[ทดลองอ่าน] มหาวิทยาลัยซอมบี้ (Zombies in College) ตอนที่ 96

มหาวิทยาลัยซอมบี้
Zombies in College 

喪病大學

 

顏涼雨 เหยียนเหลียงอวี่ เขียน
Jpolly Wu แปล

 

นิยาย 4 เล่มจบ (วางขายเเยกเล่ม)

 

TRIGGER WARNING : นิยายเรื่องนี้ NOT FOR EVERYONE *
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ angst (มีความรุนแรงในอารมณ์ บีบคั้นกดดัน), death (การตาย),
depression (ภาวะซึมเศร้า), gore (เนื้อหามีความโหดร้าย และรุนแรง) และ suicide (การฆ่าตัวตาย)

 

———————————————————–

 

ตอนที่ 96

 

มือหนึ่งถือกรรไกร มือหนึ่งวาดผ่านคลื่นน้ำ ปลายแหลมสอดประสานกับเกลียวคลื่น ศีรษะกลืนไปกับความมืด…นักศึกษาใหม่แซ่ค่วงยืนหยัดอยู่ในทะเลสาบด้วยท่าทางเช่นนี้มานานสิบสองนาทีแล้ว

สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว

เขาว่ายน้ำระยะสองพันเมตรได้สบายๆ แต่การสวมเสื้อแจ็กเก็ตขนเป็ดลงไปในน้ำเย็นๆ นี่มันไม่ใช่ทางของเขาเลย

“พวกนายช่วยรีบหน่อยได้ไหม-ม-ม”

เสื้อแจ็กเก็ตดูดซับน้ำในทะเลสาบทำให้ร่างกายของเขาจมลง ความเย็นที่เสียดแทงกระดูกกำลังเผาผลาญพละกำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดอย่างรวดเร็ว

“พวกเรามีแต่อาวุธมีคม ไม่ได้มีปืนกลนะ!”

โจวอีลวี่ดึงหอกซูชิออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะแทงเข้าที่ศีรษะของซอมบี้ตนหนึ่ง เมื่อซอมบี้จะล้มลง เขาก็ดึงหอกออกแล้วแทงซอมบี้ตนที่สองซ้ำอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นซอมบี้ตนที่สองก็กระโดดขึ้นมาคว้าตัวเขาไว้ได้ ทำให้พลาดเป้าที่ศีรษะ และเฉียดหัวไหล่ของอีกฝ่ายไปเท่านั้น

ชีเหยียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็แทบจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพราะแค่ล้มซอมบี้หนึ่งตนได้ด้วยการแทงห้าถึงหกครั้งก็ถือว่าเก่งมากแล้ว

แต่คนที่สามารถโจมตีศัตรูได้มีเพียงชีเหยียนกับโจวอีลวี่ที่มีอาวุธยาว อย่างมากก็มีแค่ตะหลิวเหล็กของหลี่จิ่งอวี้ที่พอจะช่วยโจมตีได้บ้าง แต่ซอมบี้ก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร พอแทงซอมบี้ล้มหนึ่งตน ก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าซอมบี้ตนต่อไปจะเข้าสู่ระยะโจมตีให้ชีเหยียนกับโจวอีลวี่มีโอกาสได้ลงมือบ้าง

พวกมันเข้ามาทีละหนึ่งถึงสองตัว เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ซอมบี้บนฝั่งจึงยังคงรวมตัวกันหนาแน่น แต่สหายบนต้นไม้ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ค่วงเหย่ที่อยู่ในน้ำใบหน้ายิ่งซีดเซียว หนาวจนต้องกัดฟันแน่น

นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา

ซ่งเฝ่ยครุ่นคิดจนหัวแทบระเบิด

ถ้ามีเพียงพวกเขาสิบสี่คน ป่านนี้ก็คงใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาบุกฝ่าประจิมไปแล้ว เพียงอาศัยจังหวะที่ซอมบี้เผลอไผล ปีนลงจากต้นไม้และวิ่งหนีไปทันที ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ให้เปลืองแรงเลย

หรือถ้ามีค่วงเหย่อยู่คนเดียว ก็แค่ว่ายน้ำขึ้นฝั่งแล้วหนีไป ไม่ต้องอยู่รอเพื่อนๆ ต่อสู้ยืดเยื้ออยู่อย่างนี้

แต่สถานการณ์ตอนนี้ในน้ำก็มีคน บนต้นไม้ก็มีคน หากไม่สนใจคนอื่น เอาตัวรอดอยู่ฝ่ายเดียว แล้วคิดจะกลับมาร่วมทีมกันอีกก็เห็นทีจะยาก

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดหาทางออก สายตาของซ่งเฝ่ยไม่กล้าผละจากค่วงเหย่เลยแม้แต่วินาทีเดียว ไม่นานนักก็เห็นว่าศีรษะของอีกฝ่ายค่อยๆ จมหายลงไปทีละน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มหมดแรงแล้ว ไม่สามารถห่วงหลังพะวงหน้าได้อีกต่อไป ซ่งเฝ่ยขบกรามแน่น “ค่วงเหย่ นายไม่ต้องอยู่ในน้ำแล้ว ขึ้นฝั่ง-ง-ง”

เสียงเรียกของสหายร่วมรบดุจเสียงฟ้าผ่า แยกโลกที่แสนวุ่นวายของค่วงเหย่ให้ปริออกจากกัน

สติสัมปชัญญะที่ใกล้จะหลุดลอยพลันกลับคืนมาในทันที คล้ายว่าสองแขนทำงานอัตโนมัติ แหวกว่ายสุดแรงเกิด!

แต่ว่ายไปได้ไม่ไกล จู่ๆ เขาก็หยุดชะงัก เพราะเพิ่งตระหนักถึงความเป็นจริงอันโหดร้าย ก่อนจะร้องไห้คร่ำครวญออกมา “ซอมบี้เต็มไปหมดเลย ฉันจะขึ้นฝั่งได้ยังไง-ง-ง”

ซ่งเฝ่ยมองดูเขาว่ายน้ำมาทางห้องเกรียงไกรไม่ย่อท้อ ก็อดแนะนำไม่ได้ “ใครใช้ให้นายกลับมา ไปฝั่งตรงข้ามสิ!”

ในที่สุดค่วงเหย่ก็เข้าใจเสียงคำรามของสหายตัวน้อย

ริมชายฝั่งใต้แสงจันทร์ทางด้านนี้เต็มไปด้วยซอมบี้ แต่ชายฝั่งอีกด้านหนึ่งกลับมีแต่กิ่งหลิวพลิ้วไสว ไม่มีเงาซอมบี้แม้แต่ครึ่งตัว

ซอมบี้ที่อยู่ทางด้านนี้ไม่สามารถจัดการได้ในระยะเวลาสั้นๆ เขาเองก็ทนอยู่ในน้ำไม่ไหวอีกต่อไป การขึ้นฝั่งจึงถือเป็นทางเลือกเดียว

ค่วงเหย่เข้าใจเหตุผลดี แต่…

“ทางนั้นอยู่ไกลเกินไป ฉันไม่อยากทิ้งพวกนายไปนะ!!!”

ทั้งสิบสี่คนเกือบจะตกจากต้นไม้

หากจ้าวเฮ่อไม่กลัวว่าออกแรงเยอะไปแล้วกิ่งไม้จะทนรับไม่ไหว ป่านนี้เขาคงขว้างตะเกียบโลหะออกไปแล้ว “นายกำลังจะจมน้ำตาย ช่วยปล่อยวางความรักลึกซึ้งก่อนได้ไหม!!!”

“นายคิดมากไปแล้ว” หวงมั่วถอนหายใจ “เขาแค่รู้สึกว่าอยู่ไกลจากพวกเราเกินไป เลยรู้สึกไม่ปลอดภัย”

ราวกับเป็นการยืนยันคำของหวงมั่ว ทางด้านโน้นจึงตะโกนขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “ถ้าขึ้นฝั่งแล้วเจอซอมบี้จะทำยังไง-ง-ง”

“ก็หนีสิ!” ซ่งเฝ่ยใกล้จะระเบิดเต็มทน “ไม่งั้นจะรอให้โดนกัดก่อนเหรอ!”

“ฉันต้องหนีไปไหน-น-น”

“นาย…”

“ถ้าหนีไปแล้วจะรวมตัวกับพวกนายได้ยังไง-ง-ง”

“ฉัน…”

“ถ้าพวกนายทิ้งฉันไปจะทำยังไง-ง-ง-ง-ง”

“…”

ซ่งเฝ่ยเงียบ คนอื่นๆ เองก็เงียบเสียงลงเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่ค่อนแคะ ไม่เยาะเย้ย และไม่บีบบังคับค่วงเหย่อีกต่อไป

ประโยคสุดท้ายคือความกลัวที่ค่วงเหย่เก็บซ่อนเอาไว้ลึกที่สุด

มนุษย์มักจะคุ้นเคยกับการพิจารณาปัญหาจากมุมมองของตนเอง ดังนั้นพวกเขาทั้งสิบสี่คนจึงลืมไปว่าค่วงเหย่ไม่ใช่สมาชิกที่ผ่านประสบการณ์รบมาอย่างโชกโชน แต่เป็นครั้งแรกที่เขาบุกออกมาและเข้าสู่โลกอันโหดร้าย เขาย่อมกลัวถูกซอมบี้โจมตี แต่กลัวจะถูกคนอื่นทอดทิ้งยิ่งกว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเจอกันที่ศูนย์วิชาการดีไหม” หวังชิงหย่วนเอ่ยแนะด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก เพราะต้องการสนทนากันภายในกลุ่มเท่านั้น

“พวกเราลงจากต้นไม้แล้วไปทางนั้นต่อได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” จ้าวเฮ่อพูดโดยแทบไม่ต้องคิด “แต่เขาคนเดียวจะวิ่งจากฝั่งโน้นไปที่ศูนย์วิชาการได้ยังไง ระยะทางไกลเกินไป ถ้าเจอซอมบี้ระหว่างทางก็ตายสถานเดียว”

“พวกเราเองก็รับประกันไม่ได้ว่าจะได้ไปที่ศูนย์วิชาการร้อยเปอร์เซ็นต์” ชีเหยียนวิเคราะห์อย่างใจเย็น “ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกลางคัน แล้วพวกเราต้องเปลี่ยนไปเส้นทางอื่นล่ะ ก็จะติดต่อกันไม่ได้นะ”

เฉียวซือฉี “มีวิทยุสื่อสารไม่ใช่เหรอ”

โจวอีลวี่ “ความหมายของนายคือ พวกเราโยนวิทยุสื่อสารฟิ้วลงไปในทะเลสาบ ให้เขารับเอาไว้ แล้วชูมือขึ้นสูงๆ เหมือนถือระเบิด แล้วค่อยว่ายน้ำขึ้นฝั่งเพื่อป้องกันไม่ให้วิทยุสื่อสารโดนน้ำเนี่ยนะ”

เฉียวซือฉี “ใช่สิ มือหนึ่งว่ายน้ำ อีกมือหนึ่งชูวิทยุสื่อสารขึ้น ก็ไม่มีมือไว้ถือกรรไกรแล้ว!”

โจวอีลวี่ “…”

แม้โฟกัสของเฉียวซือฉีจะออกนอกประเด็นไปหนึ่งแสนแปดพันลี้ก็ตาม แต่บทสรุปก็ยังคงเป็นเช่นเดิม โจวอีลวี่จึงคร้านที่จะต่อปากต่อคำกับเขา

“ฉันลงไปเอง!” ทันใดนั้นหลี่จิ่งอวี้ก็โพล่งขึ้น “ฉันจะเอาวิทยุสื่อสารไปรวมตัวกับเขา จากนั้นพวกนายก็วิ่งหนีไป ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อกันผ่านวิทยุสื่อสาร แต่ถ้าไม่มีปัญหา ฉันก็จะพาเขาไปที่ศูนย์วิชาการเอง”

สหายทั้งหมด “…”

เหอจือเวิ่น “อะไรคือไม่มีปัญหา นายสองคนอยู่ด้วยกันสิเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ไม่ใช่ว่าถึงเวลานั้น นอกจากจะไม่มีใครกลับมา พวกเรายังต้องเสียวิทยุสื่อสารไปอีกเครื่องนะ”

หลี่จิ่งอวี้ “ไอ้อ้วน…”

“ฉันไปเอง” ทันใดนั้นซ่งเฝ่ยที่นิ่งเงียบมานานก็ขัดจังหวะการโต้เถียงของสมาชิกคนอื่น “อย่างที่วาฬน้อยบอก พวกนายหนีไปก่อน เดี๋ยวฉันจัดการค่วงเหย่เอง”

ชีเหยียนมองซ่งเฝ่ยอยู่นานโดยไม่พูดอะไรออกมา แต่ใบหน้ากลับดูเคร่งเครียดอย่างที่พบเห็นได้น้อยครั้ง ราวกับรู้ว่าซ่งเฝ่ยกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงรีบคัดค้านทันที “ไม่ได้ อันตรายเกินไป”

หัวใจของหลี่จิ่งอวี้ถูกทุบจนแทบป่นปี้…เมื่อกี้ตอนที่เขาบอกว่าจะไป ไม่เห็นจะพูดแบบนี้บ้างเลย!

ซ่งเฝ่ยยังคงไม่ยอมแพ้ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ใจเย็นๆ ก่อนนะ นายฟังฉันพูดให้จบก่อน”

ชีเหยียนเงียบลงด้วยท่าทางไม่พอใจ เม้มริมฝีปากจนกลายเป็นเส้นตรง

“ฉันไม่แข็งแกร่งเท่าจ้าวเฮ่อกับอู๋โจว ต่อสู้ไม่เก่งเท่าหลัวเกิงกับโจวอีลวี่ ไม่ฉลาดเหมือนหวงมั่วกับเหอจือเวิ่น อดทนไม่เก่งเท่านายกับวาฬน้อย แต่ฉันมีสมอง ฉันสมองดีนะ…”

จ้าวเฮ่อ อู๋โจว หลัวเกิง โจวอีลวี่ หวงมั่ว เหอจือเวิ่น ชีเหยียน หลี่จิ่งอวี้ “…”

คนที่เหลือพ่นลมหายใจยาว บ้าเอ๊ย ไม่สนใจดีกว่า

“ไม่ๆ ฉันหมายความว่าฉันมีความคิดแปลกๆ เยอะ และรู้จักพื้นที่ในมหาวิทยาลัยดีที่สุด คุ้นเคยการเผชิญหน้ากับซอมบี้โดยไม่จำเป็นต้องต่อสู้มากที่สุดด้วย แค่พาค่วงเหย่อ้อมไปมาก็ไปรวมตัวกับพวกนายได้แล้ว!!!”

สหายทั้งหมด “…”

ซ่งเฝ่ย “พวกนายเชื่อฉันเถอะ…”

สหายทั้งหมด “จากนี้ไปช่วยคิดให้ดีก่อนพูดด้วย”

ซ่งเฝ่ย “อืมๆๆ!”

สหายทั้งหมด “อย่าเอาแต่พูดความในใจไร้สาระ”

ซ่งเฝ่ย “แค่พลั้งปากจริงๆ นะ ใช้คำผิดน่ะ…”

ฮือ ตายเพราะปากชัดๆ!

“สองคนยังอันตรายเกินไป” ชีเหยียนโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ยังไม่เห็นด้วยทั้งหมด “ฉันไปกับนายเอง”

ซ่งเฝ่ยส่ายหน้าปฏิเสธ “ถ้านายไปแล้วทุกคนจะทำยังไง”

ชีเหยียนทำหน้ามุ่ย “…”

สหายทั้งหมดทำหน้าระอา “นายมองเขาสำคัญเกินไปแล้วมั้ง!”

ซ่งเฝ่ยแอบมีความสุข แต่ก็กลับมาจริงจังอย่างรวดเร็ว “ฉันบอกไปแล้วไง จะไม่ฝืนปะทะ แค่ซ่อนตัวแล้วพาหนี ถ้าไปกันเยอะจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ อีกอย่างคือหน้าที่ของพวกนายสำคัญกว่า ถ้าพวกนายไม่สามารถหาสถานที่ปลอดภัยได้ก่อนที่ฉันกับค่วงเหย่ไปถึง แม้เราสองคนจะไปถึงแล้ว แต่ก็ไม่มีที่ให้หยุดพักอยู่ดี ไม่ต้องห่วง ฉันจะเอาวิทยุสื่อสารไปด้วย จะได้ติดต่อกันได้ตลอดเวลา”

ชีเหยียนจ้องอีกฝ่ายอยู่นาน ท้ายที่สุดก็พูดขึ้นว่า “ฉันจะรอนายกลับมา”

ซ่งเฝ่ยยกยิ้มกว้าง โชว์ฟันขาวราวหิมะที่สะท้อนแสงวิบวับภายใต้แสงจันทร์

คุยกันถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ทุกคนเป็นห่วงยิ่งกว่า ก็ไม่อาจพูดอะไรได้มากไปกว่านี้

บนโลกใบนี้ไม่มีแผนการที่สมบูรณ์แบบ แม้จำนวนคนมาก ประสิทธิภาพในการสู้รบสูง แต่ก็ถูกพบเห็นได้ง่าย หากจำนวนคนน้อย ประสิทธิภาพในการสู้รบต่ำ แต่ก็ปรับตัวตามสถานการณ์ให้เหมาะสมได้ทุกเมื่อ ยังไงก็ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการเชื่อใจซ่งเฝ่ย และก่อนที่สหายทั้งสองคนจะกลับมา ก็ต้องรีบหาสถานที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด

“แล้วฉันล่ะ…” หลี่จิ่งอวี้พบว่าบทสนทนาสิ้นสุดลงโดยที่ไม่มีใครพูดถึงความเห็นของเขาเลยสักนิด!

“นายถือตะหลิวตามกลุ่มใหญ่ไปดีกว่านะ” ในบรรดาเพื่อนทั้งสองห้อง เหอจือเวิ่นรังแกเขาได้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ

ชายฝั่งทะเลสาบทางทิศเหนือ

ค่วงเหย่กำลังว่ายน้ำเข้าฝั่งเงียบๆ จังหวะที่ท่อนแขนแตะฝั่ง ร่างกายก็ผ่อนคลาย รู้สึกเบาสบายราวกับได้ปลดเปลื้องภาระที่กดทับมาร่วมร้อยปี

เขายังไม่กล้าขึ้นจากน้ำ เพราะกลัวว่าจะมีสัตว์ประหลาดซ่อนตัวอยู่ในป่า รอให้เขาเข้าไปติดกับเอง

ไม่รู้ว่าสหายร่วมรบทางฟากโน้นคุยกระซิบกระซาบอะไรกัน เสียงเบามากจนแทบไม่ได้ยิน ความจริงเขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงว่ายน้ำมาทางนี้ก่อน อยู่เกยฝั่งเพื่อฟื้นกำลังกาย พักหายใจเข้าออกสักครู่หนึ่ง

แต่ร่างกายของเขาแข็งเกร็งจนชาไปทั้งตัว ถ้าลงไปในน้ำทั้งๆ อย่างนี้อีกครั้ง ไม่จมน้ำตายก็คงแข็งตายก่อน

ค่วงเหย่ทอดมองไปไกลๆ ฝั่งตรงข้ามกลายเป็นเงาดำเลือนราง แม้แต่ต้นไม้ยังมองไม่เห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสหายร่วมรบคนอื่นๆ บนนั้นเลย

ค่วงเหย่ไม่รู้ว่าทุกคนกำลังปรึกษาแผนการต่อสู้กันอยู่หรือเปล่า เขาไม่กล้าคิดอะไรมาก เพราะกลัวว่าจะถูกความคิดแง่ลบครอบงำ เขากลัวว่าสหายร่วมรบจะทอดทิ้งตนเองไปอย่างเงียบเชียบ มากกว่าป่าที่ดูเหมือนหลุมดำซะอีก

“ถนนควีนส์ตะวันตกแล้วก็ถนนควีนส์ตะวันออก~~ถนนควีนส์ตะวันออกเลี้ยวไปที่ถนนควีนส์เซ็นทรัล~~ทำไมไม่มีพระราชวังตั้งอยู่บนถนนควีนส์ตะวันออก~~ถนนควีนส์เซ็นทรัลมีคนเดินขวักไขว่…” [1]

เสียงร้องประสานเสียงพัดผ่านไอน้ำเหนือผิวทะเลสาบมาอย่างรุนแรง

น่าจะมีคนร้องเพลงด้วยกันอย่างมากประมาณห้าหรือหกคน ไม่ใช่สมาชิกทั้งหมด แต่เสียงอันทรงพลังและผิดเพี้ยนของจ้าวเฮ่อกลบเสียงร้องของคนอื่นๆ จนหมด

“ร้องแย่ชะมัด…”

ค่วงเหย่ค่อนแคะ แต่มุมปากกลับยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ร่างกายเย็นเยียบเริ่มดูดซับพลังจากเสียงเพี้ยนๆ พังๆ อย่างช้าๆ

บนต้นไม้ ณ ชายฝั่งทางทิศใต้

ซอมบี้ส่วนใหญ่ไปรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นไม้ของจ้าวเฮ่อและเฝิงฉี่ไป๋ที่กำลังแหกปากร้องตะโกนเรียบร้อยแล้ว ทางด้านซ่งเฝ่ยกับชีเหยียนที่อยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกันอยู่ห่างจากต้นกำเนิดเสียงไกลที่สุด ตอนนี้ใต้ต้นไม้จึงว่างเปล่าไร้เงาของซอมบี้

ชีเหยียนเอาแต่จ้องมองซ่งเฝ่ยเงียบๆ

อีกฝ่ายกอดคอแฟนหนุ่มแน่น แล้วออกแรงดูดเบาๆ ไปหนึ่งที จากนั้นก็ปีนลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว วิ่งเลียบไปทางทะเลสาบอย่างบ้าคลั่งในทิศทางตรงกันข้ามกับกลุ่มนักร้องประสานเสียงโดยไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อย!

กว่าซอมบี้ใต้ต้นไม้ของกลุ่มนักร้องประสานเสียงจะสังเกตเห็น แผ่นหลังของซ่งเฝ่ยก็เลือนหายไปแล้ว

ทว่าพวกซอมบี้ก็ยังเลือกทิ้งต้นไม้ใหญ่ที่โจมตีมานานแต่โค่นไม่สำเร็จสักที แล้ววิ่งไปทางทิศของซ่งเฝ่ยแทน!

หัวใจของชีเหยียนกระตุกวาบ กลุ่มนักร้องประสานเสียงเองก็พยายามเต็มที่ แต่มนุษย์ที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านล่างย่อมมีเสน่ห์ดึงดูดกว่าคนชั่วบนยอดไม้ที่ทำได้แค่มองแต่กินไม่ได้

เพียงไม่กี่นาที ชายฝั่งทางใต้ก็ว่างเปล่า

ถึงแม้จะไม่อยู่ในแผน แต่ก็ไม่ควรพลาดโอกาสนี้ ทั้งสิบสามคนรีบพากันปีนลงจากต้นไม้

ทุกสายตาจับจ้องไปยังอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบโดยมิได้นัดหมาย ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่เท้าของทุกคนกลับหยุดนิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหว

จนกระทั่งมีเสียงกรอบแกรบดังมาจากป่าอีกครั้ง ทุกคนจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางศูนย์วิชาการของมหาวิทยาลัยทันที!

…ในบรรดาทั้งสองห้อง ซ่งเฝ่ยฉลาดที่สุด นายจะต้องกลับมาหาพวกเราอย่างปลอดภัยนะ!

 

[1] เพลง Queen’s Road East หรือ ถนนราชินีตะวันออก ประพันธ์โดย หลัวต้าโย่ว

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า