“เหรอ แล้วตาของนายมองเห็นอะไร” โจวอวี้เอียงหน้ามองท่าทางของโม่เย่ที่เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ

“ตอนที่ขยับมือหมุนแก้วไวน์ สายตาของเขาวนอยู่รอบเอวคุณ จิบไวน์ไปพลางชิมคุณไปพลาง” โม่เย่ขยับขึ้นมาทั้งตัว สายตาของเขาร้อนระอุ เลือดที่ฝ่ามือคล้ายกับกำลังเดือดพล่าน

“ฉันหลงคิดมาตลอดว่านั่นเป็นสิ่งที่นายจะทำ” โจวอวี้ยันตัวขึ้น แม้ท่านี้จะค่อนข้างลำบากไปหน่อยแต่เขาก็จูบโม่เย่ได้

มันเป็นจูบของบุรุษที่ไร้ซึ่งความโอนอ่อนและเต็มไปด้วยแรงอารมณ์

โม่เย่บดจูบลงไปอย่างไม่รอช้า ภายในอากาศคล้ายกับมีเปลวไฟลุกโชน

ลิ้นของเขากวาดไปทั่วโพรงปากของโจวอวี้ ประกาศความเป็นเจ้าของอย่างรุนแรง นี่ไม่ใช่การแสดงความรักอย่างอ่อนโยน แต่เป็นเหมือนกับการปล้นชิงอย่างบ้าคลั่ง

พลังบางอย่างในร่างกายของเขากำลังจะระเบิดออกและเขาก็อยากจะปล่อยมันเข้าไปในร่างของโจวอวี้

จวบจนกระทั่งโจวอวี้ตีหลังของโม่เย่อย่างแรง เตือนไม่ให้เขาทำเกินขอบเขตที่อยู่ภายในใจ

ทว่าโม่เย่กลับไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่นั้น โจวอวี้จึงได้เห็นภาพไอแซก อีตั้นอยู่ภายในหัวของเขา

สายตาที่แฝงไปด้วยความนัยและรอยยิ้มชวนหลงใหลนั่น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นผลที่ได้จาก ‘การประมวลทางจิต’ ของโม่เย่

การจูบไม่เพียงพอที่จะดับอารมณ์ของโม่เย่ เวลานี้โจวอวี้จึงสอนโม่เย่ถึงวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

ภายในห้องที่คับแคบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของบุรุษและกลิ่นที่เข้มข้นของโม่เย่

โจวอวี้นึกเสียใจที่ไม่ได้ขอบุหรี่มาจากอู๋อวิ้นสักมวน

เขานอนตะแคง โม่เย่ที่อยู่ด้านข้างจับมือเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนโจวอวี้รู้สึกเหมือนมือตัวเองจะแหลก

“แม่ง…” โจวอวี้มองหน้าผากชื้นเหงื่อของโม่เย่แล้วสบถเสียงต่ำ

“อยากให้ผมช่วยไหม” เสียงที่แหบพร่าของโม่เย่ดังขึ้น

“ไม่ต้อง” แม้กลิ่นที่อยู่ในอากาศจะทำให้เขามีปฏิกิริยาก็ตามที

“จะอึดอัดเอานะ” โม่เย่ฉีกยิ้มชั่วร้าย

“งั้นก็ให้ฉันปลดปล่อยสักทีสิ” กว่าโจวอวี้จะได้มือของตัวเองกลับคืนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น โจวอวี้ก็ได้รับข่าวการล่มสลายของยูมีร์

ข่าวนั้นทำให้หัวใจของเขารัดแน่นอย่างช่วยไม่ได้

เขามองไปทางโม่เย่และเอ่ยถามในใจ ‘นายบอกไม่ใช่เหรอว่าซ่งหลิ่นพาโจวชิงไปหายูมีร์’

โม่เย่ตอบกลับ ‘ไม่ต้องห่วง โจวชิงหายดีแล้ว’

คำตอบที่ได้รับทำให้โจวอวี้แปลกใจ เขาไม่ได้คาดหวังเลยสักนิดว่ายูมีร์จะมีความสามารถแบบนั้น

ในเวลาเดียวกัน คุกกับไอแซกกำลังวางแผนไปสำรวจและศึกษาซากของบรรพบุรุษยูมีร์

พวกเขาสองคนโต้เถียงกันอย่างรุนแรง คุกเชื่อว่าการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตรวมไปถึงไวรัสที่กำลังระบาดอยู่ในสิ่งมีชีวิตของที่นี่ควรจะเป็นหน้าที่ของเธอ แต่ไอแซกกลับต้องการจะเดินทางไปด้วยตัวเอง และมันก็ทำให้คุกกังวลในความปลอดภัยของเขา

“คุณอีตั้น! ถ้าทัวริ่งรู้เรื่องนี้เขาต้องลอบฆ่าคุณแน่!”

“แล้วยังไง ไม่ใช่ว่าเรามีโจวอวี้กับโม่เย่เหรอ” ไอแซกเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

“คุณ…คุณก็เห็นอยู่ว่าเราคุมพวกเขาไม่ได้!” ดอกเตอร์คุกกดเสียงต่ำ

“คุณอยู่ที่นี่แหละ ศึกษาร่างกายของหลี่เซิ่งหนานให้ดี เธอคือคนที่ได้รับความสามารถพิเศษจากการติดเชื้อผ่านเถิงเสอ สิ่งมีชีวิตระดับเอ พลังนี้ค่อนข้างจะสำคัญสำหรับกรุ๊ปมากทีเดียว ถ้าหากไม่สามารถถอดรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตระดับเอสได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เราก็ทำได้เพียงแค่ถอยกลับมาก้าวหนึ่ง” ไอแซกเอ่ย

“คุณชาย คุณกำลังล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองอยู่นะคะ!”

ไอแซกเอนตัวไปด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองเพดานที่ว่างเปล่า “ชีวิตของผมย่อมมีค่า เพราะผมสามารถทดสอบโปรแกรมการรักษาให้กับคนคนนั้นได้”

“คุณชาย! พูดแบบนั้นมันเสียมารยาทมากเลยนะ!” ดอกเตอร์คุกลุกขึ้นตบโต๊ะของไอแซกดังปัง

ไอแซกเหยียดนิ้วจิ้มหน้าผากของคุกและดันเธอถอยไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน “พ่อของคุณใส่อะไรไว้ในสมองของคุณหรือเปล่าเนี่ย”

ดอกเตอร์คุกนั่งลงที่เดิม

ช่องว่างของอำนาจระหว่างเธอกับไอแซกค่อนข้างชัดเจน

“วางใจเถอะ จุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อล่อทัวริ่ง ผู้ชายคนนี้ขโมยพลังที่เป็นของกรุ๊ปไปใช้เพื่อตัวเองและฝันเฟื่องที่จะควบคุมทุกสิ่งในโลกใบนี้ พวกเราย่อมต้องกำจัดเขาอย่างแน่นอน เพียงแต่การใช้พลังของคุณหรือผมไปงัดข้อกับดิซินที่คอยช่วยเหลือเขาเป็นอะไรที่เกินกำลังเกินไป”

“ดังนั้น…คุณเลยต้องการใช้พลังของโจวอวี้กับโม่เย่ใช่ไหม”

“ถูกต้อง ต่อให้ฆ่าทัวริ่งไม่ได้ แต่คุณไม่อยากรู้เหรอว่าโจวอวี้ได้รับพลังไปมากแค่ไหน” ไอแซกโน้มตัวไปข้างหน้า ใบหน้าซ่อนเร้นอยู่ใต้เงามืด “โม่เย่ถูกล็อก แต่โจวอวี้ไม่ใช่ เขาคือขีดจำกัดพลังของนีเบอลุงเงินที่มนุษย์เราสามารถคว้ามาได้ ถือเสียว่าภารกิจครั้งนี้เป็นบททดสอบแล้วกัน และถึงผมตายไป พ่อของคุณก็ยังมีร่างโคลนตัวอื่น ๆ อีก ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากมาย”

“แต่…คุณพ่อบอกว่าคุณเป็น…”

“ร่างโคลนที่ดีที่สุด”

วันถัดมา โจวอวี้กับอู๋อวิ้นก็ได้รับข้อความให้เตรียมตัวเดินทางไปหายูมีร์

อู๋อวิ้นตรวจของพลางพูดอย่างขำ ๆ “หายากจริง ๆ ที่ให้ฉันกับนายออกไปทำภารกิจด้วยกัน พวกเขาไม่กลัวว่านายจะพาฉันหนีหรือไง”

เสียงกระแอมไอดังขึ้นจากทางด้านหลังของอู๋อวิ้น

โม่เย่นั่งอยู่ที่มุมโต๊ะ เขาโยนมีดพับสวิสขึ้นไปในอากาศก่อนที่มันจะร่วงลงมาเฉียดแก้มของอู๋อวิ้น

“เฮ้ ต่อให้อยากหนีจริง ฉันก็จะพาโจวอวี้ไปคนเดียว ไม่เอานายไปเป็นภาระด้วยหรอก” โม่เย่เอียงศีรษะพลางเอ่ย

อู๋อวิ้นกลอกตาอย่างเอือมระอา “ตอนเด็ก ๆ นายน่ารักกว่านี้ตั้งเยอะ”

“นายรู้ไหมว่าทำไมสิ่งมีชีวิตดุร้ายส่วนใหญ่ถึงได้ดูนุ่มนิ่มน่ารักเมื่อตอนเป็นเด็ก อย่างเช่นพวกลูกเสือหรือลูกสิงโตในโลกมนุษย์ของพวกนาย”

“ไม่รู้สิ” และอู๋อวิ้นก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย

“เพื่อลดการระวังตัวของนาย รับความเห็นอกเห็นใจจากนาย พยายามหาโอกาสรอดให้กับตัวเองที่ยังอ่อนแอ แต่อย่าได้คาดหวังว่าสัตว์จะ ‘น่ารัก’ ยามที่มันเติบโต เพราะมันต้องอดกลั้นมานาน และในที่สุดก็ถึงเวลาปลดปล่อยเสียที”

อู๋อวิ้นมองไปทางโจวอวี้ที่กำลังตรวจกระบอกเล็งอยู่ “เหล่าโจว ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าลูกชายของนายชี้เป้าไปที่นายได้ล่ะ”

“หึ” โจวอวี้เหลือบมองอู๋อวิ้น “นายไม่เข้าใจเหรอว่างานเลี้ยงในวันนั้น ไอแซก อีตั้นเล่นใหญ่ให้ใครดู”

“ทุกคนโดยเฉพาะนาย ให้นายได้เข้าใจว่าถ้าทรยศจวี้ลี่กรุ๊ปเมื่อไร ไม่ว่าจะเป็นโจวชิงน้องชายของนาย เหมยซีลูกน้องของนายที่อยู่ในโลกมนุษย์ รวมไปถึงครอบครัวของลูกน้องนายจะกลายเป็นเหยื่อสังเวย จวี้ลี่กรุ๊ปจะทำให้พวกเขารับผลที่นายก่อไว้” อู๋อวิ้นตอบ

จังหวะที่เดินผ่านอีกฝ่าย โจวอวี้ก็กดไหล่ของอู๋อวิ้นอย่างหนักแน่น “งั้นก็อย่าคิดมาก อะไรที่ควรทำก็ทำไป”

ภารกิจในครั้งนี้ไม่ได้ใช้รถแฮมเมอร์ แต่เป็นเฮลิคอปเตอร์

เป็นเพราะการล่มสลายของยูมีร์ พื้นดินทั้งหมดจึงเต็มไปด้วยซากไม้ที่ตายแล้ว และนั่นก็ส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนของรถแฮมเมอร์อย่างมหาศาล

ตอนที่พวกเขาบินออกจากฐาน ทะเลทรายสีทองที่อยู่ด้านล่างนั้นก็กลายเป็นภาพที่งดงามตระการตา

อู๋อวิ้นก้มมองด้านล่าง

“ที่นี่ช่างสวยงามจริง ๆ” ไอแซกที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับโจวอวี้พูดขึ้น “แม้แต่ซาฮาราก็ยังไม่งดงามหมดจดเท่านี้”

ระหว่างที่ไอแซกพูด วาฬยักษ์ทะเลทรายตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาพาฝูงของมันมุ่งหน้าห่างออกไป

ตอนที่วาฬยักษ์ทะเลทรายจากไป ไอแซกก็เงยหน้าขึ้นประสานสายตากับโจวอวี้อย่างพอดิบพอดี

“ที่นี่ตามปกติแล้วความสวยงามมักจะแฝงไปด้วยอันตราย” โจวอวี้สบตาอีกฝ่ายโดยไม่หลบเลี่ยง

โม่เย่เลิกคิ้วขึ้นเหมือนกับกำลังพิจารณา ก่อนที่เขาจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นอย่างกะทันหันและพาดไปข้างตัวของไอแซกอย่างเหมาะเจาะ บอดี้การ์ดของเขาตกใจจนเกือบชักปืนออกมา

“ฉันแค่เมื่อยหัวเข่านิดหน่อยน่ะ” โม่เย่กระตุกมุมปากและเอ่ยยิ้ม ๆ

มือของไอแซกวางลงที่ข้อเท้าของโม่เย่ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปใต้กางเกงลายพราง “ผมชอบสิ่งสวยงามทุกอย่าง รวมถึงคุณด้วย”

“เหอะ…” โม่เย่ชักขากลับมา

โจวอวี้พูดในใจ ‘ดูเหมือนเป้าหมายของเขาจะไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนาย’

โม่เย่ตอบกลับ ‘นี่เรียกว่ายิ่งปิดยิ่งฉาวโฉ่ต่างหาก’

การเดินทางครั้งนี้ พวกเขาไม่เจออุปสรรคใด ๆ เลย

ทว่ายิ่งเข้าใกล้ซากของยูมีร์เท่าไรก็ยิ่งมองเห็นต้นไม้โบราณที่ถูกทับถมไปทั่วทุกสารทิศ รวมไปถึงลำต้นที่ล้มระเนระนาดของยูมีร์ด้วย

พวกมันตากแดดจนแห้งกรอบและผุพัง

เบื้องหน้าปรากฏแสงสะท้อนราวกับกระจก มันเป็นประกายกระจ่างใส สิ่งมีชีวิตบินผ่านท้องฟ้าไปไม่ขาดสายและร่อนลงสู่พื้นเบื้องล่าง

“อยู่นั่นไง” ไอแซกพยักพเยิดไปทางหนึ่ง

ที่ตรงนั้นคือทะเลสาบขนาดใหญ่ เมื่อมองลงมาจากฟ้าจะเห็นเงาสะท้อนของเฮลิคอปเตอร์อย่างชัดเจน

สิ่งมีชีวิตมากมายก้มดื่มน้ำอยู่รอบทะเลสาบ

สิ่งนี้ทำให้โจวอวี้นึกไปถึงเอลพิส ตอนที่มันตาย มันก็แปรสภาพกลายเป็นน้ำเช่นเดียวกัน

ผืนทะเลสาบใสแจ๋วจนมองเห็นพื้นด้านล่างและไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ในน้ำเลย

แน่นอนว่ามันอาจจะต่างออกไปในอีกหลายปีต่อมา

นักวิจัยที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์หย่อนเครื่องเก็บตัวอย่างลงไป หลังจากที่ทำการตรวจวัดตัวอย่างน้ำ คำตอบของนักวิจัยคือน้ำที่อยู่ในทะเลสาบค่อนข้างที่จะบริสุทธิ์และไม่มีคุณสมบัติอื่นใดเป็นพิเศษ

ทะเลสาบลึกมาก สิ่งที่อยู่ตรงก้นทะเลสาบก็คือรากของยูมีร์

เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ชายฝั่ง นักดำน้ำแบกอุปกรณ์เตรียมตัวดำลงสู่รากฐานของยูมีร์

ไอแซกก้าวออกมาจากเฮลิคอปเตอร์และยืนอยู่ตรงริมฝั่ง

ยามที่สายลมพัดโชยมา ผิวน้ำก็ขยับไหวเป็นระลอกคล้ายกับลูบไล้เส้นประสาทของผู้ที่เฝ้าดู

“มันตายแล้วและหวนกลับคืนสู่จุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง” โม่เย่พูดขึ้นอย่างสงบ เขาก้าวเดินไปทางทะเลสาบทีละก้าว “ฉันไม่รู้ว่านายอยากได้คำตอบแบบไหนจากที่นี่”

โจวอวี้มองแผ่นหลังของโม่เย่ ภายใต้แสงแดดที่อาบไล้มันดูโปร่งใสราวกับแก้ว โจวอวี้รู้สึกเหมือนมีภาพลวงตาว่าโม่เย่จะหายไปได้ทุกเมื่อ

“ตายไปแล้วเกิดใหม่คือเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของสิ่งมีชีวิตของที่นี่” ไอแซกพูดขึ้น

เวลานั้นฝูงนกยักษ์สามตาบินผ่านไปบนผืนฟ้า เงาของพวกมันทอดตัวลงบนทะเลสาบใสสะอาด

ผู้คนที่อยู่รอบตัวไอแซกตื่นตัวขึ้นมาทันทีและชักปืนขึ้นเล็งไปยังทิศทางนั้น

ทว่าโจวอวี้กลับยืนนิ่ง ใบหน้าเงียบสงบ

“ถ้าพวกนายไม่ทำลายความสงบสุขของพวกมัน พวกมันก็ไม่คิดจะมีเรื่องกับพวกนาย”

ทันใดนั้น นกยักษ์สามตาตัวหนึ่งก็ร่อนลงมาตรงหน้าโจวอวี้และการกระทำนั้นก็ทำให้บอดี้การ์ดของไอแซกตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม

“ลดปืนลงซะ ห้ามทำร้ายมัน เพราะฉันรู้จักมัน”

โจวอวี้ยืนขวางอยู่หน้าบอดี้การ์ด

“คุณรู้จักมัน?” ไอแซกหันหน้ามามองโจวอวี้อย่างสนใจ

โจวอวี้เดินไปหามันและยื่นมือออกไป นกยักษ์สามตาตัวนั้นค่อย ๆ เดินเข้ามาหา มันก้มหัวลงสอดไปใต้ฝ่ามือของโจวอวี้และถูไถเบา ๆ

ไอแซกพูดขึ้น “คุณควบคุมมัน?”

โจวอวี้ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ในใจของคุณ มีแค่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ควบคุมกับผู้ถูกควบคุมเท่านั้นหรือไง”

เมื่อโจวอวี้ว่าจบ เขาก็ก้าวขึ้นไปบนหลังของนกยักษ์อย่างสง่าผ่าเผย มันกระพือปีก บินเลียบผิวของทะเลสาบจนเกิดระลอกคลื่นขึ้นบนกระจกเงา จังหวะที่โจวอวี้บินผ่านโม่เย่ที่ยืนอยู่ในทะเลสาบ เขาก็ฉุดอีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะบินจากไปด้วยกันทั้งสองคน

ไอแซกเงยหน้าขึ้นมองเงาร่างที่บินจากไปของพวกเขา

“ท่านครับ!” บอดี้การ์ดของเขาเดินขึ้นมา พวกเขากังวลว่าโจวอวี้กับโม่เย่จะหนีไป

ทว่าไอแซกกลับยกยิ้มบาง “นี่แหละคือความงดงามที่แท้จริง”

สายลมพัดเส้นผมของโจวอวี้ แสงแดดทอดผ่านเส้นผมเส้นแล้วเส้นเล่า เลือนรางประหนึ่งความฝัน

“คุณมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ตั้งแต่เมื่อไรกัน” โม่เย่เกยคางลงบนไหล่ของโจวอวี้ ภายในน้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความเอาแต่ใจและหึงหวงเล็ก ๆ และเมื่อเขาอ่านความคิดของโจวอวี้ ความฉุนเฉียวก็ยิ่งปะทุมากขึ้นกว่าเดิม “คุณอยากจะตั้งชื่อให้มัน!”

“ฉันไม่ได้ตั้งชื่อให้นายเหมือนกันหรือไง” โจวอวี้พูดอย่างเฉยเมย

โม่เย่โพล่งขึ้นทันที “ผมกับมันจะไปเหมือนกันได้ยังไง!”

ตอนที่เขากำลังจะหักหน้าโจวอวี้และจูบลงที่มุมปากอีกฝ่าย เขาก็พบว่าโจวอวี้กำลังยิ้ม

“แกล้งผมสนุกมากไหม” โม่เย่กดจูบลงไป ลิ้นของเขาแทรกเข้าไปในโพรงปากของโจวอวี้อย่างดื้อดึง

“นายไม่รู้เหรอว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่”

“บางครั้งการคาดเดาความคิดของคุณก็สนุกดี” สองแขนของโม่เย่กอดโจวอวี้ไว้แน่นและพูดออกมาเสียงอู้อี้

นกยักษ์สามตาบินวนรอบใหญ่ ตั้งใจจะพาพวกเขาไปส่งที่จุดเดิม

โม่เย่พูดขึ้น “ถ้าคุณอยากจะตั้งชื่อให้มันจริง ๆ งั้นก็เรียกโต้วปี่ [1] แล้วกัน”

“นั่นเป็นชื่อที่ฉันตั้งใจจะตั้งให้นาย”

จบคำ โม่เย่ก็หยิกเอวโจวอวี้อย่างแรง

โจวอวี้หัวเราะเบา ๆ โม่เย่รู้สึกได้ว่าเขาอารมณ์ดีมาก

ตอนที่พวกเขาเปลี่ยนทิศไปทางไอแซก อีกฝ่ายกำลังยืนล้วงกระเป๋าและมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

“ดูสิ! หมอนั่นยั่วคุณอีกแล้ว!” โม่เย่ว่าอย่างไม่พอใจ

“ฉันจำได้ว่าคุณอีตั้นแสดงท่าทีสนใจนายยังไง…”

ทันใดนั้น รูม่านตาของโจวอวี้ก็หดวูบ เขาชักปืนออกมาอย่างรวดเร็วและเล็งไปทางไอแซก

บอดี้การ์ดของเขาที่สังเกตเห็นพลันชักปืนออกมาทว่าโจวอวี้เหนี่ยวไกไปแล้ว กระสุนเฉียดผ่านแก้มของไอแซกไปโดนทารันทูล่าสองหัวที่เกือบจะสัมผัสแผ่นหลังของเขา

นกยักษ์สามตาที่พวกเขานั่งอยู่ลดระดับลงอย่างรวดเร็วเพื่อหลบกระสุนที่พวกบอดี้การ์ดยิงมา

ทารันทูล่าสองหัวล้มลงกับพื้น

ยามที่ไอแซกหันกลับไปมอง ความประหลาดใจก็พาดผ่านสายตา ทารันทูล่าสองหัวตัวนี้แอบย่องมาที่ด้านหลังเขาอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นมันเลย!

โจวอวี้พลิกตัวกระโดดลงมาจากนกยักษ์สามตา ก่อนจะเหลือบมองบอดี้การ์ดสองคนนั้นอย่างเย็นชา “มองข้างหน้าแล้วก็สนใจข้างหลังด้วย”

พวกเขาเกือบจะฆ่านกยักษ์สามตาตัวนี้ไปแล้ว

“ขอโทษที” พวกบอดี้การ์ดพลันตื่นตัวและใช้เครื่องสแกนทางชีวภาพตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริเวณนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอันตรายตัวอื่นนอกจากทารันทูล่าสองหัวตัวนี้อีก

โจวอวี้ยกมือขึ้นลูบหัวนกยักษ์สามตาพลางเอ่ยกับมันในใจ ‘ขอบใจนะ ไปอยู่กับพรรคพวกของนายเถอะ’

นกยักษ์สามตากระพือปีกและบินขึ้นฟ้าไป

“นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าทัวริ่งอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้กันแน่” ไอแซกถาม

โจวอวี้หลับตาคล้ายกำลังสัมผัสบางอย่างด้วยความตั้งใจ

โม่เย่มองเขาด้วยรอยยิ้ม เชื่อมั่นในความสามารถและการตัดสินใจของเขา

ยามที่โจวอวี้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ไอแซกก็เห็นประกายสีทองสว่างวาบอยู่ในนัยน์ตาของเขา

“ทารันทูล่าสองหัวฝูงใหญ่กำลังพุ่งตรงมาทางเรา ผมขอแนะนำให้คุณอีตั้นขึ้นเฮลิคอปเตอร์และบินออกไปทันที”

“บนท้องฟ้าก็ใช่ว่าจะปลอดภัย”

 

[1] คนที่ชอบทำอะไรตลกๆ ประหลาดๆ และเรียกเสียงหัวเราะได้

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า