[ทดลองอ่าน] หวังทง องครักษ์เสื้อแพร เล่ม 1 ตอนที่ 6

หวังทง องครักษ์เสื้อแพร
เล่ม 1

 

特别白 เท่อเปี๋ยไป๋ เขียน
ซิวเสียนอวี๋เล่อ แปล

 

— โปรย —
ชีวิตก่อนต้องตายอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเพียงลำพังตั้งแต่ยังหนุ่ม
ชีวิตนี้ได้เกิดใหม่อีกครั้งพร้อมความทรงจำจากยุคสมัยปัจจุบัน
หากใช้คำพูดของคนโบราณคงเรียกว่าเกิดมาพร้อมพรสวรรค์และความเฉียบแหลม
แต่สำหรับตัว ‘หวังทง’ เองแล้ว นี่จะเรียกว่า ‘สูตรโกง’ เล็ก ๆ ก็ไม่ผิด
รัชสมัยว่านลี่แห่งต้าหมิง หวังทง ลูกหลานองครักษ์เสื้อแพรประสบกับจุดหักเหในชีวิต
ทำให้หนทางสู่อำนาจวาสนาและความมั่งคั่งได้เปิดออกตรงหน้า
หนุ่มน้อยขอสาบานกับตัวเอง ชีวิตในครั้งนี้ของตนจะต้องไม่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
แต่เขาจะพยายามไต่ขึ้นไปให้สูงที่สุดเท่าที่โชคชะตาจะพาไปถึง!

 

ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์

 

ตอนที่ 6

บ่าวรับใช้ประหลาด ภารกิจที่แสนน่าเบื่อ

 

กล่าวจบก็วางถังน้ำลง หยิบไม้กวาดมากวาดพื้น ความตั้งใจดีกลับกลายเป็นถูกมองว่าแอบแฝงความชั่วร้าย หวังทงรู้สึกโมโหเล็กน้อย เป็นคนรับใช้ผู้อื่นแต่กลับมีนิสัยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน จึงเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้า ยื่นมือออกไปพลางกล่าวว่า

“เจตนาดีที่จะช่วยเหลือ ไยจึงต้องกล่าววาจามากความ ส่งไม้กวาดมา ไม่งั้นก็ถือว่าข้ามิเคยเอ่ย”

คำพูดหวังทงแฝงด้วยความโกรธ เขายื่นมือออกไปทื่อ ๆ ชายชรามองหวังทงอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง พบว่าองครักษ์เสื้อแพรผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ แต่ท่าทางเป็นเด็กน้อย น่าจะยังไม่โตเต็มวัย จึงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ส่งไม้กวาดในมือให้ไป

คนอายุสิบสาม แม้รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงเพียงใด หน้าตาก็ยังคงอ่อนเยาว์อยู่นั่นเอง นี่เป็นสิ่งที่หวังทงทำอะไรไม่ได้

เมื่อรับไม้กวาดมา หวังทงก็เริ่มกวาดพื้นอย่างแคล่วคล่องว่องไว บิดาและเขาพึ่งพาอาศัยกันสองคน งานการในบ้านก็เริ่มลงมือทำตั้งแต่ยังเล็ก นี่จึงไม่นับเป็นประสบการณ์ที่นำมาจากยุคปัจจุบันแต่อย่างใด

“ท่านลุงอายุมากขนาดนี้แล้ว งานหนักจุกจิกพวกนี้ให้พวกคนรุ่นหลังมาทำก็ได้ ตัวท่านก็ยากนักที่จะ…”

แสงอรุณเริ่มทอแสงรำไร บนท้องถนนยังคงเงียบเชียบ ในใจหวังทงรู้สึกผ่อนคลายอย่างหาได้ยากยิ่ง เขาลงมือกวาดไปพลางพูดเรื่อยเปื่อย ชายชราผู้นั้นก็ไม่สนใจ เอาแต่ใช้กระบวยไม้ตักน้ำจากถังสาดลงพื้นไปเรื่อย ๆ

รอจนกวาดทางนี้เสร็จ บ่าวรับใช้ชราก็รับไม้กวาดคืนไปก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ไม่กล่าวขอบคุณแต่อย่างใด เดินเข้าประตูไปก่อนจะปิดลง

เป็นตนเองที่ใจดีเอ่ยช่วยเหลือ ทำไมจึงได้รับการปฏิบัติตอบเช่นนี้ หวังทงเกือบสบถด่าออกมา แต่ก็อดกลั้นไว้ได้ อย่างน้อยที่นี่ก็คือหน้าจวนนายกองร้อย คนคงแก่แล้วหรือไม่ก็นิสัยแปลกประหลาด อีกอย่าง การช่วยเหลือนั้นก็ไม่ได้หวังคำขอบคุณอันใด

เมื่อวานตอนมาก็ถูกพาไปยังกองเอกสารในเขตประจิม วันนี้ก็ต้องรอ ทำให้หวังทงเพิ่งรู้ว่าตนมาเช้าไปจริง ๆ กวาดพื้นเสร็จยังต้องยืนรออีกครึ่งชั่วยาม[1]กว่า ๆ ถึงได้มีองครักษ์นายแรกมารายงานตัว พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว ประตูหน้าจวนนายกองร้อยเถียนเริ่มคึกคัก ผู้คนทยอยมารวมตัวกัน แม้ว่าทุกคนจะสวมชุดมัจฉาเหิน เหน็บดาบปักวสันต์ แต่งกายแบบทหารของกองทัพ แต่กลับไม่มีระเบียบวินัยแม้แต่น้อย ยืนกระจัดกระจายกลุ่มละสามถึงห้าคน คุยวิพากษ์วิจารณ์ไปหัวเราะไป คุยเรื่องที่บ้าน คุยเรื่องสัพเพเหระ หากหลับตาลงอาจจะคิดว่าที่นี่เป็นตลาดสด

หวังทงยืนหลบมุมอยู่เงียบ ๆ บิดาเขามิค่อยได้ให้คนในบ้านไปมาหาสู่กับพวกองครักษ์เสื้อแพร ในบรรดาคนเหล่านี้นอกจากจางซื่อเฉียงที่ยืนข้าง ๆ แล้ว ยังมีอีกสองคนที่เคยไปเอ้าเหมินมาด้วยกัน นับว่ารู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อพวกเขาเห็นหวังทง ท่าทีก็ล้วนเย็นชา ไม่มีความคิดจะทักทายกันเลยแม้แต่น้อย

เริ่มแรกยังมีบางคนมองหวังทงและวิพากษ์วิจารณ์กันเองอยู่บ้าง แต่ต่อมาทุกคนก็ไม่สนใจผู้มาใหม่นี้แต่อย่างใด สนใจแต่คุยสนุกเรื่องของตน

ครั้นผู้คนมารวมตัวกันพอสมควรแล้ว นายกองธงใหญ่หลิวซินหย่งก็มาถึง ชายร่างใหญ่ผู้นั้นก็ติดตามอยู่ข้างกาย เมื่อตำแหน่งต่างกัน แน่นอน การต้อนรับที่ได้รับก็ย่อมต่างกันโดยสิ้นเชิง ยามหลิวซินหย่งปรากฏตัว องครักษ์เสื้อแพรส่วนใหญ่ที่มาถึงแล้วพากันกล่าวทักทายเสียงดังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นายกองธงใหญ่หลิวซินหย่งเองก็พยักหน้าทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน ท่าทางดูสง่าผ่าเผยมาก

ไม่ว่าผู้บังคับบัญชาจะปฏิบัติต่อท่านอย่างไร ในฐานะลูกน้องก็ย่อมต้องปฏิบัติตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หวังทงผู้ช่ำชองในสังคมการทำงานยุคปัจจุบันย่อมเข้าใจหลักการนี้ดี

แต่จะให้เขายิ้มแย้มต้อนรับผู้ที่เคยคิดจะแย่งชิงทรัพย์สมบัติตอนบิดาเขาจากไป แม้แต่บ้านที่เอาไว้หลบลมฝนบังกายก็ยังจะแย่งเอาไปด้วยนั้น เห็นทีว่า…

หวังทงเงยใบหน้าไร้รอยยิ้มขึ้น ส่งสายตามองไปอย่างเย็นชา ปะทะเข้ากับหลิวซินหย่งพอดี รอยยิ้มบนใบหน้านายกองธงใหญ่จึงหุบลงทันที

หวังทงก้มหน้าลง ใบหน้าเผยรอยยิ้มของหลิวซินหย่งจึงกลับคืนมาอีกครั้ง พยักหน้าทักทายคนอื่นต่อไป

นายกองธงใหญ่คุมผู้ใต้บังคับบัญชาห้าสิบนาย เป็นผู้ช่วยของนายกองร้อย หลิวซินหย่งกะเวลาที่มาถึงได้อย่างพอดี รอจนเขาทักทายทางนี้จบ ประตูจวนนายกองร้อยเถียนก็เปิดออก นายกองร้อยเถียนหรงหาวเดินออกมา

หน้าประตูที่วุ่นวายพลันเงียบลง หลิวซินหย่งรีบลงจากหลังม้า ก้มตัวโค้งคารวะอย่างสุภาพเรียบร้อย กล่าวว่า

“คารวะใต้เท้า อรุณสวัสดิ์ขอรับใต้เท้า”

เถียนหรงหาวกวาดตามองผู้ใต้บังคับบัญชารอบหนึ่ง สายตาพลันหยุดที่หวังทงผู้ซึ่งยืนหลบมุมแวบหนึ่ง กล่าวเสียงดังขึ้นมาว่า

“ด้วยพระเมตตาแห่งฮ่องเต้ ทุกคนโปรดระมัดระวังความประพฤติของตน ปฏิบัติหน้าที่ให้แข็งขัน”

“ขอรับ!!”

“เมื่อวานมีเรื่องอันใดหรือไม่”

“ไม่มีขอรับ!”

“วันนี้ก็ทำไปเหมือนเดิมเถอะ”

“ขอรับใต้เท้า!”

นี่เป็นพิธีการที่ทำเป็นประจำ หวังทงโค้งตัวลงกล่าวรับคำเหมือนกับทุกคนราวหุ่นยนต์ หลังจากพูดอยู่สองสามคำผู้ติดตามนายกองร้อยเถียนก็จูงม้าเข้ามาให้เขาขี่ออกไป

เมื่อนายใหญ่จากไป ฝูงชนก็ฮือดังขึ้นมาอีก หลิวซินหย่งที่ตำแหน่งสูงสุดในที่นั้นยิ้มแย้มทักทายไปทั่ว ไม่นานนักทุกคนก็แยกย้ายกันไป

กล่าวว่ามีงานก็ปฏิบัติ ทว่าคนส่วนใหญ่ย่อมออกไปเตร็ดเตร่หาความสำราญกันไป ที่ต้องเฝ้าฐานก็มีแต่หวังทงและจางซื่อเฉียงเท่านั้น “นี่มันตู้เย็นชัด ๆ” หวังทงแอบสบถ จางซื่อเฉียงได้ยินแล้วก็ได้แต่รู้สึกงง

สองคนเดินเคียงกันไปเงียบ ๆ ถึงเรือนหลังเล็กโดดเดี่ยวหลังหนึ่ง ภายนอกก็เหมือนบ้านเรือนชาวบ้านทั่วไป พอเดินเข้าไปแล้วจึงพบว่ารูปแบบต่างกันอยู่บ้าง บนพื้นปูด้วยก้อนหิน ฉากบังกลางโถงถูกรื้อทิ้งไปแล้ว ที่มุมยังมีอาวุธกลางเก่ากลางใหม่จำนวนหนึ่งวางอยู่ กลางห้องมีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวหนึ่ง และม้านั่งไม้สองสามตัว

หวังทงจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยติดตามบิดาไปกองประจำการองครักษ์เสื้อแพรระดับกองร้อยแบบนี้อยู่บ้าง แต่ที่นี่ทรุดโทรมมาก นอกจากเจ้าหน้าที่ที่นาน ๆ จะย่างกรายมาสักที ก็ไม่มีใครอยากเข้ามาที่นี่อีก

การอยู่เฝ้าฐานก็คือการไม่มีงานให้ทำนั่นละ ทั้งจางซื่อเฉียงก็เป็นพวกไร้สมอง สองคนมองตากันไปมา ไม่รู้จะคุยอะไร น่าเบื่ออย่างที่สุด

แม้จะกล่าวว่าที่บ้านยังมีอยู่อีกหลายร้อยตำลึง ชีวิตก็ไม่ลำบากอะไร แต่ต้องมานั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ได้แต่เฝ้าฐานต่อไปอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงได้ถูกแช่แข็งอยู่ที่นี่จริง ๆ ต่อให้ไม่มีใครไล่ก็คงต้องยอมจากไปเสียเองแล้ว

ใจหวังทงคิดเช่นนี้ แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย กลับตั้งใจช่วยจางซื่อเฉียงเก็บกวาด

ยังดีที่ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว กลับไปกินที่บ้านย่อมประหยัด สองคนจึงพากันกลับบ้านตนเอง หวังทงพอเดินออกจากเรือนเล็กนี้ไปก็ถอนหายใจยาว ช่างอึดอัดน่าเบื่อเสียจริง

ที่นี่ห่างจากบ้านเขาไม่ไกล เดินทะลุตรอกชุมชนจะถึงถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้า เดินไปตามถนนทางทิศตะวันออกก็ถึงบ้านได้

ฤดูนี้อากาศหนาวเย็น แต่กลางวันแดดดี คนเดินถนนก็ไม่น้อย หวังทงที่กำลังเดินอยู่นั้นพลันรู้สึกสบายใจเป็นอันมาก ช่างต่างจากตอนเช้าที่เงียบเหงาโดดเดี่ยวเสียจริง

ในยุคปัจจุบันหวังทงมาเป่ยจิง[2]บ่อยครั้งด้วยหลายสาเหตุ ย่อมรู้ว่าบ้านเรือนใกล้พระราชวังต้องห้ามนี้มีราคาน่าตกใจเพียงใด เรือนสี่ประสานขายได้กว่าพันล้าน ยังมีบางหลังราคาสูงจนไม่อาจหาคนซื้อได้อีก

แต่ในรัชสมัยว่านลี่นี้กลับแตกต่าง ไม่พูดถึงขนาดของพระราชวังต้องห้ามที่ใหญ่กว่ายุคปัจจุบัน อสังหาริมทรัพย์ใกล้เมืองก็ไม่ได้มีราคาขนาดนั้น

อย่างเช่นบ้านของหวังทงที่เป็นเรือนสี่ประสานขนาดกลางล้อมสองชั้นหลังนั้น ยืนกลางลานก็สามารถเห็นกำแพงวังหลวงสูงใหญ่ด้านหลัง แม้จะมีระยะห่างจากกำแพงวังหลวงอยู่บ้าง แต่ก็แค่บ้านเรือนไม่กี่แถว

แน่นอนว่าเขตพักอาศัยกับเขตกำแพงวังนั้นยังมีบริเวณเว้นว่างไว้ให้ทหารลาดตระเวน ทิศตะวันออก ทิศตะวันตกและทิศเหนือ สามทิศล้วนมีคูน้ำล้อมรอบปกป้องไว้ มีแต่ทิศนี้ที่ไม่มี

บ้านของหวังทงหากไม่ใช่เพราะติดกับถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าก็คงขายไม่ได้ราคาเท่าไร หนึ่งเพราะกำแพงวังหลวงสูงมากจนบังแสงแดดไว้หมด สองเพราะมักมีทหารม้าวิ่งผ่าน ยามค่ำคืนวุ่นวายเกินไป

ที่แห่งนี้หากเป็นยุคปัจจุบันราคาคงสูงเทียมฟ้า เพราะทุกวันสามารถมองเห็นพระราชวังต้องห้ามที่ใหม่เอี่ยม หวังทงเดินไปพลางคิดเรื่อยเปี่อย ใจที่อึดอัดก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

 

[1] 1 ชั่วยามของจีนเท่ากับ 2 ชั่วโมง ครึ่งชั่วยามจึงเท่ากับ 1 ชั่วโมง

[2] หมายถึง ปักกิ่ง

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า