[ทดลองอ่าน] บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ ตอนที่ 103

巨星手记
บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์

 

อวี่เซี่ยวหลานซาน เขียน
ธมน แปล
get-sem วาด

 

— โปรย —

หลังจากพลาดตำแหน่งราชาแห่งวงการในเทศกาลภาพยนตร์ยุโรปคราวก่อน
ฟางเล่อจิ่ง ก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนี้อีกครั้ง
แต่ก่อนที่จะถึงการประกาศรางวัล
เขาต้องถ่ายรายการร่วมกับคู่ปรับอย่าง เว่ยอี้ ผู้อยู่เบื้องหลังดราม่าต่างๆ
เว่ยอี้ โจมตีหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เพื่อขุดคุ้ยจุดด่างพร้อยมาขัดขวางเส้นทางความก้าวหน้าของอีกฝ่าย
แต่การโจมตีนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ เมื่อฝั่งเขาเองก็พบปัญหาใหญ่จากปาปารัสซี่คนสนิท

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

103 ใครบางคนจ้องเล่นงานคุณ!

ไปเจอเพื่อนด้วยกัน!

เพราะเผชิญอุปสรรคมากมายระหว่างถ่ายทำ ดังนั้นวันปิดกล้องทุกคนเลยรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก กว่าจะแยกย้ายกันก็เป็นเวลาสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว หลังกลับถึงโรงแรมและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เสิ่นหานก็กอดหมอนปีนขึ้นเตียงของฟางเล่อจิ่งด้วยความเบิกบาน “ดื่มเหล้าไปแล้ว ตอนนี้เราจะเริ่มทำเรื่องอย่างว่าได้หรือยัง”

ฟางเล่อจิ่งห่อตัวด้วยผ้าห่มแล้วกลิ้งไปอีกด้าน “อย่าส่งเสียงหนวกหู”

“ฉันไม่อยากนอน!” เสิ่นตุ๊บป่องเขย่าตัวอีกฝ่าย

“ฉันอยากนอน” ฟางเล่อจิ่งมุดศีรษะกลับเข้าไปในผ้าห่ม

“เวลาผ่านไปเร็วเหมือนยิงธนู วัยหนุ่มสาวไหลไปเหมือนสายน้ำ เรามาทำอะไรที่มีความหมายกันดีกว่า” เสิ่นหานฉุดเขาสุดแรงเกิด เป็นตุ๊บป่องจอมพลังเลยทีเดียว

ฟางเล่อจิ่งงัวเงีย อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

โลกนี้ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าคนเมาที่อยากนอนต้องเจอกับคนเมาที่พูดมาก

“เล่อเล่อ” เสิ่นหานกอดหมอนแล้วนอนบนเตียงกับอีกฝ่าย

“หืม?” ฟางเล่อจิ่งตอบกลับอย่างสะลึมสะลือ

“ฉันนี่โชคดีจริงๆ” เสิ่นหานเปรยกับตัวเอง

“ทำไมล่ะ” ฟางเล่อจิ่งถามอย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่รู้สิ” เสิ่นตุ๊บป่องเด็ดเดี่ยว “ก็โชคดีนั่นแหละ”

ฟางเล่อจิ่งครางรับเบาๆ ก่อนผล็อยหลับไป ทิ้งให้เสิ่นตุ๊บป่องพูดเจื้อยแจ้วคนเดียว อีกฝ่ายเริ่มสาธยายเรื่องราวตั้งแต่ชั้นประถมปีที่สาม ยาวไปจนถึงช่วงมัธยมต้น มัธยมปลายและมหาวิทยาลัย ไม่เพียงไม่ง่วงสักนิด ยังยิ่งพูดก็ยิ่งคึกกว่าเดิมด้วยซ้ำ!

“ฉันชอบหยางซี!” เสิ่นหานลุกขึ้นยืนบนเตียง เท้าสะเอวประกาศเรื่องอันยอดเยี่ยมนี้

ฟางเล่อจิ่งเปิดเปลือกตาอย่างง่วงงุน ก่อนดึงผ้าห่มมาคลุมโปงทันที

ความรู้สึกพุ่งพล่านภายในใจ เสิ่นหานสวมสลิปเปอร์หัวเห็ดวิ่งรอบห้องสองรอบอย่างมีความสุข จากนั้นไปเปิดตู้เย็นหยิบแอปเปิลมากัด ถึงกระโจนขึ้นเตียงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และเริ่มกรนเบาๆ อย่างสุขใจ

ฟางเล่อจิ่งถูกอีกคนกระแทกทำเอามึนจนเห็นดาว ทั้งยังเกือบเป็นลมเพราะหายใจไม่ออก เขาต้องออกแรงมหาศาลกว่าจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวอีกฝ่ายได้ ส่วนตัวเองก็หามุมเล็กๆ หลับไปอีกครั้ง ตื่นอีกทีก็เป็นช่วงเที่ยงของวันใหม่ เขาลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจ พอหันไปก็เห็นเสิ่นหานกำลังกอดเท้าของตัวเองอยู่ในห้วงนิทราอย่างมีความสุข

ฟางเล่อจิ่ง “…”

ท่ายากขนาดนี้ นายนอนอีท่าไหนเนี่ย

“หยางซี” เสิ่นหานเรียกด้วยความสะลึมสะลือ

“ตื่นได้แล้ว” ฟางเล่อจิ่งเขย่าตัวอีกฝ่าย

“ไม่ตื่น” เสิ่นหานขดตัวเล็กลง “เว้นแต่นายจะให้ฉันกินเป็ดย่าง”

“…” จิตใต้สำนึกของพวกนักกินสินะ ฟางเล่อจิ่งแทบอยากคารวะ

หยางซีลำบากมากจริงด้วย

“เล่อเล่อ” ตอนฟางเล่อจิ่งกำลังแปรงฟันอยู่ ในที่สุดเสิ่นหานก็ลุกขึ้นจากเตียงมายืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำอย่างงัวเงีย “อั้นไม่ไหวแล้ว”

ฟางเล่อจิ่งพูดไม่ออก ได้แต่คาบแปรงสีฟันเดินออกไป

“ตอนบ่ายเรามีแพลนอะไร” เสิ่นหานชิ้งฉ่องอย่างมีความสุขพลางเอ่ยถาม

“เมื่อวานได้ยินหยางซีกับเฝิงฉู่บอกว่าจะพานายไปกินปลาหิมะ” ฟางเล่อจิ่งตอบ

“จริงเหรอ” เสียง ฟึบ! ดังขึ้นก่อนเสิ่นตุ๊บป่องจะยื่นหัวออกมาจากห้องน้ำ

เขาเพิ่งพูดอยู่เลยว่าร้านนี้อร่อย ไม่คิดไม่ฝันว่าพูดปุ๊บจะได้กินปั๊บ!

ใจตรงกันแบบนี้ดีชะมัด

ร้านขายปลาหิมะอยู่ห่างจากโรงถ่ายไปไม่ไกลนัก เนื่องจากเลยช่วงเวลาอาหารกลางวันมาแล้ว ภายในร้านจึงมีคนประปราย ส่วนใหญ่เป็นทีมงานของกองถ่ายและพนักงาน พวกเขาเลือกห้องส่วนตัว ทันทีที่เข้าไปนั่ง ยังไม่ทันเริ่มสั่งอาหารก็ได้ยินใครบางคนมาเคาะประตู

“พนักงานเสิร์ฟหรือเปล่า” เสิ่นหานเดา

หยางซีลุกขึ้นไปเปิดประตูก็เห็นผู้หญิงหน้ากลมยืนอยู่ด้านนอก “ไม่ทราบว่าเล่อเล่ออยู่ไหมคะ”

“หลี่เจี๋ย?” ฟางเล่อจิ่งลุกขึ้นยืน แปลกใจเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่” หลังเธอสารภาพรักอย่างโจ่งแจ้งในงานคัดเลือกนางเอกภาพยนตร์ เหตุการณ์ผิงลั่ว ก็ถูกชาวเน็ตถล่มยับ ต่างบอกกันว่าเธอต้องการเรียกร้องความสนใจ เป็นเรื่องราวที่วุ่นวายอยู่นานกว่าจะเงียบไป เธอเองก็หายหน้าหายตาไปจากสาธารณชน คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่

“ค่ะ ฉันมาเป็นนักแสดงรับเชิญบทเล็กๆ ในหนังของผู้กำกับหลิว กำลังกินอาหารอยู่ที่นี่พอดี” หลี่เจี๋ยถามอย่างระมัดระวัง “ขอเข้าไปนั่งข้างในได้ไหมคะ”

“ได้สิ” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า

หยางซีเอียงตัวเปิดทางให้เธอ

“ขอบคุณค่ะ” หลี่เจี๋ยเดินเข้ามาในห้อง ท่าทางดูประหม่าเล็กน้อย

เฝิงฉู่กับหลี่จิ้งสบตากันแวบหนึ่งเหมือนคิดตรงกัน ว่ากันตามตรง ตั้งแต่เรื่องสารภาพรักในการประกวดคราวนั้น ทั้งสองก็ไม่ค่อยอยากให้ฟางเล่อจิ่งข้องเกี่ยวกับหลี่เจี๋ยเท่าไหร่ โดยเฉพาะการร่วมโต๊ะกินอาหารเหมือนอย่างตอนนี้ หากถูกสื่อจับได้ก็ไม่รู้เลยว่าจะเป็นข่าวอะไรบ้าง

“เดี๋ยวฉันก็ไปแล้วค่ะ” หลี่เจี๋ยบอก “แต่มีบางเรื่องที่ฉันต้องบอกคุณ”

เสิ่นหานหันไปมองหยางซีครู่หนึ่ง หรือว่าจะสารภาพรักอีกรอบ?

ถ้าบอสรู้เข้าละก็ ต้องโกรธมากแน่ๆ แค่คิดก็สยองแล้ว

จากนั้นก็ได้ยินหลี่เจี๋ยพูดว่า “คุณต้องระวังเหลยถิงสตูดิโอไว้นะคะ”

หลี่จิ้งเอ่ย “เหลยถิงสตูดิโอ?”

“ค่ะ” หลี่เจี๋ยพยักหน้า หลี่จิ้งเป็นผู้จัดการของฟางเล่อจิ่ง เฝิงฉู่เป็นผู้ช่วยของฟางเล่อจิ่ง เสิ่นหานและหยางซีต่างเป็นเพื่อนสนิทของฟางเล่อจิ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่คิดอ้อมค้อม “ก่อนหน้านี้หลังจากที่ฉันตกรอบ พวกเขาเคยมาหาฉัน บอกว่าอยากสัมภาษณ์พิเศษ”

“เป็นเรื่องปกติที่สื่อปาปารัสซี่จะอยากหาข่าว” เฝิงฉู่ว่า

“ตอนนั้นฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ” หลี่เจี๋ยเอ่ย “พวกเขาบอกว่าไม่มีคำถามอะไรเกินขอบเขตแน่นอน ค่าตอบแทนก็มากพอสมควร เพราะงั้นฉันเลยตอบตกลง”

“แล้วยังไงต่อ” หลี่จิ้งถาม

“หลังจากนั้นพอถึงเวลาสัมภาษณ์จริงๆ พวกเขากลับแทบไม่ได้ถามเรื่องเกี่ยวกับการแข่งขันเลย” หลี่เจี๋ยเล่า “เอาแต่โยงเข้าเรื่องเล่อเล่อตลอด หวังจะขุดคุ้ยข้อมูลด้านลบ พอฉันบอกว่าไม่รู้อะไรเท่าไหร่ พวกเขาก็ถามฉันอีกว่าอยากมีข่าวลือกับเล่อเล่อไหม แถมบอกว่าขอแค่เชื่อฟังก็ทำให้ฉันดังได้ในชั่วข้ามคืน”

ฟางเล่อจิ่งได้ยินก็นิ่วหน้าเล็กน้อย

“แต่ฉันไม่ได้ตอบรับ” หลี่เจี๋ยบอก “หลังจากนั้นพอกลับถึงบ้าน พวกเขาก็โทร.หาฉันอีกหลายสาย เอาแต่ตื๊อให้ฉันยอมรับข้อเสนอของพวกเขา เป็นแบบนี้อยู่นานกว่าจะยอมแพ้”

“ขอบคุณที่บอกเรื่องนี้กับเรานะ” ฟางเล่อจิ่งเอ่ย

“ไม่เป็นไรค่ะ” หลี่เจี๋ยลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปก่อนนะคะ พวกคุณกินกันตามสบายเถอะค่ะ” เมื่อเดินไปถึงประตูเธอก็หันกลับมาอีก “สู้ๆ นะคะ ฉันจะสนันสนุนคุณเสมอ”

ฟางเล่อจิ่งยิ้ม “เธอเองก็เหมือนกันนะ”

กระทั่งหลี่เจี๋ยกลับไปแล้ว เฝิงฉู่จึงถามหลี่จิ้ง “เหลยถิงสตูดิโอ นายมีความเห็นยังไงบ้าง”

“เป็นสื่อปาปารัสซี่แถวหน้าของประเทศ ตัวการที่ทำให้ทุกคนในวงการปวดหัว” หลี่จิ้งว่า “แต่เล่อเล่อไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับปัญหายุ่งยาก พวกเขาคงหาอะไรมาเล่นข่าวไม่ได้หรอก”

เสิ่นตุ๊บป่องมองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

คุณผู้ชายครับ คุณอ่อนต่อโลกเกินไปแล้ว

บนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอยู่ประเภทหนึ่ง

ที่ชื่อว่า คุณยายหก

ฟางเล่อจิ่งแอบเหยียบเท้าอีกฝ่ายไปที

รีบเก็บจินตนาการอันกว้างไกลของนายซะ!

“ไม่ว่ายังไง ตอนนี้เล่อเล่อกับหานหานก็กำลังเป็นที่สนใจ ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า” เฝิงฉู่ว่า “เหมือนที่หลี่เจี๋ยพูดเมื่อกี้นั่นแหละ ถึงตัวเองจะไม่ได้ทำอะไรผิด ก็สู้กับการใส่สีตีไข่ของอีกฝ่ายไม่ได้หรอก เธอเป็นคนมีไหวพริบเลยไม่ได้พูดอะไร ถ้าไปเจอศิลปินหญิงที่ชอบพูดสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าละก็ คงถูกแต่งเรื่องไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้”

“นายพอจะรู้จักสตูดิโอนี้ไหม” หลี่จิ้งถามหยางซี

“ก่อนหน้านี้ไม่ แต่ข่าวที่หานหานกับเล่อเล่อแย่งตำแหน่งพรีเซนเตอร์กันตอนนั้นมาจากสตูดิโอนี้เป็นที่แรก ฉันเลยตั้งใจตรวจสอบโดยเฉพาะ” หยางซีเอ่ย “ผู้ก่อตั้งไม่มีอะไรน่าสนใจและไม่ใช่คนในวงการ แต่หุ้นส่วนที่ชื่อซุนขุยเกิดมาเพื่อเป็นปาปารัสซี่เลยละ เขาแฉเรื่องอื้อฉาวในวงการมากมายจนทำให้เหลยถิงสตูดิโอดังได้ในชั่วข้ามคืน”

“วงการนี้มีปาปารัสซี่ไม่น้อย แต่ทำได้ระดับเหลยถิงกลับมีไม่เยอะ” หลี่จิ้งเอ่ย “จุดที่ซุ่ม สถานที่ดักรอมันแม่นยำไปหน่อย เหมือนกับมีสายในวงการ”

เสิ่นหานมองฟางเล่อจิ่งด้วยสายตาเห็นใจ

โดนสุดยอดกอเอี๊ยะหนังสุนัขแบบนี้ตามติด มันน่าจุดเทียนไว้อาลัยให้จริงๆ

“ก็มีแต่ต้องเพิ่มความระวังอีกเท่าตัว” หลี่จิ้งตบไหล่ฟางเล่อจิ่งเบาๆ “นายเองก็ต้องระวังตัวขึ้น กลับไปแล้วก็พยายามอย่าออกไปไหน ยิ่งไปกว่านั้นคือห้ามมีแฟน”

“แค็กๆๆ!” เฝิงฉู่กระแอมสุดชีวิต

ฟางเล่อจิ่ง “…”

“นายเป็นอะไร” หลี่จิ้งนิ่วหน้า

“ถั่ววาซาบิเผ็ดชะมัด” เฝิงฉู่ทำหน้าระทมทุกข์ เล่อเล่อมีแฟนแล้ว เข้าใจไหม ฉันบกพร่องในหน้าที่จริงๆ

ฟางเล่อจิ่งส่งแก้วน้ำให้เขาด้วยท่าทีเรียบเฉย

“ตอนนี้มีหลายคนรู้ที่อยู่ของนาย กลับไปฉันจะทำเรื่องกับบริษัทดูว่าจะเปลี่ยนที่ได้หรือเปล่า” หลี่จิ้งพูดต่อ “จะได้ไม่โดนปาปารัสซี่ตามรังควานอีก” อย่างไรซะ หลังจากแสดงเรื่อง THE SUNSET แล้ว ไม่ว่าความนิยมหรืออิทธิพลของฟางเล่อจิ่งล้วนอยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อก่อน เมื่ออยู่ในที่ที่มีแต่คนแก่งแย่งชิงดีก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

เสิ่นหานกินหมูพันหน่อไม้ไปเงียบๆ

บอสไม่ยอมแน่

พวกเขาโดยสารเที่ยวบินขากลับในคืนนั้น แน่นอนว่าบรรดาสื่อที่ทราบข่าวล่วงหน้าต่างมารอกันที่สนามบินจนแน่นขนัด หลังให้สัมภาษณ์เล็กน้อย ฟางเล่อจิ่งก็อ้างว่ารู้สึกเพลียก่อนขึ้นรถตู้ ทิ้งให้เสิ่นตุ๊บป่องรับการสัมภาษณ์จากนักข่าวกลุ่มใหญ่ที่สนามบินเพียงลำพัง

เพื่อให้บอสได้เจอหวานใจเร็วขึ้นอีกนิด เขาไม่เสียดายเลยที่ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ การเสียสละนี้ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน!

สมควรได้รับมอบเหรียญรางวัล ‘ผู้ช่วยมือหนึ่ง’ สุดๆ

 

ภายในคอนโดเล็กๆ อันอบอุ่น เหยียนข่ายกำลังดูหม้อซุปอยู่ในครัว ฟางเล่อจิ่งเข้าห้องมาก็ต้องตกใจ “คุณกำลัง…ทำอาหารเหรอครับ”

“เปล่า” เหยียนข่ายตอบ “มู่ชิวบอกฉันว่าต้องใช้ทัพพีคนไปเรื่อยๆ ไม่งั้นจะติดหม้อ”

ฟางเล่อจิ่งล้างมือเรียบร้อยก็มาเมียงมองอยู่ข้างหม้อ ก่อนหลุดขำ “ประธานมู่อำคุณแล้ว ซุปไก่จะติดหม้อได้ยังไง”

เหยียนข่ายนิ่งค้างไปชั่วขณะ อยากจับเจ้ามู่ชิวมาสับให้เละ

มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าเขายืนคนตรงนี้มาสี่สิบนาทีแล้ว

“ได้แล้ว” ฟางเล่อจิ่งปิดไฟแล้วหันไปกอดเอวอีกคนไว้ “เราไปกินข้าวกันเถอะ”

“เดินทางเหนื่อยหรือเปล่า” เหยียนข่ายหยิบถ้วยออกมา

“ไม่เท่าไหร่ครับ ฟังหานหานเล่าข่าวซุบซิบมาตลอดทาง” ฟางเล่อจิ่งตักข้าวพลางถาม “คุณพอรู้เรื่องเหลยถิงสตูดิโอไหม”

“มาก่อกวนนายอีกแล้วเหรอ” เหยียนข่ายได้ยินก็ขมวดคิ้ว

“เปล่า แต่เมื่อกลางวันตอนกินข้าวอยู่ ผมเจอกับหลี่เจี๋ย” ฟางเล่อจิ่งถาม “คุณจำเธอได้ไหม”

“แน่สิ” เหยียนข่ายบีบแก้มอีกคน “สารภาพรักต่อหน้าผู้คนขนาดนั้น” น้ำเสียงฟังดูหึงหวง

“อย่าหึงไปเรื่อยสิครับ” ฟางเล่อจิ่งวางอาหารบนโต๊ะ แล้วเล่าเรื่องของเหลยถิงสตูดิโอให้เขาฟังคร่าวๆ

“จ้องจับผิดนายโดยเฉพาะ?” สีหน้าของเหยียนข่ายดูอึมครึม

“ยังไงก็ไม่ได้ข้อมูลไป” ฟางเล่อจิ่งเลื่อนเก้าอี้มานั่ง “ผมแค่นึกขึ้นได้เลยลองถามคุณดู”

“ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในลานจอดรถ ฉันเคยเห็นซุนขุยติดต่อกับหลี่เจี๋ย” เหยียนข่ายเล่า “ฉันนึกว่าเป้าหมายคือเฉิงเสี่ยวชิงกับเซียวมั่ว ไม่ก็เรื่องการแข่งขัน คิดไม่ถึงว่าจะพุ่งเป้ามาที่นาย”

“แล้วยังไงครับ” ฟางเล่อจิ่งป้อนเนื้อไก่ให้อีกฝ่าย

“เรื่องนี้มันยังไม่จบ” เหยียนข่ายว่า “หรือก็คือ ถึงเราอยากจบ อีกฝ่ายคงไม่ยอมให้จบ เพราะงั้นสู้ลงมือก่อนดีกว่า ป้องกันไม่ให้เป็นฝ่ายถูกกระทำในอนาคต”

“อะไรคือ ‘สู้ลงมือก่อนดีกว่า’” ฟางเล่อจิ่งไม่เข้าใจ

“นายลองเดาสิ” เหยียนข่ายเขี่ยปลายจมูกอีกฝ่าย

ฟางเล่อจิ่งส่ายหน้า “เดาไม่ถูก”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ให้อีกฝ่ายรู้ว่านายคือตอขนาดใหญ่ที่แตะไม่ได้” เหยียนข่ายยิ้ม “ปาปารัสซี่เป็นพวกที่เปลี่ยนสีเก่งที่สุดในวงการ ทุกคนต่างต้องทำมาหากิน ไม่มีใครอยากมีปัญหาจริงๆ หรอก”

“วิธีล่ะครับ” ฟางเล่อจิ่งถาม

“เรื่องนี้ต้องรอที่บริษัทปรึกษากันก่อนถึงจะตัดสินใจได้” เหยียนข่ายตอบ “เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ตั้งใจกินข้าว พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเจอเพื่อนสองสามคน”

“เพื่อน?” ฟางเล่อจิ่งแปลกใจ “เจอใครครับ”

“ไม่ต้องกังวล” เหยียนข่ายป้อนเขา “ฉันเคยบอกว่าถ้ามีโอกาสจะพานายไปเจอเพื่อนฉัน นานๆ จะเจอกันสักที นายเองก็ไม่ติดงานอะไรพอดี ถือว่าไปผ่อนคลายแล้วกัน”

“ไม่ต้องรอเปิดเผยความสัมพันธ์กันก่อนเหรอครับ” ฟางเล่อจิ่งถาม

“ฉันไม่พานายไปเจอคนที่ไว้ใจไม่ได้หรอก” เหยียนข่ายยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ไม่มีทางพูดซี้ซั้วแน่นอน”

“…ก็ได้” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้าและไม่ถามอะไรอีก

“ไม่ต้องกังวลจริงๆ” เหยียนข่ายคลี่ยิ้มพร้อมมองอีกฝ่าย

“ผมไม่ได้กังวลสักหน่อย” ฟางเล่อจิ่งกินต่อ

เหยียนข่ายเตือน “นายใช้ตะเกียบกินซุปอยู่นะ”

ฟางเล่อจิ่ง “…”

สิบนาทีถัดมา เหยียนข่ายยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องน้ำ “เล่อเล่อ ฉันผิดไปแล้ว รีบออกมาเร็ว ซุปจะเย็นหมดแล้ว” ไอ้นิสัยชอบมาซ่อนในห้องน้ำนี่เมื่อไหร่จะแก้หายสักที

ไว้ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อไหร่ คงต้องรื้อกลอนประตูห้องน้ำในบ้านออกให้หมด

ขี้อายน้อยลงหน่อยไม่ได้หรือไง

บอสกลุ้มใจเป็นอย่างมาก

ในเวลาเดียวกัน ภายในคอนโดอีกด้าน เสิ่นตุ๊บป่องที่ไม่รู้จักอายกำลังยืนอยู่หน้ากระทะ รอหยางซีทอดลูกชิ้นให้กินอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘นั่งเครื่องแล้วเวียนหัว ต้องบำรุงสักหน่อย’

นี่แหละที่เรียกความแตกต่างระหว่างมนุษย์

ไม่มีทางก้าวข้ามช่องว่างนี้ได้เลย

 

บ่ายวันรุ่งขึ้น คนขับรถมาถึงตรงเวลาและรับเหยียนข่ายกับฟางเล่อจิ่งไปนอกเมือง

“มีอะไรต้องระวังไหมครับ” ฟางเล่อจิ่งถาม

“ไม่ต้องระวังอะไรทั้งนั้น” เหยียนข่ายลูบศีรษะอีกคน “บอกแล้วไงว่าเป็นงานสังสรรค์ในหมู่เพื่อน ทำตัวตามสบายได้เต็มที่”

“แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไปเจอเพื่อนของคุณนะ” ฟางเล่อจิ่งกุมมืออีกฝ่าย

“เพื่อนของฉันก็เหมือนเพื่อนของนาย เพราะงั้นไม่ต้องกังวล” เหยียนข่ายขยับเข้าไปจูบหน้าผากอีกฝ่าย

ใบหูของฟางเล่อจิ่งร้อนผ่าว รีบดันตัวต้นเหตุออกไป

มีคนอื่นอยู่ด้วยนะ!

คนขับรถยังตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน

ในที่สุดรถเก๋งก็มาหยุดหน้าบ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่ง ชายที่มาเปิดประตูให้ความรู้สึกเหมือนเด็ก เขาส่งยิ้มตาหยี “ทุกคนมาถึงแล้ว กำลังรอพวกนายอยู่”

“รถติดนิดหน่อย” เหยียนข่ายพาฟางเล่อจิ่งเดินเข้าไปในตัวบ้าน

อีกฝ่ายปิดประตูและเอ่ยอย่างเป็นมิตร “ขอเรียกนายว่าเล่อเล่อได้ไหม ฉันชอบหนังที่นายแสดงมาก ฉันชื่อหลิวเสี่ยวเหนียน”

“สวัสดีครับ” ฟางเล่อจิ่งจับมือทักทายอีกฝ่าย “ผมเคยได้ยินชื่อคุณที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า” ฟังดูคุ้นจัง

“งั้นเหรอ” รอยยิ้มของหลิวเสี่ยวเหนียนชะงักไปชั่วขณะ “คงไม่…มั้ง”

“นายอ่านนิยายที่เสี่ยวเหนียนเขียนเหรอ” เหยียนข่ายตะลึงอย่างเห็นได้ชัด รายชื่อหนังสือผุดขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว

สะดุดรักแมวป่าตัวน้อย

ภริยาจักรวรรดิมาเฟีย

สนมนักฆ่าของท่านอ๋องเจ้าเล่ห์

หยุดนะยัยเลขาฯจอมแก่น

เขาต้องฝันไปแน่ๆ

ทำไมเล่อเล่อของเขาถึงอ่านของพวกนี้ได้

“อ๋อ ผมนึกออกแล้ว คุณเป็นนักเขียน” ฟางเล่อจิ่งนึกออก

“ฉัน เอ่อ…ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หลิวเสี่ยวเหนียนเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ อย่าพูดถึงประวัติศาสตร์อันดำมืดตามใจชอบสิ!

เหยียนข่ายช็อก ไม่จริงมั้ง นี่อ่านจริงๆ เหรอ?!

แต่แบบนี้ก็ดูมีมุมน่ารักๆ เหมือนกันแฮะ ดังนั้นบอสเลยสงบลงและปรับสภาพอารมณ์อย่างรวดเร็ว เตรียมลงลึกถึงรายละเอียดกับอีกฝ่าย เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองไม่ได้ตกใจเลย

“หานหานพูดให้ผมฟังบ่อยๆ” ฟางเล่อจิ่งว่า “กระต่ายเยลลี่สีชมพูอีก เดี๋ยวผมไปขอลายเซ็นได้ไหม”

“…ได้สิ” เหยียนข่ายพยักหน้าอย่างยากลำบาก ก่อนพาอีกฝ่ายเดินเข้าข้างในด้วยกัน

ห้องรับแขกอันกว้างขวางของบ้านพักมีใครหลายคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามาก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม เหยียนข่ายแนะนำพวกเขาสั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มพูดคุยกัน ไม่ได้สนใจใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ทำให้ฟางเล่อจิ่งผ่อนคลาย พูดคุยและหัวเราะไปกับทุกคนจนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

“เสียดายที่ซูนั่วกับโอวหยางไม่อยู่ ไม่งั้นนายจะได้มีเพื่อนในวงการบ้าง” เหยียนข่ายว่า “จงหลีเฟิงป๋ายก็ติดถ่ายหนังที่อื่น”

“ที่แท้ทุกคนก็รู้จักกันหมดนี่เอง” ฟางเล่อจิ่งหลุดยิ้ม

“วงการแคบแค่นี้ รู้จักกันก็ไม่แปลก” เหยียนข่ายรินไวน์ให้อีกคน “ลองชิมดูสิ สมบัติส่วนตัวของเจ้ามู่ชิว”

“เปรี้ยวไปนิด” ฟางเล่อจิ่งจิบเล็กน้อย

“ไม่ชอบเหรอ” เหยียนข่ายใช้หัวแม่มือเกลี่ยริมฝีปากของอีกฝ่าย “คราวหน้าจะหาที่รสนุ่มกว่านี้ให้นะ”

“สวีตกันกลางวันแสกๆ เลยนะ” ใครบางคนส่งเสียงจิ๊จ๊ะมาจากฝั่งตรงข้าม เขาเป็นเพื่อนสนิททางธุรกิจของเหยียนข่าย และเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเกมออนไลน์ของประเทศเช่นกัน ชื่อว่ากู้ข่าย

“นายจะสวีตด้วยก็ได้นะ” เหยียนข่ายเลิกคิ้ว

“คิดตื้นๆ” กู้ข่ายทำหน้าหมั่นไส้ ก่อนหันไปเรียก “เสี่ยวเหนียน”

“มีอะไร” หลิวเสี่ยวเหนียนตอบรับเสียงดังมาจากห้องครัว

“ออกมาพักก่อน” กู้ข่ายว่า

“ไม่ออก” หลิวเสี่ยวเหนียนปฏิเสธ แล้วล้างผลไม้ต่อไป

กู้ข่าย “…”

“พี่เข้าครัวไปแบกพี่สะใภ้ออกมาสิ” น้องชายแห่งบ้านกู้พูดยั่วยุ

เหยียนข่ายตอบ “เขาไม่กล้าหรอก”

กู้ข่ายเงียบไปสักพัก ก่อนทำสีหน้าอึมครึม ท่าทางเหมือนจะเข้าห้องครัวไปทวงคืนความเป็นใหญ่อย่างนั้นแหละ

หลิวเสี่ยวเหนียนถือจานผลไม้เดินออกมาจากห้องครัว

เวรแล้ว! กู้ข่ายรีบส่งยิ้มหวาน กระวีกระวาดเข้าไปหา

ภรรยาเขาน่ารักสุดๆ!

เหยียนข่ายขำจนปวดท้อง

ฟางเล่อจิ่งพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขารู้สึกว่ากู้ข่ายตรงหน้ากับที่เห็นในนิตยสาร…ไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่

“ฉันถึงบอกว่านี่เป็นงานสังสรรค์ในหมู่เพื่อน” เหยียนข่ายตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “ไม่ใช่งานเลี้ยงสมาคมจอมปลอม ไม่ต้องสวมหน้ากากเข้าหากันเลย”

ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า ถือพุดดิงถ้วยเล็กแบ่งกันกินกับอีกคน

เจ้าของบ้านพักตากอากาศคือมู่ชิว ภายในบ้านจึงมีไวน์ชั้นดีเก็บสะสมไว้มากมาย นอกจากนี้ยังมีข้าวของเกี่ยวกับภาพยนตร์ของจงหลีเฟิงป๋ายไม่น้อย เมื่อช่วงพลบค่ำคืบคลานเข้ามา เหยียนข่ายพูดคุยอยู่ด้านข้าง ฟางเล่อจิ่งกับหลิวเสี่ยวเหนียนดูสุดยอดภาพยนตร์สยองขวัญด้วยกัน ส่วนคนที่เหลือก็เล่นเกมบ้าง ดื่มบ้าง ตกดึกถึงแยกย้าย

“สนุกไหม” ระหว่างทางกลับบ้าน เหยียนข่ายโอบอีกคนเข้ามาในอ้อมแขน

“อื้อ” ฟางเล่อจิ่งโบกมือถือไปมา “ผมแลกเบอร์ไปเยอะเลย”

“ทุกคนชอบนายกันมาก” เหยียนข่ายยิ้ม “ต่อไปยังมีงานรวมตัวแบบนี้อีกเยอะ นายจะได้เจอเพื่อนฉันทุกคน”

“ขอบคุณนะครับ” ฟางเล่อจิ่งเอนตัวพิงไหล่อีกฝ่าย

“ขอบคุณอะไร” เหยียนข่ายขบขัน

ฟางเล่อจิ่งบีบนิ้วของอีกคน “วันนี้ผมมีความสุขมาก” การที่คนรักกันจูงมือกันไปพบปะเพื่อนฝูงได้อย่างเปิดเผยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนในวงการนี้

และมีเพียงหัวใจที่แน่วแน่ของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ที่จะยินยอมให้กลุ่มเพื่อนได้แทรกซึมเข้ามาทีละน้อย

“วันนี้นายกับเสี่ยวเหนียนดูคุยกันถูกคอ หนังสือของเขาก็กำลังจะสร้างเป็นหนังด้วย” เหยียนข่ายบอก

ประธานจอมเผด็จการตกหลุมรักฉัน น่ะเหรอครับ” ฟางเล่อจิ่งขนหัวลุก

เหยียนข่ายหลุดขำ “อืม ประธานจอมเผด็จการตกหลุมรักนาย”

“ไม่เล่นสิครับ!” ฟางเล่อจิ่งเก้อเขิน

“คงเปลี่ยนชื่อเรื่อง” เหยียนข่ายเอ่ยเย้า “สนใจแสดงไหม”

ฟางเล่อจิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ให้ผมเล่นเป็นประธานจอมเผด็จการ?”

เหยียนข่ายหลุดหัวเราะ

ใบหน้าที่ราบเรียบไม่เคยเปลี่ยนของคนขับรถก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ อย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก

เหยียนข่ายหัวเราะจนตัวงอ พอเมาแล้วเพี้ยนแบบนี้นี่เอง

ฟางเล่อจิ่งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หันหน้ามองนอกหน้าต่าง

ขี้แกล้งจริงๆ

รถเก๋งสีเงินแล่นไปจนเข้าสู่ถนนสายหลัก ไม่นานก็หลอมรวมเข้ากับกระแสการจราจรที่ไหลไป

ฟางเล่อจิ่งซบอกของเหยียนข่ายและหลับสนิทอย่างไร้กังวล

 

สามวันถัดมา เหยียนข่ายและฟางเล่อจิ่งโดยสารเที่ยวบินมุ่งหน้าไปอังกฤษด้วยกัน ทิ้งให้ป๋ายอี้นั่งน้อยใจอยู่ที่บริษัทเพียงลำพัง! เมื่อก่อนเวลาจะไปไหน อย่างน้อยยังหาเหตุผลมาอ้าง แต่ตอนนี้แค่บอกว่า “จะไปอังกฤษ” ก็หายวับไปเลย ยังรู้ว่าตัวเองเป็นเจ้านายอยู่ไหม!

ทนไม่ไหวแล้ว

แต่เหยียนข่ายไม่มีทางคิดเยอะแบบนั้น การไปพบพ่อตาแม่ยายต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่

ควรค่าแก่การเตรียมตัวอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ

“ผมกลับก่อนนะครับ คุณรอโทรศัพท์อยู่ที่โรงแรมนะ” ฟางเล่อจิ่งตบใบหน้าด้านข้างของอีกคนเบาๆ

“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ฉันกลับไปพร้อมกัน” เหยียนข่ายถาม

“อย่าเพิ่งเลยครับ” ฟางเล่อจิ่งตอบ “ผมขอกลับไปเกริ่นให้พวกเขารู้ก่อน”

“ถ้านายถูกขังไม่ให้ออกมาล่ะ” เหยียนข่ายถาม

“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงครับ ผมไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อย” ฟางเล่อจิ่งว่า “อีกอย่างพ่อแม่ผมค่อนข้างหัวสมัยใหม่ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

“ก็ได้” เหยียนข่ายรอมชอม “ถ้างั้นไม่ว่าสถานการณ์เป็นยังไงก็ต้องโทร.หาฉัน อย่างช้าที่สุดภายในสองชั่วโมงนะ”

“โอเค” ฟางเล่อจิ่งกอดเอวอีกฝ่ายไว้ “จูบหน่อยสิครับ”

นานๆ ทีจะรู้จักเป็นฝ่ายขอจูบบ้าง เหยียนข่ายหัวเราะ โน้มหน้าไปจูบอีกคนอย่างหนักหน่วง ก่อนคว้าเจ้าตัวมากอดไว้ “ไม่ต้องกลัว ชีวิตยังอีกไกล เราจะค่อยๆ ผ่านมันไปด้วยกัน”

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า