โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก
天降横财一百亿
เจียงจื่อกุย 江子归 เขียน
เหวินหรง แปล
— โปรย —
ถ้าระบบให้เงินคุณหนึ่งหมื่นหยวน คุณจะใช้มันยังไง
ถ้าต้องใช้ให้หมดภายในสิบนาทีล่ะ
แล้วถ้าใช้ไม่หมดก็ต้องตายล่ะ คุณจะยอมรับได้ไหม
สวี่รุ่ย อดีตคุณหนูไฮโซต้องตกระกำลำบากทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ
ยังไม่ทันจบมหาวิทยาลัยกลับต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
สวรรค์บันดาลให้เธอย้อนเวลากลับมาเจ็ดปีก่อน ตอนเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง
พร้อมกับระบบผลาญเงินที่แต่ละครั้งจะเพิ่มจำนวนเงินและระยะเวลาในการใช้เงินขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับคุณหนูที่เคยร่ำรวย การใช้เงินมือเติบอย่างนี้นับเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว
ที่สำคัญ หากทำภารกิจสำเร็จ เธอจะได้รับโบนัสพิเศษ
และนั่นก็ทำให้เธอช่วยชีวิต ลั่วหาน เพื่อนวัยเยาว์ที่ชาติก่อนจากไปตั้งแต่เด็กไว้ได้
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
3
สวี่รุ่ยอดทนจนผ่านการสอบเกาเข่า[1]อย่างยากลำบาก เธอได้คะแนนน่าพอใจ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ย้อนกลับมาวันแรกของการเรียนชั้นมัธยมปลาย เธอเกือบนอนตื่นสายเสียแล้ว
พอเห็นหลานสาวงัวเงีย จี้จวี๋ฟางก็อดเอ่ยด้วยความสงสารไม่ได้ว่า “หลานไม่สบายหรือเปล่า อยากหยุดเรียนไหม”
สวี่รุ่ยรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน เธอล้างหน้าแปรงฟันด้วยความรวดเร็ว จากนั้นสวมชุดนักเรียน คว้ากระเป๋าหนังสือ หยิบบัตรรถโดยสารแล้วออกจากบ้าน
บนรถประจำทาง สวี่รุ่ยคว้าราวจับไว้พร้อมกับสัปหงกจนหัวสั่นหัวคลอน แต่ในใจยังไม่ลืมปรึกษาระบบว่า “ต่อไปคุณช่วยปลุกฉันด้วยได้ไหม ฉันว่าเสียงแจ้งเตือนของคุณน่ะเรียกสติได้ดีทีเดียว มีประโยชน์กว่านาฬิกาปลุกอีก”
ระบบ 1212 “อ้อ คุณหมายถึงแบบนี้เหรอ”
ระบบ 1212 ส่งเสียงแจ้งเตือน [เหลือเวลาอีกยี่สิบสามชั่วโมง ห้าสิบเก้านาที ห้าสิบเก้าวินาที]
สวี่รุ่ยหัวเราะ “ยังนอนได้อีกตั้งยี่สิบสามชั่วโมง ใครจะไปอยากลุกล่ะ!”
ระบบ 1212 “หึๆ นี่เป็นการแจ้งเตือนภารกิจประจำวันต่างหาก”
สวี่รุ่ยหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ดวงตาที่สะลึมสะลือเบิกกว้างขึ้นโดยพลัน ดวงตาของเธอทั้งกลมโตและเป็นประกายสดใส ทว่ากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้ตัดสินใจแล้วว่าจะพึ่งพาระบบเพื่อสร้างความมั่งคั่ง แต่ลึกๆ แล้วในใจของเธอยังคงไม่ฟื้นกลับมาจากการนับถอยหลังไปสู่ความตายในช่วงสิบนาทีสุดท้ายนั่น
เธอรีบเปิดโหมดตื่นตัวขั้นสูงทันที “ภารกิจอะไร”
ระบบ 1212 “อย่ากังวลไปเลยเพื่อน มีเวลาตั้งหนึ่งวันเต็มๆ คุณจะกลัวอะไร”
สวี่รุ่ยนึกๆ ดูแล้วก็เห็นด้วย ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งวัน ดังนั้นเธอจึงเบาใจลงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งนั้นยังตั้งใจฟังระบบแจกแจงภารกิจ
ภารกิจครั้งนี้ไม่ได้ตึงเครียดนัก ไม่เพียงมีเวลาทั้งวัน จำนวนเงินที่ต้องผลาญก็ไม่ได้มากจนเกินไป แค่หนึ่งหมื่นหยวนเท่านั้น
แม้ยังเป็นจำนวนหนึ่งหมื่นเท่าเดิม แต่เวลาหนึ่งวันก็สบายกว่าสิบนาทีอยู่มากทีเดียว
สวี่รุ่ยไม่แค่ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระเท่านั้น กลับกัน เธอยังเฝ้ารอว่าจะใช้เงินอย่างไรด้วย น่าเสียดายที่เธอต้องไปเรียนก่อน จะมุ่งตรงไปห้างสรรพสินค้าเลยไม่ได้
ความจริงแล้วแม้เจ็ดปีให้หลังสวี่รุ่ยจะคิดคำนวณอะไรต่อมิอะไรอย่างละเอียดรอบคอบจนเป็นนิสัย ทว่าก่อนที่เธอจะกลับเนื้อกลับตัวได้นั้น สวี่รุ่ยก็ยังคงเป็นสาวนักผลาญเงินตัวจริงเสียงจริง
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่หากอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบตระกูลจู้ แต่เมื่อเอานิสัยการใช้เงินอย่างนี้มาใช้ในครอบครัวธรรมดากลับกลายเป็นการใช้จ่ายเกินตัวไปมาก
เวลานี้สวี่รุ่ยอายุสิบห้าปีและยังอยู่ในช่วงเวลาที่เธอยังไม่ได้ปรับทัศนคติ
ดังนั้นในตู้เสื้อผ้าของเธอจึงเต็มไปด้วยของแบรนด์เนมทั้งหมด แม้ตอนนี้สวี่รุ่ยใส่ชุดนักเรียน แต่เสื้อตัวใน รองเท้าที่สวม กระเป๋าที่สะพาย หรือแม้แต่นาฬิกาบนข้อมือก็ไม่มีสิ่งไหนเลยที่เป็นของลดราคา
กลับกัน ช่วงที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอรวมกันมีมูลค่าแค่ร้อยหยวนเท่านั้น
การที่จู่ๆ เธอได้ย้อนเวลามาเจ็ดปีก่อนอย่างนี้ พอมองตัวเองที่ยังคงเปล่งประกายกลับทำให้สวี่รุ่ยรู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไรนัก
แต่ถึงจะไม่ชินอย่างไร พอสวี่รุ่ยเดินเข้าโรงเรียนและกลับเข้าห้องเรียนที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน เธอพลันรู้สึกคุ้นชิน
เนื่องจากโรงเรียนมัธยมหัวหย่าเป็นโรงเรียนเอกชนที่แพงที่สุดในเมือง C การใช้จ่ายของนักเรียนที่นี่จึงอยู่ในระดับเดียวกับพวกเสื้อผ้ารองเท้าที่สวี่รุ่ยใส่ และอาจถึงขั้นแพงกว่าด้วยซ้ำ
สวี่รุ่ยจำได้ว่าชาติก่อนเธอเรียนจบชั้นมัธยมปลายปีแรกจากที่นี่ก็ต้องย้ายไปโรงเรียนอื่น เนื่องจากใช้เงินมรดกหมดแล้ว ย่าเองก็ทำงานหนักจนล้มป่วย เธอจึงไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ที่จริงถ้าว่ากันตามเหตุผล คนที่พึ่งแค่เงินมรดกอย่างเดียวแบบเธอนั้นไม่ควรเรียนในโรงเรียนที่แพงขนาดนี้ด้วยซ้ำ
แต่โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่น้าของเธอติดต่อไว้ให้ อาจเพราะเขาคิดว่าพอเทียบกับค่าเทอมของโรงเรียนเอกชนในฮ่องกงแล้ว หัวหย่าก็เป็นแค่โรงเรียนธรรมดาๆ เท่านั้น มรดกที่เหลือน่าจะพอรับภาระตรงนี้ อีกอย่าง ลูกหลานตระกูลจู้จะเรียนในโรงเรียนแย่ๆ ได้อย่างไร
คาดไม่ถึงว่าสวี่รุ่ยนั้นผลาญเงินจนแม้แต่ค่าเทอม “ธรรมดาๆ” ก็ยังไม่มีปัญญาจ่าย
ระหว่างพัก สวี่รุ่ยฟุบอยู่กับโต๊ะพลางถอนใจอย่างขมขื่น ตอนนั้นชีวิตเธอพลิกผันกลายเป็นนักเรียนจนๆ คนหนึ่ง
เซี่ยซือหย่า เพื่อนร่วมโต๊ะเรียนผลักสวี่รุ่ยทีหนึ่ง “ทำไมเธอถึงหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ยอมตอบข้อความฉัน”
เมื่อคืนสวี่รุ่ยเปิดอกคุยกับระบบทั้งคืน นอกจากนั้นแล้วเธอยังทบทวนบทเรียน จะเอาเวลาที่ไหนมาจับโทรศัพท์ เมื่อได้ยินอย่างนี้ สวี่รุ่ยก็ควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วเปิดอ่านข้อความ
เจิ้งเหม่ยซินที่นั่งอยู่ด้านหน้าเห็นแบบนั้นก็ส่งเสียงจิ๊ “นี่เสี่ยวรุ่ยรุ่ย ทำไมเธอยังใช้โซนี่อีริคสันอยู่อีกเนี่ย ไอโฟนออกมาจะครึ่งปีแล้ว เพื่อนๆ ก็เปลี่ยนไปใช้กันเกือบครึ่งห้อง มันใช้ง่ายจริงๆ นะ เธอรีบไปซื้อมาใช้สิ!”
โซนี่อีริกสันที่อยู่ในมือของสวี่รุ่ยเครื่องนี้ราคาสองพันกว่าหยวนเหมือนกัน ยังใช้ได้ไม่ถึงปีเลย เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ไอโฟน แม้ชาติที่แล้วสวี่รุ่ยเคยพูดว่าจะเปลี่ยนมือถือ แต่ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กไม่รู้จักคิดไม่ใช่หรือไง ชาตินี้เธอไม่สนใจจะเปลี่ยนมือถือแล้ว
เซี่ยซือหย่าผลักเธออีกครั้ง “สิ้นเดือนนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดเหอจี้ข่าย จัดงานเลี้ยงที่โรงแรม เธอรู้เวลาและสถานที่แล้วเหรอ”
แม้เพิ่งเข้าเทอมแรกของมัธยมปลายปีหนึ่ง แต่ตอนมัธยมต้นสวี่รุ่ยก็เรียนที่หัวหย่าเช่นกัน ดังนั้นเกินครึ่งของนักเรียนมัธยมปลายล้วนเป็นเพื่อนจากมัธยมต้นทั้งนั้น เธอเป็นคนร่าเริง ไม่คิดเล็กคิดน้อย จึงมีเพื่อนมากมาย เซี่ยซือหย่าคือหนึ่งในนั้น เหอจี้ข่ายก็เช่นกัน
พวกเขามักออกไปเที่ยว เล่นเกม ปีนเขา หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดกันเป็นกลุ่มใหญ่
ดังนั้นที่สวี่รุ่ยใช้เงินฟุ่มเฟือยก็มีสาเหตุมาจากส่วนนี้เช่นกัน เธอชอบเที่ยวเล่นมาก พอสนุกแล้วก็ไม่สนใจเลยสักนิดว่าจะใช้เงินไปเท่าไรแล้ว
ขณะนี้สวี่รุ่ยเปลี่ยนนิสัยแล้ว พอได้ยินว่าจะมีงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิด เธอก็นึกขึ้นได้ว่าต้องให้ของขวัญ
เหอจี้ข่ายเป็นลูกเศรษฐีที่รวยมาก เวลาสวี่รุ่ยให้ของขวัญก็ราคาหลายพันทั้งนั้น เธอให้ของขวัญราคาถูกๆ ไม่ได้
สวี่รุ่ยท้อแท้ “ฉันไม่ไปแล้ว”
เซี่ยซือหย่าชะงัก “ไม่ไปเหรอ ทำไมล่ะ ถ้าเธอไม่ไปเหอจี้ข่ายต้องด่าฉันชุดใหญ่แน่!”
สวี่รุ่ยยักไหล่ เอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “ไม่มีเงินซื้อของขวัญ”
เซี่ยซือหย่าขำพรืด “อย่างเธอที่เป็นคุณหนูตระกูลจู้เนี่ยนะจะไม่มีเงินซื้อของขวัญ อย่าหลอกกันเลย”
สวี่รุ่ยเปิดหนังสือเรียน เธอหัวเราะแล้วตอบ “แม่ฉันต่างหากที่เป็นคุณหนูตระกูลจู้ ไม่ใช่ฉันสักหน่อย!”
เซี่ยซือหย่าถลึงตาใส่เพื่อน ท่าทางดุดัน “ไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็น จำไว้ด้วยว่ายังไงเธอก็ต้องไป ถ้าเงินหมดจริงๆ ฉันจะหาของขวัญให้เอง ที่สำคัญคือเธอต้องไป!”
พูดจบหล่อนก็ดึงสวี่รุ่ยเข้ามากระซิบ “ฉันให้เธอยืมสักสองสามพันเอาไปซื้อไอโฟนดีไหม”
สวี่รุ่ยมองเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งหลายปี ในใจเธอพลันอุ่นวาบ
แน่นอนว่าสวี่รุ่ยคงไม่ยืมเงินเซี่ยซือหย่า แม้เพื่อนจะเข้าใจว่าเธอไม่มีเงินซื้อของขวัญเพราะจะเอาเงินไปซื้อไอโฟนก็ตาม
ระบบ 1212 “คุณมีเงินหนึ่งหมื่นหยวนนะ ไม่พอซื้อของขวัญเหรอ”
สวี่รุ่ย “ได้ยังไงล่ะ เงินนี่ต้องเอาไปซื้อของจริงๆ จังๆ นะ”
ระบบ 1212 “คุณต้องเอาเงินหมื่นหยวนไปซื้อของจริงๆ จังๆ ทุกวันเลยหรือ”
สวี่รุ่ยเกือบนึกว่าตัวเองหูฝาด “อะไรนะ ต้องใช้หมื่นหยวนทุกวันเลยเหรอ”
ระบบ 1212 “ตอนนี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ ส่วนอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ”
ความตื่นเต้นของสวี่รุ่ยระเบิดออกมาในพริบตา เธอลุกพรวดด้วยความต้องการที่จะวิ่งรอบห้อง!
ได้เงินหมื่นหยวนทุกวัน แล้วต้องใช้ให้หมดภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ต้องกดดันอะไร นี่เท่ากับนอนรับเงินเลยสิเนี่ย!
“สวี่รุ่ย…”
เซี่ยซือหย่าดึงแขนเสื้อสวี่รุ่ยและเรียกเธอเบาๆ
ตอนนี้เองสวี่รุ่ยถึงตระหนักว่าเธออยู่ในห้องเรียน ยังเป็นห้องเรียนที่ครูยืนอยู่หน้าห้อง แล้วเธอดันลุกพรวดขึ้นมากลางห้องเรียน
เวลานี้เพื่อนทั้งห้องต่างพากันมองเธอเป็นตาเดียว
“นักเรียนสวี่รุ่ยมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
สวี่รุ่ยระบายยิ้มเกลื่อนหน้า “ครูคะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำค่ะ!”
จากนั้นก็เกิดเสียงอื้ออึงไปทั่วห้อง ครูเป็นครูหนุ่มคนหนึ่ง
สวี่รุ่ยไม่อาย แต่เขากลับหน้าแดงเพราะรอยยิ้มของสวี่รุ่ย ก่อนเอ่ยตะกุกตะกัก “ปะ…ไปเถอะ”
เซี่ยซือหย่าตะลึงงันก่อนบ่นอุบ “บ้าไปแล้วมั้งเนี่ย แค่ไปห้องน้ำต้องดีใจขนาดนี้ด้วยรึ ในห้องน้ำมีทองอยู่หรือไง”
แน่นอนว่าในห้องน้ำไม่ได้มีทอง แต่ในหัวของสวี่รุ่ยต่างหากที่มีทอง!
ระบบ 1212 “ระบบไม่ได้ชื่อทองนะ คุณจะเรียกระบบว่าคู่สิบสองก็ได้”
ยามนี้อารมณ์ของสวี่รุ่ยได้พลิกกลับจากตอนถูกกดดันให้ไปตายอย่างสิ้นเชิง “คู่สิบสอง คุณคือขุมทรัพย์ชัดๆ!”
ระบบ 1212 “ก็พอถูไถ”
สวี่รุ่ยล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แต่ยังไม่หายตื่นเต้น เธอยกยอปอปั้นต่อ “ไม่ใช่แค่พอถูไถนะ เอาไปเลยเต็มร้อยไม่หัก!”
วันนี้พอเลิกเรียน สวี่รุ่ยก็เอาเงินหมื่นหยวนไปช็อปปิงทันที
หากเป็นสวี่รุ่ยตอนอายุสิบห้าปีคนเก่า การใช้เงินหนึ่งหมื่นหยวนให้หมดนั้นถือเป็นเรื่องที่สบายมาก แค่ออกไปเที่ยวหรือซื้อรองเท้าสักคู่สองคู่ ก็ใช้เงินหมดแล้ว
แต่สวี่รุ่ยตอนนี้คือสวี่รุ่ยที่ผ่านความยากลำบากมาตลอดเจ็ดปี เป็นสวี่รุ่ยที่รับงานพิเศษเยอะที่สุดถึงวันละสามงาน เธอไม่ได้เข้าไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าหลายปีแล้ว พอหน้าร้อน เสื้อผ้าทั้งหมดของเธอล้วนกดมาจากโปรโมชัน 9.9 รวมค่าจัดส่งของเถาเป่า[2] ส่วนเสื้อผ้าหน้าหนาวก็จะเป็นโปรโมชัน 29.9 ของเถาเป่าเช่นกัน
แต่ตอนนี้สวี่รุ่ยไม่ได้เข้าห้างสรรพสินค้าไปซื้อเสื้อผ้า กลับซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า
เธอใช้เงินหนึ่งหมื่นหยวนไปกับการซื้อเครื่องล้างจานหนึ่งเครื่องและซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่อีกเครื่อง
ต่อมาอีกสองสามวัน สวี่รุ่ยก็เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศที่บ้านใหม่ ซื้อมือถือให้ย่า ยังซื้อบัตรสุขภาพจากศูนย์ตรวจร่างกายด้วย สุดท้ายเธอซื้อบัตรเงินสดมูลค่าห้าร้อยหยวนสิบใบจากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน
แม้ขอบเขตการใช้เงินจะยังคงเหมือนสวี่รุ่ยที่อายุสิบห้าปีคนก่อน แต่ลักษณะของที่ซื้อกลับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่ไรมาจี้จวี๋ฟางไม่เคยยุ่งเรื่องการใช้เงินของหลานสาว ทว่าหลานสาวเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ก็ทำให้หล่อนอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นสวี่รุ่ยใช้เงินซื้อของมากมายให้ตนในพริบตา แม้ก่อนหน้านี้หลานสาวจะเป็นเด็กดี แต่ก็เป็นเด็กสาวอายุน้อยที่ยังไม่รู้ความ ขอแค่เห็นแล้วถูกใจก็ซื้อทันที เวลาซื้อของให้หล่อนก็…ค่อนข้างฉาบฉวย ดูดีแค่เพียงภายนอกเท่านั้น
อันที่จริงแล้วของส่วนใหญ่ล้วนใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ไม่เหมือนเครื่องล้างจาน มือถือ บัตรสุขภาพ และบัตรเงินสดที่สวี่รุ่ยขนซื้อมาตอนนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวันทั้งนั้น ช่างรู้ความเสียจนไม่เหมือนหลานสาวคนเดิมแม้แต่น้อย
“รุ่ยรุ่ย ไหนบอกย่ามาซิ ช่วงนี้หลานสบายดีหรือเปล่า ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง มีความสุขไหม”
จี้จวี๋ฟางกังวลจนต้องคุยกับหลานสาวหลังกินอาหารค่ำเสร็จ
สวี่รุ่ยยิ้ม “ย่าคะ ฉันสบายดี วางใจเถอะค่ะ!”
คิ้วที่ขมวดปมของจี้จวี๋ฟางคลายออกโดยพลัน เมื่อเห็นหลานสาวของตนส่งยิ้มสดใสมาให้ ดูๆ ไปแล้วเธอก็ไม่เหมือนคนที่กลุ้มใจอยู่จริงๆ บางทีอาจเป็นเพราะการจากไปของบุตรชาย จึงทำให้หลานสาวเติบโตเป็นผู้ใหญ่เช่นกัน
หล่อนชม “รุ่ยรุ่ยโตแล้ว รู้ความแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ย่าเองก็อยากให้หลานมีความสุข ถึงย่าจะรู้ว่าหลานยังเด็ก แต่มรดกที่ยายของหลานทิ้งไว้ให้นั้นมีจำกัด หลานต้องรู้จักวางแผนใช้มันให้ดีนะ”
หลังรับมรดกของยายจากน้าแล้ว ก็อยู่ในมือของสวี่รุ่ยมาโดยตลอด
น้าชายของเธอเป็นคนฉลาด หลังช่วยสวี่รุ่ยจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แม้ผู้ปกครองของสวี่รุ่ยคือย่า แต่ก็ใช่ว่าจะเอาเงินออกมาจากบัญชีของเธอได้ และย่าเองก็ไม่เคยคิดอยากได้ด้วย สวี่รุ่ยเป็นคนจัดการทุกอย่างเองทั้งหมด
แน่นอนว่าน้าหวังดีกับเธอ แต่น่าเสียดายที่เธอติดนิสัยลูกคุณหนูมาจากตระกูลจู้
การจัดการอย่างนี้ของเขาแฝงอันตรายร้ายแรงไว้โดยไม่รู้ตัว ไม่นานสวี่รุ่ยก็มือเติบ ใช้เงินมรดกจนหมด
อันที่จริงสวี่รุ่ยรู้ดีว่าช่วงมัธยมปลายปีหนึ่งนั้น เงินในบัญชีของเธอใกล้จะหมดแล้ว แต่เธอกลับใช้โอกาสนี้บอกย่าว่า “ย่าไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันเอาเงินในบัญชีไปซื้อกองทุนของธนาคารแล้ว ฉันวางแผนใช้เงินค่ะ”
แม้จี้จวี๋ฟางจะปวดใจ แต่เธอก็ชื่นใจเช่นกัน “หลานไม่ต้องกดดันตัวเองจนเกินไปนะ ถ้าไม่พอจริงๆ ย่ายังมีเงินบำนาญ ยังออกไปหางานทำได้ ถึงเทียบไม่ได้กับยายของหลาน แต่ย่าจะไม่ยอมให้หลานต้องทนลำบากแน่”
สวี่รุ่ยน้ำตารื้นจนเกือบร้องไห้ ชาติที่แล้วยายกับย่าตามใจเธอจนเสียคน พอยายป่วยแล้วจากไป ย่าก็ยังทุ่มเทให้เธอจนล้มป่วยอีก ที่สวี่รุ่ยขยันทำงานหนักขนาดนั้น นอกจากจะหวังเจริญก้าวหน้าในชีวิตแล้ว ยังอยากชดเชยสิ่งที่ติดค้างย่าด้วย
[1] การสอบเข้าระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ
[2] เว็บขายสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ในเครือของอาลีบาบากรุ๊ป เปิดตัวเมื่อปี 2003