[ทดลองอ่าน] บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ ตอนที่ 105

巨星手记
บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์

 

อวี่เซี่ยวหลานซาน เขียน
ธมน แปล
get-sem วาด

 

— โปรย —

หลังจากพลาดตำแหน่งราชาแห่งวงการในเทศกาลภาพยนตร์ยุโรปคราวก่อน
ฟางเล่อจิ่ง ก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนี้อีกครั้ง
แต่ก่อนที่จะถึงการประกาศรางวัล
เขาต้องถ่ายรายการร่วมกับคู่ปรับอย่าง เว่ยอี้ ผู้อยู่เบื้องหลังดราม่าต่างๆ
เว่ยอี้ โจมตีหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เพื่อขุดคุ้ยจุดด่างพร้อยมาขัดขวางเส้นทางความก้าวหน้าของอีกฝ่าย
แต่การโจมตีนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ เมื่อฝั่งเขาเองก็พบปัญหาใหญ่จากปาปารัสซี่คนสนิท

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

105 งานพบปะอันปรองดองสุขสันต์ของสองครอบครัว!

ไปออกรายการทีวีด้วยกันดีไหม!

“ให้เล่นอีกชั่วโมงเดียวนะ” หยางซียอมถอยให้ “หลังจากนั้นต้องนอน”

“ได้” เสิ่นหานเอื้อมมือหยิบแอปเปิลมาแทะ “ช่วงนี้นายติดตามความเคลื่อนไหวของเว่ยอี้บ้างไหม”

“ไม่มีข่าวอะไรเป็นพิเศษ” หยางซีบอก “เพิ่งถ่ายเรื่อง ถนนหยางผิงหมายเลข 13 จบ เขาเองก็คงพักสักระยะ”

“ในเน็ตก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาเลย” เสิ่นหานเอ่ย “ดูจากที่เป็นกระแสเมื่อสามวันก่อนแล้ว มันดูเงียบผิดปกติ” อย่าบอกนะว่าเตรียมทำอะไรแผลงๆ อีกแล้ว แค่คิดก็ปวดหัวแทบบ้า!

“ฉันจะช่วยจับตามองให้ จะไม่เกิดเรื่องแบบแต่ก่อนอีก” หยางซีว่า “อีกอย่างตอนนี้นายกำลังได้รับความนิยม ไม่ใช่ใครคิดจะรังแกก็รังแกได้ เพราะงั้นไม่ต้องไปสนใจมากหรอก” เขารู้สึกผิดทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ หากเขารับช่วงดูแลอีกฝ่ายให้เร็วกว่านี้คงไม่ต้องถูกคนอื่นกลั่นแกล้งนานขนาดนั้น

“ไม่ใช่แค่ฉัน เล่อเล่อก็ด้วย” เสิ่นหานพูดอย่างเดือดดาล “ช่วงนี้สื่อทุกแห่งเอาแต่เปรียบเทียบหนังเรื่อง เหตุการณ์ผิงลั่ว กับ ถนนหยางผิงหมายเลข 13 สำหรับเว่ยอี้ ตอนนี้เล่อเล่อน่ากลัวกว่าฉัน เขาขี้อิจฉาซะขนาดนั้น แถมวิธีการก็น่ารังเกียจ ต้องถือโอกาสนี้เล่นลูกไม้อะไรอีกแน่”

“เล่อเล่อมีประธานเหยียน ยิ่งไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” หยางซีลูบศีรษะอีกฝ่าย

“ก็เพราะมีประธานเหยียนนั่นแหละ!” เสิ่นหานหมั่นไส้ “คุณยายหกคือจุดอ่อนอย่างเดียวของเล่อเล่อตั้งแต่เข้าวงการมา” เป็นก้างชิ้นใหญ่เลยละ ถ้าถูกสื่อเปิดโปงต้องแย่แน่ ไม่รู้เลยว่าจะเล่นข่าวโคมลอยอะไรอีก

หยางซีขบขัน “ประธานเหยียนรู้ไหมว่านายพูดถึงเขาแบบนี้”

“ไม่รู้อยู่แล้ว” เสิ่นหานส่ายหน้าทันควัน “ตอนบอสอยู่ด้วย ฉันมีแต่หลับหูหลับตาสรรเสริญเท่านั้นแหละ” ฉลาดหลักแหลมขนาดนี้ สมควรให้บอสเซ็นอนุมัติวันลาพักร้อนปีหน้าให้จริงๆ!

“แม้แต่นายยังคิดได้ ไม่มีทางที่ประธานเหยียนจะคิดไม่ได้” หยางซีเอ่ย “เขาต้องปกป้องเล่อเล่อมากขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ปล่อยให้คนที่มีเจตนาแอบแฝงมาฉวยโอกาสแน่ เพราะงั้นไม่ต้องกลัว”

“ถ้าเล่อเล่อได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์ยุโรปครั้งนี้ก็ดีสิ” เสิ่นหานว่า “ถ้าเป็นแบบนั้น ถึงจะถูกปาปารัสซี่ถ่ายได้ ข่าวลือเรื่องไต่เต้าคงน้อยลงบ้าง” ถึงอย่างไร ต่อให้ตงหวนเอนเตอร์เทนเมนต์จะมีอิทธิพลในประเทศจีนมากแค่ไหน ก็คงควบคุมการคัดเลือกรางวัลของเทศกาลภาพยนตร์ยุโรปไม่ได้ หากคว้ารางวัลในครั้งนี้สำเร็จ ก็ถือเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ในอนาคตตอนที่เปิดเผยความสัมพันธ์ก็จะทำให้ความเห็นด้านลบบนอินเทอร์เน็ตน้อยลงไปด้วย

“เรื่อง THE SUNSET ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน บางทีอาจเป็นไปตามที่นายคาดหวังก็ได้” หยางซีคว้าเมาส์ออกจากมือของอีกคน แล้วคลิกปุ่มปิดเครื่อง “เอาละ นอนได้แล้ว”

“ยังไม่ถึงชั่วโมงเลย!” เสิ่นหานประท้วง

“แล้วยังไง” หยางซีถาม

ฉันจะเล่นต่อน่ะสิ นายเปิดเครื่องเดี๋ยวนี้เลย! เสิ่นตุ๊บป่องตัดพ้อผ่านสายตา

หยางซีโน้มตัวเล็กน้อยให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับอีกฝ่าย “หือ?”

เสิ่นหานประสานสายตากับเขาอย่างกล้าหาญ ฉันไม่กลัวหรอก!!!

หยางซีกระตุกมุมปาก

สามนาทีถัดมา เสิ่นตุ๊บป่องทนแรงกดดันไม่ไหวและเป็นฝ่ายยอมจำนนก่อน เจ้าตัวเอ่ยอย่างน้อยใจ “นอนก็นอน!” อย่าคิดว่าหล่อแล้วทำตัวใกล้ชิดคนอื่นขนาดนี้ได้นะ ฉันไม่เลิ่กลั่กเลยสักนิด!

หยางซีหัวเราะ ก้มตัวลงช้อนอีกคนเดินไปยังห้องน้ำ

“ฉันผอมลงไหม” เสิ่นหานถาม

หยางซีวางเขาลงบนเครื่องชั่งน้ำหนัก “ดูเองสิ”

“เดี๋ยวๆๆๆ!” เสิ่นหานกระโดดลงจากตาชั่ง รีบปอกเปลือกตัวเองจนเหลือเพียงกางเกงในตัวจ้อยตัวเดียว “เราต้องชั่งน้ำหนักสุทธิ!” จะให้เสื้อผ้ามาถ่วงน้ำหนักไม่ได้เด็ดขาด!

หยางซีกลั้นยิ้ม

เสิ่นหานเพ่งมองตัวเลขก่อนพูดด้วยความดีใจ “ผอมลงจริงด้วย” ยอดเยี่ยมที่สุด!

“เพราะช่วงนี้ตารางงานนายค่อนข้างแน่น” หยางซีเปิดน้ำลงในอ่าง “ฉันเลยโดนชาวเน็ตตำหนิไปรอบ” แถมยังดุเดือดมากซะด้วย!

ถึงบอกว่าแฟนคลับของเสิ่นตุ๊บป่องน่ะเอาใจยาก แถมแต่ละคนอายุแค่ไม่เท่าไหร่แต่เป็นมืออาชีพในการดันแฮชแท็กกันสุดๆ! พองานน้อยไปก็ติดแท็ก #หยางซีไปไหน พองานเยอะเกินก็พากันติดแท็ก #นายทุนหยางซี พออ้วนก็ #หยางซีหยุดเดี๋ยวนี้ พอผอมก็ #หยางซีไปทำอาหาร กันอย่างรวดเร็วและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สมกับเป็นเจ้าแห่งการปั่นอันดับจริงๆ!

สำหรับเรื่องนี้ แม้แต่แฟนคลับของซูนั่วและฟางเล่อจิ่งยังฝีมือห่างชั้น ทำได้เพียงกัดผ้าเช็ดหน้าเอาใจช่วยเท่านั้น

นี่มันเครื่องจักรซอมบี้ชัดๆ

เสิ่นหานพึมพำ แล้วสวมกอดอีกคนจากด้านหลังอย่างออดอ้อน “นายระบายที่ฉันก็ได้นะ” จะใช้วิธีไหนก็ได้ทั้งนั้น นอกจากลดน้ำหนักกับออกกำลังกาย!

นี่แหละที่เรียกว่าแฟนคลับลงมือ ไอดอลรับกรรม…

 

กำหนดการเดิมของเหยียนข่ายและฟางเล่อจิ่งคืออยู่อังกฤษต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ค่อยกลับประเทศจีน ทว่ากลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

เพราะนายท่านและคุณนายแห่งตระกูลเหยียนบินจากอเมริกามายุโรปเช่นกัน

“ในเมื่อประจวบเหมาะขนาดนี้ งั้นอาทิตย์หน้าเราเองก็ไปอังกฤษกันดีกว่า” โมลี่พูดอย่างอารมณ์ดี “ไปพบพ่อแม่ของเล่อเล่อสักหน่อย”

มือถือเปิดลำโพงไว้ ฟางเล่อจิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง พอได้ยินก็ตาโตทันที อะไรคือ ‘พบพ่อแม่ของเล่อเล่อ’ ผมยังไม่ทันเตรียมใจเลย!

“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ” เหยียนข่ายลูบศีรษะปลอบอีกคน เปลี่ยนมาถือโทรศัพท์มือถือด้วยมืออีกข้าง “ไม่งั้นรอครั้งหน้าดีไหมครับ”

“ทำไมต้องรอครั้งหน้า!” โมลี่ไม่พอใจ “มีเวลาพอดี จะได้นั่งคุยกันได้เต็มที่” โอกาสหายากแบบนี้ต้องรักษาไว้ให้ดี

ฟางเล่อจิ่งคว้าแขนของเหยียนข่าย จะคุยเต็มที่ด้วย?!

“มันจะ…ไม่เป็นทางการไปหน่อยหรือเปล่า” เหยียนข่ายเอ่ยส่งเดช “ยังไงซะครั้งนี้พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ตั้งใจบินมาอังกฤษ แค่แวะมางานวันเกิดลุงจาง”

“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบินกลับอเมริกาแล้วค่อยบินไปอีกทีหรอกมั้ง” โมลี่นิ่วหน้า “พ่อแม่ของเล่อเล่อคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก”

เหยียนข่ายสำลัก โฟกัสผิดจุดไปหรือเปล่า นี่มันวิธีคิดแบบก้าวกระโดดอะไรเนี่ย

ประเด็นควรอยู่ที่วันข้างหน้ายังมีโอกาสอีกเยอะไม่ใช่หรือไง

แต่ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก โมลี่ก็ชิงวางสาย และเริ่มครุ่นคิดว่าจะมอบของขวัญอะไรให้พ่อแม่ของลูกสะใภ้ดี ไม่มีอะไรรวดเร็วปานสายฟ้าแลบได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“อาทิตย์หน้าจริงๆ เหรอครับ” ฟางเล่อจิ่งถามด้วยความกังวล

“น่าจะอย่างนั้น” เหยียนข่ายพยักหน้า “ฉันเองก็โน้มน้าวไม่ได้ หรือนายจะลองดู?”

“ผมไม่ลอง” ฟางเล่อจิ่งส่ายหน้าปฏิเสธ

“เด็กดี คลายมือออกก่อน” เหยียนข่ายตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “นายหยิกจนแขนฉันจะเขียวแล้ว”

ฟางเล่อจิ่ง “…”

ลืมไปเลย

“กลัวอะไร” เหยียนข่ายรวบอีกคนเข้ามากอด “จะช้าหรือเร็วก็ต้องเจอกันอยู่ดี เร็วขึ้นอีกแค่ไม่กี่วันไม่เห็นต้องใส่ใจเลย” นิ่งคิดไปชั่วครู่ก็เอ่ยสำทับ “ถึงจะกังวล คนที่ควรกังวลคือคุณลุงมากกว่า”

ฟางเล่อจิ่ง “…”

ก็จริงแฮะ

ในห้องเก็บของชั้นล่าง จู่ๆ พ่อฟางเล่อจิ่งที่กำลังทำความสะอาดเบ็ดตกปลาก็เย็นสันหลังวาบ

ความหนาวยะเยือกแบบนี้มัน…

ชวนขนลุกชะมัด

เหมือนกับเจอผีกลางวันแสกๆ

 

“พ่อแม่ของเธอจะมาสัปดาห์หน้า?” เช้าวันรุ่งขึ้นหลังทราบเรื่อง แม่ของฟางเล่อจิ่งก็แปลกใจเล็กน้อย

“ครับ” เหยียนข่ายพยักหน้า “ไม่รู้ว่าทางคุณป้ามีเวลาหรือเปล่าครับ”

“แน่นอนจ้ะ” แม่ของฟางเล่อจิ่งยิ้มแย้ม แล้วถือโอกาสชำเลืองมองสามีของตัวเอง “ได้ยินหรือยัง ครอบครัวเขาจะมาหาแน่ะ”

“ได้ยินแล้ว” พ่อของฟางเล่อจิ่งหั่นไส้กรอกย่างไปเงียบๆ จะดีใจก็ไม่ใช่ จะเสียใจก็ไม่เชิง ดูเหมือนทำตัวไม่ถูก

ทำไมตอนนั้นตัวเองถึงซื้อสมุดเล่มนั้นนะ!

เป็นความผิดพลาดครั้งเดียวที่กลายเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต ถูกพูดถึงมาตั้งกี่ปีแล้ว…

 

ช่วงบ่าย รองประธานป๋ายที่กำลังทำงานล่วงเวลารับโทรศัพท์อีกครั้ง

“‘กลับช้าสักสองสามวัน’ หมายความว่าไง” ป๋ายอี้อยากคว่ำโต๊ะเหลือเกิน ในฐานะบอส ทำตัวเอ้อระเหยตามใจชอบแบบนี้ได้เหรอ! สมควรเหรอ! เหมาะสมหรือไง!

“หมายความตามที่นายเข้าใจ” เหยียนข่ายตอบเหมือนทองไม่รู้ร้อน

หลังวางสาย ป๋ายอี้ระเบิดอารมณ์อยู่ในห้อง

ทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าอีกหนึ่งอาทิตย์จะกลับมา ความเชื่อใจระหว่างมนุษย์มันอยู่ที่ไหน!

แต่บอสก็โหดเหี้ยม เย็นชา เผด็จการแล้วก็ไร้เหตุผลแบบนี้แหละ

ดังนั้นรองประธานป๋ายเลยได้แต่ลงนามในเอกสารหัวแดง[1]อย่างช่วยไม่ได้ โดยให้เลื่อนการประชุมกลุ่มที่กำหนดไว้แต่เดิมออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์ เพราะประธานเหยียนยังสำรวจขั้วโลกใต้อยู่

ทุกคนในบริษัทพากันคร่ำครวญว่าคิดจะไปขั้วโลกใต้ก็ไป บอสของเราทั้งหล่อทั้งรวยจริงๆ

ไม่รู้ว่าใครจะมีวาสนาได้แต่งงานด้วย เราอิจฉาตาร้อนจะแย่แล้ว

 

บ่ายวันหนึ่งหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เหยียนข่ายอุ้มเด็กชายตัวน้อยเล่นในลานหลังบ้าน ฟางเล่อจิ่งนั่งอาบแดดบนชิงช้า เหลือบมองชั้นบนเป็นครั้งคราว

“มองอะไรอยู่” เหยียนข่ายนั่งลงข้างเขา ก่อนส่งชาแดงให้

“พ่อแม่ผมขึ้นไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว” ฟางเล่อจิ่งพูดอย่างสงสัย “เปลี่ยนชุดอะไรกันนะ” แม้ต้องพบพ่อแม่ของอีกฝ่ายที่โรงแรม แต่ดูเล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่า…ไม่ได้ไปเดินแฟชั่นโชว์สักหน่อย

“ขึ้นไปดูสิ” เหยียนข่ายมองนาฬิกาข้อมือ “เดี๋ยวไม่ทันเอานะ”

ฟางเล่อจิ่งลุกขึ้นวิ่งไปชั้นบน หลังเคาะประตูห้องนอนแล้วเปิดออกก็ต้องตกตะลึง เมื่อสัมผัสได้ถึงความอลหม่านเหมือนสงครามโลก!

“จวนจะเสร็จแล้ว” แม่ของฟางเล่อจิ่งเอ่ยอย่างอ่อนโยน “พ่อของลูกอยากแต่งตัวให้เต็มยศสักหน่อย”

พ่อฟางเล่อจิ่งถือโอกาสฟ้อง “เมื่อกี้แม่ของแกหาชุดให้พ่อ ใส่แล้วอย่างกับจะออกไปล่าราตรี”

“คิก” ฟางเล่อจิ่งหัวเราะ

พ่อฟางเล่อจิ่งลอบส่งสัญญาณมือขอความช่วยเหลือ

“ใกล้ได้เวลาแล้ว ถ้ายังเถียงกันอีกจะสายเอานะครับ” ฟางเล่อจิ่งหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกจากตู้ “เร็วๆนะพ่อ อีกสิบนาทีจะออกเดินทางแล้ว”

พ่อฟางเล่อจิ่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ส่วนแม่ฟางเล่อจิ่งวางมาดนางพญา จัดแต่งทรงผมหน้ากระจก

แพ้ไม่ได้เด็ดขาด!

 

รถยนต์มุ่งหน้าไปยังโรงแรม พนักงานต้อนรับอย่างสุภาพและนำทุกคนไปยังห้องอาหารชั้นบนสุด

“เล่อเล่อ” ทันทีที่ประตูเปิดออก โมลี่ก็ยิ้มพร้อมเดินเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น

“คุณป้า” ฟางเล่อจิ่งสวมกอดเธอครู่หนึ่ง “ขอบคุณนะครับที่มาหา”

“เพียงแต่ปุบปับไปหน่อย” โมลี่ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คงไม่รบกวนพ่อแม่ของเธอหรอกใช่ไหม”

“ไม่เลยครับ” ฟางเล่อจิ่งคลายมือ แล้วแนะนำผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย

“คุณนายฟางดูสาวจริงๆ” โมลี่จูงมืออีกฝ่ายอย่างสนิทสนม

แม่ฟางเล่อจิ่งพูดคุยกับเธอด้วยรอยยิ้มพร้อมปรากฏภาพสายลับสาว สายลับสาว สายลับสาวขึ้นมาในหัวไม่หยุด! ช่วยไม่ได้ สมัยสาวๆ มีภาพยนตร์แค่ไม่กี่เรื่อง พอดูเรื่องไหนก็จำได้ขึ้นใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโมลี่ที่ฝีมือการแสดงเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม แบบที่เห็นครั้งเดียวก็ลืมไม่ลง

ไม่นานพ่อๆ ของทั้งสองก็พูดคุยกันถูกคอ แม้ทำงานกันคนละอาชีพ แต่อย่างไรทั้งสองต่างก็เคยผ่านประสบการณ์ในยุคสมัยเดียวกัน เลยมีหัวข้อให้สนทนากันไม่น้อย น้องชายตัวเล็กแห่งตระกูลฟางนั่งบนเก้าอี้ หยิบผลไม้กินอย่างว่าง่าย ดวงตาโค้งขึ้นอย่างมีความสุข

“ในที่สุดฉันก็รู้ว่าทำไมนายถึงสนิทกับเสิ่นหานเหมือนรู้จักกันมานาน” เหยียนข่ายรินน้ำให้อีกฝ่ายพลางเอ่ยเสียงเบา “เหมือนกันอย่างกับแกะ” ถอดมาจากพิมพ์เดียวกันเป๊ะ

“สมัยสาวๆ ฉันเคยดูหนังภาคต่อสายลับหลายเรื่องเลยละค่ะ” แม่ฟางเล่อจิ่งคุยกับโมลี่อย่างสนุกสนาน

“ของในยุคนั้นเทียบกับสมัยนี้ได้ที่ไหน” โมลี่เอ่ยขำๆ “ข้อผิดพลาดเต็มไปหมดจนทนดูไม่ได้เลย”

“แต่คุณแสดงดีจริงๆ นะ” แม่ฟางเล่อจิ่งเปรย “พ่อของเล่อเล่อก็ชอบดูเหมือนกัน”

พ่อฟางเล่อจิ่งกระแอมสุดชีวิต อยู่เฉยๆ ก็งานเข้าซะได้!

แม่ฟางเล่อจิ่งแอบเหยียบเท้าเขาที่ใต้โต๊ะไปที

ศักดิ์ศรีของสามีหายไปไหนแล้ว!

การกินอาหารดำเนินไปได้ครึ่งทาง บรรยากาศรอบโต๊ะก็ยิ่งเป็นกันเองขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นคุณนายฟางคุยเรื่องภาพยนตร์กับโมลี่ได้ไม่ติดขัด ฟางเล่อจิ่งและพ่อของเขาก็แทบตะลึงจนอ้าปากค้าง!

คิดไม่ถึงเลยว่ามีความสามารถนี้ซ่อนอยู่ด้วย!

“ไม่อยากเชื่อว่าคุณนายฟางเคยดูหนังเรื่องนี้ด้วย” โมลี่ประหลาดใจระคนดีใจ “ฉันปรากฏตัวในฐานะดารารับเชิญไม่ถึงหนึ่งนาที แม้แต่ในอินเทอร์เน็ตยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย”

แม่ฟางเล่อจิ่งจับมือกับอีกฝ่าย “ฉันชอบบุคลิกของคุณในหนังเรื่องนี้ที่สุด โปสเตอร์หนังตอนนั้นยังถูกเอาไปขึ้นปกช่วงปีใหม่เลย ชุดกระโปรงสีแดง สวยมากเลยละค่ะ”

ฟางเล่อจิ่งและพ่อของเขาเหลือเพียงความรู้สึกเลื่อมใส

หลังมื้ออาหารจบลง โมลี่กับแม่ฟางเล่อจิ่งก็ควงแขนกันไปเดินช็อปปิ้ง พร้อมนัดคุยกันต่อที่โรงแรมในตอนเย็นด้วยท่าทางเหมือนสองพี่น้องที่สนิทสนมกันมานาน พ่อฟางเล่อจิ่งเลยเชิญครอบครัวอีกฝ่ายไปเยี่ยมชมฟาร์มของตัวเองและไวน์องุ่นที่เพิ่งหมักซะเลย

ฟางเล่อจิ่งนั่งบนรถด้วยความรู้สึกเหวอ

“ทำหน้าอะไรของนายน่ะ” เหยียนข่ายโบกมือตรงหน้าอีกคน

“คุยกันถูกคอไปหน่อยหรือเปล่า” ฟางเล่อจิ่งหันไปมองอีกฝ่าย

เหยียนข่ายขบขัน “แล้วไม่ดีหรือไง”

“คิดไม่ถึงเลยว่าแม่ผมจะดูหนังของคุณป้าเยอะขนาดนี้” ฟางเล่อจิ่งเอ่ย

เหยียนข่ายนิ่งคิด “ต้องยกความดีความชอบให้สมุดนั่น” ตอนนั้นเธอแค่อยากศึกษาศัตรูหัวใจ เลยดูภาพยนตร์ไปสิบกว่าเรื่องรวดเดียว คราวนี้กลับจับพลัดจับผลูได้ใช้ประโยชน์พอดี

“นี่ก็ขี้หึงเกินไปหน่อยไหม” ฟางเล่อจิ่งปวดหัว

“พูดแบบนั้นไม่ได้หรอก นั่นมันเงินเดือนของคุณลุงตั้งครึ่งเดือนเชียวนะ” เหยียนข่ายว่า “ถ้าให้เทียบก็เหมือนฉันทุ่มเงินมหาศาลในตอนนี้ ให้คนไปซื้อโปสเตอร์ดาราสาวมาจากต่างประเทศอย่างยากลำบาก แถมยังซ่อนไว้ไม่ให้นายเห็นนั่นแหละ…”

“คุณกล้าเหรอ!” ฟางเล่อจิ่งบีบหน้าอีกคน

“นายดูสิ” เหยียนข่ายหลุดขำ “แค่ฉันพูดนายยังไม่พอใจเลย”

ฟางเล่อจิ่งปล่อยมือจากใบหน้าอีกฝ่าย ครุ่นคิดชั่วขณะแล้วเอ่ย “ถูกแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อ!”

แม่ลูกถอดแบบกันมาเป๊ะ

“ไม่ว่ายังไงครั้งนี้ก็ราบรื่นกว่าที่เราคิดไว้มาก” เหยียนข่ายพูด “จูบทีนึง?”

ฟางเล่อจิ่งเหลือบมองไปทางเบาะหลัง

น้องชายห่มผ้าห่มผืนเล็กพิมพ์ลายสตรอว์เบอร์รี่ กำลังนอนหลับสนิทบนเบาะหลัง

ฟางเล่อจิ่งหลับตาแหงนหน้าขึ้นไปหา

เหยียนข่ายหัวเราะเสียงเบา ก้มลงแกล้งขบกัดริมฝีปากของอีกฝ่าย จากนั้นไม่รอให้เขาลืมตาก็คว้าเอวแล้วจูบลงไปอย่างลึกล้ำ

น้องชายตัวเล็กงัวเงียลืมตา มองสองคนที่อยู่บนเบาะด้านหน้าด้วยความสงสัย พอแน่ใจว่าไม่ได้ทะเลาะกันก็พลิกตัวเงียบๆ ขดตัวเข้าในผ้าห่มก่อนหลับต่อ

กัดกันไป กัดกันมา โลกของผู้ใหญ่ช่างไร้เดียงสาจริงๆ…

 

ไม่กี่วันหลังจากนั้น โมลี่และแม่ของฟางเล่อจิ่งก็บอกลากันด้วยความอาวรณ์ พร้อมนัดแนะวันที่จะเจอกันครั้งหน้าเสร็จสรรพ

วันรุ่งขึ้น ฟางเล่อจิ่งและเหยียนข่ายเดินทางกลับประเทศด้วยเที่ยวบินคนละเที่ยว เป็นอันสิ้นสุดวันหยุดช่วงสั้นๆ ทว่าแสนหวาน

“ยินดีด้วย!” เสิ่นหานจ่ออมยิ้มไปที่ปากของอีกฝ่าย “ไม่ทราบว่าความรู้สึกของการคลอดลูกเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดี” ฟางเล่อจิ่งคาบอมยิ้มไว้ในปาก “แคนดี้เดย์? รสชาติใช้ได้”

“ใช่ไหม ฉันเสนอรสนี้เอง” เสิ่นหานว่า “ใครๆ ก็บอกว่าอร่อย”

“ได้นายเป็นพรีเซนเตอร์นี่คุ้มจริงๆ” ฟางเล่อจิ่งว่า “มาพร้อมความสามารถในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย”

“ฉันก็คิดแบบนั้น” เสิ่นตุ๊บป่องภูมิใจสุดๆ นิ่งคิดไปนิดก็พูดต่อ “จริงสิ เดือนหน้ามีรายการทีวีเชิญไปออก หลี่จิ้งบอกนายหรือยัง”

“ล่าขุมทรัพย์กลางป่านั่นใช่ไหม” ฟางเล่อจิ่งเอ่ย “หลี่จิ้งเพิ่งส่งรายละเอียดให้ฉัน”

“ใช่” เสิ่นหานประคองแก้วน้ำ “ฉันจะไปออก”

“นายจะไปเหรอ ฉันเพิ่งคิดว่าจะปฏิเสธ” ฟางเล่อจิ่งบอก “ดูไม่ค่อยน่าสนใจ”

“คนคิดแผนรายการนี้เป็นเพื่อนของฉัน เขาช่วยไว้ไม่น้อยตอนฉันเพิ่งเข้าวงการ” เสิ่นหานว่า “อีกอย่างใช้เวลาถ่ายรายการแค่สามวัน แล้วฉันมีคิวว่างพอดี ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ”

“นายแน่ใจเหรอ เว่ยอี้ก็ไปนะ” ฟางเล่อจิ่งเอ่ยเตือน

“แล้วยังไง” เสิ่นหานไม่สนใจ “ฉันไม่กลัวเขาสักหน่อย”

“โอเค” ฟางเล่อจิ่งจับไหล่อีกฝ่ายไว้ด้วยมือสองข้าง “ถ้านายจะไปจริงๆ งั้นฉันจะไปเป็นเพื่อน”

“จริงเหรอ” เสิ่นหานซาบซึ้ง กุมมืออีกคนไว้ด้วยสภาพน้ำตาคลอเบ้า “บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่อาจทดแทน ขอชดใช้ด้วยร่างกายเป็นไง”

“ไม่ต้อง” ฟางเล่อจิ่งปฏิเสธ

“ทำไมล่ะ” เสิ่นหานไม่พอใจ แถมพยายามขายตัวเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย “ลองดูก่อนสิ อาจจะสยิวมากก็ได้”

ฟางเล่อจิ่งว่า “อ้วน”

คำเดียวพุ่งเข้ากลางใจ เสิ่นหานกุมอกล้มลงบนพื้น เอ่ยตัดพ้อต่อว่า “จะด่าก็อย่าจี้ปมด้อยได้ไหม!” คุณธรรมระหว่างเพื่อนรักหายไปไหนแล้ว

ฟางเล่อจิ่งนอนราบบนโซฟา คว้ารีโมตมาเปลี่ยนช่องแบบไม่ทุกข์ร้อน

เสิ่นหานเอ่ยอย่างโมโห “นายนี่เหมือนที่เขาบรรยายไว้ในหนังสือเลย”

“หนังสืออะไร” ฟางเล่อจิ่งสงสัย

เสิ่นหานตอบ “คนรักจอมแก่นของท่านประธาน

ทำเอาฟางเล่อจิ่งช็อกจนขนหัวลุก

เสิ่นหานยื่นมือหาอีกคน “รีบฉุดฉันขึ้นเร็ว”

ฟางเล่อจิ่งหยิบอมยิ้มออกจากปาก “ทีแรกฉันว่าจะไม่สนใจนาย”

“ตอนนี้ล่ะ” เสิ่นหานถาม “พบจิตใต้สำนึกและตัดสินใจมอบกอดอันอบอุ่นให้ฉันแล้วใช่ไหม”

ก่อนเจ้าตัวจะถูกอีกคนอัดอย่างไร้ความปรานี…

ห้านาทีถัดมา เสิ่นตุ๊บป่องนอนคว่ำหน้าบนพรมด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย บนร่างมีหมอนอิงใบโตทับอยู่สามสี่ใบ

ใจจะสลายแล้ว

 

รายการล่าขุมทรัพย์กลางป่ามีชื่อว่า เซเลบ discover ถึงจะบอกว่าเป็นรายการผจญภัยของจริง แต่ความจริงก็เป็นเพียงลูกเล่นอย่างหนึ่งเท่านั้น…ถึงอย่างไรหากมีอันตรายจริงๆ บริษัทต้นสังกัดคงไม่ยอมให้ศิลปินของตัวเองมาเข้าร่วม เมื่อเหยียนข่ายได้ยินว่าฟางเล่อจิ่งจะไปเข้าร่วมก็แปลกใจเล็กน้อย “นายแน่ใจเหรอ”

“ช่วงนี้ผมไม่มีงานอะไรอยู่แล้ว ถือซะว่ารักษาพื้นที่สื่อแล้วกัน” ฟางเล่อจิ่งเอ่ย “สามวันก็ไม่ถือว่านานอะไร”

“ก็ได้ ตามใจนาย” เหยียนข่ายลูบศีรษะของอีกฝ่าย “แต่ก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย”

“อื้อ” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า “ที่บอกว่าผจญภัยก็แค่ดึงดูดความสนใจเท่านั้น ส่วนใหญ่ไม่อันตรายอะไรเลย แล้วก็มีฝึกอบรมพิเศษก่อนเริ่มรายการด้วย”

“ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวัง” เหยียนข่ายบอก “เดือนพฤษภาคมนายต้องไปเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ยุโรป ห้ามเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว”

ฟางเล่อจิ่งพยักหน้ารับ ก่อนขยับเข้าไปจูบอีกคน

 

[1] เอกสารออกโดยรัฐบาลจีนที่ไม่เกี่ยวกับทางกฎหมาย

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า