巨星手记
บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์
อวี่เซี่ยวหลานซาน เขียน
ธมน แปล
get-sem วาด
— โปรย —
หลังจากพลาดตำแหน่งราชาแห่งวงการในเทศกาลภาพยนตร์ยุโรปคราวก่อน
ฟางเล่อจิ่ง ก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนี้อีกครั้ง
แต่ก่อนที่จะถึงการประกาศรางวัล
เขาต้องถ่ายรายการร่วมกับคู่ปรับอย่าง เว่ยอี้ ผู้อยู่เบื้องหลังดราม่าต่างๆ
เว่ยอี้ โจมตีหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เพื่อขุดคุ้ยจุดด่างพร้อยมาขัดขวางเส้นทางความก้าวหน้าของอีกฝ่าย
แต่การโจมตีนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ เมื่อฝั่งเขาเองก็พบปัญหาใหญ่จากปาปารัสซี่คนสนิท
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
104 พบพ่อแม่นะ พบพ่อแม่!
บอสที่อาบน้ำหมาไม่เป็นไม่ใช่บอสที่ดี!
ตั้งแต่คบกับเหยียนข่าย ฟางเล่อจิ่งก็เลียบๆ เคียงๆ ให้ที่บ้านรู้มาบ้างแล้วหลายครั้ง บวกกับตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนและไม่เคยมีความรักมาก่อน ดังนั้นพ่อแม่ของฟางเล่อจิ่งจึงถือว่าเตรียมใจเรื่องรสนิยมทางเพศของลูกชายไว้บ้างแล้ว เมื่อครั้งนี้เจ้าตัวบอกว่าจะพาใครคนหนึ่งมาบ้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงอะไร
“พ่อครับ แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว” ฟางเล่อจิ่งเปิดประตูเข้ามา
พ่อแม่ของฟางเล่อจิ่งรีบลุกขึ้นจากโซฟา พากันมองไปทางประตู
น้องชายของฟางเล่อจิ่งเองก็อยากมีส่วนร่วม เขานอนคว่ำบนโซฟา มือเล็กกำแน่น ท่าทางตื่นเต้นสุดๆ!
แม้ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร แต่เหมือนเป็นเรื่องที่สุดยอดเอามากๆ
“ตอนนี้มีแค่ผมคนเดียวครับ” ฟางเล่อจิ่งปิดประตู
คุณนายฟางมึนงง “ไม่ได้บอกว่ามีเพื่อนมาด้วยเหรอ”
“อีกสักพักเขาถึงมาครับ” ฟางเล่อจิ่งนั่งลงบนโซฟา “มีบางอย่างที่ผมอยากสารภาพก่อน”
เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย…พ่อแม่ของฟางเล่อจิ่งสบตากัน กลัดกลุ้มเล็กน้อย
ทำไมถึงไม่ยอมคบผู้หญิงนะ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเสียใจอยู่บ้าง แต่อย่างไรเขาก็เป็นลูกชายของตัวเอง ประกอบกับอิทธิพลของวัฒนธรรมในต่างประเทศ ทำให้พ่อแม่ของฟางเล่อจิ่งยอมรับเรื่องนี้ได้ในเวลาไม่นาน และไม่ได้ติดใจกับเพศของ ‘ว่าที่ภรรยา’ จนเกินไป
“หรือว่าเป็นเสิ่นหานจริงๆ?” คำพูดของคุณนายฟางทำเอาเขาช็อก ตั้งแต่ฟางเล่อจิ่งเข้าวงการ เธอมักอ่านข่าวบันเทิงบนอินเทอร์เน็ตเสมอ ทั้งยังติดตามแอ็กเคานต์สื่อและแอ็กเคานต์แฟนคลับอีกจำนวนมาก เลยเห็นกลุ่มแฟนคู่เล่อหานผ่านตาบ่อยๆ เมื่อนึกถึงหนุ่มน้อยยิ้มเก่งคนนั้นที่เคยมาที่บ้านแล้ว คุณนายฟางก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ใช้ได้ทีเดียว…อย่างน้อยก็เป็นเด็กดี เรียบร้อย แถมเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ด้วย
“ฮัดชิ้ว!” เสิ่นหานจามในฝัน ตุ๊บป่องที่งานเข้าโดยไม่รู้ตัวน่าสงสารชะมัด
หยางซีห่มผ้าให้อีกคนเรียบร้อยก่อนกดจูบไปบนกลุ่มผมสีดำนั่น
“ไม่มีทางเป็นเขาอยู่แล้วครับ” คำพูดชวนตะลึงทำเอาฟางเล่อจิ่งขนหัวลุก “เราเป็นเพื่อนกัน”
“งั้นใครล่ะ” คุณนายฟางถาม “เป็นคนในวงการหรือเปล่า”
ฟางเล่อจิ่งนิ่งคิดครู่หนึ่ง “ถือว่าใช่”
“ไม่เคยเห็นข่าวอื่นเลย” คุณนายฟางสงสัย “ตกลงว่าใครกันแน่”
ฟางเล่อจิ่งรวบรวมความกล้าก่อนตอบ “เหยียนข่าย เจ้านายของผมครับ”
“เจ้านาย?!” พ่อของฟางเล่อจิ่งที่เงียบมาตลอดเปิดปากในที่สุด
ทันใดนั้นแม่ของฟางเล่อจิ่งก็จินตนาการถึงตาลุงหัวล้านวัยกลางคนหน้าตาลามก ใส่แหวนทองคำเต็มนิ้ว สวมเข็มขัดแอร์เมสขนาดยักษ์ส่องแสงแวววาว ทำเอาเธอถึงกับเวียนหัวตาลายทรุดลงไปบนโซฟาทันที
ต้องไม่ใช่ความจริงแน่ๆ
“เจ้านายของแก…เหลวไหล!” หนวดของพ่อฟางเล่อจิ่งกระดกขึ้น เรียกได้ว่าโมโหมากทีเดียว เดิมทีเขาไม่สนับสนุนให้ลูกชายไปเป็นดาราอยู่แล้ว เขาคิดว่าวงการบันเทิงยุ่งเหยิงเกินไป แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายชอบการแสดงและภาพยนตร์เลยไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่กำชับแล้วกำชับอีกว่าต้องวางตัวให้ดี ไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย ไม่ยุ่งกับยาเสพติด คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายต้องเอาตัวเข้าแลก และถึงขั้นพาคนคนนั้นมาที่บ้านด้วย!
“พะ…พ่อจะทำอะไร” ฟางเล่อจิ่งตกใจ
พ่อของฟางเล่อจิ่งหยิบปืนล่าสัตว์ออกมาจากห้องเก็บของ
ฟางเล่อจิ่งแทบล้มทั้งยืน
สถานการณ์นี้มันอะไรกัน!
น้องชายของฟางเล่อจิ่งตกใจไปด้วย ค่อยๆ คลานดุ๊กดิ๊กลงจากโซฟาแล้วรีบกลับไปนอนบนเตียงหลังเล็กของตัวเอง ขดตัวนูนเป็นก้อนผ้าห่มกลมๆ ทันที
“พ่อ” ฟางเล่อจิ่งหยิบปืนออกจากมือเขา “อย่า…ทำเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหมครับ”
“ตั้งแต่นี้ให้อยู่แต่บ้าน ห้ามออกไปไหน!” พ่อของฟางเล่อจิ่งโกรธจนหายใจหอบ “เอาเบอร์เจ้านายของแกมาให้พ่อ พ่อจะให้เขาไสหัวกลับไปเดี๋ยวนี้!”
“ทำไมล่ะ” ฟางเล่อจิ่งอยากร้องไห้อย่างที่ไม่ค่อยเห็นบ่อย “เราจริงจังนะครับ”
“จริงจังงั้นเหรอ เขาแก่ขนาดนั้น จะจริงจังกับแกเหรอ เขาจะหย่า ทิ้งลูกทิ้งเมียเพื่อแกได้งั้นเหรอ” พ่อของฟางเล่อจิ่งตบโต๊ะอย่างแรง “หรือต่อให้เขาหย่าจริงๆ แกจะยอมรับโดยไม่รู้สึกละอายได้เหรอ” เสียงที่ดังและคำพูดรัวเร็ว ทำให้ไม่เหลือช่องให้เขาโต้แย้งได้เลย น้องชายใช้นิ้วเล็กป้อมอุดหูไว้แน่น…โลกนี้น่ากลัวชะมัด
“หา?” ผ่านไปพักใหญ่กว่าฟางเล่อจิ่งจะได้สติ “ใครบอกว่าเขาแต่งงานมีลูกแล้วครับ อีกอย่าง อะไรคือแก่ขนาดนั้น เขาอายุมากกว่าผมแค่แปดปีเองนะ!” เกือบทนไม่ไหวจนลมจับซะแล้ว
ภายในห้องเงียบลงในพริบตา
น้องชายมุดหัวออกจากผ้าห่ม มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เจ้านายของลูก…เด็กขนาดนั้นเลยเหรอ” แม่ฟางเล่อจิ่งเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
“อื้อ” ฟางเล่อจิ่งไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาเลือกรูปจากโทรศัพท์มือถือแล้วส่งให้ดู “เขานี่แหละครับ”
แม่ฟางเล่อจิ่งเหลือบมองแวบหนึ่ง “คนนี้ เจ้านายของลูกจริงๆ เหรอ”
“เขาอยู่ที่โรงแรม” ฟางเล่อจิ่งตอบ
พ่อฟางเล่อจิ่งกระแอมเสียงดังครู่หนึ่ง
ฟางเล่อจิ่งรีบยื่นมือถือให้
พ่อฟางเล่อจิ่งหรี่ตาก่อนกวาดมองหน้าจอมือถือ
“เขายังไม่ได้แต่งงานแล้วก็ไม่มีลูก” ฟางเล่อจิ่งเอ่ย “เราคบกันเกือบปีแล้ว อีกอย่าง…ผมไปพบพ่อแม่เขามาแล้วด้วย”
“ทำไมแกไปพบผู้ใหญ่บ้านเขาก่อน” พ่อของฟางเล่อจิ่งไม่สบอารมณ์ทันที รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายแพ้
“มีโอกาสพอดีครับ” ฟางเล่อจิ่งตอบ “ตอนนั้นคุณลุงกับคุณป้าเหยียนอยู่ที่จีน เลยออกไปกินอาหารด้วยกัน”
ที่แท้ก็แค่ได้จังหวะพอดี…พ่อฟางเล่อจิ่งลูบเครา แต่ครั้งนี้ทั้งสองตั้งใจมาอังกฤษ เทียบกันแล้วเหมือนอย่างหลังจะเป็นทางการกว่า
“แล้วเขาเป็นคนยังไง” แม่ฟางเล่อจิ่งถาม
“ดีมากครับ แล้วก็ดูแลผมอย่างดี” ฟางเล่อจิ่งตอบ “ไม่งั้นผมคงไม่พามาที่บ้านหรอก”
“ลูกฉลาดมาตั้งแต่เด็ก แต่เรื่องแบบนี้ยังไงก็ต้องดูให้ดี” แม่ฟางเล่อจิ่งตบมือลูกชายเบาๆ “คนประเภทนี้เห็นโลกมามาก ลูกจะโดนเอาเปรียบไม่ได้นะ”
“ครับ” ฟางเล่อจิ่งยิ้ม “ผมรู้”
“แล้วพ่อแม่เขาปฏิบัติกับแกยังไงบ้าง” พ่อฟางเล่อจิ่งถามบ้าง
“พวกเขาดีกับผมมากเลยครับ คุณป้าเหยียนคือโมลี่ที่เป็นอดีตดาราดัง เธอสอนวิธีรับมือกับข่าวลือในวงการบันเทิงให้ผม แถมพาผมไปเจอปรมาจารย์ด้านศิลปะเยอะแยะ” ฟางเล่อจิ่งบอก “ส่วนคุณลุงก็ช่วยเหลือผมไม่น้อย”
“โมลี่?” แม่ของฟางเล่อจิ่งเบิกตากว้าง “ที่แสดงเป็นสายลับสาวชื่อดังคนนั้นน่ะเหรอ”
“อะแฮ่ม” พ่อฟางเล่อจิ่งกระแอมไอ
“ใช่ครับ” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า ก่อนเอ่ยอย่างแปลกใจ “พ่อกับแม่รู้จักด้วยเหรอ”
“ไม่รู้จัก!” พ่อฟางเล่อจิ่งส่ายหน้าทันที
“คุณดูร้อนตัวนะ” แม่ฟางเล่อจิ่งมองอีกคนอย่างค่อนขอด “ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ความรู้สึกยังติดในใจคุณอยู่เลย”
พ่อฟางเล่อจิ่งปวดหัวเหมือนจะระเบิด “ติดในใจอะไรกัน”
“ตกลงว่าเรื่องอะไรครับ” ฟางเล่อจิ่งมึนงงไปหมด
“เธอเป็นนางในฝันของพ่อของลูกในตอนนั้น” แม่ฟางเล่อจิ่งพูดอย่างหึงหวง
พ่อฟางเล่อจิ่งโศกเศร้าสุดแสน “ผมแค่ซื้อสมุดที่มีเธอบนหน้าปกเองนะ”
“ใช่ไง สมุดที่ให้คนเอากลับมาจากเมืองหลวงโดยเฉพาะ เล่มที่กลิ่นหอมฟุ้งนั่นน่ะ“ แม่ของฟางเล่อจิ่งเอ่ยเสียงเบา “เอาเงินเดือนครึ่งเดือนไปซื้อ กลับมาก็ซ่อนไว้ในลิ้นชักซะดิบดี แม่นึกว่าเป็นของมีค่าอะไร”
ฟางเล่อจิ่งกลั้นขำ
“ตอนนั้นผมเพิ่งยี่สิบต้นๆ ให้ผมบ้าดาราหน่อยไม่ได้หรือไง” พ่อฟางเล่อจิ่งพูดอย่างน้อยใจ “แถมซื้อแค่สมุดเล่มเดียวด้วย” ไม่อยากเชื่อว่าจะถูกยกมาพูดถึงตลอดยี่สิบกว่าปี!
ผู้หญิงเวลาหึงนี่น่ากลัวชะมัด
“ก็ดีแล้วไง ลูกชายคุณจะพาลูกชายของเธอมาที่บ้านแล้วนี่” แม่ฟางเล่อจิ่งเอ่ยเสียงเนิบช้า “มีโอกาสเจอสักทีไง”
“ตั้งแต่คุณทิ้งสมุดเล่มนั้นไป ผมก็ไม่สนใจโมลี่อีก ไม่งั้นคงรู้ว่าลูกชายของเธอเป็นใคร” พ่อฟางเล่อจิ่งอยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด พร้อมแสดงความเด็ดเดี่ยว “งั้นผมจะเกลี้ยกล่อมให้เล่อเล่อเลิกกับเขา”
“อย่าสิครับ!” ฟางเล่อจิ่งปฏิเสธเร็วจี๋ ทำไมต้องมาลงที่ผมด้วย!
“เกี่ยวอะไรกับลูก” แม่ฟางเล่อจิ่งเอ่ยเช่นกัน “ลูกเป็นคนให้คุณไปซื้อสมุดเล่มนั้นหรือไง”
พ่อฟางเล่อจิ่งหมดแรง เถียงอย่างไรก็ไม่ชนะ
“ต่อไปเวลาสองครอบครัวไปกินข้าวกัน คุณอย่าทำฉันขายหน้าล่ะ!” แม่ฟางเล่อจิ่งเอ่ยด้วยความหงุดหงิด
“ผมรับรองว่าจะมองแค่พ่อของเขา” พ่อฟางเล่อจิ่งชูนิ้วสาบาน
คุณนายฟางเหลือบตามองสามีอย่างวางมาด ก่อนหันไปตบหลังมือของลูกชายเบาๆ “ลูกรัก ไปเรียกเขามาที่บ้านเถอะ”
“ครับ” ฟางเล่อจิ่งลุกขึ้นยืน “ถ้างั้นพ่อกับแม่ห้ามทะเลาะกันอีกนะ”
“แม่เหมือนคนใจแคบขนาดนั้นเลยหรือไง” แม่ฟางเล่อจิ่งไม่พอใจ
“ไม่เหมือนเลย!” ฟางเล่อจิ่งกับพ่อของเขาพร้อมใจกันส่ายหน้า
ค่อยเข้าท่าหน่อย แม่ฟางเล่อจิ่งพอใจมาก เธอลุกขึ้นไปดูน้ำซุปที่ห้องครัว
ส่วนพ่อของเขาก็หยิบปืนล่าสัตว์กลับไปวางในห้องเก็บของอย่างห่อเหี่ยว
ฟางเล่อจิ่งอุ้มน้องชายออกจากผ้าห่ม จากนั้นขับรถไปโรงแรม เหยียนข่ายกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ริมหน้าต่าง เมื่อเห็นอีกคนเข้าห้องมาก็แปลกใจเล็กน้อย ก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปหา “คิดว่านายจะโทร.มาซะอีก ทำไมมาเองเลยล่ะ”
“ห่างกันไม่ไกลอยู่แล้ว” ฟางเล่อจิ่งซุกหน้าลงกับอกอีกฝ่าย “ขอผมสงบสติอารมณ์สักแป๊บ”
“เกิดอะไรขึ้น” เหยียนข่ายบีบท้ายทอยของเขา “คุณลุงคุณป้าไม่ยอมรับเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างงั้นครับ เรากลับบ้านด้วยกันได้” ฟางเล่อจิ่งตอบ
“แล้วทำไมเหงื่อถึงท่วมตัวแบบนี้” เหยียนข่ายสอดมือเข้าไปในเสื้อกันหนาว ลูบแผ่นหลังของอีกคนผ่านเสื้อเชิ้ต
“เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อน” ฟางเล่อจิ่งตอบ
“อย่างน้อยก็เล่าให้ฉันฟังย่อๆ” เหยียนข่ายว่า “จะได้เตรียมใจไว้”
ฟางเล่อจิ่งคิดครู่หนึ่ง “พอผมบอกว่าคบกับคุณ พ่อผมก็หยิบปืนล่าสัตว์ทันทีเลย”
เหยียนข่าย “…”
ไม่ใช่ไม่เคยคิดว่าจะถูกต่อต้าน แต่ถึงขนาดหยิบปืนล่าสัตว์ก็ออกจะรุนแรงไปหน่อย พอนึกถึงสุนัขล่าสัตว์สิบสองตัวที่พ่อตาเลี้ยงไว้แล้ว บอสก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้ภรรยาที่ไม่ธรรมดาทันที
“พวกเขาคิดว่าคุณอายุเยอะ มีเมีย มีลูก มีครอบครัวแล้ว แถมบอกว่าผมไม่ควรทำเรื่องพรรค์นี้ คงดูละครมากไปหน่อย” ฟางเล่อจิ่งเก้อกระดาก “แต่พออธิบายให้ชัดเจนก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”
อย่างงี้นี่เอง บอสได้ยินก็ถอนหายใจโล่งอก “หลังจากนั้นนายก็มาหาฉันเลย?”
“เปล่าครับ” ฟางเล่อจิ่งตอบ “หลังจากนั้นพวกเขาก็เถียงกันเรื่องคุณป้า”
เหยียนข่ายงงหนักกว่าเดิม “แม่ฉัน?”
“ใช่” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า “สมัยหนุ่มๆ พ่อผมคงเป็นแฟนคลับคุณป้า พอแม่ได้ยินเลยหึง”
เหยียนข่ายเกิดความรู้สึกหลากหลาย
“ตอนนี้พวกเขายังทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้อยู่” ฟางเล่อจิ่งบีบคางอีกฝ่าย “ทางที่ดีคุณห้ามพูดถึงคุณป้าเด็ดขาด”
เหยียนข่ายอยากหัวเราะออกมา “ได้”
“งั้นเรากลับบ้านกันเลยดีไหม” ฟางเล่อจิ่งหยิกแก้มอีกคนจนบิดเบี้ยว
เหยียนข่ายพยักหน้า ก้มลงแลกจูบกับอีกฝ่ายอย่างอ้อยอิ่ง
แม้เป็นบอสใหญ่ผู้แข็งแกร่ง แต่ยามต้องพบพ่อตาแม่ยายก็ประหม่าเป็นอยู่ดี…
ยี่สิบนาทีถัดมา ในที่สุดพ่อแม่ของฟางเล่อจิ่งก็ได้พบกับเหยียนข่าย
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” เหยียนข่ายเอ่ยอย่างมีมารยาท และวางของขวัญบนโต๊ะ
“นั่งสิจ๊ะ” แม่ฟางเล่อจิ่งรินน้ำให้เขา ท่าทางดูใจดี ประการแรกเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ลูกชายสุดที่รักของเธอพามาบ้าน ประการที่สองคือต้องการแสดงออกว่า ‘ถึงแม่ของเธอจะเป็นนางในฝันของสามีฉันสมัยหนุ่มๆ ฉันก็ไม่แคร์ เพราะฉันทั้งใจกว้าง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จิตใจดี มีเมตตา แถมสวยสง่าแบบนี้ไงล่ะ’
“ขอบคุณครับคุณป้า” เหยียนข่ายนั่งลงบนโซฟา
พ่อฟางเล่อจิ่งดูฝืดฝืนเล็กน้อย ใจหนึ่งเขาก็อยากคุยกับลูกเขย อีกใจก็กลัวภรรยาจะหึงหวง ทำเอาทำตัวไม่ถูกไปหมด
“แม่ครับ เราไปดูน้ำซุปในครัวกันดีกว่า” ในช่วงนาทีวิกฤติ ฟางเล่อจิ่งรีบดันแม่ของตัวเองเข้าครัวไปพร้อมกระซิบถาม “แม่คิดว่าเขาเป็นยังไงครับ”
“ดีทีเดียว” แม่ฟางเล่อจิ่งหั่นต้นหอมไปเรื่อยๆ ว่ากันตามตรง หลังจินตนาการถึงตาลุงหัวล้านท่าทางหัวงูแล้วจู่ ๆ เจอกับเหยียนข่ายที่ยังหนุ่มแน่นและหล่อเหลา ก็ถือเป็นการปลอบประโลมใจอย่างที่สุดแล้ว อย่างกับล้วงเจอธนบัตรปึกใหญ่จากกระเป๋ากางเกงตอนซักผ้าอย่างไรอย่างนั้น!
ส่วนภายในห้องนั่งเล่น พ่อฟางเล่อจิ่งกำลังคุยกับเหยียนข่ายอย่างถูกคอ ถึงขนาดเป็นฝ่ายชวนเขาไปดูสุนัขที่ลานหลังบ้าน
“เอาสิครับ” เหยียนข่ายยิ้มอ่อนโยน ท่าทางดูใจเย็นสุดๆ
“ไป” พ่อของฟางเล่อจิ่งพาอีกฝ่ายไปดูสวนดอกไม้ด้วยกันอย่างอารมณ์ดี
เหยียนข่ายเดินไปก็คิดว่าคงไม่ใช่หมาพันธุ์ยักษ์ทุกตัวหรอกมั้ง อาจมีเจ้าตัวกลมจ้อยอยู่เต็มลานก็ได้
หลังเปิดประตู จู่ๆวัตถุสีดำขนาดใหญ่ก็กระโจนเข้ามาหาทันใด
“โฮ่ง!!!”
เหยียนข่ายตกใจ ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ
“พัพพี!” เสียงเด็กเล็กดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนเห็นเด็กผู้ชายตัวน้อยสวมชุดเอี๊ยมวิ่งถลาเข้าไปกอดสุนัขตัวใหญ่อย่างร่าเริง
เหยียนข่าย “…”
พ่อฟางเล่อจิ่งมองเหยียนข่าย เอ่ยอย่างประหลาดใจ “เธอกลัวหมาเหรอ”
“ไม่เลยครับ” เหยียนข่ายทำเป็นใจเย็นเกินกว่าจะหาใครเปรียบ “แค่ตกใจนิดหน่อย”
“ฉันก็ว่า ผู้ชายตัวโตจะกลัวหมาได้ยังไง” พ่อฟางเล่อจิ่งลูบหัวลูกชายตัวน้อย “เธอเคยเลี้ยงหมาไหม”
เมื่อเห็นเด็กชายตัวเล็กคว้าแปรงมาเตรียมแปรงขนสุนัขแล้ว เหยียนข่ายก็ยิ้ม “เคยสิครับ”
“งั้นพอดีเลย ฉันอยากอาบน้ำให้พวกมันสักหน่อย” พ่อฟางเล่อจิ่งเอ่ย “อีกสักพักกว่าจะได้กินข้าว อยากมาช่วยเราไหม”
“ไม่มีปัญหาครับ” เหยียนข่ายพับแขนเสื้อ
พ่อฟางเล่อจิ่งพอใจมาก แถมหารองเท้าบู๊ตคู่ใหญ่ให้อีกฝ่ายด้วย
สุนัขต้อนแกะขนาดมหึมาตัวหนึ่งนอนถูตัวไปมาอยู่ข้างๆ เหยียนข่าย มันยกอุ้งเท้าหน้าให้เขาจับมือกระชับมิตร ก่อนหมอบลงบนพื้น
เหยียนข่ายหยิบแปรงด้วยอย่างเศร้าใจระคนฮึกเหิม
ครึ่งชั่วโมงถัดมา ฟางเล่อจิ่งมาที่ห้องนั่งเล่นแล้วไม่เจอใครเลยสงสัยเล็กน้อย
เสียงสุนัขเห่ารัวๆ พร้อมเสียงร้องอย่างตื่นเต้นของน้องชายดังมาจากลานหลังบ้าน เหมือนจะ…ไม่ใช่เรื่องดี…
ฟางเล่อจิ่งเย็นสันหลังวาบ รีบพุ่งตัวเปิดประตูไปลานหลังบ้านทันที
เหยียนข่ายยืนอยู่ท่ามกลางสุนัขตัวโต ศีรษะและใบหน้าชุ่มโชกไปด้วยน้ำ น้องชายกรีดร้องอย่างสนุกสนานพร้อมวิ่งไล่เจ้าปอมเมอเรเนียนไปทั่วลานบ้าน สายยางฉีดน้ำไปรอบๆ อย่างไร้ทิศทาง ส่วนพ่อฟางเล่อจิ่งกำลังสาละวนแยกเจ้าบูลเทอร์เรียกับเจ้าชาเป่ยที่กำลังกัดกัน ดูยุ่งวุ่นวายราวกับเพิ่งผ่านศึกสงครามมาก็ไม่ปาน
“พวกพ่อทำอะไรกันเนี่ย!” ฟางเล่อจิ่งกระโจนไปปิดก๊อกน้ำ
พ่อฟางเล่อจิ่งตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย “อาบน้ำหมา”
เห็นทั้งสามเปียกม่อล่อกม่อแล่ก ฟางเล่อจิ่งถึงกับอยากคารวะ อาบน้ำหมาหรืออาบตัวเองกันแน่?
“ไปอาบน้ำ!” แม่ฟางเล่อจิ่งได้ยินก็รีบมายืนระเบิดลงอยู่หน้าประตู
พ่อฟางเล่อจิ่งอุ้มลูกชายคนเล็กเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างหมองหม่น ขณะที่ฟางเล่อจิ่งดึงเหยียนข่ายกลับเข้าไปอาบน้ำที่ห้องนอนของตัวเอง
“นี่เสื้อผ้าของพ่อผม ซื้อมาแต่ยังไม่เคยใส่” ฟางเล่อจิ่งส่งให้เขา “ขนาดน่าจะใกล้เคียง แก้ขัดไปก่อนแล้วกันนะครับ”
“ขอบใจ” เหยียนข่ายปวดหัว
“ก่อนหน้านี้แค่ซามอยด์ตัวเดียว คุณยังทำเปียกไปทั้งห้องน้ำ แล้วเอาความกล้าจากไหนไปช่วยพ่อ” ฟางเล่อจิ่งเอ่ยอย่างไม่รู้จะขำหรือสงสารดี พร้อมช่วยเช็ดผมให้อีกคน
“ฉันอยากเอาใจพ่อตาบ้างไม่ได้หรือไง” เหยียนข่ายดึงฟางเล่อจิ่งเข้ามาในอ้อมกอด “ฉันเผลอเหยียบท่อน้ำจนหลุด แล้วก็เป็นเรื่อง”
ฟางเล่อจิ่งหัวเราะ ยื่นมือไปสางผมของอีกฝ่าย
พบกันครั้งแรก แม้ไม่ได้ราบรื่นไปทุกอย่าง แต่ก็ยังเอาตัวรอดมาได้ หลังทุกคนกินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว แม่ฟางเล่อจิ่งก็กำชับเหยียนข่ายให้ไปเอาสัมภาระกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน ไม่ต้องพักที่โรงแรม
ตกกลางคืน เหยียนข่ายและฟางเล่อจิ่งนอนกอดกันบนเตียงหลังเล็กอย่างอบอุ่น
แม้ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้ว แต่นอกหน้าต่างยังคงมีหิมะโปรยปรายเบาบาง โคมไฟดวงเล็กที่หัวเตียงส่องแสงนวลสลัว ฟางเล่อจิ่งเขี่ยกระดุมเสื้ออีกคนเล่น “คุณชอบพ่อแม่ของผมหรือเปล่า”
“อยู่แล้วสิ” เหยียนข่ายบีบแก้มอีกฝ่าย “แล้วคุณลุงกับคุณป้าล่ะ นายคิดว่าพวกเขาชอบฉันหรือเปล่า”
“ถ้าไม่ชอบคงไม่ให้คุณมาอยู่ที่นี่หรอก” ฟางเล่อจิ่งกอดเอวเขาไว้ “น้องชายของผมก็ชอบคุณเหมือนกัน”
“งั้นก็เตรียมงานแต่งได้อย่างสบายใจแล้วใช่ไหม” เหยียนข่ายถาม
“เหมือนยังเหลืออีกด่าน” ฟางเล่อจิ่งตอบ
“สาธารณชน?” เหยียนข่ายเลิกคิ้ว
ฟางเล่อจิ่งส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ”
“งั้นอะไร” เหยียนข่ายแนบหน้าผากเข้ากับอีกคน
“ให้พ่อแม่สองฝ่ายเจอกัน” ฟางเล่อจิ่งกลั้นยิ้ม “ตอนนี้พ่อของผมคงกลุ้มใจอยู่แน่ๆ” ทั้งหึงหวงเอย ทั้งสมุดบันทึกเอย…
เหยียนข่ายพลอยหัวเราะตามอย่างไม่เห็นอกเห็นใจพ่อตาเลย
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พ่อฟางเล่อจิ่งขับรถพาทุกคนในบ้านไปตกปลาที่ทะเลสาบน้ำแข็งด้วยกัน ช่วงใกล้เที่ยง เสิ่นหานโทร.ถามความคืบหน้าเรื่องพาบอสมาพบปะผู้ใหญ่อย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ก็ดีนะ” ฟางเล่อจิ่งตอบ “เรามาตกปลาด้วยกัน”
“เข้ากันได้ดีขนาดนั้นเลย?” เสิ่นหานผิดหวังเล็กน้อย “ไม่เห็นดราม่าเหมือนในนิยาย”
ฟางเล่อจิ่ง “…”
ทำไมฟังดูผิดหวังขนาดนั้นล่ะ
นายคิดอะไรกันแน่เนี่ย
“แล้วนายจะกลับมาเมื่อไหร่” เสิ่นหานถามต่อ
“คงอาทิตย์หน้าละมั้ง ฉันมีงานต่อด้วย” ฟางเล่อจิ่งตอบ
“เมื่อกี้หยางซีเพิ่งได้ข่าวว่านิตยสาร MOVIE อยากเชิญเราไปสัมภาษณ์” เสิ่นหานหน้าบานเป็นกระด้ง “แบบให้ขึ้นปกน่ะ!”
“จริงเหรอ” ฟางเล่อจิ่งแปลกใจเล็กน้อย
MOVIE เป็นนิตยสารเกี่ยวกับภาพยนตร์ระดับโลก ที่นิตยสารภายในประเทศไม่อาจเทียบได้เลย แม้มีการสัมภาษณ์นักแสดงชาวเอเชียบ่อยครั้ง แต่ผู้ที่ได้ขึ้นปกกลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถึงจะขึ้นปกด้วยกันสองคนก็ยังถือว่าหายากอยู่ดี
“จริงสิ” เสิ่นหานกอดหมอนอิงนอนราบลงบนพรม “ใกล้คอนเฟิร์มแล้ว พวกเขาอยากทำหัวข้อพิเศษเกี่ยวกับเอเชียพอดี หลี่จิ้งน่าจะบอกนายเร็วๆ นี้แหละ” อดกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างมีความสุขไม่ได้เลย!
“นายดีใจอะไร” เหยียนข่ายโยนปลาลงถังสีแดงแล้วก้าวเข้าไปบีบจมูกของอีกฝ่าย
ฟางเล่อจิ่งสะท้าน “เย็น”
เหยียนข่ายขบขัน “ทำไมถึงใจลอยอีกแล้ว”
“คุณได้รับโทรศัพท์จากหลี่จิ้งหรือเปล่า” ฟางเล่อจิ่งโบกโทรศัพท์มือถือไปมา “หานหานเพิ่งบอกว่านิตยสาร MOVIE จะให้เราขึ้นปก”
“รู้ลึกเหมือนกันนี่” เหยียนข่ายจัดหมวกอีกคนให้เข้าที่ “ฉันเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ภายในสัปดาห์นี้คงได้ข่าวที่แน่นอนแล้ว ฉันว่าจะรอคอนเฟิร์มก่อนแล้วค่อยบอกนาย”
“โชคดีจัง” ฟางเล่อจิ่งเปรย
“ไม่ใช่แค่โชคหรอก” เหยียนข่ายเอ่ย “ตอนนี้ตลาดฝั่งเอเชียสำคัญขึ้นเรื่อยๆ แล้วนายยังได้ถ่าย THE SUNSET พอดี แถมการแสดงของนายก็ประจักษ์แก่สายตาทุกคน ได้ขึ้นปกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…ดีใจไหม”
“อื้อ” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า
“คุณลุงกับคุณป้าก็ต้องดีใจแน่” เหยียนข่ายจูงมือเขาเดินกลับเข้าไป “ไว้คอนเฟิร์มแล้วค่อยบอกพวกท่านแล้วกัน”
“ครับ” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า กระชับมือที่กุมกับอีกคนแน่นขึ้น
แสงอาทิตย์สดใสสาดส่องลงบนผิวน้ำแข็ง อบอุ่นและเงียบสงบไปทั่วบริเวณ
ค่ำคืนนั้น แม่ฟางเล่อจิ่งทำซุปปลาแสนอร่อย พร้อมด้วยเค้กหอมหวานก้อนโต
ถ้าเสิ่นตุ๊บป่องเห็นเข้าละก็ต้องอิจฉาสุดๆ แน่
“ตีหนึ่งแล้ว นอนได้แล้ว” หยางซีเคาะประตูห้องหนังสือ
“ไม่ง่วงๆ” เสิ่นหานท่องเว็บบอร์ดต่อไป
“ไม่ง่วงก็ต้องนอน” หยางซีก้าวยาวๆ เข้ามาหา เตรียมปิดคอมพิวเตอร์
เสิ่นหานมองเขาด้วยดวงตาสีดำพราวระยับเหมือนลูกสุนัขหลงทาง
หยางซีนิ่วหน้า “นอน!”
“พรุ่งนี้ไม่มีงานสักหน่อย นอนตื่นสายได้” เสิ่นหานบ่นอุบ “ขอนอนดึกบ้างไม่ได้หรือไง”
“อ่านอะไรอยู่ถึงตั้งใจขนาดนี้” หยางซีปวดหัว
“ข่าวซุบซิบ” เสิ่นหานตอบ
“นายเองก็เป็นดารา ข่าวซุบซิบมันมีมูลความจริงสักแค่ไหนเชียว ยังไม่รู้อีกหรือไง” หยางซีลูบหัวอีกคน “มีอะไรน่าอ่าน”
“ก็แค่ไม่อยากนอน” เสิ่นหานตอบ “กำลังอ่านข่าวเหลยถิงสตูดิโอ”
“ทำไมต้องอ่านเรื่องนี้” หยางซีนั่งข้างๆ เขา
“ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข่าวเมาท์ในวงการบันเทิงที่พอจะมีน้ำหนักถูกแฉโดยสตูดิโอเจ้านี้แทบทั้งหมด” เสิ่นหานว่า “เลยกำลังเป็นที่พูดคุยของชาวเน็ต”
น่าอ่านจะตาย!