หลายครั้งที่ความรักไปไม่รอด แรกๆ ก็ดูเหมือนจะดีมั่นใจว่าทำดีทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ทำไมสุดท้ายความรักก็จบลงทุกที…นั่นเพราะเรามี ความเข้าใจผิดเรื่องความรัก ที่ทำให้ไม่ว่าจะอย่างไรความรักก็ไปไม่ไม่รอด มาดูกันว่าความคิดแบบใดถึงจะเรียกว่าเป็น ความเข้าใจผิดเรื่องความรัก เมื่อรู้แล้วจะได้ปรับทัศนคติกันเสียที ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องมีเวลาว่างเสมอเพื่อแฟน ความเข้าใจผิดเรื่องความรัก ข้อแรก คือ เราคงเคยคิดว่า “ถึงจะมีเรื่องอื่นต้องทำ แต่ต้องทำตัวให้ว่างเพราะแฟนอาจจะนัดเราตอนสุดสัปดาห์ อ้าวถ้าเป็นแบบนี้คงจะไม่ได้ทำอะไรแล้วสิ” แค่คิดเช่นนี้ ใจก็เกิดความเครียดขึ้นแล้ว และความเครียดนั้นจะค่อย ๆ สะสมไปทีละนิดโดยที่เราไม่รู้ตัว หากเราถูกครอบงำด้วยความคิดว่าจะต้องทำตัวว่างเพื่อแฟน ต่อให้เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไป จนกลายเป็นว่าเราจะปฏิเสธคำชวนเพื่อนไปเรื่อยๆ และจะรอเฉพาะคำสั่งจากแฟนที่เป็นจุดศูนย์กลางของโลกเท่านั้น โดยไม่แยแสต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิท คนที่ทำงาน หรือเพื่อนที่โรงเรียน เราจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นน้อยลง และยิ่งเรามีปฏิสัมพันธ์น้อยลงเท่าไร คนรักจะกลายเป็นทุกสิ่ง และการยึดติดอีกฝ่ายจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ หากใจเราตกอยู่ในสภาพที่ต้องการสิ่งเร้ารุนแรงจากคนที่รักมากเกินไป จะทำให้เราไม่มีสมาธิกับหลาย ๆ สิ่ง เช่น เมื่อคิดแต่เรื่องของคนรักก็จะไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือตื่นเต้นเกินไปจนนอนไม่หลับ หากฝ่ายหญิงยึดติดกับคนรักมากไป แสดงว่าความเหงากับความรู้สึกที่ไม่ได้รับการเติมเต็มกำลังทำงานอยู่ การไปยึดติดกับอีกฝ่ายเข้า จะทำให้เราพยายามปกปิดความเหงาและความน่าสังเวชของเรา และการที่เราพยายามปฏิเสธว่า “ไม่ได้ยึดติด” นั้น เป็นการผลักไสความรู้สึกที่บุกเข้ามานั้นออกไป น่าเสียดายว่า ยิ่งเราพยายามโจมตีผู้บุกรุกมากเท่าไร มันจะยิ่งอาละวาดหนักขึ้น การยึดติดก็เช่นเดียวกัน […]
Tag Archives: พัฒนาตัวเอง
เพื่อให้มีความสุขและมี ชีวิตที่ดี ตลอดทั้งวันเราอาจไม่ต้องทำอะไรมากเพื่อให้ชีวิตเราพบเจอความสบายใจและมีความสุข เพียงปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ ที่องค์ทะไลลามะแนะนำไว้ ค่อยๆทำบ่อยเข้าๆ ก็จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต และแม้เจอเรื่องร้ายๆ ก็ยังเบิกบานจากภายในได้ นับว่าเป็น ชีวิตที่ดี และมีความสุขอย่างแท้จริง ^^ เมื่อตื่นแล้ว ผ่อนคลายร่างกาย เพื่อ ชีวิตที่ดี ตลอดทั้งวัน เมื่อตื่นนอนแล้วเริ่มจากนั่งสบายๆ อาจนั่งห้อยขาบนเก้าอี้ หรือจะนั่งขัดสมาธิบนพื้นก็ได้ สามารถฝึกขณะอยู่บนที่นอนก่อนที่จะลุกขึ้นมาในตอนเช้าก็ได้ หลังจากกดปิดนาฬิกาปลุกแล้ว ก่อนที่จะเร่งรีบทำกิจวัตรประจำวัน วางมือตามสบายที่ขาหรือที่ท้อง หลับตาลงพร้อมกับหายใจเข้าออกยาวๆ ทางจมูก รู้สึกถึงท้องที่ป่องขึ้นและแฟบลงขณะหายใจโดยใช้กะบังลม เมื่อรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้วถามตัวเองว่า “สิ่งที่ใจฉันต้องการคืออะไร ฉันปรารถนาอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อคนที่ฉันรัก และเพื่อโลกนี้” โดยทั่วไปแล้วความปรารถนาที่ลึกที่สุด มักมีแนวโน้มที่จะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตด้วยคุณค่าของความเป็นมนุษย์อันลึกซึ้ง ซึ่งนำไปสู่ความสุขอันยิ่งใหญ่ ทะไลลามะมีวิธีง่าย ๆ ในการทดสอบเจตนาของตัวเอง “สิ่งนี้เป็นไปเพื่อฉัน หรือเพื่อผู้อื่น เพื่อประโยชน์แก่ส่วนน้อยหรือส่วนใหญ่ เพื่อขณะนี้หรือในอนาคต” การทดสอบเช่นนี้จะเป็นเครื่องชี้นำเราไปสู่สิ่งที่เราปรารถนาอย่างแท้จริง นึกถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ด้วยความปรารถนาดี […]
นี่คือวิธีการ ฝึกจิต ป้องกันไม่ให้กิเลสปรากฏตัวออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำที่จะช่วยให้เราสามารถจับจิตเอาไว้ได้ง่ายขึ้น เมื่อความโลภ ความโกรธ และความหลงปรากฏตัวออกมายากขึ้น ก็จะช่วยส่งเสริมให้เราทำสิ่งที่ดีจนเป็นนิสัย มาดูวิธี ฝึกจิต ทั้ง 9 ข้อกัน ฝึกจิต ควบคุมความอยาก หากเราให้แรงดึงดูดที่เป็นความโลภทำงาน จิตจะปั่นป่วน และแรงใจในการทำงานก็จะหยุดชะงักลง สิ่งสำคัญในการฝึกจิต คือ การเข้าใจถึงเหตุและผลนั้นแล้วตั้งใจตรวจดูจิตให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ความโลภบุกรุกเข้ามาได้ ควบคุมความโกรธ หากเราให้ความโกรธซึ่งพลังการผลักไสทำงาน เราก็จะรู้สึกกระวนกระวายใจ แล้วภายในร่างกายก็จะเต็มไปด้วยสารพิษ กลายเป็นแหล่งที่จะดึงเอาความทุกข์ทั้งหมดที่มีเข้ามา กล่าวได้ว่าความโกรธนี้แหละที่เป็นกิเลสตัวแรกเลยที่ควรระวังและควรขจัดออกไปจากเรา มองให้เห็นความเป็นจริง เมื่อพลังที่จะทำให้ความหลงทำงานเกิดขึ้น จิตจะออกห่างจาก “ขณะปัจจุบัน” แล้วกระจัดกระจายไปที่โน่นที่นี่ และกลายเป็นแหล่งเพาะความโลภและความโกรธ การจะจับเอาชั่วขณะที่พลังงานนี้เกิดขึ้นเอาไว้ได้นั้นจำเป็นจะต้องมีความใส่ใจที่ละเอียดมาก หากเรารู้ตัวแล้วป้องกันเอาไว้ได้ จิตที่มีความสงบเป็นปกติ ไม่สั่นไหว และแจ่มชัดก็จะเติบโตขึ้น ไม่โกหก การโกหกนั้น เกือบทั้งหมดเป็นไปเพื่อการทำให้ความต้องการของตนเองบรรลุผล ดังนั้นเมื่อโกหกแล้วพลังงานที่เป็นความต้องการก็จะถูกกระตุ้นและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น หากเราโกหกแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะต้องโกหกซ้ำอีกในครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย และในแต่ละครั้งที่โกหก สิ่งที่ผิดไปจากความเป็นจริงก็จะถูกใส่ลงไปในจิตใต้สำนึกทุกครั้ง เมื่อทำซ้ำๆ จิตจะยิ่งสับสนวุ่นวายยิ่งขึ้น […]
ชีวิตคนเราย่อมพบเจออุปสรรคต่างๆ นานาจนรู้สึกหมดพลัง กว่าจะพบกับความสำเร็จ ความเป็นอิสระทางใจก็ท้อถอยจนแทบหมดกำลังใจ จะมีวิธีใดที่จะช่วยปรับมุมมองความคิดให้มีวิธีการใช้ชีวิตที่กลับมาทรงพลังได้บ้าง บทความนี้จึงขอนำเสนอ 10 ข้อคิด การใช้ชีวิต อย่างทรงพลัง โดย คุณพศิน อินทรวงค์ ที่จะช่วยให้คุณมีพลังในการใช้ชีวิตต่อไปได้เป็นอย่างดี อย่าแสวงหาความสำเร็จที่สร้างความยึดติด วิธี การใช้ชีวิต อย่างทรงพลังข้อแรกคือ อย่ามุ่งหาแต่ความสำเร็จที่สร้างความยึดติด เพราะความสำเร็จที่สร้างความยึดติดเป็นโทษ เป็นความโง่เขลาชนิดหนึ่งที่ทำลายอิสรภาพ ให้แสวางหาความสำเร็จในการทำลายอัตตาตัวตน นั่นคือความสำเร็จที่แท้จริง ความรักและความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ความสัมพันธ์เป็นเรื่องของการแสวงหา ส่วนความรักเป็นเรื่องของการปรับปรุงจิตวิญญาณจากตัวตนภายใน ความสัมพันธ์มีรากมาจากความกลัว ส่วนความรักมีรากมาจากความกล้าหาญ การมีความรักไม่ใช่เรื่องของการมีคู่ และการมีคู่ไม่ใช่เรื่องของการมีความรัก สุขทุกข์ล้วนเป็นสิ่งสมมติ ถ้ามีความสุข จงสังเกตความไม่แน่นอนของมัน ถ้ามีความทุกข์ นั่นคือเรื่องน่ายินดี เพราะความทุกข์ทำให้ปัญญางอกงาม ส่วนความสุขทำให้เราตกอยู่ในความประมาท วิธีการมองแบบนี้คือ วิธีการใช้ชีวิต ที่จะทำให้ชีวิตมีพลังมากขึ้น อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยาก แต่จงขับเคลื่อนชีวิตด้วยพลังแห่งปัจจุบันขณะ มีความฝันได้ แต่อย่าจมอยู่กับความฝันตลอดเวลา เราจะมีชีวิตที่แท้จริงได้ด้วยการตระหนักรู้อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น นี่ละ […]
ทุกๆ คนย่อมมีช่วงเวลาที่รู้สึกอ่อนแอ ขาดที่พึ่ง หมดกำลังใจ สิ้นหวัง แน่นอนว่าเมื่อเจอภาวะแบบนี้เราย่อมอยากกลับมามี จิตใจเข้มแข็ง ดังเดิม เพื่อดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้ ขอแนะนำ 9 เทคนิคที่จะช่วยให้ จิตใจเข้มแข็ง ที่ทำได้ไม่ยาก รับรองได้ว่าจะช่วยดึงความเข้มแข็งกลับมาให้ใจได้แน่นอน หายใจเข้าลึกๆ มีสติอยู่กับตัวเอง หายใจเข้าและทำความรู้สึกว่าได้สำรวจร่างกาย มีสติระลึกรู้ถึงความคิดใดๆที่ผ่านเข้ามาในใจ โดยไม่ต้องพยายามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน รับรู้ถึงความรู้สึกเข้มแข็งในการมีสติระลึกรู้ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนและยั่งยืนเสมอไม่ว่าจะมีสิ่งใดผ่านเข้ามาในการรับรู้นั้นๆ รู้สึกถึงพลังในตัวเอง คราวนี้รับรู้ถึงความรู้สึกมีพลังในตัวคุณ ลองสังเกตดูว่าลมหายใจของคุณมีพลังในตัวมันเองอย่างไรบ้าง รู้สึกถึงกล้ามเนื้อของคุณ ถึงความสามารถของคุณที่จะเคลื่อนไปในทิศทางใดก็ได้ รู้สึกถึงเรี่ยวแรงแห่งสัตว์ป่าในตัวคุณ (ถึงแม้ว่ามันก็รู้สึกอ่อนกำลังลงเช่นกันในทางใดทางหนึ่ง) นึกถึงตอนที่ตัวเองเข้มแข็งมากๆ ระลึกถึงเวลาที่คุณรู้สึก จิตใจเข้มแข็ง มากๆ ลองนึกภาพสถานการณ์นั้นๆ ให้เข้มข้นมากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ นึกถึงความรู้สึกเข้มแข็งที่คุณได้สัมผัสมา รับรู้ถึงพลังในลมหายใจของคุณ พลังงานในแขนขาของคุณ พลังนั้นก็ยังเต้นตุบๆอยู่ในวันนี้เช่นกัน ในหัวใจที่เปี่ยมพลังของคุณ สังเกตความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นจากการนึกถึง ลองสังเกตดูว่าการรู้สึกว่า จิตใจเข้มแข็ง นั้นทำให้คุณรู้สึกดีเพียงใด […]
งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข แค่นี้จริงหรือ บางคนทำงานไปวันๆ เพราะงานที่ทำไม่ใช่สิ่งที่ชอบ บางคนแม้ได้ทำงานที่ชอบก็ยังมีความไม่สบายใจมากมาย วันนี้มี 3 ข้อคิดในการทำงาน ที่จะช่วยให้บรรดาชาวออฟฟิศมนุษย์เงินเดือนทุกคน ได้เข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของงาน ที่งานได้ให้กับเรา จะได้ทุกข์น้อยลง ทำงานได้มีความสุขมากขึ้น การทำงานทำให้ได้เงินเลี้ยงชีพ ข้อคิดในการทำงาน ข้อแรก ที่จะช่วยให้เห็นคุณค่าของงาน คือ เริ่มด้วยมองในแง่ของผลตอบแทนก่อน ผลตอบแทนคือ ปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีพ หรือเงินทองที่จะซื้อหาของกิน ของใช้ งานทำให้เรามีเครื่องเลี้ยงชีพ ทำให้เราเป็นอยู่ได้ดี งานเป็นสิ่งที่ผูกพันติดอยู่กับชีวิตของเรา มันมีคุณต่อชีวิตของเรา ทำให้ชีวิตของเราดำรงอยู่ได้ด้วยดี ในเมื่องานเป็นสิ่งที่มีคุณต่อเรา เราก็ควรจะรักจะชอบมัน [su_highlight background=”#fffe99″]นอกจากมีคุณต่อชีวิตของเราแล้วก็โยงต่อไปถึงครอบครัวของเรา ญาติพี่น้องของเราด้วย [/su_highlight] เห็นได้ชัดว่างานนี้มีคุณค่ามากและเป็นประโยชน์ต่อชีวิต ในเมื่องานเป็นประโยชน์ต่อชีวิต เป็นคุณค่าพื้นฐานอันดับที่หนึ่ง เราก็ควรรักงาน ควรตั้งใจทำ และเอาใจใส่ งานของเราเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ข้อคิดในการทำงาน ที่จะช่วยให้เห็นคุณค่าของงาน ข้อต่อไปคือ งานนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้กิจการของโลก ของสังคม ของประเทศชาติ เป็นไปได้ บางทีก็[su_highlight background=”#fffe99″]เป็นประโยชน์โดยตรงต่อชีวิตของผู้อื่น เช่น […]
จงมีชีวิตที่เบิกบาน โดย องค์ทะไลลามะ และอาร์ชบิชอป เดสมอนด์ ตูตู สองผู้นำทางจิตวิญญาณและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้นำเสนอ ข้อคิดในการใช้ชีวิต เพื่อชีวิตที่เบิกบานไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งบทความนี้จะขอสรุปบางแง่มุมให้ดังนี้ เรื่องต่างๆ มีหลายแง่มุม องค์ทะไลลามะให้ ข้อคิดในการใช้ชีวิตว่า “เราต้องมองสถานการณ์ใด ๆ ก็แล้วแต่จากด้านหน้าและด้านหลัง จากด้านข้างและจากด้านบนและด้านล่าง อย่างน้อย ๆ จากหกแง่มุม สิ่งนี้จะช่วยให้เรามีมุมมองเกี่ยวกับความจริงที่สมบูรณ์และเป็นองค์รวมยิ่งขึ้น และหากเราทำได้เช่นนั้น การตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ของเราก็จะเป็นในทางที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น” การมีมุมมองที่กว้างขึ้นทำให้เราสามารถมองเห็นสถานการณ์ของตัวเอง และทุกคนที่เกี่ยวข้องในบริบทที่กว้างขึ้น และตั้งอยู่บนความเป็นกลางยิ่งขึ้น เมื่อเรามองเห็นเงื่อนไขและสถานการณ์มากมายที่นำไปสู่เหตุการณ์นี้ เราก็จะตระหนักว่ามุมมองอันจำกัดของเรานั้นไม่ใช่สิ่งที่จริงแท้ มุมมองที่กว้างขึ้นนี้ยังพาเราออกจากการมุ่งมองแต่คุณค่าของตัวเอง การมองตัวเองเป็นศูนย์กลางคือมุมมองที่บกพร่องที่สุดของเรา เป็นมุมมองที่เกิดจากการมองว่าเราเป็นศูนย์กลางของโลกของตัวเอง แต่ทะไลลามะและอาร์ชบิชอปได้แสดงให้เห็นอย่างหนักแน่นว่า เรายังมีความสามารถที่จะมองด้วยมุมมองของผู้อื่นด้วย ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งทะไลลามะและอาร์ชบิชอปล้วนยืนยันว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นสิ่งจำเป็นในทุกๆ โอกาสแห่งความเบิกบาน เมื่อเรามีมุมมองที่กว้างขึ้นเราจะมีความเข้าใจตามธรรมชาติต่อสถานภาพของตัวเองในขอบเขตอันไพศาลของทุกๆ สิ่งที่เคยเป็น เป็นอยู่ และจะเป็น สิ่งนี้จะนำเราไปโดยธรรมชาติสู่ความอ่อนน้อมถ่อมตนและการยอมรับว่าในฐานะมนุษย์ เราไม่อาจแก้ไขทุกสิ่งหรือควบคุมทุกแง่มุมในชีวิตได้ เราจำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่น อาร์ชบิชอปกล่าวได้อย่างกระทบใจว่า ความเปราะบางของเรา ความอ่อนแอของเราและขีดจำกัดของเรา คือเครื่องเตือนให้เรารู้ว่า เราจำเป็นต้องมีกันและกัน เราไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการมีอิสรภาพ ไม่ต้องอาศัยการพึ่งพา […]
ทุกคนย่อมมีความกลัว กลัวจนไม่กล้าทำอะไร และบางครั้งความกลัวนั้นก็เกิดจากการที่เราคิดไปเอง วิธีเอาชนะความกลัว นั้นก็ไม่ยาก เพียงทำตาม 4 ขั้นตอนจัดการความกลัว ที่พระไพศาล วิสาโล ท่านได้เมตตาแนะนำให้นี้ และฝึก วิธีเอาชนะความกลัว บ่อยๆ ก็มั่นใจได้ว่า เราจะมีความกล้าในการใช้ชีวิตมากขึ้นและมีความสุขมากขึ้นแน่นอน อย่าเพิ่งคิดฟุ้งซ่านปรุงแต่งไปไกล เวลาเกิดอะไรความกลัวขึ้นมา วิธีเอาชนะความกลัว คือก็อย่าเพิ่งส่งจิตออกนอก ให้กลับมาดูใจของเรา ว่าใจของเรากำลังปรุงแต่งไปหรือเปล่า ที่จริงบางคนอาจจะไม่ได้ปรุงแต่งไปมากมายอะไร จู่ๆ มันมีความกลัวเกิดขึ้น เพราะเราไม่คุ้นกับความมืด หรือไม่คุ้นกับการอยู่คนเดียว การมีความกลัวเกิดขึ้นก็เป็นแบบทดสอบให้เราได้กลับมาดูใจว่า เรารู้เท่าทันอารมณ์และความกลัวที่เกิดขึ้นกับใจหรือเปล่า คนเราส่วนใหญ่ทุกข์เพราะความคิด เมื่อใดก็ตามที่เรามีความทุกข์ ขอให้รู้ว่ามันเป็นเพราะความคิดของเรา ความคิดที่ปรุงแต่ง ความคิดที่เตลิดเปิดเปิงไป เมื่อเรารู้ทันความคิด มันก็หยุดปรุงแต่ง แล้วกลับมาเป็นปกติ ทำความคุ้นเคยกับที่นั้นๆ ให้พยายามทำความคุ้นเคยกับสถานที่นั้นๆเสมือนว่าเป็นบ้านเรา ถ้าหากว่าเราทำความคุ้นเคยกับสถานที่แล้ว ความอุ่นใจ ความมั่นใจในความปลอดภัยก็จะมีมากขึ้น แต่ถ้าเราไม่ทำความคุ้นเคยกับสถานที่ ใจก็จะปรุงแต่งจนเกิดความหวาดระแวงได้ง่ายๆ พยายามมองให้เห็นว่า สถานที่ที่เราไปมีข้อดีอย่างไรบ้าง อย่ามองเห็นแต่ข้อเสีย เพราะจะทำให้เราขาดความมั่นใจ หรือ ขาดความรู้สึก อบอุ่น ในสถานที่ […]
หลายคนมักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือแม้กระทั่งเปรียบเทียบกับตัวเองในอดีตที่เคยดีกว่าปัจจุบัน จนทำให้รู้สึกหดหู่ ไร้ค่า สูยเสียความภูมิใจในตัวเองมากขึ้นทีละนิด จนในที่สุดอาจมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง นี่คือ 7 วิธีที่จะทำให้ รักตัวเองให้เป็น กลับมาเห็นคุณค่าในตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น ยอมรับความอ่อนแอ แน่นอนว่าทุกคนต้องมีช่วงเวลาที่อ่อนแอและเป็นทุกข์ รู้สึกไม่รักตัวเอง เมื่อถึงตรงนี้ไม่ควรต่อต้านความรู้สึกนั้น เพราะยิ่งต่อต้าน ยิ่งทำร้ายตัวเอง วิธีการที่จะ รักตัวเองให้เป็น คือหากเราอนุญาตและยอมรับให้ตัวเอง “เหงา” “เป็นทุกข์” และ “อ่อนแอ” ได้ตามที่เป็น จะมีพลังงานออกมาจากการยอมรับนั้น [su_highlight background=”#ffe999″] หากยอมรับความเป็นจริง เราก็จะมีความกล้าและรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต [/su_highlight] ไม่มุ่งหาแต่ความสำเร็จ วิธี รักตัวเองให้เป็น ข้อต่อมา คือ อย่าเอาแต่หาความสำเร็จจนไม่มองความรื่นรมย์ต่างๆ รอบตัว ในช่วงแรกๆของชีวิต คนเราต่างวิ่งเข้าหาความสำเร็จ แต่เมื่ออายุมากขึ้น เราจะเริ่มมองเห็นคุณค่าของสิ่งอื่น เพราะเราเริ่มเข้าใจหลักการที่ว่า เมื่อมีขึ้นก็ย่อมมีลง ดังนั้นเราจึงควร[su_highlight background=”#ffe999″]เริ่มหันมาสนใจเรื่องความสุขหรือการฝึกฝนจิตใจและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากกว่าความสำเร็จ[/su_highlight] อย่าคาดหวังความสมหวัง เมื่อประสบความสำเร็จตามที่ต้องการแล้ว คิดว่าเราจะมีความสุขไปเรื่อยๆ ใช่ไหม มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น หลังความสุขเพียงชั่วครู่จากการประสบความสำเร็จจะมีคลื่นความห่อเหี่ยวใจซัดขึ้นมา […]
ความคิด ฟุ้งซ่าน ทำให้จิตและสมองเหนื่อยมาก หลายคนบางทีไม่ได้ออกแรงแต่สงสัยว่าทำไมตัวเองเหนื่อยล้าเหลือเกิน นั่นเพราะเราคิด ฟุ้งซ่าน นั่นเอง วิธีที่จะลดการคิดมากเกินไปนั้น คือการต้องฝึกให้ตัวเองอยู่กับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน ณ ตอนนี้ ซึ่งฝึกได้ง่ายๆ ผ่านการฟัง พูด ดู เขียน เป็นต้น มาฝึกให้ไม่คิด ฟุ้งซ่าน กัน ด้วยวิธีดังนี้ ไม่ ฟุ้งซ่าน ด้วยการ ตั้งใจฟัง เนื่องจากในปัจจุบันมีสิ่งเร้าที่มีผลต่อโสตประสาทเพิ่มขึ้นมากเกินไป มากเสียจนบทสนทนาที่มีสิ่งเร้าในปริมาณที่พอเหมาะพอดี กลายเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกอ้างว้างราวกับอยู่บนฟ้า บทสนทนาในการทำงานมีแรงกระตุ้นที่เพิ่มเข้าไปว่า “เนื่องจากเป็นเรื่องงานจึงต้องฟัง” แต่เดิมการฟังเสียงคู่สนทนาอย่างชัดเจนคงไม่ยากขนาดนั้น แต่เนื่องจากแรงกระตุ้นระดับนั้นยังไม่พอให้เราสนใจได้ ใจจึงยังเลื่อนลอย สับสนวุ่นวายไปด้วยเสียงรบกวนของความคิดจำนวนมากที่ไม่จำเป็น หากเงี่ยหูฟังเสียงเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจริงตรงหน้าอย่างตั้งใจแล้วจะเข้าสู่โหมดฟังเสียงที่น่าเบื่อได้อย่างสนอกสนใจ ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้อุบายตื้น ๆ เช่น การหาข้ออ้างที่จะฟัง เพราะเมื่อตั้งใจฟังคำพูดของคู่สนทนาแล้วก็จะเข้าใจเนื้อหาเอง ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดคุยของใคร หรือเสียงประชุม หรือเสียงนกและเสียงลม “การฟัง” จะเป็นอิสระจากฉากเหล่านั้น ไม่ฟุ้งซ่านด้วยการ ลดการพูดเพ้อเจ้อ ในบรรดาศีลที่เกี่ยวกับการพูดทั้งสี่ข้อ เมื่อเทียบกับข้ออื่นๆ ข้อที่เกี่ยวกับการ “เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ” […]
- 1
- 2