ปักรักลายบุปผา
繁花盛宴
เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง 月下蝶影 เขียน
กระต่ายน้อยของอิงอิง แปล
_________________________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
_________________________________________
8
“พี่ฉินก็อย่าโกรธที่ฉันพูดอะไรไม่น่าฟังนะคะ” ฮวาจิ่นหลุบตา “การที่ฉันเป็นผู้หญิงใช้ชีวิตตัวคนเดียวในโลกนี้ ความหมายของชีวิตไม่ได้อยู่แค่การหาผู้ชายที่มีรถมีบ้าน ความรักและการแต่งงานเป็นเรื่องวาสนา แต่ชีวิตคนไม่ใช่แบบนั้น เพื่อไม่ให้ตัวฉันในอนาคตนึกต่อว่าตัวเอง นอกจากต้องขยันทำงานแล้ว ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นค่ะ”
“เธอดิ้นรนทำมาหากินข้างนอก ไม่ใช่เพื่อมีห้องชุด มีบ้านหรอกเหรอ” พี่ฉินไม่ค่อยเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย เธอรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นฐานะไม่เลวเลยจริงๆ และเห็นฮวาจิ่นเป็นผู้หญิงที่ตรากตรำทำงานยากลำบากอยู่ข้างนอกคนเดียว เลยอยากแนะนำคนให้รู้จัก พอเห็นท่าทีของฮวาจิ่นในตอนนี้แล้ว กลับกลายเป็นทำคุณบูชาโทษไปเสียได้
ในใจเธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโกรธที่ตัวเองยุ่งไม่เข้าเรื่อง หรือโกรธที่ฮวาจิ่นไม่เห็นแก่หน้าเธอดี
“ที่ที่ทำให้จิตใจเราสงบก็คือบ้านค่ะ” ฮวาจิ่นส่ายหน้าพลางพูดว่า “คนมากใช่ว่าจะครึกครื้นฉันใด ตัวคนเดียวก็ใช่ว่าจะเหงาฉันนั้น ฉันรู้ว่าพี่หวังดีกับฉัน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับใคร พี่ช่วยตอบปฏิเสธความปรารถนาดีของเขาแทนฉันหน่อยนะคะ”
พี่ฉินมองฮวาจิ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจพลางพูดว่า “เอาเถอะ ฉันอาจจะแก่เกินไป เลยไม่เข้าใจความคิดของสาวๆ”
เธอเงียบไป สักพักก็พูดด้วยน้ำเสียงด้านชาว่า “สามีเก่าของพี่ก็ไม่ได้เรียนเยอะ ตัวสูงใหญ่ เวลาอยู่ข้างนอกเป็นคนดีมาก แต่พอกลับมาบ้านก็ทุบตีฉันกับลูก เด็กหนุ่มคนนั้นไม่เหมือนสามีเก่าของฉันเลยสักนิด ผิวพรรณดี มีการศึกษา ฉันไปสืบมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เขานิสัยดีมาก ไม่ทุบตีคนแน่นอน”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของพี่ฉิน ฮวาจิ่นก็เงียบไป เรื่องเกี่ยวกับพี่ฉิน ส่วนมากเธอได้ยินมาจากคนอื่น แต่ตัวพี่ฉินเองไม่ชอบเล่าเรื่องในอดีตให้ใครฟัง ราวกับว่าการที่เธอเคยหย่าร้างมาก่อนเป็นเรื่องน่าอับอาย
“เธอเป็นผู้หญิงที่ดีนะ” พี่ฉินเอามือทัดผมที่หลังหูอีกครั้ง ข้อมือของพี่ฉินมีกำไลเงินเล็กๆ ที่หมองจนไม่เหลือความแวววาวแล้ว ไม่รู้ว่าใส่มานานเท่าใด “เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่ดีที่สุดในบรรดาลูกหลานที่พี่รู้จักเลยนะ ฉันก็เลยคิดว่าเด็กผู้หญิงที่ดีอย่างเธอน่าจะหาผู้ชายที่ไม่เหมือนสามีคนเก่าของฉันได้ ชาตินี้เธอจะได้มีชีวิตที่ดีกว่าฉัน”
ในความคิดของพี่ฉินมีแต่คำว่าต้องแต่งงาน แต่ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะได้ผู้ชายที่ดีหรือไม่ดี
“พี่ฉิน พี่…ดื่มน้ำหน่อยนะคะ” ฮวาจิ่นดันแก้วน้ำมาตรงหน้าเธอ
สีหน้าพี่ฉินฉายอารมณ์ซับซ้อน ทั้งโกรธ แค้น เสียใจ และผิดหวัง ฮวาจิ่นคิดว่าเธอจะร้องไห้ แต่ตาของเธอกลับแห้งสนิท ไม่มีน้ำตาสักหยด แววตาที่ทั้งเหมือนคนผ่านอะไรมาเยอะและด้านชาทำให้ฮวาจิ่นนึกกลัวการแต่งงานอยู่ในใจ
“ขอบใจจ้ะ” เห็นท่าทางระมัดระวังของฮวาจิ่น อยู่ๆ พี่ฉินก็ยิ้มออกมา “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ฉันหย่ามาสองสามปีแล้ว ยังมีอะไรที่พูดไม่ได้อีกล่ะ”
ฮวาจิ่นยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี
“ดึกแล้ว ไม่น่ามากวนเธอเลย ฉันกลับละ” พี่ฉินจิบน้ำ แล้วลุกจากไป
ฮวาจิ่นลุกไปส่งเธอ ตอนที่เดินไปถึงประตู พี่ฉินก็หยุด หันมามองฮวาจิ่น “ฮวาจิ่น เธอเคยคิดมั้ยว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่”
“ก็คงจะเป็น…กินได้ดื่มได้ไร้กังวลล่ะมั้งคะ” ฮวาจิ่นพูดแบบทีเล่นทีจริง
“ก็ดีนะ” พี่ฉินพยักหน้าไม่หยุด “ทั้งชีวิตมีกินมีดื่ม ไม่ต้องกังวล ดีออกจะตาย”
หลังจากส่งพี่ฉินแล้ว ฮวาจิ่นก็เก็บแก้วน้ำกับผลไม้ที่ยังไม่ได้กินบนโต๊ะ เธอไม่ได้โกหกพี่ฉิน เป้าหมายในชีวิตของเธอคือมีกินมีดื่มไร้กังวลจริงๆ และถ้าทำให้ผู้คนชื่นชอบฝีมือปักผ้าสู่ซิ่วได้มากกว่านี้ก็ยิ่งดีเลย
ถูกพี่ฉินรบกวนการนอน ฮวาจิ่นก็ตาสว่าง นึกถึงคอมเมนต์ในโพสต์นั้น จึงหยิบมือถือขึ้นมาอ่านต่อจนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้มีบล็อกเกอร์ดังโพสต์ภาพผ้านวมลายมังกรหงส์มงคลของเธอลงในเวยปั๋วนั่นเอง
อ่านคอมเมนต์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอบทความนั้นในเวยปั๋ว เมื่ออ่านจบ เธอก็รู้สึกปวดใจจนพูดไม่ออก เธอรู้ว่านี่คือความซาบซึ้งใจ การใช้ชีวิตคู่มีทั้งที่ทะเลาะตบตีกันแบบคู่ของพี่ฉินกับสามีเก่า และมีทั้งที่รักใคร่ คอยดูแลเคียงข้างกันเหมือนสามีภรรยาคู่นี้
ในกล่องข้อความส่วนตัวในเวยปั๋วของเธอเต็มไปด้วยข้อความที่ชาวเน็ตส่งมา บางคนถามราคาผ้านวมลายนี้ บางคนถามเรื่องกระเป๋าผ้าปักจีนแบบดั้งเดิม บางคนอยากได้รูปถ่าย บางคนติดต่อเธอเรื่องทำโฆษณา และบางคนก็มาก่อกวน เธอขี้เกียจสนใจพวกที่มาก่อกวน ส่วนเรื่องผ้านวมลายมังกรหงส์มงคล เธอไม่สามารถรับออร์เดอร์ได้ชั่วคราว เพราะตอนนี้ที่สตูดิโอมีแค่เธอกับถานหยวนสองคน ถ้ารับออร์เดอร์มากเกินไป ก็จะทำงานกันไม่ทัน และงานก็จะไม่ได้มาตรฐาน ตอนที่ปักผ้านวมลายมังกรหงส์มงคลก่อนหน้านี้ เธอใช้พลังไปมาก จึงกลัวว่าถ้าขืนยังทำงานหามรุ่งหามค่ำอีก ตัวเองจะต้องโทรมแน่
แต่มีข้อความส่วนตัวจากชาวเน็ตคนหนึ่งที่สะดุดใจเธอ
ชาวเน็ตคนนี้ใช้ไอดีว่า “หน้าหนาวไม่ค่อยหนาว” เขาส่งข้อความมาติดๆ กันสิบกว่าข้อความ บอกว่าปีนี้ย่าของเขาอายุแปดสิบปีแล้ว เป็นคนสู่ [1] ตอนย่าอายุเจ็ดขวบ เป็นช่วงที่บ้านเมืองไม่สงบ แม่ของย่าไปเป็นพยาบาลสนามในสงคราม ต่อมาก็เสียชีวิตในสงคราม พ่อของย่าก็เสียชีวิตในสงครามด้วย ส่วนตัวย่ามีคนใจดีในท้องที่รับเลี้ยงไว้
หลายปีมานี้ ย่าเอาแต่พูดถึงผ้าเช็ดหน้าที่แม่เคยปักให้ก่อนจะจากไป ลายบนผ้าเช็ดหน้าเป็นลายแพนด้าน่ารัก และปักข้อความว่า ‘ให้ลูกสาวตัวน้อย’ เอาไว้พร้อมเดือนและปีที่ปัก พอเกิดสงครามต้องย้ายถิ่นฐาน ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน
ย่าของเขาคิดถึงผ้าเช็ดหน้าที่แม่ปักให้ผืนนั้นอยู่ตลอด ลูกหลานก็อยากให้คนแก่ดีใจ จึงซื้องานปักลายแพนด้าหลายๆ แบบมาให้ ถึงย่าจะบอกว่าดีใจและชอบมาก แต่ก็ยังคงพูดถึงเรื่องสมัยเด็ก และผ้าเช็ดหน้าปักลายแพนด้าที่แม่เคยปักให้อยู่ดี
เจ้าของไอดีหน้าหนาวไม่ค่อยหนาวผูกพันกับย่าของเขามาก พอเห็นว่าในเวยปั๋วของฮวาจิ่นมีรูปงานลายปักแพนด้าอยู่ด้วย เลยอยากให้เธอช่วยปักผ้าเช็ดหน้าลายแพนด้าอย่างเดียวสักสองสามผืน นอกจากนี้เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของเขา เขายังส่งซองแดงมาให้เธอสามใบ ทั้งๆ ที่ฮวาจิ่นยังไม่ได้เปิดอ่านข้อความส่วนตัวเสียด้วยซ้ำ
สังคมสมัยนี้ ขอแค่ยอมจ่ายเงิน อยากซื้ออะไรก็ได้ทั้งนั้น งานผ้าปักลายแพนด้าไม่ใช่ของหายาก ถ้าจะซื้อยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ บางทีคุณย่าคนนี้อาจไม่ได้พอใจที่งานปัก แต่คงคิดถึงผ้าเช็ดหน้าลายแพนด้าผืนนั้นที่เต็มไปด้วยความรักจากแม่ของเธอก็ได้
ในยุคที่เต็มไปด้วยความยากลำบากแบบนั้น คนที่กล้าออกไปยืนอยู่แนวหน้าของสนามรบ จะต้องเป็นผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ที่มีความรักเต็มเปี่ยมหัวใจ
ฮวาจิ่นนับถือคนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ จึงควบคุมความโลภเล็กๆ ในใจ ไม่กดรับซองแดงของหน้าหนาวไม่ค่อยหนาว แต่ตอบกลับเขาว่า
บุปผาตระการ : [ฉันจะลองดูนะคะ แต่ไม่รับรองว่าคุณย่าของคุณจะชอบงานปักของฉันรึเปล่านะคะ]
ตอบไปไม่ถึงสองนาที อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้น เธอแอบเดาว่าเขาเฝ้ามือถือรอคำตอบของเธออยู่
หน้าหนาวไม่ค่อยหนาว : [ไม่เป็นไรครับ แค่คุณยอมรับปัก ผมก็ดีใจมากแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ]
หน้าหนาวไม่ค่อยหนาว : [คุณเป็นซิ่วซือผ้าปักสู่ซิ่ว น่าจะเข้าใจลักษณะของสู่ซิ่วดีที่สุดแล้ว ผมไม่มีรูปภาพ ไม่มีคำอธิบายอย่างละเอียด ทำให้คุณทำงานลำบาก แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่ว่าย่าจะชอบหรือไม่ชอบ ผมจะซื้อราคาที่สูงครับ]
บุปผาตระการ : [งานปักผ้าเช็ดหน้าลายค่อนข้างเล็ก ราคาก็เลยจะพิเศษหน่อยค่ะ]
หน้าหนาวไม่ค่อยหนาว : [งานผ้าปักจีนมีราคา แต่ศิลปะประเมินค่าไม่ได้ คุณปักได้เต็มที่เลยครับ ถ้ามีเวลา จะปักแบบต่างๆ ออกมาก็ได้ ผมให้ราคาสูงทุกผืนเลยครับ]
ฮวาจิ่นรู้สึกว่าพฤติกรรมของผู้ซื้อประเภทนี้สะท้อนภาพของเศรษฐีสมองกลวงได้ดีจริงๆ นี่ถ้าไปเจอพวกพ่อค้าแม่ค้าขี้โกงเข้า เท่ากับส่งตัวเองไปให้คนหลอกเอาเงินถึงหน้าประตูเลย หลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่เมืองเดียวกับเธอ ฮวาจิ่นก็ถอนหายใจ บอกที่อยู่ของร้านตัวเองกับอีกฝ่ายไป
จากนั้นเขาก็ส่งซองแดงมาให้อีก
ฮวาจิ่น “…”
รู้สึกว่าด้านโลภของตัวเองชักจะแมลงไต่ [2] ซะแล้วสิ
[1] เป็นชื่อเรียกสั้นๆ ของซื่อชวน
[2] เป็นสำนวน หมายถึง ปั่นป่วน คุกคาม