เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์
我开动物园那些年
ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน
拉棉花糖的兔子
Himazan แปล
ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
+++++++++++++++++++
ตอนที่ 11.6
รถประจำทางวิ่งมาถึงสวนสัตว์หลิงโย่ว เหล่าพระสงฆ์ทยอยลงจากรถแล้วไปแสดงตนกับหญิงสาวที่ห้องขายตั๋วหน้าประตูว่าพวกเขาเป็นพนักงานอาสาสมัครที่เพิ่งมาถึง
สวี่เหวินรู้ว่าจะมีอาสาสมัครระยะยาวเข้ามาในวันนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นชายหัวโล้น และยังดูราวกับทุกคนรู้จักกันดี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน “ระ…รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันจะไปรายงานผู้อำนวยการให้ค่ะ”
ในคณะสงฆ์พวกนี้ มีพระมาจากวัดอู๋เลี่ยงจำนวนสามรูป พระที่อายุเยอะที่สุดเป็นลูกศิษย์ของจี้ซ่าน ฉายาตอนบวชคือ ฟ่าปิ่ง ชื่อตอนเป็นฆราวาสคือ ซูเสียง ตอนอยู่ที่หลิงโย่วพวกเขาไม่เพียงแต่ต้องถอดจีวรออก แต่ยังต้องปกปิดว่าตัวเองเป็นพระสงฆ์อีกด้วย โดยที่ทุกคนจะต้องเรียกชื่อตอนที่ยังเป็นฆราวาสของกันและกันเท่านั้น
นี่คือเหตุผลที่พวกเขาเรียกอีกฝ่ายว่า ‘ลูกพี่’ กับ ‘น้องชาย’ ตอนที่อยู่บนรถประจำทางก่อนหน้านี้ ซึ่งเดิมทีควรจะเรียกว่า ‘ศิษย์พี่’ กับ ‘ศิษย์น้อง’
สวี่เหวินมองพวกเขาพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.หาต้วนเจียเจ๋อ “ผู้อำนวยการคะ คือว่า…อาสาสมัครมาแล้วค่ะ แต่ว่าพวกเขา…พวกเขาดูเหมือนจะเป็น…”
“หัวโล้นใช่ไหมครับ ถ้าใช่ก็เป็นพวกเขาแหละครับ ไม่ผิดหรอก ให้เข้ามาเถอะ ผมอยู่ที่ตึกสำนักงาน” ต้วนเจียเจ๋อพูด
เมื่อเป็นดังนั้น เหล่านักท่องเที่ยวจึงเห็นชายหัวโล้นแต่งตัวเหมือนกันสี่สิบสองคนทยอยกันเดินเข้าไปในสวนสัตว์ จนมาถึงอาคารสีขาวหลังเล็กสองชั้นที่เก่าโทรมหลังนั้น ซึ่งตอนนี้ต้วนเจียเจ๋อได้รออยู่ที่ชั้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสี่สิบสองคนเดินทางมาจากต่างวัด ซูเสียงรู้ดีว่าตนเป็นคนที่มาจากวัดอู๋เลี่ยงเลยมีข้อได้เปรียบ เขาจึงใช้จังหวะนี้ชิงรายงานกับต้วนเจียเจ๋อ “ผู้อำนวยการต้วน ผมคือซูเสียงจากวัดอู๋เลี่ยง พวกเราอาสาสมัครทั้งหมดสี่สิบสองคนมาถึงครบหมดแล้วครับ”
“ครับ” ต้วนเจียเจ๋อยิ้มให้เขา “หลังจากนี้ต้องลำบากทุกคนแล้วครับ ผมคือต้วนเจียเจ๋อ ผู้อำนวยการของสวนสัตว์หลิงโย่ว กฎเกณฑ์พื้นฐานของที่นี่ผมเชื่อว่าท่านอาจารย์ของพวกคุณคงเคยบอกไว้แล้ว ผมก็จะไม่พูดมากแล้วนะครับ ต่อไปนี้ผมจะพาทุกคนไปที่พักเพื่อเก็บกระเป๋าสัมภาระ เดี๋ยวพวกเราเดินไปคุยไปแล้วกันนะครับ”
ในจำนวนคนเหล่านี้มีคนที่อายุมากกว่าต้วนเจียเจ๋อไม่น้อย แต่พวกเขาก็ยังให้ความเคารพนับถือ นั่นก็เพราะถูกกำชับเอาไว้แล้วว่า มาถึงที่นี่จะต้องปฏิบัติตัวให้ดี โดยเฉพาะกับผู้อำนวยการต้วน เพราะเขาอาจจะเป็นกุญแจสำคัญทำให้ได้รับโอกาสในการพบท่านต้าเต๋อมากขึ้น
ต้วนเจียเจ๋อได้เช่ารถบัสและพาทุกคนไปที่หมู่บ้าน “อีกสักพักทุกท่านจะได้ลงทะเบียนว่าต้องใช้อุปกรณ์และพาหนะอะไรในการทำงาน อย่างเช่นพวกรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ต่างๆ และทางสวนสัตว์จะจัดหามาให้นะครับ”
ระยะทางจากสวนสัตว์และหมู่บ้านห่างกันพอสมควร หากเดินเท้าทุกวันคงจะเสียเวลาในการทำงานมากเกินไป ทว่าพวกเขาแต่ละคนต่างก็มีค่าเลี้ยงดูที่ทางวัดจ่ายให้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมพวกนี้
ขณะที่อยู่บนรถ เป็นธรรมดาที่จะต้องมีคนพยายามสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับต้วนเจียเจ๋ออย่างหน้าตาเฉย
ดังนั้น ต้วนเจียเจ๋อจึงได้รู้ ‘โดยบังเอิญ’ ว่า บางคนในกลุ่มนี้ไปบวชเป็นพระสงฆ์หลังจากที่เรียนจบสาขาธุรกิจจากมหาวิทยาลัยจ้งเตี่ยน หากมีคำถามอะไรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจก็สามารถถามเขาได้ บางคนเคยทำงานบริการจัดอาหารในงานปาร์ตี้ สามารถช่วยทำอาหารได้ บางคนที่บ้านเป็นสัตวแพทย์ทั้งบ้าน สามารถที่จะให้เขาช่วยดูแลสัตว์ได้…
“คุณจบจากมหาวิทยาลัยสงฆ์เหรอครับ ที่นั่นมีหลักสูตรอะไรบ้าง” ต้วนเจียเจ๋อพูดคุยกับพวกเขาอย่างมีความสุข และทำความเข้าใจว่าแต่ละคนมีทักษะอะไร เพื่อความสะดวกในการจัดการและมอบหมายความรับผิดชอบในอนาคต
ลูกศิษย์ของวัดตู้เอ้อคนหนึ่ง อายุประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี มีความมุ่งมั่นในเรื่องการปฏิบัติธรรม แต่การสร้างมนุษยสัมพันธ์กับคนรอบข้างกลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
เขามองดูศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคนสนทนากับต้วนเจียเจ๋ออย่างถูกคอ ขณะที่คิดว่าตนนั้นเติบโตขึ้นมาจากในวัด ไม่เคยเรียนในมหาวิทยาลัย และไม่มีครอบครัว ทักษะความชำนาญอะไรก็ไม่มี เขาจึงรีบร้อนพูดขึ้นทันที “ผู้อำนวยการ ผะ…ผมเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของต่างประเทศมา หากมีโอกาสหรือเรื่องอะไรที่ต้องลงไม้ลงมือ ให้ผมจัดการได้ทันทีเลยครับ”
ต้วนเจียเจ๋อ “…ท่านอาจารย์ตัวน้อย พวกเราเป็นสวนสัตว์ที่มีคุณธรรมนะครับ”
หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ต้องรีบแจ้งตำรวจ หากไม่ทันการ ในสวนสัตว์ก็ยังมีสุนัขอยู่ คุณคิดว่าพวกคุณทั้งกลุ่มยืนหัวสะท้อนแสงจนสามารถทำให้หญิงสาวที่อยู่ในห้องขายตั๋วตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อได้ แล้วยังคิดที่จะต่อสู้ลงไม้ลงมือเองอีกเหรอครับ
ต้วนเจียเจ๋อเห็นท่านอาจารย์ตัวน้อยท่าทางโศกเศร้าก็พูดปลอบใจว่า “คุณอย่าเศร้าไปเลยครับ ถ้าหากนักท่องเที่ยวเกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นมา พวกเขาก็ยังต้องพึ่งพาคุณอยู่นะครับ จริงสิ คุณชื่ออะไรครับ”
พระสงฆ์ตัวน้อยพูดขึ้นอย่างเหนียมอาย “ผมชื่อกวงหมิงครับ”
ต้วนเจียเจ๋อ “ชื่อตอนเป็นฆราวาสล่ะครับ”
พระสงฆ์ร่างเล็กส่ายหน้า “ผมเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้หรอกครับ ในบัตรประชาชนก็เป็นชื่อนี้ ท่านอาจารย์ให้ผมคิดมาชื่อหนึ่ง แต่ผมก็ยังคิดไม่ออก…”
“อา…” ต้วนเจียเจ๋อรู้สึกเห็นใจ “ไม่เป็นไร คุณคิดออกหรือไม่ออกก็ไม่เป็นไรครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งขึ้นมา พวกเราเรียกคุณว่าเสี่ยวหมิงก็แล้วกันครับ”
เสี่ยวหมิงมองต้วนเจียเจ๋ออย่างสุดซึ้ง “ขอบคุณครับผู้อำนวยการ”
“ขอบคุณอะไรกันครับ ไปเถอะ” เมื่อต้วนเจียเจ๋อเห็นว่ารถมาถึงที่หมาย เขาจึงพาทุกคนลงจากรถ
ต้วนเจียเจ๋อให้พวกเขาเลือกรูมเมทด้วยตัวเอง แต่ละครัวเรือนสามารถอาศัยอยู่ได้เพียงแค่สี่ถึงห้าคนเท่านั้น คนเหล่านี้เดินทางมาที่นี่ด้วยกัน มีกี่คู่มากี่คนต่างฝ่ายต่างรู้กันดี เนื่องจากปกติวัดของพวกเขาอยู่ภายใต้สังกัดเดียวกัน จึงมักจะสนิทชิดเชื้อกันอยู่แล้ว ดังนั้นต้วนเจียเจ๋อจึงไม่ได้เข้าไปจัดการ แต่ให้พวกเขาเลือกที่จะรวมกลุ่มกันเอง
เหล่าพระสงฆ์ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นแต่ละคนจึงเริ่มแยกย้ายไปรวมกลุ่มกัน และใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันเหมือนเดิม
การที่พวกเขาจะพักอาศัยอยู่ที่นี่ยังมีเงื่อนไขที่เข้มงวดอยู่อีกข้อ นั่นคือ ห้ามเผยแผ่ศาสนาให้ชาวบ้านเป็นอันขาด เพราะแม้ว่าจะสอนอะไรให้กับชาวบ้านเหล่านี้ไป พวกเขาก็อาจจะไม่เชื่อ รวมถึงเรื่องของลัทธิเต๋าด้วย แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีใครคอยจับตามองหลิงโย่ว แต่ก็มีคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันอยู่ด้วยตลอดเวลา
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ต้วนเจียเจ๋อก็พาพวกเขากลับไปที่หลิงโย่วอีกครั้ง และขอให้ทุกคนลงทะเบียนข้อมูลส่วนตัว
หวงฉีได้ส่งแบบฟอร์มและระบุตำแหน่งของแต่ละคนเอาไว้ด้านหลัง “นี่เป็นตารางงานชั่วคราว หลังจากนี้จะปรับเปลี่ยนไปตามความสามารถในการทำงานของแต่ละคน ซึ่งมีบางตำแหน่งที่ต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปนะครับ”
ต้วนเจียเจ๋อพูดเสริมขึ้น “พวกเราสามารถใช้ระบบมาตรการกลุ่มหลักกับกลุ่มรอง กลุ่มละสองคน เมื่อถึงเวลาเข้างานของกลุ่มหลัก คนที่เป็นกลุ่มหลักจะต้องเข้ามาประจำตำแหน่ง ส่วนกลุ่มรองก็ไปทำกิจกรรมยามว่าง แต่เมื่อถึงเวลาก็จะต้องกลับมาประจำตำแหน่งของตัวเองทันที”
ที่บอกว่ากิจกรรมยามว่าง ก็คือการปล่อยให้พวกเขาไปปฏิบัติธรรม
เดิมทีกำลังคนของสวนสัตว์หลิงโย่วมีไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องจ้างพนักงานชั่วคราวทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ทว่าตอนนี้พอมีคนกลุ่มนี้เข้ามาก็มีแรงงานเพิ่มขึ้น ดังนั้นหลังจากนี้ในช่วงวันหยุดพิเศษและวันหยุดสุดสัปดาห์เขาก็ไม่จำเป็นต้องจ้างคนข้างนอกมาทำงานอีกแล้ว เพราะพนักงานในตอนนี้มีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ
เหล่าพระสงฆ์ไม่มีความคิดเห็นใดๆ เพราะก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไร ดังนั้นจึงบันทึกข้อมูลของตัวเองลงไปอย่างเงียบๆ
ต้วนเจียเจ๋อกดเปิดโทรศัพท์มือถือ เขากดรับรางวัลของภารกิจเมื่อครั้งก่อนมาเรียบร้อยแล้ว และทีมงานก่อสร้างอควาเรียมก็กำลังเดินทางมาที่นี่ ตอนนี้เขาตั้งหน้าตั้งตารอรับภารกิจใหม่และอยากรู้ว่าจะเป็นภารกิจอะไร ทันทีที่รับพระสงฆ์เข้ามาสี่สิบสองรูป เขาจึงเปิดโทรศัพท์ดูอีกครั้งเพื่อดูว่าจะมีภารกิจใหม่ส่งมาหรือไม่
ภารกิจใหม่ส่งมาแล้วจริงๆ เขากดเปิดดู
คำอธิบายภารกิจ : กรุณาทำภารกิจทั้งสองรายการต่อไปนี้ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาหกเดือน
รายการแรก นำเข้าปลาทะเล 50 สายพันธุ์ จำนวนมากกว่า 2,000 ตัว ปลาสวยงามและปลาน้ำจืด 40 สายพันธุ์ จำนวนมากกว่า 1,000 ตัว และเปิดตัวอควาเรียม
รายการที่สอง เพื่อที่จะกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ควรจะต้องได้รับการยอมรับจากชาวเมืองตงไห่ ระดับการยอมรับในขณะนี้ (52/100)
รางวัลภารกิจ : ทั้งสวนสัตว์จะได้รับอาหารสัตว์คุณภาพสูงเป็นเวลาหกเดือน แอปพลิเคชันสำหรับบำบัดรักษาสัตว์ (ใช้งานได้ 5 ครั้งต่อวัน) ศูนย์ศึกษาวิทยาศาสตร์ห้าชั้น ครอบคลุมพื้นที่ 15 ไร่
ต้วนเจียเจ๋อถอนหายใจและปรับอารมณ์ของตัวเองช้าๆ
รายละเอียดของภารกิจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก สำหรับรายการแรกต้วนเจียเจ๋อเคยคาดการณ์เอาไว้แล้ว และเพื่อรับมือกับเรื่องนี้ เขาจึงวางแผนปรับราคาค่าตั๋วเพื่อเพิ่มเงินทุนเอาไว้แล้วเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ราคาตั๋วเข้าหลิงโย่วอยู่ที่ยี่สิบหยวน ตอนนี้นอกจากจะมีการขยับขยายพื้นที่ ก็ยังมีการนำสัตว์สายพันธุ์ใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการจะปรับขึ้นราคาก็อยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผล เขาจึงเตรียมพร้อมที่จะปรับราคาขึ้นเป็นประมาณสามสิบหยวน และตอนนี้จำนวนผู้เข้าชมมีเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว จนอัตราเฉลี่ยพุ่งขึ้นมากกว่าห้าร้อยคนต่อวัน ส่วนจำนวนคนสูงสุดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์สองครั้งที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณสี่พันคน
รอให้ถึงวันที่อควาเรียมเปิดอย่างเป็นทางการในอนาคต จะต้องมีการเก็บค่าตั๋วแยกอย่างแน่นอน
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของสวนสัตว์ในตอนนี้มีรายได้เข้ามาไม่น้อย เพราะเหล่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมที่นี่ต่างก็ต้องซื้อน้ำและของว่างกันทั้งนั้น
หากในกรณีที่ผลกำไรในปัจจุบันมีไม่มากพอ ต้วนเจียเจ๋อก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าจะใช้อาคารที่เพิ่งก่อสร้างใหม่ไปค้ำประกันเพื่อกู้ยืมจากธนาคารอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สามารถกู้ยืมได้มากขึ้น และความสามารถในการชำระหนี้ของเขาในตอนนี้ดีขึ้นมาก
สำหรับรายละเอียดของภารกิจที่สอง ต้วนเจียเจ๋อไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากเย็นเท่าไหร่นัก ขณะที่เขาไม่ทันได้รู้สึกตัว สวนสัตว์ก็ได้รับการยอมรับจากชาวเมืองไปแล้วกว่าครึ่ง คงเนื่องมาจากการโฆษณาและประชาสัมพันธ์มากมายในตอนที่เพิ่งเริ่มเปิดสวนสัตว์ทีแรก
ประชาชนส่วนใหญ่ของเมืองตงไห่ หรือแม้กระทั่งชาวเมืองที่อยู่ในเขตเมือง ไม่ว่าพวกเขาจะเคยมาที่นี่มาก่อนหรือไม่ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามีสวนสัตว์หลิงโย่วตั้งอยู่ ดังนั้นเมื่ออิงตามความคืบหน้าระดับนี้ การจะดำเนินภารกิจให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดจึงไม่น่าเป็นปัญหาเลยแม้แต่นิดเดียว
ต้วนเจียเจ๋อยังคิดอีกว่า หากภารกิจมีการยกระดับความยากขึ้น อย่างเช่นจะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนทั่วประเทศ เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะพวกเขาได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้แล้ว อีกทั้งโฆษณาที่เผยแพร่ออกไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและกิจกรรมประชาสัมพันธ์ทางอินเทอร์เน็ตในตอนนี้ ถือว่าพวกเขาได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งเอาไว้แล้ว
ดังนั้นครั้งนี้ต้วนเจียเจ๋อจึงไม่ได้รู้สึกกดดันมาก เขามีความมั่นใจว่าจะต้องทำภารกิจสำเร็จได้อย่างแน่นอน
หากพูดถึงเรื่องรางวัล ในปัจจุบันสัตว์ในสวนสัตว์ทุกตัวอยู่ในสภาพที่ดีมากเพราะได้บริโภคอาหารสัตว์คุณภาพสูงที่ระบบส่งมาให้ หากสัตว์เกิดการบาดเจ็บก็จะติดต่อสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษา แต่เนื่องจากมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นน้อยครั้ง ทางสวนสัตว์จึงร่วมมือกับทางโรงพยาบาลสัตว์เท่านั้น ไม่ได้จ้างสัตวแพทย์ให้มาประจำการอยู่ที่นี่
แม้ว่าต้วนเจียเจ๋อจะเตรียมจ้างสัตวแพทย์จากภายนอก ซึ่งคนที่มีความชำนาญในด้านนี้ของเมืองตงไห่มีไม่มาก แต่ในสวนสัตว์มีเทคนิคและเทคโนโลยีในการรักษาอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งศูนย์ศึกษาวิทยาศาสตร์ก็จะสามารถดึงดูดความสนใจจากโรงเรียนและนักเรียนให้เข้ามาเยี่ยมชมได้มากขึ้น รางวัลโดยรวมจึงถือว่าน่าพอใจมาก