[ทดลองอ่าน] เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ : ตอนที่ 42.1

มื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์
我开动物园那些年

 

ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน
拉棉花糖的兔子

 

Himazan แปล

 

ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

+++++++++++++++++++

 

ตอนที่ 42.1

 

ผึ้งจำนวนหนึ่งหมื่นกว่าตัวหากจะสร้างรังสักรังหนึ่งใช้เวลาเพียงสามถึงห้าวันก็เสร็จเรียบร้อย หากไม่ย้ายรังผึ้งออกไป ตู้ของบ้านนั้นก็คงจะพังแน่ ๆ แต่ผึ้งมีสัญชาตญาณระวังภัยสูงมาก หากไม่ใช้มืออาชีพมาจัดการก็ยากที่จะย้ายรังผึ้งได้อย่างปลอดภัย

เมืองตงไห่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ แม้จะได้ยินมาว่ามีฟาร์มผึ้งอยู่ในเขตเมืองตอนล่าง แต่พวกชาวบ้านไม่อยากเสียเงินจ้างคนมาจัดการ เลยคิดว่าจะยกรังผึ้งพวกนั้นให้หลิงโย่ว แต่ไม่รู้ว่าทางหลิงโย่วจะต้องการหรือไม่

ต้วนเจียเจ๋อสนใจน้ำผึ้งมาก แต่หลิงโย่วไม่มีมนุษย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผึ้งเลย

ดังนั้นเขาจึงไปหาสัตว์เทพที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้แทน

“เสี่ยวสง คุณชอบดื่มน้ำผึ้งไหมครับ” ต้วนเจียเจ๋อกอดคอสงซือเชียนพลางเอ่ยถาม

สงซือเชียนรีบผละออกมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แน่นอน ข้าชอบ!” จากนั้นก็ตามมาด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง “แต่ที่อาณาจักรธรรมของพระโพธิสัตว์กวนอิมไม่มีรังผึ้ง ข้าเลยไม่ได้กินมาหลายร้อยปีแล้ว หากท่านไม่พูดถึง ข้าก็แทบจะจำรสชาติของน้ำผึ้งไม่ได้แล้ว…”

พูดจบสงซือเชียนก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เพราะที่อาณาจักรธรรมอันสูงส่งของพระโพธิสัตว์กวนอิมมีแค่บ่อเลี้ยงปลากับสวนปลูกต้นไผ่เท่านั้น

ต้วนเจียเจ๋อเริงร่า “แล้วน้ำผึ้งป่าชอบไหมครับ อยู่ที่หมู่บ้านข้าง ๆ นี้เอง ฝูงผึ้งมันย้ายรังลงมาจากภูเขาทำให้กระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน พวกเขาเลยอยากจะเอารังผึ้งออกไป ถ้าสนใจละก็ เราย้ายรังผึ้งพวกนั้นไปไว้ในพื้นที่เลี้ยงสัตว์แบบเปิดที่พวกเราเช่าไว้ แล้วให้คุณเป็นคนดูแลมันได้ไหมครับ”

“ได้!” ทันทีที่คิดถึงน้ำผึ้งป่ารสชาติหวานหอม น้ำลายของสงซือเชียนก็แทบจะไหลย้อยลงมา

“โอเคครับ ถ้างั้นพรุ่งนี้พวกเราไปที่หมู่บ้านข้าง ๆ กัน” ต้วนเจียเจ๋อรีบสรุป

หมีเป็นสัตว์ที่ไม่กลัวผึ้งเพราะพวกมันมีขนหนา ตอนที่สงซือเชียนยังเป็นแค่หมีจริง ๆ ก็มักจะควักเอาน้ำผึ้งจากรังผึ้งในภูเขาออกมากินเป็นประจำ เรียกได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าผึ้งตัวไหนก็ไม่สามารถต่อยเขาได้

เมื่อตกลงกับสงซือเชียนเรียบร้อย ต้วนเจียเจ๋อจึงส่งข้อความแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะกำลังเดินออกไป ตอนที่เดินผ่านพานเสวี้ยนเฟิง เขาก็เห็นอีกฝ่ายมีท่าทางเหม่อลอยกำลังถือลูกท้อค้างไว้อยู่ในมือ ต้วนเจียเจ๋อจึงยื่นมือไปลูบศีรษะของพานเสวี้ยนเฟิง “กินอาหารอยู่ก็ยังจะเหม่ออีกเหรอครับ กินเยอะ ๆ หน่อย”

พานเสวี้ยนเฟิงรีบพยักหน้าอย่างร้อนรน “ครับ ๆ”

 

จู้กวงหมิงอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านถงซินที่ติดกับภูเขา เมื่อไม่นานมานี้บ้านของเขาแทบจะกลายเป็นจุดชมวิวไปแล้ว ทั้งยังมีคนคอยเฝ้ามองจากที่ไกล ๆ อยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะมีฝูงผึ้งมาทำรังอยู่ในสวนของบ้านเขา

ตอนนี้จู้กวงหมิงและสมาชิกในครอบครัวต้องเลี่ยงไปใช้ประตูหลังบ้านแทนเพื่อป้องกันการถูกผึ้งทำร้าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผึ้งหลุดเข้ามาต่อยเหมาเหมา ลูกสาวคนโตของเขาไปสองครั้งจนมือบวมเป่ง จู้กวงหมิงแต่งงานช้าจึงทำให้มีลูกช้าไปด้วย เขามีลูกสาวอยู่หนึ่งคนซึ่งก็คือเหมาเหมา พอเห็นลูกโดนผึ้งต่อยเขาจึงรู้สึกปวดใจมาก

จู้กวงหมิงมีสุนัขพื้นเมืองอยู่ตัวหนึ่ง แต่มันโดนผึ้งต่อยจนตอนนี้บวมเป็นหมูไปแล้ว เขาจึงทำได้แค่นำไปฝากไว้กับคนอื่นในหมู่บ้านชั่วคราว สุนัขตัวนี้ซื่อสัตย์มาก ปกติตอนกลางคืนมันจะชอบนอนหมอบอยู่ในสวน แต่ตอนนี้มันไม่กล้ากลับมาบ้านเพราะกลัวจะโดนผึ้งต่อยอีก

พวกเขาคิดหาวิธีมากมายแต่ก็ไม่สามารถกำจัดผึ้งออกไปได้ พวกมันแลดูมุ่งมั่นที่จะตั้งรกรากอยู่ที่นี่

โชคดีที่หลังจากแจ้งเรื่องไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางนั้นก็รับปากว่าจะช่วยติดต่อกับสวนสัตว์ให้เข้ามาจัดการเรื่องนี้ ซึ่งผู้อำนวยการต้วนก็ใจดีมาก บอกว่าจะพาผู้เชี่ยวชาญอีกท่านหนึ่งมาด้วยเพื่อกำจัดรังผึ้ง

“อดทนกันอีกหน่อยนะ พรุ่งนี้ก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว!” จู้กวงหมิงพูดกับภรรยาและลูกสาว

ภรรยาของจู้กวงหมิงบ่น “ขอให้เป็นอย่างนั้นทีเถอะ หากพรุ่งนี้ไม่เรียบร้อย ฉันจะพาลูกเราไปพักที่บ้านแม่สักสองสามวัน”

“เลิกพูดเถอะ ยุ่งยากเรื่องไปโรงเรียนเปล่า ๆ” จู้กวงหมิงมองไปยังมือของลูกสาว “ทายาอีกสักสองสามครั้งนะลูก รู้ไหม”

เหมาเหมาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะพ่อ จริงสิ พรุ่งนี้หนูไปสวนสัตว์ได้ไหมคะ หนูอยากไปดูแพนด้ากับเพื่อนร่วมชั้น”

“ได้สิ ไปเถอะ” จู้กวงหมิงตอบตกลง ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็ต้องย้ายรังผึ้ง ปล่อยให้ลูกอยู่บ้านคงไม่ดีเท่าไรนัก

จู้กวงหมิงกับภรรยาอายุมากแล้ว และลูกสาวก็ยังเล็กอยู่ พวกเขาจึงเข้านอนกันแต่หัวค่ำ เพียงไม่นานก็ปิดไฟมืดสนิท บ้านของพวกเขาอยู่ท้ายหมู่บ้าน เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็มีสระน้ำกั้นไว้ ทันทีที่ดับไฟ บรรยากาศก็มืดมิดและเงียบสงัดลง

ในตอนที่กำลังสะลึมสะลือ จู้กวงหมิงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอก เขาที่กำลังเคลิ้ม ๆ ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เขานอนฟังเสียงนั้นอยู่บนเตียงพักใหญ่ ก่อนหน้านี้บ้านของเขามีสุนัขคอยเฝ้าอยู่เลยไม่รู้สึกกลัวขโมยเท่าไรนัก แต่ว่ากันตามหลักแล้วถึงตอนนี้จะไม่มีสุนัข แต่ก็ยังมีผึ้งทั้งฝูงอยู่นะ หัวขโมยพวกนั้นยังกล้าเข้ามาอีกเหรอ

ทว่าจู้กวงหมิงยังได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ถึงแม้ในสวนจะมีแต่เครื่องมือการเกษตรเก็บเอาไว้ แต่นั่นก็นับเป็นทรัพย์สินเหมือนกันนี่ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นมาจากเตียงพลางสะกิดปลุกภรรยากับลูกสาว แล้วหยิบไม้กระบองเตรียมจะเดินออกไปด้านนอก

จู้กวงหมิงบอกให้ทั้งสองคนอยู่ในห้อง ส่วนตัวเองไปแง้มประตูใหญ่มองดูสถานการณ์

ค่ำคืนนั้นไร้ดวงดาวและแสงจันทร์ ถึงแม้สายตาของจู้กวงหมิงจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็เห็นเงาราง ๆ เล็กใหญ่สองร่างอยู่ในสวนที่มืดสลัว ร่างหนึ่งนั่งยอง ๆ อยู่กลางสวน ส่วนอีกร่างอยู่ข้าง ๆ รังผึ้ง เขามองไม่เห็นว่าเป็นใคร รู้แต่ว่าตัวอ้วนมาก นอกจากนี้ยังมีเสียงเด็กร้อง “อ๊าก!” ดังมา สงสัยคงโดนผึ้งต่อยเข้าแล้ว

จู้กวงหมิงตะโกนขึ้นทันที “ไอ้โง่ที่ไหนมันกล้าเข้ามาที่นี่วะ!”

 

“เร็ว ๆ สิ เร็วเข้า” พานเสวี้ยนเฟิงใช้ศีรษะดันจ้งเป่าจนมันแทบจะตีลังกาหงายหลัง เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม “ทำไมแกถึงไม่เดินดี ๆ สักที!”

จ้งเป่ามองพานเสวี้ยนเฟิงด้วยท่าทางไร้เดียงสา

หลังจากที่เมื่อตอนกลางวันได้ยินว่ามีรังผึ้งอยู่ใกล้ ๆ พานเสวี้ยนเฟิงก็ใจเต้นขึ้นมาทันที เขาก็เป็นหมี และก็รักการกินน้ำผึ้งเหมือนกัน! โดยเฉพาะน้ำผึ้งป่าเขายิ่งชอบมาก! ในอดีต ตอนที่เป็นราชาแห่งภูเขา พานเสวี้ยนเฟิงจะให้ปีศาจตัวเล็ก ๆ นำผึ้งที่เลี้ยงไว้มาให้เขาโดยเฉพาะ เขาคอยออกค้นหาผึ้งและรีดไถปีศาจพวกนั้นอยู่เป็นประจำ แต่เมื่อมาอยู่หลิงโย่วก็ไม่ได้กินอีก จึงคิดถึงรสชาติหอมหวานของน้ำผึ้งพวกนั้นมาก

น่าเสียดายที่ผู้อำนวยการดันมอบเรื่องน่ายินดีพวกนี้ให้กับสงซือเชียนไปเสียได้ ฝ่ายนั้นมองเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ รังผึ้งตกไปอยู่ในมืออีกฝ่ายแบบนั้นแล้วจะมีส่วนแบ่งของเขาได้อย่างไร หรือถึงต่อให้แบ่งจะแบ่งได้สักเท่าไรกัน ผึ้งหนึ่งฝูงผลิตน้ำผึ้งได้มากแค่ไหนกันเชียว!

ดังนั้นพานเสวี้ยนเฟิงจึงตัดสินใจมาชิงกินน้ำผึ้งเสียตั้งแต่คืนนี้ ต่อให้สงซือเชียนจะไม่แบ่งให้ ก็ถือว่าคุ้มแล้ว

แต่เขาไม่ได้มาเพียงคนเดียว ยังดึงจ้งเป่าเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้และพามันออกมาด้วย

จ้งเป่าตื่นเต้นมาก ตั้งแต่เล็กจนโตมันยังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย! น้ำผึ้งป่าสดใหม่รสชาติเป็นอย่างไร พานเสวี้ยนเฟิงบรรยายให้มันรับรู้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์! ตอนอยู่ที่หน้าประตูจ้งเป่าตื่นเต้นเสียจนล้มกลิ้งไปครั้งหนึ่ง…ไม่สิ ล้มกลิ้งอยู่หลายครั้ง

พานเสวี้ยนเฟิงเห็นว่าจ้งเป่าโง่เกินไป จึงรู้สึกทนไม่ได้เลยให้มันไปกินน้ำผึ้งก่อน ส่วนตัวเองคอยดูลู่ทางอยู่ตรงนี้

จ้งเป่าใช้ขาสั้น ๆ ปีนขึ้นไปข้างตู้ เนื่องจากตัวเตี้ย มันจึงต้องคว้าตู้เพื่อช่วยพยุงตัวถึงจะสามารถเอื้อมถึงรังผึ้งได้ จ้งเป่ายื่นอุ้งเท้าแหย่เข้าไปในรังผึ้งตามที่พานเสวี้ยนเฟิงสอนเอาไว้

เพียงชั่วพริบตา ผึ้งที่ตกใจกลัวก็ต่อยเข้าไปที่ร่างกายของจ้งเป่าในทันที “อ๊าก!” จ้งเป่ากรีดร้องออกมาก่อนจะถูกพานเสวี้ยนเฟิงตำหนิ

“มันเจ็บขนาดนั้นเลยหรือไง แพนด้าสมัยนี้อ่อนแอเสียจริง!”

หรือพูดอีกอย่างก็คือแพนด้าที่ถูกเลี้ยงมาโดยมนุษย์พวกนี้จะอ่อนแอมากเกินไปแล้ว!

จ้งเป่าเหลือบมองพานเสวี้ยนเฟิงด้วยความน้อยใจ ถึงแม้ผิวหนังจะหนามากก็จริง แต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย มันยื่นมือไปฉีกรังผึ้งออกมาหนึ่งชิ้นแล้วเลียท่ามกลางการโจมตีของฝูงผึ้ง

พานเสวี้ยนเฟิงกลืนน้ำลาย “เป็นอย่างไรบ้าง หวานไหม”

จ้งเป่าเลียอีกสองสามทีพลางขบเคี้ยวอีกเล็กน้อย

“เจ้าเด็กบ้านี่ แกอย่ามัวแต่กินสิ!”

“ไม่เห็นหวานเลย…” จ้งเป่าร้องตอบอย่างอ่อนแรง

“จะไม่หวานได้อย่างไร” พานเสวี้ยนเฟิงร้อนรน “แกแอบขโมยกินช็อกโกแลตที่ผู้อำนวยการให้ฉันมาใช่ไหม”

จ้งเป่าแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว ก็รังผึ้งนี่ไม่หวานจริง ๆ นี่นา มันสงสัยในสัมผัสการรับรสชาติของตัวเอง แต่รสชาติไม่เหมือนกับที่พานเสวี้ยนเฟิงบรรยายเอาไว้ เจ้ารังผึ้งนี่สู้ขนมรังนก[1]ของโปรดมันไม่ได้เลยสักนิด

ขณะที่พานเสวี้ยนเฟิงกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปหาจ้งเป่า จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนของมนุษย์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“ไอ้โง่ที่ไหนมันกล้าเข้ามาที่นี่วะ! มันยังไม่ถึงเวลาเก็บน้ำผึ้งโว้ย!”

พานเสวี้ยนเฟิง “…”

น่าเจ็บใจนัก! นึกแล้วเชียว! แบบนั้นมันจะไปหวานได้อย่างไรกัน!

 

“ไอ้ลูกหมี[2]พวกนี้มันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร…” จู้กวงหมิงมองเด็กตัวใหญ่และตัวเล็กทั้งสองกลิ้ง ๆ คลาน ๆ ออกไปจากสวน จากนั้นบ่นพึมพำก่อนจะปิดประตูลง

ภรรยาของจู้กวงหมิงหมดคำพูด “เด็กที่ไหนกัน ทำไมถึงไม่เสียดายชีวิตอะไรขนาดนี้ ไม่โดนผึ้งต่อยแย่เลยเหรอ”

“ไม่ได้ยินเสียงร้องหรือไง ผึ้งคงต่อยเด็กน้อยนั่นจนเจ็บไปหมดนั่นแหละ คงจะสวมเสื้อผ้ามาไม่เยอะพอแน่ ๆ” จู้กวงหมิงครุ่นคิด ถึงว่าทำไมเงาของเจ้าสองคนนั้นถึงดูอ้วนตัวหนาขนาดนั้น บางทีคงจะใส่เสื้อขนเป็ดมาละมั้ง “เด็กผู้ชายชอบหาเหาใส่หัวกันจริง ๆ โชคดีที่เหมาเหมาของพวกเราเป็นเด็กดีเชื่อฟัง”

 

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้งเป่า เนื้อตัวสกปรกมากเลย…”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ ต้วนเจียเจ๋อจึงเดินไปดู แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ได้ยินมา เจ้านี่ไม่เจอกันนานเข้าหน่อย ทำไมเนื้อตัวถึงสกปรกมอมแมม ใต้ฝ่าเท้ากับก้นก็เปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยโคลน แถมยังมีเศษหญ้าติดตัวอยู่เต็มไปหมด

ที่หลิงโย่วจะไม่อาบน้ำให้แพนด้า ถึงแม้จ้งเป่าจะยังเล็กอยู่ แต่ตอนที่มันมาถึงเนื้อตัวก็ถือว่าค่อนข้างสะอาดมาก แต่อยู่ได้ไม่ทันไร ทำไมเนื้อตัวสกปรกเลอะเทอะขนาดนั้น

พานเสวี้ยนเฟิงที่กำลังปัดเศษหญ้าบนตัวของจ้งเป่า เมื่อสังเกตเห็นว่าผู้อำนวยการมาก็ถึงกับเหงื่อท่วมในทันที

ต้วนเจียเจ๋อไม่ได้เข้าไปด้านใน เพราะอีกเดี๋ยวเขาต้องออกไปหมู่บ้านถงซิน เขาจ้องมองจ้งเป่าอยู่พักใหญ่ก่อนจะสังเกตเห็นว่า นอกจากเศษหญ้าแล้วยังมีผักกระชับติดอยู่ด้วย

ขณะกำลังคิดว่าจะเอ่ยปากพูดบางอย่างก็มีคนโทร.เข้ามาเร่งให้รีบออกไป เขามองแพนด้าทั้งสองที่นั่งตัวแข็งทื่อก่อนจะเดินจากไป

ถึงแม้ว่าหลิงโย่วจะไม่มีชุดของคนเลี้ยงผึ้ง แต่พวกเขาเลี้ยงสัตว์หลายชนิดจึงมีชุดป้องกันที่ค่อนข้างแน่นหนาและรัดกุม ซึ่งทุกชุดจะต้องสวมหมวกนิรภัย ถึงจะมีบริเวณที่เปิดเผยผิวหนังอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร เพราะผู้ที่รับผิดชอบเคลื่อนย้ายรังผึ้งในครั้งนี้คือ สงซือเชียน

หลังจากมาถึงหมู่บ้านถงซิน ก็เห็นจู้กวงหมิงกับภรรยาเจ้าของบ้านที่มีผึ้งมาทำรังรอการมาถึงของพวกเขาอยู่แล้ว จู้กวงหมิงพูดว่า “ขอบคุณครับผู้อำนวยการ โชคดีที่พวกคุณให้ความช่วยเหลือ เมื่อคืนมีไอ้ลูกหมีที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาขโมยน้ำผึ้งด้วย”

“อะไรนะครับ”

“พวกนั้นโดนผึ้งต่อยจนหนีไปแล้ว! แต่ว่าก็ยังอันตรายมากอยู่ดี หากไม่ใช่เพราะเมื่อคืนผมตะโกนไล่ไปละก็ เจ้าพวกนั้นคงจะถูกผึ้งรุมต่อยตายไปแล้ว ไอ้ลูกหมีสองตัวนั้นก็โง่จริง ๆ ฝูงผึ้งเพิ่งจะมาสร้างรังได้ไม่กี่วัน จะเก็บน้ำผึ้งมันต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนขึ้นไปนะ!”

“…”

เมื่อต้วนเจียเจ๋อเหลือบไปเห็นผักกระชับในสวนก็เอ่ยออกมา

“เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก พวกเรารีบจัดการย้ายรังผึ้งกันดีกว่าครับ เดี๋ยวมันจะอันตรายไปถึง…” ต้วนเจียเจ๋อมุมปากกระตุก “ลูกหมี”

หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าชาวบ้านที่เข้ามามุงดูก็ได้เห็นเหตุการณ์อันน่าทึ่ง

ชายหนุ่มรูปร่างกำยำถือกล่องใส่ผึ้งแล้วจับผึ้งตัวเป็น ๆ ด้วยมือเปล่า นางพญาผึ้งถูกเขาจับปีกออกมาเป็นตัวแรก ถึงแม้ร่างกายของชายคนนี้จะดูหนักอึ้ง แต่การเคลื่อนไหวว่องไวและปราดเปรียวอย่างที่สุด เขาไม่จำเป็นต้องรมควันผึ้งด้วยซ้ำ แถมยังไม่ต้องเอาอะไรมาล่อก็จับผึ้งได้แล้ว

เขาสามารถจัดการกับผึ้งทั้งฝูงได้อย่างง่ายดายในเวลาค่อนข้างเร็วมาก

“รีบกลับกันเถอะ พวกเราเตรียมสถานที่เลี้ยงผึ้งเอาไว้แล้ว เดี๋ยวจะได้ย้ายพวกมันไปอยู่ที่นั่น” ในตอนที่สงซือเชียนมองเจ้าตัวเล็กพวกนี้ก็ดูเหมือนเขาจะคิดถึงน้ำผึ้งของตัวเองขึ้นมา

จู้กวงหมิงที่เพิ่งเห็นการเคลื่อนไหวอันบุ่มบ่ามและแสนง่ายดายของสงซือเชียนตัวสั่นเทาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรแน่เหรอครับ ผึ้งพวกนี้ดุร้ายมาก ถ้าพวกมันไม่ยอมจะทำอย่างไร”

“พวกมันจะไม่ยอมได้ยังไงกัน!” สงซือเชียนหันไปพูดกับต้วนเจียเจ๋ออย่างไม่สนใจไยดี “ไปกันเถอะผู้อำนวยการ”

“ครับ” ต้วนเจียเจ๋อบอกลาชาวบ้าน ก่อนจะปีนขึ้นหลังม้า ถูกต้อง เขาขี่จี๋กวงมาที่นี่ ส่วนสงซือเชียนขึ้นรถของสวนสัตว์กลับไป

ระหว่างทางกลับ ตอนที่ใกล้จะถึงพื้นที่เลี้ยงสัตว์แบบเปิดของพวกเขา สงซือเชียนก็ลงจากรถแล้วบอกลาคนขับ จากนั้นจึงเดินตามหลังจี๋กวงขึ้นไปบนภูเขากับผู้อำนวยการ

รังผึ้งที่สงซือเชียนเตรียมไว้อยู่ใกล้กับพื้นที่เลี้ยงสัตว์แบบเปิดของพวกเขา เขาเพิ่งทำรังผึ้งเสร็จเมื่อวานและนำมันไปแขวนไว้บนต้นท้อ แถมบริเวณนี้ยังมีลำธารเล็ก ๆ ไหลอยู่ด้านข้าง เนื่องจากผึ้งต้องการน้ำเพื่อช่วยรักษาระดับความชื้นในรังผึ้งเอาไว้

“จะปล่อยผึ้งตอนนี้เลยไหมครับ เราต้องเอานางพญาผึ้งใส่เข้าไปก่อนใช่ไหม” ต้วนเจียเจ๋อถาม

“ช้าก่อน” สงซือเชียนหยิบอ่างน้ำออกมาจากโพรงหญ้าแล้วนำไปรองน้ำในลำธาร

พอเห็นแบบนั้นต้วนเจียเจ๋อก็เข้าใจในทันที เขารีบหยิบ “เฟิงโหยวจิง”[3] ออกมาก่อนจะหยดลงไปในอ่างน้ำสองสามหยด

ส่วนสงซือเชียนเปิดฝากล่องใส่ผึ้งทีละฝา

หึ่ง ๆ ๆ

ผึ้งหมื่นกว่าตัวบินออกมาราวกับพยับเมฆครึ้มดำ หลังจากที่บินวนในอากาศอยู่สองสามรอบราวกับแมลงวันไร้หัว[4] ในที่สุดพวกมันก็พบเป้าหมายอย่างรวดเร็วและบินไปรวมตัวกันอยู่เหนืออ่างน้ำอย่างผิดปกติ

แม้ว่าแหล่งน้ำจะอยู่ใกล้ ๆ แต่พวกมันกลับเลือกที่จะเรียงแถวเบียดกันอยู่รอบ ๆ อ่างน้ำ บริเวณนั้นเต็มไปด้วยฝูงผึ้ง มีทั้งตัวที่หยุดนิ่งและตัวที่กำลังบินวน หนาแน่นจนมองไม่เห็นผิวน้ำเลย

สงซือเชียนค่อย ๆ คีบตัวนางพญาผึ้งที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจนบินไม่ขึ้นเพราะโดนเขาจับปีกไปที่อ่าง

ไม่มีผึ้งบินเข้ามาโจมตีเลยสักตัว พวกมันต่างหมกมุ่นกับการดื่มน้ำตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ

ภายใต้การบัญชาของนางพญาผึ้ง หลังจากที่ผลัดกันดื่มน้ำและบินวนไปมาได้สักพัก พวกมันก็ย้ายเข้าไปอยู่ในรังผึ้งที่สงซือเชียนเตรียมเอาไว้ให้อย่างไม่ลังเล

“บริเวณนี้ยังมีดอกไม้ ต้นไม้อยู่อีกเยอะ อีกไม่กี่เดือนพวกเราก็จะมีน้ำผึ้งกินแล้ว” สงซือเชียนอดเลียริมฝีปากไม่ได้

ต้วนเจียเจ๋อยังไม่เคยกินน้ำผึ้งเปล่า ๆ มาก่อน อย่างมากที่สุดก็แค่อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ซึ่งแค่นั้นสำหรับเขาก็หวานมากเกินไปอยู่แล้ว แต่เพื่อนร่วมชั้นสาวของเขาเคยพูดถึงน้ำผึ้งและเธอก็ชอบกินมาก อย่าว่าแต่น้ำผึ้งป่าเลย เพียงแค่เห็นท่าทางตะกละของสงซือเชียน ต้วนเจียเจ๋อก็อดยิ้มไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมมากเลยครับ ผมไม่กินหวาน เพราะฉะนั้นคุณก็ตามสบายเลย”

สงซือเชียนเหลือบมองผู้อำนวยการเงียบ ๆ พลางคิดในใจ ท่านกับเต้าจวินออกจะหวานกันเสียขนาดนั้น ยังจะมาบอกว่าไม่กินหวานอีกอย่างนั้นเหรอ…

 

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสงซือเชียนไม่ใช่การได้มีฝูงผึ้งเป็นของตัวเอง แต่เป็นตอนที่ต้วนเจียเจ๋อนำเจ้าแพนด้าทั้งสองตัวออกมาตีหลังจากกลับมาถึงหลิงโย่วต่างหาก

สงซือเชียนนั่งดูอยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขตลอดเวลา เมื่อเห็นเจ้าแพนด้าสองตัวถูกผู้อำนวยการผลักให้กลิ้งไปกลิ้งมาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ทุกคนล้วนเป็นหมีเหมือนกัน แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติดีกว่าข้า เป็นไงล่ะ กรรมตามสนอง…

หมีสีขาวดำเล็กใหญ่สองตัวก้มหัวม้วนตัวโดนผู้อำนวยการผลักให้กลิ้งไปมาด้วยความรู้สึกผิด จ้งเป่ายังกลิ้งไปมาได้ แต่พานเสวี้ยนเฟิงตัวหนักเกินไป ทำให้ขณะที่โดนผลัก อุ้งเท้าหลังทั้งสองข้างก็ยังลากอยู่บนพื้น

จ้งเป่าพยายามมุดเข้าไปในอ้อมแขนของพานเสวี้ยนเฟิง ร่างกายของมันเล็กกว่าอีกฝ่ายมาก แต่ก็ถูกผู้อำนวยการลากเท้าหลังให้ออกมา

พานเสวี้ยนเฟิงป้องศีรษะของตนพลางโอดครวญสำนึกผิด

จ้งเป่ามองท่าทางอันเชี่ยวชาญของพานเสวี้ยนเฟิงและยกมือป้องศีรษะของตนตาม

ต้วนเจียเจ๋อทุบไปบริเวณที่มีเนื้อเยอะที่สุดของพานเสวี้ยนเฟิงสองสามครั้ง “คุณนี่มันจริง ๆ เลย ใจกล้ามากนักนะที่แอบหนีออกไป คุณเห็นไหมว่าทำให้จ้งเป่ากลายเป็นหมีแบบคุณไปด้วยแล้วเนี่ย โดนต่อยเจ็บไหมล่ะ หา?”

จ้งเป่าพยักหน้าอย่างระมัดระวัง

พานเสวี้ยนเฟิง “…”

เจ้าบ้า! โง่หรือไง ยังจะพยักหน้ารับอีก

“เจ็บใช่ไหม” ต้วนเจียเจ๋อดึงหูจ้งเป่า “แถมที่โง่ที่สุดก็คือไม่ได้กินน้ำผึ้ง! คงไม่รู้ใช่ไหมว่าผึ้งพวกนั้นเพิ่งจะย้ายรังไปที่นั่นได้แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าของบ้านมองเห็นไม่ชัด วันนี้ทั้งสองคนคงจะขึ้นพาดหัวข่าวไปแล้ว”

จ้งเป่ายังไม่เข้าใจที่ต้วนเจียเจ๋อพูด แพนด้าขึ้นพาดหัวข่าวเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ

ต้วนเจียเจ๋อเอ่ยจริงจัง “จ้งเป่า หลังจากนี้เล่นกับพานเสวี้ยนเฟิงให้น้อยลง เดี๋ยวจะโง่เหมือนกันหมด”

พานเสวี้ยนเฟิง “…”

สงซือเชียนที่นั่งดูมาตลอดเพิ่งจะเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา เขาพูดขึ้นอย่างมีความสุข “โอ้! ที่แท้เจ้าลูกหมีสองคนนั้น ก็คือเจ้าสองตัวนี้?”

……

 

น้ำผึ้งสีเหลืองเข้มบรรจุอยู่ในโหลแก้ว เมื่อต้วนเจียเจ๋อเปิดฝาออกดม ก็ได้กลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งที่ลอยฟุ้งขึ้นมา หลังจากผ่านการผลิตอย่างขยันขันแข็งของฝูงผึ้ง ในที่สุดผึ้งบนภูเขาก็ผลิตน้ำผึ้งออกมาได้แล้ว ถึงแม้ต้วนเจียเจ๋อจะเคยบอกว่าให้สงซือเชียนดูแล แต่อีกฝ่ายก็ยัง “ให้เกียรติ” แบ่งน้ำผึ้งมาให้ผู้อำนวยการ

เจ้าแพนด้าที่นอนอยู่บนพื้นทันทีที่ได้กลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งก็ยิ่งบ้าคลั่ง มันกอดขาต้วนเจียเจ๋อพลางทำท่าทางออดอ้อน

พานเสวี้ยนเฟิงที่อยู่ไม่ไกลคลานเข้ามาอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้มากนัก เขาอยากให้จ้งเป่าเปิดทางให้ เพราะมันยังเด็กและได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าเขามาก ประกอบกับที่เขาเคยทำผิดก็ยิ่งทำให้ไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับจ้งเป่าเข้าไปอีก

“หืม ครั้งก่อนที่ก่อเรื่องยังไม่ได้กินสินะ อยากกินอย่างนั้นเหรอ” ต้วนเจียเจ๋อนั่งลงก้มหน้ามองจ้งเป่า หลังจากที่เจ้าตัวแสบมาอยู่ที่หลิงโย่วได้สักระยะ ไอคิวของมันก็เพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้มันเหมือนกับเด็กอายุสามสี่ขวบแล้ว

แต่จ้งเป่าชื่นชอบพานเสวี้ยนเฟิงที่เป็นราชาแห่งภูเขามาก บางครั้งต้วนเจียเจ๋อก็กลัวว่าวันหนึ่งจ้งเป่าที่น่ารักของเขาจะชอบนอนเกาพุงกับแกะเท้าตัวเองเหมือนกัน…

จ้งเป่ายกอุ้งมือสองข้างกอดขาต้วนเจียเจ๋อพลางพยักหน้าด้วยท่าทางไร้เดียงสา

ครั้งก่อนมันเลียอยู่นานจนแทบจะเคี้ยวรังผึ้งแต่ก็ไม่มีน้ำผึ้งสักหยด และสุดท้ายยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปกับพานเสวี้ยนเฟิง แถมกลับมาถึงสวนสัตว์ ผู้อำนวยการก็โกรธมากจนมันถูกผลักกลิ้งไปมาแบบนั้นอีก

“ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกใช่ไหม” ต้วนเจียเจ๋อถาม

จ้งเป่าทิ้งตัวนั่งลงไปกับพื้นแล้วซบหน้ากับขาของต้วนเจียเจ๋อ จากนั้นส่งเสียงร้องออดอ้อน ‘หลังจากที่โดนตีแบบนั้นก็ไม่กล้าทำอีกแล้ว’

ต้วนเจียเจ๋อยิ้ม เขาหยิบช้อนขึ้นมา ถึงอย่างไรมากสุดเขาก็คงแค่ชิมนิดหน่อย ดังนั้นเขาจึงเทน้ำผึ้งออกมาหนึ่งช้อนแล้วยื่นไปตรงหน้าจ้งเป่า

ลูกแพนด้ารีบคว้ามือต้วนเจียเจ๋อราวกับกลัวว่าเขาจะหนีไปอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นแลบลิ้นสีแดงเลียไปบนช้อน รสชาติหวานหอมของน้ำผึ้งทำให้เจ้าตัวแทบคลั่ง เมื่อเห็นน้ำผึ้งไหลเยิ้มลงมาจากช้อน มันก็รีบยื่นหน้าเข้าไปเลียทันที จ้งเป่าเลียน้ำผึ้งหมดภายในสามคำแถมยังอมช้อนไว้ในปากเพื่อดูดรสชาติที่ยังหลงเหลืออยู่ ดวงตาทั้งสองข้างหยาดเยิ้ม บรรยากาศแห่งความสุขแผ่กระจายไปทั่วร่าง

ต้วนเจียเจ๋อเห็นแล้วรู้สึกสนใจมาก เขาดึงช้อนกลับมาก่อนจะเทน้ำผึ้งให้อีกหนึ่งช้อน

จ้งเป่าเป็นหมีฉลาด มันไม่กล้าพุ่งเข้าไปควักน้ำผึ้งในโถ แต่กอดขาทิ้งตัวอยู่บนหน้าตักของต้วนเจียเจ๋อคอยจ้องมองเขาเทน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งหอมมากจริง ๆ สงซือเชียนวางรังผึ้งไว้ข้างต้นท้อ จากนั้นเร่งรัดให้เหล่าผึ้งไปรวบรวมน้ำหวานของดอกไม้ทุกวัน เขาศึกษามาแล้วว่าดอกไม้พันธุ์ไหนจะทำให้น้ำผึ้งมีคุณภาพดี ประกอบกับที่ผึ้งพวกนี้โชคดีได้กินน้ำทิพย์หยางจือเข้าไป ทำให้น้ำผึ้งที่ผลิตออกมานั้นมีความพิเศษ

นี่เป็นครั้งแรกที่จ้งเป่าได้กินน้ำผึ้ง มันมีความสุขมาก โดยเฉพาะหลังจากที่กินหมดไปหนึ่งช้อนเต็ม ๆ มันก็จ้องไปที่โถน้ำผึ้งไม่ละสายตาจนน้ำลายแทบจะไหลย้อยออกมา

ต้วนเจียเจ๋อเทน้ำผึ้งจนเต็มช้อน น้ำผึ้งสีเหลืองทองย้อยลงมา สีสันของหยดน้ำผึ้งเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ต้วนเจียเจ๋อค่อย ๆ ส่งช้อนเข้าปากที่อ้ากว้างของจ้งเป่าโดยไม่รู้ตัว

พานเสวี้ยนเฟิงร้องเสียงอ่อยอยู่ข้าง ๆ พยายามดึงดูดความสนใจจากจ้งเป่า เขาร้อนรนมาก ทำไมจ้งเป่าถึงทำท่าทางราวกับเขาไม่มีตัวตนอย่างนั้นล่ะ ตกลงกันไว้ก่อนแล้วนี่ว่าให้จ้งเป่าเป็นคนเปิดทาง แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ เจ้าเด็กนั่นลืมเขาไปแล้วแน่ ๆ!

จ้งเป่าปิดกั้นเสียงจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ มันส่งเสียงร้องพลางอมช้อนเอาไว้เต็มปาก ครั้งนี้มันกินน้ำผึ้งหมดในคำเดียวพลางส่งเสียง “อื้ม ๆ” ออกมาอย่างมีความสุข ร่างกายขยับเด้งขึ้นเด้งลง หากไม่ติดที่ตัวอ้วนเกินไป มันคงจะกระโดดขึ้นไปแล้ว

เจ้าตัวไร้ประโยชน์! แค่น้ำผึ้งช้อนเดียวก็มีความสุขเสียขนาดนี้ พานเสวี้ยนเฟิงมองจ้งเป่าด้วยความอิจฉาริษยา ในตอนที่เขาเป็นราชาแห่งภูเขา เขาสามารถกินรังผึ้งได้ทั้งรัง มันจะอะไรนักหนากับอีแค่น้ำผึ้งช้อนเดียว!

แต่ว่ากลิ่นมันช่างหอม…ยั่วยวนอะไรขนาดนี้!

ในฐานะแพนด้าและปีศาจ จมูกของพานเสวี้ยนเฟิงดีกว่าต้วนเจียเจ๋อมาก เขาได้กลิ่นหอมหวานเข้มข้นอย่างชัดเจน ถึงขนาดที่สามารถบอกได้ว่าน้ำผึ้งทำมาจากน้ำหวานของดอกไม้ชนิดไหน

พานเสวี้ยนเฟิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาค่อย ๆ คลานเข้าไปหาต้วนเจียเจ๋อด้วยท่าทางน่าสงสาร ยกอุ้งมือวางบนหน้าตักของอีกฝ่าย ใช้ร่างกายใหญ่โตเบียดจ้งเป่าออกไป จากนั้นก็อ้าปากกว้าง

ต้วนเจียเจ๋อมองพานเสวี้ยนเฟิงด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ทำอะไร อยากจะกินผมอย่างนั้นเหรอ”

พานเสวี้ยนเฟิงตัวสั่นเทา รีบหุบปากลงทันที เขากล้าเสียที่ไหนกัน!

หลังจากที่ป้อนน้ำผึ้งไปสองช้อน ต้วนเจียเจ๋อก็ตบเบา ๆ ไปที่หัวของจ้งเป่าเพื่อบอกให้มันลุกออกไป อาหารในแต่ละวันของจ้งเป่าถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ซึ่งรวมถึงขนมกับของว่างด้วย และน้ำผึ้งนี่ก็เป็นของพิเศษ มันไม่ควรกินมากไปกว่านี้

จ้งเป่าไม่ได้มีความอยากอาหารมากเหมือนพานเสวี้ยนเฟิง เมื่อผู้อำนวยการบอกให้พอ ถึงแม้ใจยังปรารถนาที่จะลิ้มรสน้ำผึ้งอันแสนหอมหวานพวกนั้น แต่มันก็คลานออกไปอย่างเชื่อฟัง ตอนนี้แหละถึงได้นึกถึงพานเสวี้ยนเฟิงขึ้นมา มันเอนหัวไปซบอีกฝ่ายอย่างละอายใจ

‘ไอ้หมีตาขาว[5]!’ พานเสวี้ยนเฟิงด่าในใจ

หากรู้ว่าเป็นแบบนี้น่าจะทำตัวเย็นชาใส่มันตั้งแต่แรก! ไม่ควรใจดีกับไอ้หมีตาขาวนี่เพียงเพราะมันเอาอกเอาใจเก่งไปซะทุกเรื่อง เป็นยังไงล่ะ! พอได้กินของอร่อยก็ลืมลูกพี่ไปเสียสนิท!

พานเสวี้ยนเฟิงคับแค้นใจ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่เขาเป็นราชาแห่งภูเขาถึงไม่เลือกสัตว์สายพันธุ์เดียวกันเป็นลูกสมุน ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจำนวนแพนด้าลดลงมาก แม้ก่อนหน้านั้นแพนด้าจะยังมีเยอะเขาก็ไม่เลือก นั่นเพราะเขารู้ดีว่าสายพันธุ์เดียวกับตนนั้นตะกละมาก หากพาแพนด้าไปลาดตระเวนบนภูเขา พวกมันอาจจะมัวแต่กอดรังผึ้งกินจนลืมภารกิจ…

ดังนั้น การที่พานเสวี้ยนเฟิงรังเกียจลูกสมุนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แถมยังเป็นสายพันธุ์เดียวกันแบบนี้อีก ก็เพราะเขาเข้าใจนิสัยของมันอย่างถ่องแท้น่ะสิ

ยิ่งไอ้เจ้าแพนด้าตัวนี้ที่มนุษย์เลี้ยงมา ยิ่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เข้าไปใหญ่!

ขณะที่พานเสวี้ยนเฟิงกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ต้วนเจียเจ๋อก็เทน้ำผึ้งออกมาหนึ่งช้อนแล้วยัดเข้าไปในปากของเขา “เอาละ แค่ช้อนเดียวพอ นี่เป็นการลงโทษ”

พานเสวี้ยนเฟิงที่ได้กินน้ำผึ้งรสชาติหวานหอมไปแบบไม่ทันตั้งตัวขนลุกชันไปทั่วร่าง

รสชาติของมันอร่อยกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก น้ำผึ้งหวานหอมกระจายไปทั่วปากก่อนจะค่อย ๆ ไหลลงสู่ลำคอ…

พานเสวี้ยนเฟิงนั่งกองลงไปกับพื้น น่าเสียดายจริง ๆ ได้กินแค่ช้อนเดียวเองเหรอ

ช้อนเล็กแค่นั้น สำหรับแพนด้ายักษ์แล้วไม่พอเลยจริง ๆ

ต้วนเจียเจ๋อปิดโถน้ำผึ้ง ภายใต้สายตาจับจ้องของพานเสวี้ยนเฟิงและจ้งเป่า เขาวางโถเอาไว้บนหลังตู้ จากนั้นยิ้มให้หมีโง่ทั้งสองตัว

“…” พานเสวี้ยนเฟิงตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที ทั้ง ๆ ที่ผู้อำนวยการไม่มีพลังบำเพ็ญ แถมรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็อ่อนโยนอยู่เสมอ แต่รอยยิ้มเมื่อครู่นี้ถึงกับทำให้เขาหวาดกลัวจนเหงื่อท่วมไปหมด ราวกับว่ากำลังถูกคุกคามอย่างนั้นแหละ

พานเสวี้ยนเฟิงมองโถน้ำผึ้งอย่างอาลัยอาวรณ์ เขารู้สึกว่าถึงตัวเองจะโลภมาก แต่ก็ไม่กล้าไปขโมยมันมาจากหลังตู้ เพราะรอยยิ้มของผู้อำนวยการทำเอาเขาขนลุกขนพองไปหมด

หรือว่าอีกด้านหนึ่งของผู้อำนวยการจะดุร้ายโหดเหี้ยมเหมือนกับท่านผู้อาวุโสลู่ยา

 

สงซือเชียนนำน้ำผึ้งไปที่โรงอาหารแล้วบอกให้ในครัวทำไก่อบน้ำผึ้งเป็นเมนูเพิ่มเติมสำหรับวันนี้

ช่วงเวลามื้อเที่ยง เพื่อนร่วมงานต่างโห่ร้องดีใจ พวกเขารู้ว่าสงเหล่าซือนำฝูงผึ้งจากหมู่บ้านถงซินกลับมา แต่ไม่คิดว่าจะมีน้ำผึ้งในส่วนของพวกเขาด้วย รสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ

พวกเขากินไก่อบน้ำผึ้งพลางดู นกขมิ้นขับขานพันลี้ ที่ฉายซ้ำไปด้วย

นกขมิ้นขับขานพันลี้ ซีรีส์ละครที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการคุ้มครองนกซึ่งนำแสดงโดยเหมิงฉีฉี ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศภายใต้การดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปิดกล้องจนถึงช่วงเวลาออกฉาย ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น สามารถพูดได้เลยว่าเป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วจริง ๆ

เนื่องจากหลายฉากของซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทำที่หลิงโย่วและสถานที่อื่น ๆ ในเมืองตงไห่ ดังนั้นชาวเมืองตงไห่จึงให้ความสนใจมาก เมื่อคืนมีคนดูเยอะจนกลายเป็นกระแสโด่งดังในโซเชียลมีเดีย

วันนี้เหล่าพนักงานของหลิงโย่วจึงเปิดทีวีในโรงอาหารและดูซีรีส์ที่ฉายซ้ำกันอีกรอบ

ข่าวของเหมิงฉีฉีทำให้ซีรีส์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากออกอากาศเมื่อคืนก็ยิ่งมีผู้ชมมากมายเขียนรีวิว ตอนนี้จึงมีหลายคนทั่วประเทศกำลังดูซีรีส์ที่นำมาฉายซ้ำเหมือนกับพวกเขา

การถ่ายทำในช่วงแรกอยู่ที่หลิงโย่ว ถึงแม้ในซีรีส์สถานที่ทำงานของเหมิงฉีฉีจะไม่ได้ชื่อว่าหลิงโย่ว แต่ใครที่เคยมาก็จะจำได้ทันที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในช่วงระหว่างการโปรโมท ก็มักจะนำชื่อของหลิงโย่วไปโฆษณาด้วย

สาเหตุที่การออกอากาศตอนแรกได้ผลตอบรับที่ดีมากเป็นเพราะเปิดประตูเจอภูเขา[6] ฉากที่เหมิงฉีฉีถูกนกแก้วในบ้านของตัวเองกลั่นแกล้งรังแกนั้นสนุกสนานเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังดึงเอาความสามารถพิเศษของเหมิงฉีฉีออกมาได้ดีมาก และเพราะความสามารถพิเศษนี้ทำให้เธอมีค่าตัวที่สูงเป็นพิเศษ

ดังนั้น เมื่อเหล่าทีมงานขอให้นางเอกของเรื่องซึ่งก็คือเหมิงฉีฉีช่วยแสดงเป็นคนนิสัยไม่ดี ฉากที่จับสัตว์มาฉีดยา พวกสัตว์ถึงไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง

เหมิงฉีฉีทำให้นกเกลียดชังได้ขนาดนั้น คนดูก็คงรู้สึกหมั่นไส้ไม่ต่างกันนักหรอก

หญิงสาวที่โดนนกเกลียดจนเข้าไส้ แต่กลับกลายมาเป็นสัตวแพทย์ พล็อตเรื่องน่าสนใจแบบนี้เปิดมาตั้งแต่เริ่มเรื่องเลย

เมื่อเห็นสถานที่คุ้นตา หรือกระทั่งเพื่อนร่วมงานปรากฏตัวอยู่ในจอ แม้เมื่อคืนพวกเขาบางคนจะดูไปแล้ว แต่ก็อดพูดถึงอย่างกระตือรือร้นไม่ได้ เนื่องจากเมื่อคืนบางคนดูผ่านโทรศัพท์มือถือจอเล็ก ๆ และยังมีบางคนที่ยังไม่ได้ดู วันนี้จึงมาตั้งวงพูดคุยเรื่องซีรีส์กันอย่างสนุกสนาน

ส่วนบทบาทเจ้าหน้าที่เลี้ยงสัตว์ มีหลายบทที่ทางผู้กำกับได้เชิญเจ้าหน้าที่เลี้ยงสัตว์ของหลิงโย่วเข้ามาร่วมแสดงด้วย เพราะหากใช้นักแสดงน่าจะต้องเสียเวลาฝึกอบรม แม้จะเป็นการแสดงแค่ฉากหลังและมีบทพูดเพียงไม่กี่คำ แต่พวกเขาก็มีความสุขกันมาก

ตอนนั้นผู้กำกับอยากให้ต้วนเจียเจ๋อมาแสดงเป็นนักท่องเที่ยวที่สัญจรไปมาเพื่อมีฉากออกกล้องเป็นที่ระลึกไว้ด้วย แต่ต้วนเจียเจ๋อก็ปฏิเสธไป เพราะเขาไม่สนใจอะไรแบบนี้

 

[1] วอโถว ขนมนึ่งชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งข้าวโพด แป้งเกาเหลียง หรือแป้งธัญพืชอื่น ๆ ลักษณะเป็นรูปกรวยคว่ำ ด้านฐานเป็นโพรงตรงกลางคล้ายรังนก

[2] คำเปรียบเปรยถึงเด็กซน หรือเด็กเล็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

[3] เฟิงโหยวจิง ยี่ห้อน้ำมันหอมสีเขียวใส ซึ่งผสมจากสมุนไพรหลายชนิด สรรพคุณคล้ายยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว

[4] แมลงวันไร้หัว เป็นสำนวนหมายถึง การเคลื่อนไหวหรือกระทำการอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง สะเปะสะปะ มั่วซั่ว

[5] มาจากสำนวน ‘หมาป่าตาขาว’ เดิมหมายถึง คนที่มีใจอำมหิต ต่อมาใช้หมายถึงคนอกตัญญู หรือคนเนรคุณได้ด้วย

[6] สำนวน อุปมาว่า การพูดหรือเล่าเรื่องตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า