คำถามจิตวิทยา ที่ช่วยให้คุณแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดและไม่ผิดพลาด!

คำถามจิตวิทยา ที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ เป็นคำถามที่ตั้งโดย ซาซากิ โชโกะ นักตั้งคำถามชื่อดังของญี่ปุ่น ที่จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด ฉับไว และได้งานคุณภาพ

                ซาซากิ โชกะ ผู้สื่อข่าวและนักเขียนด้านจิตวิทยาชื่อดังของญี่ปุ่นกล่าวไว้ว่า ทุกปัญหาล้วนมีคำอธิบายในเชิงจิตวิทยา การทำความเข้าใจเรื่องนี้ จะช่วยให้คุณรู้จักอารมณ์ตัวเอง และมองเห็นสิ่งที่อาจมองข้ามไปได้ชัดเจนขึ้น ด้วยการยกสถานการณ์ยอดนิยมมาตั้งเป็นแบบทดสอบสนุกๆ โดยแต่ละข้อจะมีตัวเลือก 3 แบบ ที่เฉลยพร้อมคำอธิบายที่อ้างอิงจากหลักการจิตวิทยาทั่วโลก ซึ่งไม่มีข้อใดผิด เพียงแต่คำตอบที่เฉลย เป็นคำตอบที่ “เหมาะสมที่สุด” ในสถานการณ์นั้นๆ

มาลองตอบ คำถามจิตวิทยา กันดีกว่าว่าคุณจะตอบถูกทั้งหมดกี่ข้อ

 

ช่วงเวลาไหนเหมาะแก่การพักขณะทำงานมากที่สุด

1.“จังหวะเหมาะ” อย่างช่วงที่งานเสร็จ

2.“จังหวะไม่เหมาะ” อย่างตอนที่กำลังทำงานค้างอยู่

3.แบ่งเวลาชัดเจน เช่น พักชั่วโมงละ 5 นาที

                คนเราพอลงมือทำเพื่อไปถึงเป้าหมาย ความตื่นตัวก็จะสูงขึ้น และเมื่อทำได้สำเร็จ ความตื่นตัวก็จะหายไป จึงกล่าวได้ว่า หากสร้างความรู้สึกตื่นตัวได้ถึงระดับหนึ่ง และรักษาสภาพนั้นไว้ จะช่วยให้จำได้ดีและนึกออกง่ายขึ้น การหาจังหวะพักในขณะที่งานยังไม่เสร็จจึงช่วยให้จำได้ง่ายกว่า

                ดังนั้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพักระหว่างการทำงานคือ “จังหวะไม่เหมาะ” นั่นเอง หากเป็น “จังหวะเหมาะ” อย่างช่วงที่ทำงานเสร็จ หลังจากพักแล้วจะไม่มีอารมณ์อยากทำงานอีก ซึ่งทำให้ความตื่นตัวน้อยลง

                หากหยุดพักในช่วงจังหวะที่ไม่เหมาะ คนเราจะอยากทำต่อ นี่จึงเป็นเทคนิคการสร้างแรงจูงใจให้กลับมาทำงานอีกครั้งหลังพักเสร็จ

คำตอบ : ข้อ 2.“จังหวะไม่เหมาะ” อย่างตอนที่กำลังทำงานค้างอยู่

 

 

 

 วิธีไหนดีที่สุดในการแก้นิสัย “ผัดวันประกันพรุ่ง”

1.วางกำหนดการให้หลวมหน่อย

2.นึกถึงความสำเร็จเรื่องงานในอดีต

3.ให้คิดว่า “ถึงผัดไปทำทีหลังก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

                เวลารู้สึกว่า “เอาไว้ทำทีหลัง” คนเราจะประเมินตัวเองสูงกว่าปกติ เพราะคาดหวังว่า “ตัวเองในอนาคต”

 น่าจะทำได้ดีกว่าตัวเองในตอนนี้ แต่พอจะทำตอนนี้กลับเหนื่อย ไม่มีเวลาขึ้นมา เลยเลือกสบายไว้ก่อน เคยมีการทดลองเกี่ยวกับการเลือกอาหารที่ได้คำตอบแนวเดียวกัน คือ ถ้าเป็นของที่ไว้กินทีหลัง คนเรามีแนวโน้มอยากเลือกอาหารที่ดีต่อร่างกายเช่นผักและผลไม้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นของที่ต้องกินทันที จะเป็นพวกฟาสต์ฟู้ด

                ตัวการใหญ่ที่ทำใหเราผัดวันประกันพรุ่งคือการคาดหวังถึงตัวเองในอนาคต ซึ่งเป็นการคาดหวังที่ใหญ่หลวงเสียด้วย แต่สภาพหรือตัวเองในอนาคตนั้นไม่มีอยู่จริง จะรอวันพรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า หรือเดือนหน้า ความสามารถของตัวเองก็ไม่ได้สูงขึ้นขนาดนั้น เวลาก็มีเท่าเดิม ไม่มีอะไรแตกต่างจากการทำตอนนี้สักเท่าไหร่

ถ้ายอมรับได้แบบนี้ ก็ไม่ต้องคาดหวังว่าไว้ทำทีหลัง ทำตอนนี้เลยดีกว่า

คำตอบ : ข้อ 3.ให้คิดว่า “ถึงผัดไปทำทีหลังก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

 

วิธีจัดการงานจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

1.ตั้งเวลาไว้ 15-25 นาที และทุกครั้งให้ทำงานเพียงอย่างเดียว

2.ตั้งเวลาไว้ 30 นาที แล้วทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน

3.เลือกงานตามความรู้สึกและค่อยๆ ทำทีละอย่าง

                ในทางจิตวิทยามีสภาพการณ์หนึ่งที่เรียกว่า “ความสนใจตกค้าง” เป็นวิธีคิดว่า แม้เราจะเปลี่ยนงานที่ทำตรงหน้าไปทำงานอย่างอื่น ความสนใจบางส่วนของเราก็ยังอยู่กับงานก่อนหน้า โดยทั่วไปในทางจิตวิทยาจะให้น้ำหนักไปที่การจดจ่ออยู่กับการทำงานเพียงอย่างเดียวมากกว่าการทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กัน

                ในกรณีนี้ แทนที่จะทำงานหลายอย่างพร้อมกัน สู้แบ่งเวลาเป็นช่วงๆ จำลองเวลาเพื่อสร้างแรงกดดัน จะทำให้มีสมาธิในการทำงานมากกว่า

                ตัวเลข 25 นาทีรู้สึกว่าไม่ค่อยมีที่มาที่ไปในเชิงวิทยาศาสตร์เท่าไหร่ แค่เมื่อพัก 5 นาที รวมเป็น 30 นาที ก็เป็นการแบ่งเวลาที่ดี และอาจปรับเปลี่ยนตามความยากของงานได้

คำตอบ : ข้อ 1. ตั้งเวลาไว้ 15-25 นาที และทุกครั้งให้ทำงานเพียงอย่างเดียว

 

ทำอย่างไรเมื่อเผชิญปัญหากับโปรเจกต์ใหญ่ๆ

1.กำหนดเดดไลน์

2.จัดการงานยิบย่อยอื่นๆ ให้เสร็จก่อน

3.ตั้งชื่อโปรเจกต์เจ๋งๆ

 

เคยแบกสัมภาระหนักๆ ไว้บนหลังเวลากลับบ้านแล้วรู้สึกเหมือนว่าระยะทางไกลขึ้นไหม

                แน่นอนว่าถึงจะแบกสัมภาระหนัก ถึงจะเหนื่อย แต่ระยะทางกลับบ้านก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เป็นเรื่องของระยะทางเชิงจิตใจมากกว่า บางคนพอคาดคะเนว่าขากลับจะเหนื่อยกว่า ก็จะรู้สึกว่าระยะทางไกลขึ้น มีนักจิตวิทยาหลายคนที่คิดเรื่องนี้ ผลการทดลองคือ “คนเราพอคิดว่าต้องทำอะไรหลายอย่าง จะรู้สึกว่าเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นไกลขึ้น”

เช่น ตอนนี้เช่าบ้านอยู่ และสักวันอยากย้ายออก

                พอตั้งเป้าหมายว่าจะย้ายออกภายในหนึ่งปี แล้วคิดว่ามีเรื่องที่ต้องทำมากมายเพื่อย้ายบ้าน ก็มักทำไม่ได้ตามแผน นั่นเพราะรู้สึกว่าเป้าหมายอย่างการย้ายบ้านให้สำเร็จนั้นอยู่ไกลไป แบบเดียวกับที่พอแบกสัมภาระหนักแล้วรู้สึกว่าระยะทางกลับบ้านไกลขึ้นนั่นเอง

                สิ่งสำคัญคือการกำหนด ‘เดดไลน์’ ทันทีที่กำหนดเดดไลน์ เราจะเริ่มรู้สึกว่าระยะเวลากระชั้นขึ้นมาทันที สิ่งที่ต้องระวังคือ อย่ากำหนดเดดไลน์ที่ทำให้รู้สึกเครียดมากเกินไป ควรกำหนดก็ต่อเมื่อมองเห็นเส้นทางที่พอจะไปให้ถึงเป้าหมายก่อน เพราะเมื่อกำหนดเดดไลน์ ภาระในใจจะเริ่มหนักขึ้น สภาพจิตใจที่ถูกบีบจะทำให้สับสนและงานไม่คืบหน้า ดังนั้นถ้ายังกำหนดลำดับไม่ชัดเจน ควรให้เวลาตัวเองในการวางแผนก่อน

คำตอบ : ข้อ 1. กำหนดเดดไลน์

 

ควรทำอย่างไรเวลาไม่มีอารมณ์ทำงาน

1.เริ่มแบ่งเวลา “เอาแค่ 5 นาทีก่อนก็ได้”

2.ทบทวนอีกทีว่า “เราทำงานนี้เพื่ออะไร”

3.ชวนเพื่อนที่ถูกชะตามาทำงานด้วยกัน

                ถ้าอยากจัดการงานที่ยากลำบากได้ในเวลาจำกัด วิธีที่ดีที่สุดคือบอกจุดสิ้นสุดของงานก่อน จะกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนก็ได้ แต่ก็ใช่ว่าแค่เป้าหมายชัดเจนแล้ว จะทำให้ทนกับความยากลำบากได้ทุกเรื่อง แม้จะกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนแล้ว ก็ควรกำหนดเวลาด้วย

ส่วนเรื่องที่ว่า “ถ้าได้ทำด้วยกันกับเพื่อนจะช่วยให้ก้าวผ่านความยากลำบากได้” ก็ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไป สมัยเป็นเด็ก พออยู่กับเพื่อนแล้วช่วยให้ทำการบ้านได้เร็วขึ้นไหม เผลอๆ กลายเป็นว่ามัวแต่คุยกันจนไม่ได้ทำการบ้านเลยด้วยซ้ำ

                การที่ได้ทำงานกับเพื่อนที่ถูกชะตาไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้มีอารมณ์ทำงาน แทนที่จะเลือกวิธียุ่งยากแบบนั้น ลองคิดว่า “ลองเริ่มทำก่อนสัก 5 นาที” จะช่วยให้ “ความตั้งใจที่จะทำงาน” เพิ่มสูงขึ้นได้มากกว่า

คำตอบ : ข้อ 1.เริ่มแบ่งเวลา “เอาแค่ 5 นาทีก่อนก็ได้”

 

ติดตาม 36 คำถามจิตวิทยาที่จะช่วยให้คุณรับมือกับสารพัดปัญหาตั้งแต่เรื่องจุกจิกเล็กน้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องประสาทเสียอีกต่อไปในหนังสือ วิธีตัดสินใจของคนที่ทำงานไม่เคยพลาด

วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

สั่งซื้อออนไลน์ คลิก

 


บทความอื่นๆ

วิธี อ่านใจคน ด้วยเทคนิคทางจิตวิทยา

วิธี อ่านใจคน จากบุคลิกท่าทาง ดูคนให้ออกแล้วเราจะเป็นต่อ

รีวิวจากผู้อ่าน หนังสือนิยาย จิตวิทยาพัฒนาตนเอง รวมหนังสือน่าอ่านประจำปี 2018-2019

อย่าปล่อยให้คำพูดทำร้ายจิตใจคนฟัง และทำลายคนพูด

Mindfulness เบื้องหลังความสำเร็จที่องค์กรยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างใช้

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า