[ทดลองอ่าน] เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ : ตอนที่ 53.1

มื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์
我开动物园那些年

 

ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน
拉棉花糖的兔子

 

Himazan แปล

 

ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

+++++++++++++++++++

 

บทที่ 53.1

 

ประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับหนึ่งในงานประชุมประจำปีของสมาคมสวนสัตว์แห่งประเทศจีน ไม่ใช่เรื่องสวนสัตว์แห่งไหนมีปัญหา หรือมีวิทยาการใหม่ ๆ แต่เป็นเรื่องของเสี่ยวต้วนแห่งสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่ว มณฑลตงโจว กับแฟนหนุ่มที่เป็นเพศเดียวกันของเขา

เนื่องจากต้วนเจียเจ๋อไม่พูด คนส่วนใหญ่เลยเข้าใจว่าลู่ยาเป็นลูกน้องของเขา แถมยังมีคนคิดว่าลู่ยาหน้าตาดีขนาดนี้ ทำไมถึงมาทำงานด้านนี้

ในแวดวงเมืองตงไห่ เรื่องรสนิยมทางเพศของต้วนเจียเจ๋อไม่ใช่ความลับ แต่ที่นั่นอยู่ไกลออกไปเป็นพันลี้

ในที่ประชุมมีเพียงคนของสวนสัตว์ในเมืองตงไห่ซึ่งติดต่อคุ้นเคยกับพวกเขาเท่านั้นที่รู้ แต่พวกเขาใช่พวกชอบเม้าท์เสียที่ไหน เรื่องที่ไม่ควรป่าวประกาศบอกใครแบบนี้ใช่เรื่องที่พวกเขาจะเอาไปพูดกันหรือ อย่างไรเสียก็อยู่ในตงไห่เหมือนกัน และสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วยังให้ความช่วยเหลือพวกเขาจนความสัมพันธ์แนบแน่นขนาดนี้

ผู้อำนวยการสวนสัตว์ส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานไม่เหมือนต้วนเจียเจ๋อ ที่เป็นทั้งผู้บริหารและเจ้าของสวนสัตว์ เรื่องความรักความชอบของต้วนเจียเจ๋อ ทุกคนจึงทำได้แค่พูดคุยกันเองลับหลัง แต่ก็ด้วยความอิจฉาชื่นชมเท่านั้น

…พวกเขาไม่ได้อิจฉาเรื่องที่ต้วนเจียเจ๋อมีแฟนหนุ่มหล่อมาดแมน แต่อิจฉาที่ต้วนเจียเจ๋อทำทุกอย่างได้ตามใจ ไม่มีใครห้าม

ในบรรดาคนที่รู้เป็นกลุ่มแรก ๆ หลิวเผยหย่วนอึ้งอยู่หลายวินาที ก่อนจะแสดงออกว่าสนับสนุนต้วนเจียเจ๋ออย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพราะเขาหัวสมัยใหม่มาก แต่เพราะเขาเชื่อมั่นในความเป็นคนดีของต้วนเจียเจ๋อมาตั้งแต่แรก

กระทั่งงานประชุมประจำปีสิ้นสุดลง ทุกคนต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับ ต้วนเจียเจ๋อได้สร้างชื่อไว้ในวงการ ว่านอกเหนือจากตำแหน่งผู้บริหารสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วและเหมือนจะเป็นคนรวยรุ่นสองแล้ว เขายังมีแฟนแล้วด้วย

ก่อนจาก คนของสวนสัตว์ชุนเฉิงที่เป็นประธานจัดงานประชุมประจำปีรอบนี้ตั้งใจมากล่าวคำขอบคุณต้วนเจียเจ๋อโดยเฉพาะ จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ทำให้ทุกคนรู้เรื่องลิงจ่าฝูงตัวที่หนีออกมาเจอกับผู้อำนวยการสวนสัตว์ที่มาร่วมงานคนหนึ่งแล้วถูกจับได้ ทำให้ทุกคนดีใจมากจริง ๆ

เมื่อสอบถามรายละเอียด ทำให้รู้ว่าผู้อำนวยการสวนสัตว์คนนั้นคือต้วนเจียเจ๋อ คนของสวนสัตว์ชุนเฉิงจึงขอบคุณในความช่วยเหลือของเขา และโชคดีที่คนที่ลิงไปกอดคือต้วนเจียเจ๋อ หากเป็นนักท่องเที่ยว ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นแบบไหน

อันที่จริง เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนเจียเจ๋อยังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจต่อลิงจ่าฝูง เขาจึงโบกมือปฏิเสธ แต่ถึงกระนั้น ชายหนุ่มยังถูกยัดเยียดของที่ระลึกจากสวนสัตว์ชุนเฉิงอีกหลายกล่อง

 

หลังเดินทางกลับ ต้วนเจียเจ๋อนึกถึงลิงจ่าฝูงที่สวนสัตว์ชุนเฉิง พอกลับมาถึงสวนสัตว์หลิงโย่ว เขาจึงเจียดเวลาไปหาหยวนหง

แต่เพราะสวนสัตว์ใหญ่มาก เขาเดินวนหาแล้วก็ยังไม่เห็นหยวนหงเลยถามหวงฉีที่เดินผ่านมา บังเอิญว่าหวงฉีเห็น เขาจึงชี้ทางให้ต้วนเจียเจ๋อ

“ผู้อำนวยการกลับมาแล้ว” หยวนหงห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ พอเห็นเงาร่างของต้วนเจียเจ๋อก็พูดด้วยน้ำเสียงแสนเซ็ง

ต้วนเจียเจ๋อเอามือซุกกระเป๋า เงยหน้ามอง “ใช่ ผมอยากคุยกับคุณหน่อย ตอนอยู่ที่สวนสัตว์เมืองชุนเฉิง ผมเจอลิงจ่าฝูงตัวหนึ่ง ดูเหมือนมันจะมีพรสวรรค์เป็นพิเศษเลยอยากให้คุณไปชี้แนะมันหน่อย ไหน ๆ คุณก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะช่วยได้ไหม”

ตัวของหยวนหงพลิกกลับมา ทำให้ต้วนเจียเจ๋อนึกเสียวว่าเขาจะร่วง ทว่าหยวนหงกลับใช้ขาข้างหนึ่งเกี่ยวกิ่งไม้ ห้อยหัวลง “ฉัน? ฉันไม่มีประสบการณ์เป็นลิงจ่าฝูงนะ! นายไปหาคนอื่นดีกว่า”

“?” ต้วนเจียเจ๋อรีบพูด “เปล่าครับ ผมหมายถึงการบำเพ็ญ”

หยวนหงเงียบไปพักหนึ่ง ออกแรงจากเอวเพื่อพลิกตัวกลับไปนั่งบนกิ่งไม้ “บำเพ็ญ? มันเป็นปีศาจลิงเหรอ”

“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถูกแค่ครึ่งหนึ่งละมั้ง” ต้วนเจียเจ๋อแบมือ “มันหนีออกจากภูเขาลิงแล้วถูกผมจับได้ ผมเลยส่งมันกลับคืนเข้าไป แล้วมารู้ทีหลังว่ามันได้ยกระดับสติปัญญาแล้ว เป็นเรื่องที่หาได้ยาก นี่คือสาเหตุที่ผมอยากให้คุณไปชี้แนะมันสักเล็กน้อย ตัวผมจะได้ไม่รู้สึกผิด”

ไม่รู้เพราะอะไร หยวนหงผู้ทำตัวง่ายๆ สบายๆ มาตลอดถึงลังเลอยู่สองวินาทีก่อนตอบ “ได้”

“ขอบคุณ เดี๋ยวผมจะให้คนจองตั๋วเครื่องบินให้”

ต้วนเจียเจ๋อกำลังจะเดินไป แต่ทันใดนั้นหยวนหงก็พลิกตัวลงมาจากต้นไม้ น้ำเสียงกรุ่นโกรธ “นายนี่มัน…!”

ต้วนเจียเจ๋อมึนงงไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดี ๆ หยวนหงถึงอารมณ์เสีย “ผมทำไมเหรอ ถ้าคุณไม่อยากสอนก็ได้นะ”

หยวนหงพินิจดูต้วนเจียเจ๋ออยู่นาน สุดท้ายก็พูดขึ้นเสียงเย็น “ไม่มีอะไร”

เขาตีลังการอบหนึ่งจากนั้นก็ไปที่อื่น

ต้วนเจียเจ๋อตะโกนไล่หลัง “คุณจะไปภูเขาลิงเหรอ อย่าพามันออกมานะ!”

“…”

หยวนหงรับคำ ต้วนเจียเจ๋อไม่เข้าใจความคิดของสัตว์ที่ถูกส่งมาพวกนี้ แค่ทำความเข้าใจอีกาทองสามขาตัวเดียวเขาก็หมดแรงแล้ว ชายหนุ่มจึงหมุนตัวเดินกลับไป

ระหว่างทางเจอหวงฉีที่ไม่ได้กลับออฟฟิศ แต่นั่งยอง ๆ ทำงานอยู่ข้างทาง

ต้วนเจียเจ๋อเดินไปนั่งข้างเขา

หวงฉีถาม “ผมเห็นท่านเทพหยวนหงรีบร้อนออกไป ผู้อำนวยการทำอะไรเขาหรือครับ”

ต้วนเจียเจ๋อเล่าบทสนทนาเมื่อครู่ให้อีกฝ่ายฟัง น้ำเสียงไม่รู้ประสีประสา “คุณฟังออกหรือเปล่าว่าเรื่องนี้มีปัญหาตรงไหน”

ด้วยระดับความเจนจัดของหวงฉี เขาขบคิดอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง แต่สัมผัสไม่ได้ว่ามีปัญหาตรงไหนเลยบอกว่า “วิธีคิดของมนุษย์เรากับเขาอาจไม่เหมือนกัน”

ต้วนเจียเจ๋อเข้าใจดี

ผ่านไปสักพัก หวงฉีพูดขึ้นเสียงเบา “ผมกลัวว่าท่านเทพหยวนหงจะโมโห อันที่จริง ผมบอกแล้วว่าเขาเหมือนซุนหงอคง…”

ต้วนเจียเจ๋อคิดในใจว่าต้องให้นายบอกด้วยเหรอ

เขาตบไหล่หวงฉี “แต่เขาไม่มีทางใช่หรอก ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าคนพวกนี้แยกแยะยากมาก อย่าถูกปั่นหัวเด็ดขาด”

เขาโดนมาแล้วเลยเตือน แต่หวงฉีไม่เคยเจอกับตัวเลยยังมีความคิดฟุ้งซ่าน

หวงฉีรับคำ “ครับ ๆ ก็จริง คาแร็คเตอร์พวกเขาเหมือนกันมาก แต่ความจริงชื่อเสียงของท่านเทพหยวนหงอยู่อันดับต้น ๆ และความน่าเกรงขามของต้าเซิ่งยิ่งน่าครั่นคร้าม ไม่รู้ว่าเขาจะคิดมากหรือเปล่า…”

“ผมว่าเขาใจกว้างในเรื่องนี้นะ ก่อนหน้านี้ตอนบอกว่าจะให้ลิงในละครหุ่นเงาเล่นบททายาทซุนหงอคง เขายังไม่โกรธเลย” ต้วนเจียเจ๋อนึกถึงเรื่องนี้แล้วบอก

หวงฉีผงกศีรษะรัว ๆ “มิน่า หลายปีมานี้ท่านเทพหยวนหงไม่เคยอาละวาด นิสัยของสองคนนี้ต่างกันเยอะจริง ๆ”

ต้วนเจียเจ๋ออาบแดด รู้สึกมีความสุข “ไม่อย่างนั้น สวนสัตว์เราคงไม่พอให้เขาอาละวาดเหมือนกัน”

 

ต้วนเจียเจ๋อกลับมาได้ไม่นานเทศบาลเมืองก็เรียกไปคุย พอไปถึง เขาเห็นผู้อำนวยการเมิ่ง คนรวยรุ่นสองเจ้าของบริษัทบันเทิงที่เคยมาหาพวกเขาอยู่ด้วย

“เอ๊ะ คุณ…” ต้วนเจียเจ๋อคิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการเมิ่งจะย้อนกลับมาไวขนาดนี้

แต่รอบนี้ ไม่รู้ว่าผู้อำนวยการเมิ่งไปได้รับการชี้แนะจากใคร เลยเปลี่ยนแนว มองปราดเดียวก็รู้ว่าการที่วันนี้ต้วนเจียเจ๋อถูกตามตัวมา น่าจะเป็นฝีมือของเขา

ผู้อำนวยการเมิ่งจับมือต้วนเจียเจ๋ออย่างกระตือรือร้น “ผู้อำนวยการต้วนครับ เจอกันอีกแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นแฟนคุณล่ะครับ”

“…”

เขาไม่สนิทกับคนคนนี้ แต่พอมาถึงก็ถามหาแฟนเขา มันหมายความว่าอะไร

ผู้อำนวยการเมิ่งกลับไปหงอยอยู่หลายวัน เขาคิดซ้ายตรองขวา ก็ยังตัดใจจากข่งเซวียนไม่ได้…รวมไปถึงบรรดาผองเพื่อนร่วมงานของเขาด้วย ผู้อำนวยการเมิ่งไปสืบข่าวมา รู้ว่าต้วนเจียเจ๋อมีแฟนหนุ่ม รูปร่างหน้าตาหล่อเลิศ เคยไลฟ์ออกกล้องแล้วด้วย

เรื่องนี้ทำให้ผู้อำนวยการเมิ่งยิ่งอิจฉา ผู้อำนวยการสวนสัตว์คนนี้ช่างกวาดคนสวย ๆ หล่อ ๆ ไปหมดเลยจริง ๆ

ต้วนเจียเจ๋อพูดเสียงตะกุกตะกัก “ครับ เจอกันอีกแล้ว ที่คุณมาที่นี่เพื่อ?”

เขารู้อยู่แล้วแต่ยังแกล้งทำเป็นถาม หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากทางเทศบาลเมืองซึ่งอยู่ด้านข้างพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “ผู้อำนวยการเมิ่งมาขอความร่วมมือจากเรา เขาได้ดูรายการเรียลิตี้ที่ถ่ายทำที่ตงไห่อีพีก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะพาร์ทสวนสัตว์ของพวกคุณ รู้สึกว่าเป็นรายการที่ดีมาก คราวนี้เลยวางแผนอยากทำรายการแบบเจาะไปที่สวนสัตว์ เชิญดาราดังไปเทรนเป็นเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์”

ต้วนเจียเจ๋อ “…”

ชายหนุ่มมองหัวหน้าหน่วยงาน ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็หยุดเสียก่อน

ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการเมิ่งเคยเสนอเรื่องนี้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่อีกฝ่ายอยากให้พวกเจ้าหน้าที่ของเขาออกกล้องด้วย ต้วนเจียเจ๋อเลยปฏิเสธ

ต่อให้ตอนนี้เขาเข้าทางหน่วยงานรัฐของเมืองตงไห่ ท่าทีของต้วนเจียเจ๋อก็ยังคงเป็นแบบเดิม เพียงแต่ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธทันที เพื่อไม่ให้หัวหน้าหน่วยงานต้องเสียหน้า และพวกเขายังคุยกันไม่จบ

ผู้อำนวยการเมิ่งเห็นสีหน้าของต้วนเจียเจ๋อขรึมลงก็เป็นฝ่ายร้อนใจ รีบบอก “ผู้อำนวยการต้วนครับ คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ผมเลิกคิดขุดฐานกำแพง[1]คุณแล้ว แต่ครั้งก่อนตอนไปสวนสัตว์หลิงโย่วของพวกคุณ ผมรู้สึกว่าที่นั่นเหมาะสำหรับการถ่ายทำมาก และพอผมกลับไปดูรายการเรียลิตี้ของเมืองตงไห่กับซีรีส์เรื่องนกขมิ้นขับขานพันลี้ ผมเลยได้ไอเดียทำรายการหนึ่งขึ้นมา เป็นการเชิญดาราดังกับเด็กใหม่ที่บริษัทเราอยากดันให้มาอยู่ด้วยกันเพื่อทำโชว์เกี่ยวกับสวนสัตว์”

เขาวางแผนเอาไว้แบบนี้ และดูจากความสำเร็จในอดีต ขอเพียงวางแผนรายการนี้ให้ดีย่อมประสบความสำเร็จมหาศาล เขาคุยกับพ่อเรียบร้อย พ่อบอกว่าเขารู้จักทำงานทำการแล้ว

…ในช่วงถ่ายทำรายการ เขายังสามารถฉวยโอกาสใกล้ชิดกับพวกข่งเซวียนได้อีก จะได้รู้ว่าคนพวกนี้อยากได้อะไร ว่าไงนะ เขาบอกต้วนเจียเจ๋อว่าจะไม่ขุดฐานกำแพง? คำพูดพวกนั้นเชื่อถือได้ด้วยหรือ เขาโกหกเป็นมาตั้งแต่อายุสามขวบแล้ว!

ต้วนเจียเจ๋อรับฟังก่อนพูดเสียงเรียบ “ผมเพิ่งกลับมาจากงานประชุมประจำปีของสมาคมสวนสัตว์ ปีนี้มีการห้ามเรื่องการแสดงของสัตว์อย่างเข้มงวดมากครับ”

“ไม่มีครับ เราไม่ได้ทำแบบนั้น เรื่องแบบนี้ ทางช่องก็ถูกฟ้องเอาง่าย ๆ เหมือนกัน ตรงกันข้าม เราอยากออกจากวงจรเดิม ๆ ด้วยการแพร่ภาพทางช่องปกติ ถ้าไม่ทำให้ถูกต้องแล้วจะได้หรือครับ” ผู้อำนวยการเมิ่งพูดจาเป็นงานเป็นการ เหมือนตั้งใจทำแบบนั้นจริง ๆ

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่าการเป็นเจ้าหน้าที่เลี้ยงสัตว์คือคอยเลี้ยงดูสัตว์จริง ๆ การแสดงสัตว์อะไรนั่นน่ะ ให้ช้างพ่นน้ำใส่ดาราดังยังน่าสนใจกว่า

ต้วนเจียเจ๋อพิจารณาดูผู้อำนวยการเมิ่งอยู่หลายครั้ง นึกเสียใจที่วันนี้ไม่ได้พาตี้ทิงมา แต่เขาไม่กลัวว่าผู้อำนวยการเมิ่งจะเล่นลูกไม้อะไร เนื่องจากเรื่องนี้ต้องเซ็นสัญญาที่ร่างขึ้นมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถ้าคนคนนี้คิดจะแอบหาวิธีดึงตัวสัตว์ที่ถูกส่งมาละก็… มาลองดูกันว่าบุญกุศลที่บรรพบุรุษเขาสั่งสมมาจะมากพอให้ไม่ถูกเอาเปรียบหรือเปล่า

“มีเอกสารที่บอกรายละเอียดหรือเปล่าครับ” ต้วนเจียเจ๋อถามเสียงเรียบ

ผู้อำนวยการเมิ่งเห็นต้วนเจียเจ๋อมีท่าทีอ่อนลงแล้ว ก็รู้สึกว่าแผนสำเร็จไปมาก เขาส่งเอกสารปึกหนาที่ให้คนทำออกมาให้ต้วนเจียเจ๋ออ่าน เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของตัวเองอีกหนึ่งก้าว

ต้วนเจียเจ๋ออ่านดู หน้าที่หลักของสวนสัตว์เขาคือจัดหาสถานที่และให้ความร่วมมือในการถ่ายทำ มันเขียนเอาไว้ชัดว่าเรื่องเฉพาะทางต้องยึดเอาความคิดเห็นของทางสวนสัตว์เป็นหลัก เป็นเงื่อนไขที่ดีมากจริง ๆ

บริษัทของครอบครัวผู้อำนวยการเมิ่งใหญ่มาก แม้แต่หัวหน้าหน่วยงานยังเคยได้ยิน เวลานี้เขาจึงมองต้วนเจียเจ๋อด้วยสายตากระตือรือร้นอย่างยิ่ง และพูดจาโน้มน้าวเขาอีกหลายประโยค

“โดยภาพรวม ผมยังไม่รู้สึกว่ามีปัญหา แต่ขอผมกลับไปคุยเรื่องประเด็นต่าง ๆ กับรองผู้อำนวยการสวนสัตว์ ทนายความและทีมงานก่อนนะครับ” ต้วนเจียเจ๋อกล่าว “นอกจากนี้ รายได้ที่สวนสัตว์เราจะได้จากรายการนี้จะบริจาคให้องค์กรรักษาสิ่งแวดล้อมของเมืองทั้งหมด เพื่อเป็นการสนับสนุนงานของพวกเขา”

หัวหน้าหน่วยงานฟังแล้วไม่ค่อยแปลกใจนัก เนื่องจากสวนสัตว์หลิงโย่วไม่ขัดสนเรื่องเงิน และรายการนี้สามารถช่วยสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นอยู่แล้ว การบริจาคให้องค์กรรักษาสิ่งแวดล้อมจึงเป็นเรื่องดี เพราะปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สัตว์

ผู้อำนวยการเมิ่งเห็นต้วนเจียเจ๋อตอบรับก็ร้องโอ้อยู่ในใจ ยิ้มอวดฟันแปดซี่ คิดในใจว่า ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังดึงไม่ได้เลยสักคน ฉันก็ไม่เอาแล้ว!

 

ต้วนเจียเจ๋อกลับไปประกาศเรื่องนี้ให้พนักงานระดับกลางกับระดับบนทราบ ทุกคนสนอกสนใจกันมาก เพราะนี่จะเป็นโอกาสโปรโมทสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วครั้งใหญ่ พวกเขาพากันเดาว่าผู้อำนวยการเมิ่งจะเชิญดาราดังคนไหน ดังแค่ไหน

นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ของสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วและเมืองตงไห่ ก่อนหน้านี้เมืองตงไห่ออกทุนสนับสนุนรายการถึงทำเรียลิตี้ออกมาได้ แต่ตอนนี้ผู้อำนวยการเมิ่ง (แม้จะมีเจตนาอื่น) เป็นคนจ่ายเงินให้พวกเขา

เขาไม่ได้เลือกสวนสัตว์ขนาดใหญ่ในเมืองใหญ่ระดับหนึ่งหรือสอง แต่เลือกสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่ว จะทำให้หลิงโย่วมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น และตงไห่เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้าจะมีซีรีส์ พวกเขายังไม่มีแม้แต่สนามบินเลย

ต้วนเจียเจ๋อรวบรวมเจ้าหน้าที่มาหลายคนเพื่อจัดเป็นหนึ่งทีม รับผิดชอบดูแลพวกของผู้อำนวยการเมิ่งโดยเฉพาะ

เวลานี้ ตัวรายการมีชื่อชั่วคราวว่า Big Animals ทางหนึ่งกำลังติดต่อเรื่องแขกรับเชิญ…พวกเขารู้ว่าหลังจากเซียวหรงออกจากวงการ ชายหนุ่มมาอยู่ที่นี่ เลยอยากเชิญอดีตคู่แข่งของเซียวหรงอย่างไป๋ซื่อเฉียวมา เผื่อว่าจะมีโอกาสสร้างซีน…และอีกทางส่งคนมาที่สวนสัตว์หลิงโย่วเพื่อสำรวจสถานที่และวางแผนการถ่ายทำล่วงหน้า

ผู้อำนวยการเมิ่งเบื่อๆ หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือคิดไม่ซื่อ เขาจึงไม่อยู่ที่บริษัทแต่ฉวยโอกาสนี้มาที่หลิงโย่วด้วยตัวเอง พร้อมข้ออ้างสวยหรูว่าอยากลงมือทำงานส่วนแรกด้วย ทีมงานของเขาเข้าใจว่าผู้อำนวยการเมิ่งอยากโชว์ให้พ่อดูว่าตนมีความสามารถเลยไม่ได้ติดใจสงสัยสักนิด

ผู้อำนวยการเมิ่งรู้ดีว่านี่เป็นความลับที่ไม่ควรบอกใคร ไม่งั้นอาจจะหลุดพิรุธออกไปให้ต้วนเจียเจ๋อจับได้ แล้วเขาจะวางหน้าไม่ถูก

แต่การมาครั้งนี้ กลับทำให้คนรวยรุ่นสองจอมสำรวยเซอร์ไพรส์มาก

นอกจากในช่วงหลายวันนี้ เขาจะได้เจอคนที่อยากดึงมาทำงานมากขึ้นแล้ว ยังรู้สึกว่าโรงแรมหลิงโย่วไม่เลวเลยทีเดียว ตอนแรกเข้าใจว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในเมืองตงไห่จะธรรมดา ๆ แต่โรงแรมของสวนสัตว์แห่งนี้กลับทำให้เขาต้องคิดใหม่

คนที่ใช้ชีวิตกลางวันสลับกับกลางคืน ชอบส่งเสียงดังอย่างเขา พอมาอยู่ที่นี่ได้สองสามวัน คุณภาพการนอนกลับดีเยี่ยม ระหว่างที่นอนเล่นเกมอยู่บนเตียงยังเผลอหลับได้ยันเช้า

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการเมิ่งยังฝันดีอีกหลายครั้ง ในฝัน เขายืนอยู่หน้าสุด ถัดไปคือพวกหยวนเซวียนกับหมอไป๋ มีสื่อกับแฟนคลับเป็นฝูงตามไล่หลังอย่างบ้าคลั่ง พ่อเขายืนอยู่ข้างหน้า ยิ้มให้เขาอย่างชื่นชม เพื่อนเลว ๆ พวกนั้นของเขาเตี้ยลงไปเยอะ ทุกคนเอาแต่แหงนหน้าขึ้นมองเขา

ตอนตื่น มุมปากของผู้อำนวยการเมิ่งมีรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างอารมณ์ดี

และอารมณ์ดีนี้ก็ติดตัวผู้อำนวยการเมิ่งไปตอนเขาลุกขึ้นไปกินมื้อเช้า พูดถึงของกิน แม่เจ้า ทั้งที่ผลงานการถ่ายทำยังไม่มีออกมา แต่เขาเจริญอาหารมากจริง ๆ!!

 

ผู้อำนวยการเมิ่งที่หลับดีกินดีจนน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาสองกิโลครึ่งไปเข้าร่วมในการทำงาน

ในเมื่อรายการใช้ชื่อชั่วคราวว่า Big Animals ก็เป็นไปตามชื่ออย่างยิ่ง สัตว์ที่ออกมาโชว์ในรายการมีแต่ที่ขนาดรูปร่างใหญ่ทั้งนั้น นี่เป็นหนึ่งในคุณลักษณะพิเศษของสัตว์ในสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่ว ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็เป็นส่วนใหญ่

ทางรายการต้องสำรวจและตัดสินใจว่าจะให้พวกดาราไปเป็นเจ้าหน้าที่เลี้ยงสัตว์ชนิดไหนบ้าง และพวกเขาจะต้องเข้าไปเรียนรู้และปฏิบัติงานจริงด้วยตัวเอง

ระหว่างที่ผู้อำนวยการเมิ่งเดินเตร็ดเตร่มาถึง เจ้าหน้าที่กำลังแนะนำทีมงานเรื่องการให้อาหารงูหลามยักษ์ ผู้อำนวยการเมิ่งเห็นแล้วก็ตัวสั่นเทิ้ม “เอ่อ หาสัตว์ที่ดูน่ามองกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือครับ”

เจ้าหน้าที่ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วย้อนถามด้วยน้ำเสียงอวดโอ่ “ไป๋เหนียงจื่อกับเสี่ยวชิงของเราไม่สวยเหรอ”

“ไป๋เหนียงจื่อ เสี่ยวชิง?” ผู้อำนวยการเมิ่งมองงูทั้งสองตัวอีกทีหนึ่ง สีสันสมกับชื่อจริง ๆ[2]

เขาบ่นอีกสองสามคำ เนื่องจากตัวเองกลัวสัตว์จำพวกงูอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าให้คนอื่นเข้าไปเลี้ยงในรายการ เขาไม่ขัดข้องอยู่แล้ว

หลังจากมองดูอยู่สักพัก ผู้อำนวยการเมิ่งก็เบนสายตาไปทางอื่นอย่างเบื่อ ๆ นอกจากตรงนี้ยังมีทีมงานอีกหนึ่งกลุ่มกำลังให้อาหารนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก… แร้งคอนดอร์แอนดีส

เจ้าตัวนี้ดูแรงเยอะ ถึงจะน่ากลัวแต่ไม่ดุร้าย พวกนกใหญ่ ๆ เห็นแล้วรู้สึกถึงความน่าเกรงขาม

พวกเขามาทันการไลฟ์ชีวิตประจำวันภายในสวนสัตว์พอดี เสี่ยวซูก็คอยสังเกตการณ์อยู่ที่นั่นด้วย ซึ่งทีมงานพวกเขาต้องเปลี่ยนเลนส์กล้องเป็นแบบใหม่

ผู้อำนวยการเมิ่งเข้าไปทัก เสี่ยวซูรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของรายการเลยไม่ได้ตั้งป้อม แนะนำสัตว์ให้เขารู้จักอย่างกระตือรือร้น เธอดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ จึงรู้เรื่องต่าง ๆ ไม่น้อย

“จริงสิ หนุ่มหล่อสาวสวยในสวนสัตว์ของพวกคุณเยอะจริง ๆ ครั้งแรกสุดที่ผมมาเพราะอยากดึงตัวพวกเขาไปเป็นดารา” ผู้อำนวยการเมิ่งแกล้งทำเป็นเล่าเรื่องนี้ออกมาเอง ท่าทางจริงใจมาก

เสี่ยวซูหัวเราะฮ่า ๆ เสียงดัง “จริงค่ะ พวกเขาเป็นญาติและเพื่อนสนิทของผู้อำนวยการทั้งนั้น และตอนนี้เป็นคนของสวนสัตว์เราด้วย ที่น่าสนุกที่สุดคือเวลามีคนใหม่มา เราจะจงใจพาพวกเขาไปที่โรงอาหารแล้วให้เดินไปที่โต๊ะของผู้อำนวยการ เพื่อพนันกันว่าพวกพนักงานจะอึ้งกันไปกี่วินาที”

นับตั้งแต่หยวนเซวียนมา สถิตินี้ก็ถูกยกสูงขึ้นกว่าเดิมมาก…

ผู้อำนวยการเมิ่งตาเป็นประกาย เขานึกสงสัยอยู่แล้วว่าต้วนเจียเจ๋อน่าจะสนิทกับคนกลุ่มนั้นมาก ถึงขั้นสามารถช่วยชี้แนะการตัดสินใจให้พวกเขาได้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ เป็นญาติและเพื่อนสนิทกันนี่เอง

“ฮ่า ๆ ๆ งั้นหรือครับ ผมได้เจอหลายคนแล้ว แต่จำชื่อไม่ค่อยได้ เสี่ยวจิ่วคือคนที่ชอบใส่ชุดดำใช่ไหมครับ” ผู้อำนวยการเมิ่งถาม ตอนที่เขาพูดจบประโยคก็พลันรู้สึกว่าแร้งคอนดอร์แอนดีสมองมาทางนี้แวบหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

“ใช่ค่ะ คนนั้นคือพี่เสี่ยวจิ่ว เขาค่อนข้างรักสันโดษ” เสี่ยวซูพูด “ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว” หญิงสาวเล่าแบบกั๊ก ๆ ทั้งที่ความจริง ถ้าดูกันให้ดี ๆ แล้วจะเห็นว่าเสี่ยวจิ่วเหมือนถูกคนอื่นเบียดออกจากแถวมากกว่า แม้แต่สุนัขยังไม่ต้อนรับเขา…จริง ๆ นะ ขนาดเซี่ยวเทียนยังเอาแต่เห่าเขาเลย

เสี่ยวซูเล่าเรื่องน่าสนใจภายในสวนสัตว์ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อน กับปฏิกิริยาของพวกหน้าตาท่าทางโดดเด่นที่พวกเขาเห็นกันเป็นประจำ

แต่เสี่ยวซูไม่ใช่คนปากสว่างที่จะเล่าไปเสียทั้งหมด ตัวอย่างเช่น ตอนผู้อำนวยการเมิ่งถามถึงแฟนหนุ่มของผู้อำนวยการ เธอก็ยืนหยัดรักษาภาพลักษณ์อันสูงส่งเย็นชาของพี่ลู่ไว้

ผู้อำนวยการเมิ่งรับฟังอย่างตั้งใจและพูดแทรกสองสามประโยคเป็นระยะ บางครั้งเขาจงใจเดินเข้าไปหาสัตว์ เพื่อแสดงท่าทางสนใจแบบแนบเนียนประดุจอาภรณ์ฟ้าไร้ตะเข็บ

“ผู้อำนวยการเมิ่งคะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ ฉันขอไปทำงานก่อน” เสี่ยวซูบอกกล่าวผู้อำนวยการเมิ่งแล้ววิ่งจากไป

ทีมงานไปถกกันที่ด้านหนึ่งแล้ว ตรงสถานที่ถ่ายทำจึงไม่มีใคร ดูเหมือนนักท่องเที่ยวจะไปดูหมียักษ์อาบแดด ผู้อำนวยการเมิ่งจึงยืนเอามือซุกกระเป๋าแบบเท่ ๆ อยู่หน้าแผงเหล็ก ในสมองนึกถึงคำพูดของเสี่ยวซูแล้วปุบปับก็เงยหน้าขึ้น

เบื้องหน้าคือแร้งคอนดอร์แอนดีสขนาดมหึมาหนึ่งตัว สายตาของมันคมกริบ ผู้อำนวยการเมิ่งมองท่าทางโอหังของมันด้วยสายตาเย็นชา อารมณ์ฮึกเหิม เขาพูดอย่างเท่ “หยวนเซวียน หมอไป๋ เสี่ยวเว่ย เสี่ยวจิ่ว…พวกนายต้องเป็นคนของฉัน!”

เสี่ยวจิ่ว “…”

 

[1] ขุดฐานกำแพง เป็นสำนวนหมายถึง การฉกชิงบุคลากร ทรัพยากร หรือเทคโนโลยีวิทยาการของผู้ที่มีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของตัวเองฝ่ายเดียว และเป็นเหตุให้อีกฝ่ายเกิดความเสียหาย

[2] ไป๋ แปลว่าสีขาว ชิง แปลว่าสีเขียว

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า