จุดเริ่มต้นของการเกิดปัญหาเป็นเพราะเราไม่เข้าใจกัน เพียงแค่ รู้จักและเข้าใจตัวเอง ให้ได้เสียก่อน แล้วโลกใบนี้จะสงบสุขขึ้นอีกเยอะ ถ้าอยากให้สังคมสงบสุข จึงลงมือทำตั้งแต่วันนี้
มาดูกันว่าคุณ รู้จักและเข้าใจตัวเอง มากน้อยแค่ไหน
รู้จักตัวตนที่แท้จริง
ต้องเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกันเลย วิธีการเรียนรู้ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน คนบางคนเรียนรู้ผ่านการอ่าน บางคนเรียนรู้ผ่านการฟัง บางคนเรียนรู้ผ่านการกระทำ
ยกตัวอย่างเช่น แม่กับลูก สายเลือดเดียวกันแท้ๆ แต่ยังไม่เหมือนกันเลย หากเราเป็นแม่ที่เรียนรู้ผ่านการอ่าน พอเห็นลูกไม่อ่านหนังสือ เราก็ไปต่อว่าลูกว่า “ทำไมไม่อ่าน” ทั้งที่ลูกเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ คราวนี้ลูกก็เลยถามแม่กลับว่า “ทำไมไม่ทำ” ตัวอย่างนี้หมายความว่า แม่ไม่เข้าใจตัวเอง แล้วก็ไม่เข้าใจลูกด้วย หรือเด็กบางคนชอบฟังแต่ไม่ชอบอ่าน เลยเปิดยูทูบฟัง พอทำอย่างนี้ก็ถูกแม่ดุ หาว่าเล่นเน็ต ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เลย เด็กกำลังเรียนรู้ตามที่ตัวเองถนัดต่างหาก
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถมองว่า “ทำไมคนอื่นไม่เหมือนฉัน ทำไมคิดไม่เหมือนฉัน” เลิกตัดสินคนอื่น เลิกคิดอยากไปแก้ไขคนอื่น เพราะที่จริงแล้วต้องแก้จากตัวเราก่อนด้วยกันทั้งสิ้น
เหตุแห่งทุกข์มาจากตัวเราทั้งสิ้น
ความทุกข์เป็นปัญหาใหญ่ของมนุษย์มาหลายพันปี ไม่มีใครอยากทุกข์ทรมาน ทุกคนอยากมีความสุข ความสมหวัง พออยากมีความสุขเราก็ออกไปแสวงหานั่น โน่น นี่ เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง หลายครั้งที่ไปเบียดเบียนคนอื่นจนทำให้เขาเกิดทุกข์
วิธีแก้เรื่องทุกข์มันง่ายมาก เพียงแค่เราเข้าใจตัวเอง เราก็จะรู้ว่า “เหตุแห่งทุกข์มาจากตัวเราทั้งสิ้น” ถ้าเข้าใจตัวเอง เชื่อไหมว่าเราจะทุกข์น้องลงได้อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งเลย เท่านั้นยังไม่พอ เราจะเข้าใจคนอื่น เข้าใจโลก และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง
“ใจเขาใจเรา”
ประโยคง่ายๆ ที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่เกิด “ใจเขาใจเรา” หมายความว่า เข้าใจตัวเราก่อน เช่น ถ้าเราอยากได้ยินแต่คำพูดดีๆ คนอื่นก็เหมือนกับเรานั่นแหละ เวลาที่พูดออกไปไม่ทันระวังตัว คำบางคำอาจไม่ถูกใจเขา แต่ถึงจะระวังแล้ว ก็ใช่ว่าเขาจะถูกใจอีกเหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่น การที่เราเตือนใครสักคนด้วยเจตนาดีว่า “ถ้าคุณทำแบบนี้ เดี๋ยวชีวิตคุณจะไม่ดีนะ” แต่ถ้าเขารับความจริงไม่ได้ เพราะรู้สึกเสียหน้าที่ถูกเตือน หรืออะไรก็แล้วแต่ ทั้งที่เราระมัดระวังคำพูดแล้ว หรือเขาอาจจะเติบโตมาในสังคมที่แตกต่างจากเรา พอเราไปเตือนเขา เขาก็อาจรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาได้
แต่สุดท้ายก็อยู่ที่เจตนาว่าเราทำเพราะหวังดีต่อเขาจริงๆ ก็แค่ระวังการใช้คำพูด แต่ตรงนี้ต้องเข้าใจว่า “เราควบคุมไม่ได้ทั้งหมด เพราะเราไม่มีวันรู้ใจคนอื่นโดยละเอียด”
ต้องรู้จักใจตัวเอง
ทุกวันนี้น้อยคนที่จะบอกว่า “แค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ” เพราะส่วนใหญ่ทุกคนก็วิ่งหาความสุขทั้งนั้น ทำงานก็อยากมีเงิน อยากมีความมั่นคงในชีวิต อยากมีความสุข หรือเรียกว่ามีทุกข์น้อยก็ได้ แต่เชื่อไหมว่ายังมีวิธีที่จะมีความสุข หรือทุกข์น้อย นั่นก็คือการ “เข้าใจตัวเอง และรู้จักตัวเอง” เพราะความทุกข์กว่า 90 เปอร์เซ็นต์มาจากจิตใจของเขาทั้งนั้น
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเข้าใจนิสัยตัวเองว่า “อ๋อ เราเป็นคนฟุ้งซ่าน เราเป็นคนชอบกังวลกับอนาคต เราเป็นคนชอบคิดถึงแต่เรื่องในอดีต” ต้นเหตุของทุกข์มักจะมาจากนิสัยเหล่านี้ ถ้าเป็นอยู่บ่อยๆ ก็ต้องคอยเตือนตัวเองเวลาที่เป็นแบบนั้น ถ้าเตือนได้ รู้ตัวจริงๆ ทุกข์จะน้อยลง ความสุขก็จะมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องไปเหนื่อย เป็นบ้าไปหานั่นหานี่ที่คิดเองว่าจะทำให้ตัวเองมีความสุข
หาเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง
ส่วนหนึ่งเราทุกข์เพราะไม่ค่อยได้อยู่กับตัวเอง ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง ขนาดอยู่บ้านเงียบๆ คนเดียวแท้ๆ ก็เหมือนไม่ได้อยู่กับตัวเอง เพราะเราไปอยู่กับความคิด ไปอยู่กับเรื่องคนอื่นในโทรศัพท์ ฯลฯ ดังนั้นการที่คนเราจะอยู่กับตัวเองจริงๆ จึงน้อยมากในแต่ละวัน
ธรรมชาติของคนเรามันอยู่กับตัวเองไม่ได้ อยู่แล้วทุกข์ ไม่มีความสุข เหมือนจิตดิ้นหาความสุข บางคนอยู่นิ่งไม่ได้ หากอยู่นิ่งๆ จะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า รู้สึกเสียเวลา ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเราทุกวันนี้ เหมือนกับว่าเราดิ้นรนที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อจะยืนยันกับคนในสังคมว่า “เรายังมีตัวตน” เท่านั้นเอง
ข้อมูลจากหนังสือ แค่เข้าใจเรา ก็เข้าใจคนทั้งโลก
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่นๆ
พุทธทาสภิกขุ ผู้เขียนคู่มือมนุษย์ บุคคลสำคัญของโลกที่องค์การยูเนสโกยกย่อง
7 วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ตอบโจทย์ทั้งทางโลกและทางธรรม
ประโยชน์ของการเดินสมาธิ และวิธีเดินสมาธิที่ถูกต้อง
Pingback: วิธีเปลี่ยนความเครียดให้เป็น ความสงบ เพื่อชีวิตที่ราบรื่น