เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ 我开动物园那些年 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน 拉棉花糖的兔子 Himazan แปล ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ +++++++++++++++++++ ตอนที่ 43.2 เวลาหลายเดือนล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเข้าฤดูใบไม้ผลิ สวนแมลง พื้นที่โซนใหม่ของสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วก็เสร็จสมบูรณ์ หลังจากโปรโมทเรียบร้อยก็เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ ปีนั้น หวงฉีถูกวิญญาณร้ายเข้ามาพัวพันจนเกือบกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย โชคดีที่เขาเดินเข้าไปในหลิงโย่วเลยรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ หลังจากนั้นเขาก็อยู่ทำงานที่นี่มาตลอด แม้จะเคยลาออกจากงานกลางคัน แต่สุดท้ายก็กลับมาที่หลิงโย่ว หลายปีมานี้ หวงฉีเป็นหลักศิลากลางน้ำเชี่ยว[1] เมื่อไม่นานนี้เขาเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการสวนสัตว์อย่างเป็นทางการ นับว่าเป็นคนที่น่าเลื่อมใสและไว้วางใจได้ ต้วนเจียเจ๋อกับเขา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการต่างก็ศึกษาและเพิ่มพูนความรู้ในอาชีพของตนหลังจากที่ได้ทำงานสายนี้ ช่วงเวลาว่างก่อนหน้านี้หวงฉีรับงานเอาท์ซอร์สจากบริษัทเก่ามาโดยตลอด แต่เนื่องจากหลิงโย่วขยายกิจการขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากคิดทบทวนอยู่หลายครั้งเขาจึงเลิกรับงานนั้นไป แล้วมุ่งมั่นอุทิศตนให้กับอุตสาหกรรมนี้ จากมุมมองของหวงฉี ในอนาคตหลิงโย่วมีโอกาสพัฒนาไปไกลและสามารถยิ่งใหญ่ได้มากกว่านี้ เนื่องจากเขาไม่ได้รับงานเอาท์ซอร์สแล้ว ต้วนเจียเจ๋อกับเขาจึงเข้าใจกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร ที่ผ่านมาต้วนเจียเจ๋อยังสงสัยอยู่ว่าหวงฉีจะเปลี่ยนอาชีพอีกหรือไม่ ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ต้วนเจียเจ๋อจึงไม่ลังเลที่จะเลื่อนขั้นให้กับหวงฉีที่รับผิดชอบหน้าที่และงานจำนวนมากมาโดยตลอด ถึงหลิงโย่วจะเป็นสวนสัตว์ แต่ก็เป็นบริษัทที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และจะมีอุตสาหกรรมอื่น […]
Author Archives: AMARINBOOKS TEAM
เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ 我开动物园那些年 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน 拉棉花糖的兔子 Himazan แปล ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ +++++++++++++++++++ ตอนที่ 43.1 ต้วนเจียเจ๋อไม่รู้ว่าพนักงานของเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงล็อกประตูเพื่อกันไม่ให้พวกเขาเข้ามาด้านใน จากนั้นรีบเดินไปยืนข้างลู่ยา “ผมจำไม่ค่อยได้เท่าไร คุณช่วยทำให้ดูหน่อยสิครับ ว่าร่างที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร” “อีกเดี๋ยวเปิ่นจุนจะให้เจ้านี่แปลงร่างให้ดู นกเก้าหัว หน้าตาอัปลักษณ์” ลู่ยาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เสี่ยวจิ่ว “…” ต้วนเจียเจ๋อนึกออกแล้ว นกเก้าหัว หน้าตาร่างเดิมดุร้ายสมกับที่เป็นนกล่าเหยื่อ แต่ไม่ดุร้ายและโหดเหี้ยมเท่าลู่ยาแน่นอน ทั้งสองเดินมาถึงสถานที่คุ้นเคยของพวกสัตว์เทพ ลู่ยาตั้งใจจะอธิบายกฎให้ตัวเก้าหัวฟังที่นี่ ปีศาจตัวเก้าหัวทำผิดกฎข้อร้ายแรงหลายข้อทันทีที่ลงมาถึง ข้อแรก กล้าไม่เคารพผู้อำนวยการ ข้อสอง คิดละทิ้งหน้าที่ออกไปเที่ยวเล่น ข้อสาม กล้าข่มขู่ต้อนผู้อำนวยการเข้ามุม โดนตัดไปสองหัวถือว่าโชคดีมากแล้ว ในตอนนี้เองที่หยวนหงเดินถือลูกท้อเข้ามาในห้อง พวกเขายังไม่ได้บอกสัตว์เทพตัวอื่น ๆ ส่วนเทพองค์นี้คาดว่าเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ เสี่ยวจิ่วไม่รู้จักหยวนหงจึงทำเพียงแค่เหลือบมองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในใจยังคงต่อว่าลู่ยากับต้วนเจียเจ๋อด้วยความเจ็บปวดใจ ตลอดทางที่เดินมาเขาเริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว […]
เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ 我开动物园那些年 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน 拉棉花糖的兔子 Himazan แปล ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ +++++++++++++++++++ ตอนที่ 42.3 ขณะที่ตัวประกันทั้งหมดกำลังก้มหมอบ แม่ของเด็กหญิงกลับใช้ประโยชน์จากการต่อสู้กันเองของพวกอาชญากรและหาโอกาสวิ่งหนีออกไป เธอวิ่งไปทางหน้าต่างเพราะอยากจะกระโดดตามลูกสาวของตัวเองลงไป แต่ตอนนั้นเองเธอก็มองเห็นนกตัวใหญ่กำลังเกี่ยวหลังเสื้อของลูกสาวบินขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา นกตัวนั้นวางลูกสาวของเธอลงช้า ๆ จากนั้นมองดูเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในห้องอย่างเย็นชา “…” แม่ของเด็กหญิงเอามือปิดปากก่อนจะวิ่งเข้ามากอดลูกสาวเอาไว้แน่น จากนั้นจึงวิ่งหนีออกไปจากห้องทันที! เหล่าอาชญากรที่กำลังต่อสู้กันอยู่ไม่ทันได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มตัวประกัน ขณะที่พวกเขากำลังฆ่าฟันกันเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางด้านล่างก็เห็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อนี้ผ่านกล้องสอดแนมจากตัวนก หลังจากที่ตัวประกันทั้งหมดออกมาได้ เจ้าหน้าที่ก็ขึ้นไปบนยอดตึกทันที ตอนที่ขึ้นไปถึงพวกเขาก็พบว่ากลุ่มอาชญากรฆ่าฟันกันเองจนเหลือรอดอยู่ไม่กี่คน แถมแต่ละคนยังหยิบยกความผิดของอีกฝ่ายขึ้นมาด่าไม่หยุดหย่อน รถพยาบาลจอดรออยู่นานแล้ว ทันทีที่เหล่าตัวประกันออกมาก็ถูกรายล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่ มีบางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยในตอนที่โดนจับ แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคงจะเป็นเด็กหญิงตัวน้อยผู้ถูกจับโยนออกมาจากหน้าต่าง เด็กหญิงร้องไห้อยู่ในอ้อมอกแม่ไม่ยอมหยุด ความจริงแล้วแม่ของเธอก็อาการไม่ค่อยดีนัก แต่ยังคงกอดลูกสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ลู่ยาบินลงมาเกาะอยู่บนไหล่ของต้วนเจียเจ๋อ เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยเห็นลู่ยา ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น แล้วก็ถูกอุ้มเข้าไปในรถพยาบาลทันที ฟู่เฟิงไม่ใช่คนเดียวที่มีกล้องส่องทางไกล เจ้าหน้าที่หลายคนต่างก็เห็นภาพที่เด็กหญิงคนนั้นถูกจับโยนออกมา ทุกคนเห็นเต็มตาว่าลู่ยาคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน […]
เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ 我开动物园那些年 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน 拉棉花糖的兔子 Himazan แปล ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ +++++++++++++++++++ ตอนที่ 42.2 ทางทีมงานซีรีส์เรื่อง นกขมิ้นขับขานพันลี้ ใช้เงินโปรโมทไปจำนวนหนึ่งก่อนซีรีส์ฉาย พวกเขาได้ส่งเหล่านักแสดงไปโปรโมทในรายการต่าง ๆ พร้อมทั้งเล่าเรื่องของเหมิงฉีฉี แม้กระทั่งการเปลี่ยนบทและเรื่องราวต่าง ๆ จนทำให้เหมิงฉีฉีถูกพูดถึงขึ้นมาอีกครั้ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงเป็นเสียงเดียวกันก็คือเหล่านักแสดงสัตว์ของหลิงโย่ว ในช่วงสุดท้ายของซีรีส์มีการกล่าวขอบคุณสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วด้วย หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่านักแสดงสัตว์ส่วนใหญ่ทางหลิงโย่วเป็นคนจัดหามาให้ การแสดงอันยอดเยี่ยมของพวกมันโดดเด่นมาก ทางทีมงานจึงไม่พลาดโอกาสที่จะปล่อยภาพเบื้องหลังออกมาให้ทุกคนได้เห็น ว่าการแสดงของนักแสดงกับสัตว์พวกนั้นมีวิธีการถ่ายทำอย่างไร เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจได้มากขึ้น ปรากฏว่าการแสดงระหว่างคนกับสัตว์พวกนั้น บางตัวมีเจ้าหน้าที่ใช้อาหารหลอกล่อเพื่อให้สัตว์ทำท่าทางที่สอดคล้องกับที่ต้องการ บางตัวใช้การตัดต่อเข้ามาช่วย แต่ทั้งหมดไม่ได้มีการใช้ CG แต่อย่างใด และสิ่งที่ตลกที่สุดน่าจะเป็นฉากระหว่างเหมิงฉีฉีกับนก ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่มาหลอกล่อ… ผู้กำกับกล่าวว่า “ฮ่า ๆ ทุกครั้งที่ถ่ายมาถึงฉากแบบนี้ พวกเราจะปล่อยให้เหมิงฉีฉีแสดงความสามารถออกมาได้เต็มที่เลยครับ” ควรพูดว่าให้เหมิงฉีฉีกับนกได้แสดงกันอย่างอิสระมากกว่า แต่การแสดงของคู่นี้ก็ “โด่งดัง” และเรียกความชื่นชอบจากผู้ชมได้มากมายจริง […]
ฮวาปู๋ชี่ นางนี้ที่ฝากรัก 小女花不弃 จวงจวง 桩桩 เขียน เสี่ยวหวา แปล — โปรย — เมื่อขอทานสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติไปเป็นทารกที่ถูกทอดทิ้ง จนต้องกลายเป็นขอทานและถูกเลี้ยงดูโดยแม่สุนัข ชีวิตเดิมในภพปัจจุบันว่ายากลำบากแล้ว ชีวิตใหม่ในภพใหม่กลับขัดสนกว่าเดิม ทั้งที่เป็นขอทานตัวน้อย กลับมีแต่คนหมายจะสังหารนาง หรือไม่ก็จะใช้นางเป็นหมาก แท้จริงแล้วชาติกำเนิดของนางเป็นอย่างไร เหตุใดชีวิตถึงพัวพันยุ่งเหยิงอย่างนี้เล่า _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ” สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 44 พบกันที่ทะเลทรายเกอปี้โดยบังเอิญ สองวันต่อมา ฮวาปู๋ชี่เห็นแม่น้ำสายเล็กๆ ริมถนน อดดีใจไม่ได้ นางจำได้ว่าถนนหลวงไปซีฉู่โจวอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำ จึงรีบควบม้าห้อตะบึงไปตามแม่น้ำทันทีโดยไม่สนใจขาอ่อนสองข้างที่ถูกเสียดสีจนถลอกและความเจ็บปวดที่บั้นท้าย ไปได้ไม่ไกลนักก็ปรากฏเงาใหญ่ของภูเขาทอดยาวบนพื้นดิน นางวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ ถึงพบว่าที่นี่เป็นป่าหินธรรมชาติ ชั้นผิวด้านบนร่วนซุยถูกพายุทรายกัดเซาะและพัดพา เหลือเพียงหินแข็งปานกระบี่แหลมคมที่แทงทะลุฟ้า แม่น้ำไหลออกจากป่าหิน ฮวาปู๋ชี่ลังเลอยู่นานถึงกล้าเข้าไป แผนที่ซีฉู่โจวในความทรงจำของนางไม่มีป่าหินแห่งนี้ ทะเลทรายเกอปี้กว้างใหญ่เกินไป นางรู้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตก แต่ยามนี้นางไม่แน่ใจว่าว่าอยู่ที่ใดแล้ว นางเดินรอบๆ ป่าหินอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เงยหน้าก็ให้ตกตะลึง ศพสองศพห้อยอยู่บนโขดหิน พร้อมตัวหนังสือที่เขียนด้วยเลือดแฝงกลิ่นอายสังหารว่า […]
ฮวาปู๋ชี่ นางนี้ที่ฝากรัก 小女花不弃 จวงจวง 桩桩 เขียน เสี่ยวหวา แปล — โปรย — เมื่อขอทานสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติไปเป็นทารกที่ถูกทอดทิ้ง จนต้องกลายเป็นขอทานและถูกเลี้ยงดูโดยแม่สุนัข ชีวิตเดิมในภพปัจจุบันว่ายากลำบากแล้ว ชีวิตใหม่ในภพใหม่กลับขัดสนกว่าเดิม ทั้งที่เป็นขอทานตัวน้อย กลับมีแต่คนหมายจะสังหารนาง หรือไม่ก็จะใช้นางเป็นหมาก แท้จริงแล้วชาติกำเนิดของนางเป็นอย่างไร เหตุใดชีวิตถึงพัวพันยุ่งเหยิงอย่างนี้เล่า _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ” สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 45 จับมือร่วมมือกัน เสียงกีบเท้าม้าที่ย่ำเข้าป่าหินสะท้อนความกว้างโล่ง เฉินอวี้จ้องรอยแยกของหินนั่นแล้วลูกตาดำหดลงราวกับรูเข็ม นางไม่มีทางวิ่งไปซ่อนที่อื่นโดยไร้เหตุผล นางอยู่ที่ใด หรือโจรทะเลทรายเจอตัวนางแล้ว การคาดเดาต่างๆ ทำใจเขาสับสนว้าวุ่น เส้นโลหิตที่หน้าผากเขาจู่ๆ ก็กระตุก นางทำร้ายหม่าต้าเคราครึ้มจนบาดเจ็บ หากถูกโจรทะเลทรายเจอตัว นางจะต้องตายอย่างแน่นอน เฉินอวี้หันหัวม้าตรงเข้าทะเลทรายโดยไม่ลังเล บาดแผลที่แผ่นหลังประหนึ่งดาบแหลมคมที่แทงเข้าร่างกาย ทุกครั้งที่ม้าสั่นสะเทือนจะนำพาความเจ็บปวดทิ่มแทงหัวใจมาด้วย สติสัมปชัญญะบอกเขาว่าสมควรไปหาองครักษ์ที่รออยู่นอกป่าหิน แต่ความรู้สึกกลับไม่ให้เขาทอดทิ้งนาง หลังออกจากป่าหินแล้ว ทะเลทรายสีเหลืองเบื้องหน้าทอดยาวติดต่อกัน เขายืนอยู่ข้างป่าหิน จ้องใจกลางทะเลทรายพลางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนแทะโสมภูเขาเหมือนกับหัวผักกาด สายตาแค้นเคืองค่อยๆ […]
เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ 我开动物园那些年 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน 拉棉花糖的兔子 Himazan แปล ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ +++++++++++++++++++ ตอนที่ 42.1 ผึ้งจำนวนหนึ่งหมื่นกว่าตัวหากจะสร้างรังสักรังหนึ่งใช้เวลาเพียงสามถึงห้าวันก็เสร็จเรียบร้อย หากไม่ย้ายรังผึ้งออกไป ตู้ของบ้านนั้นก็คงจะพังแน่ ๆ แต่ผึ้งมีสัญชาตญาณระวังภัยสูงมาก หากไม่ใช้มืออาชีพมาจัดการก็ยากที่จะย้ายรังผึ้งได้อย่างปลอดภัย เมืองตงไห่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ แม้จะได้ยินมาว่ามีฟาร์มผึ้งอยู่ในเขตเมืองตอนล่าง แต่พวกชาวบ้านไม่อยากเสียเงินจ้างคนมาจัดการ เลยคิดว่าจะยกรังผึ้งพวกนั้นให้หลิงโย่ว แต่ไม่รู้ว่าทางหลิงโย่วจะต้องการหรือไม่ ต้วนเจียเจ๋อสนใจน้ำผึ้งมาก แต่หลิงโย่วไม่มีมนุษย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผึ้งเลย ดังนั้นเขาจึงไปหาสัตว์เทพที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้แทน “เสี่ยวสง คุณชอบดื่มน้ำผึ้งไหมครับ” ต้วนเจียเจ๋อกอดคอสงซือเชียนพลางเอ่ยถาม สงซือเชียนรีบผละออกมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แน่นอน ข้าชอบ!” จากนั้นก็ตามมาด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง “แต่ที่อาณาจักรธรรมของพระโพธิสัตว์กวนอิมไม่มีรังผึ้ง ข้าเลยไม่ได้กินมาหลายร้อยปีแล้ว หากท่านไม่พูดถึง ข้าก็แทบจะจำรสชาติของน้ำผึ้งไม่ได้แล้ว…” พูดจบสงซือเชียนก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เพราะที่อาณาจักรธรรมอันสูงส่งของพระโพธิสัตว์กวนอิมมีแค่บ่อเลี้ยงปลากับสวนปลูกต้นไผ่เท่านั้น ต้วนเจียเจ๋อเริงร่า “แล้วน้ำผึ้งป่าชอบไหมครับ อยู่ที่หมู่บ้านข้าง ๆ นี้เอง ฝูงผึ้งมันย้ายรังลงมาจากภูเขาทำให้กระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน […]
เพราะคำพูดคือกระจกสะท้อนความเป็นคุณ หากอยากพูดถ้อยคำที่ล้ำลึก เราก็ต้องเป็นคนที่ล้ำลึก หากอยากพูดถ้อยคำที่น่าเชื่อถือ เราก็ต้องเป็นคนที่น่าเชื่อถือก่อน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องหมั่นขัดเกลาตัวตนภายในและคำพูดอยู่เสมอ ขอแนะนำ 7 คำสอน “พลังภายในคำพูด” จากเหล่านักปราชญ์ วิธีเปลี่ยนภาษาพูดอย่างเห็นผล 1. พระศากยมุนี เรื่องราวของจุนทะ ผู้นับถือในพระศากยมุนีได้ถวายภัตตาหารที่เสียแล้วให้โดยไม่รู้ตัว จนพระศากยมุนีอาการทรุดหนักถึงแก่ชีวิต ด้วยความกรุณาของพระศากยมุนี ท่านไม่อยากให้จุนทะเสียใจและกล่าวโทษตนเองว่าเป็นสาเหตุให้ท่านต้องมาตาย จึงได้เรียกอานนท์ลูกศิษย์ของตนมาสั่งเสียว่าเพราะตนอายุมากแล้วจึงถึงแก่เวลา ดึงเอามุมมองเรื่องของการทำบุญเข้ามาใช้ ว่าเป็นบุญแก่จุนทะซะอีกที่ได้เป็นผู้ถวายภัตตาหารมื้อสุดท้ายซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ได้บุญสูงสุด แสดงให้เห็นว่าคำหนึ่งคำจากคนธรรมดาต่างจากนักปราชญ์ คำของนักปราชญ์มีเสียงสะท้อนก้องอยู่และสัมผัสกับความจริงใจของคน นี่จึงเป็นเหตุผลให้เราต้องเริ่มเรียนการพูดด้วยการขัดเกลาตัวเอง 2. ขงจื๊อ อย่างในเรื่องความกตัญญู ขงจื๊อได้ตอบคำถามกับเมิ่งอี้จื่อ ผู้ปกครองรัฐลู่ในเชิงวิจารณ์ว่า อย่าได้บกพร่องในการดูแลราษฎรเหมือนกับการดูแลพ่อแม่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หรือกับ จื่อโหยว ลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่เลี้ยงดูพ่อแม่อย่างดีแต่ขาดความเคารพนับถือ ก็ได้ตำหนิว่า แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ยังให้อยู่ให้กิน การเลี้ยงดูพ่อแม่ด้วยวัตถุจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหนเชียว จะเห็นว่าถ้าเป็นคนที่ตอบคำถามให้ทุกคนเหมือน ๆ กันหมด เราจะไม่มีใจอยากคุยเปิดอกในเรื่องที่กังวลและไม่ต้องการคำแนะนำจากเขาด้วย ดังนั้นจึงต้องมีความลึกซึ้งในแต่ละเรื่องราวเพื่อที่จะได้สนทนาได้หลากหลายและยืดหยุ่นนั่นเอง 3. ฟ่านหลี ฟ่านหลีเป็นผู้คอยปรนนิบัติให้กับเจ้านายอย่างเทียนเฉิงซี เมื่อครั้งเดินทางไปโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเขาได้กล่าวว่า หากจะให้เจ้าของโรงเตี๊ยมต้อนรับเคารพยำเกรงเราทั้งสองก็ต้องทำอะไรสักอย่างให้สร้างสรรค์ผิดแปลกไปจากเดิม โดยฟ่านหลีอุปมาความต่ำต้อยของตนด้วยนิทาน การที่งูใหญ่เลื้อยนำแล้วงูเล็กเลื้อยตามเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น เมื่อผู้คนเห็นงูเลื้อยผ่านมาก็จะฆ่าทั้งสองตัวทิ้ง แต่ถ้างูใหญ่แบกงูเล็กขึ้นหลังไปผู้คนจะคิดว่าเป็นลางบอกเหตุจากเทพเจ้า เหมือนกับผู้ที่ดูสูงศักดิ์ปรนนิบัติคนที่ดูต่ำต้อยกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ทั้งคู่รับบทตรงกันข้ามสถานะที่แท้จริงของตน กล่าวคือ […]
หลักสำคัญของความล้มเหลว 7 ประการ ศาสตร์แห่งการเรียนรู้อดีต เพื่อไม่ทำซ้ำในปัจจุบัน หลักทั้ง 7 ประการ จะมีแง่มุมดี ๆ อะไรบ้าง ให้เรานำไปปรับใช้ในชีวิตได้ ติดตามต่อได้ที่บทความ “หลักความล้มเหลว 7 ประการ ศาสตร์ที่สอนไม่ให้ทำซ้ำ” 1. ความล้มเหลวก็แค่นั้นแหละ ความล้มเหลวเกิดขึ้นกับเราทุกคนและจะยังเป็นเช่นนั้นต่อไปในช่วงต่าง ๆ ของชีวิต เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ คุณจะเห็นว่าทุกคนล้วนเหมือนกันบนโลกใบใหญ่ที่ไม่เหมือนดาวดวงอื่นและอุดมสมบูรณ์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ป้องกันเราจากความล้มเหลวได้ตลอด การปฏิเสธความล้มเหลวก็เหมือนการขอให้ไม่มีออกซิเจน หรือไม่มีสิ่งอื่นซึ่งปรากฏอยู่จริง 2. คุณไม่ใช่ความคิดที่แย่ที่สุดของคุณ ความคิดเลวร้ายที่สุดมักไม่บอกความจริงกับเรา ซึ่งอาจเป็นผลจากความสลดใจ ความตื่นตระหนก ความโศกเศร้า หรือกลไกการป้องกันทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุยืนกว่าประโยชน์ของมัน โดยมาในรูปเสียงของพ่อแม่แสนดุ ครูที่ไม่เห็นด้วยกับเรา หรือนักวิจารณ์ในความคิดที่เตือนเราไม่ให้มักใหญ่ใฝ่สูง แต่พวกเขามีหลักฐานอะไรมายืนยันบ้างไหม แล้วทำไมเราต้องฟัง ดังนั้นเราควรมีชีวิตโดยแยกออกจากความคิดเชิงลบ และมีหน้าที่สอบสวนความถูกต้องและเปลี่ยนวิธีพูดกับตัวเอง 3. เกือบทุกคนรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวในช่วงวัยยี่สิบ หากรู้สึกว่าตัวเองหลงทางในทศวรรษนั้น ไม่ได้ทำสิ่งที่ควรจะทำ หรือคนอื่นประสบความสำเร็จมากกว่า ดีกว่า และเร็วกว่าคุณ รับรองว่าคุณไม่ได้เป็นเช่นนี้คนเดียว คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกเหมือนกัน สัญญาเลย แค่ใช้ชีวิตผ่านทศวรรษนี้ไปให้ได้ คุณกำลังเรียนรู้บทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับตัวเอง 4. การเลิกราไม่ใช่โศกนาฏกรรม […]
ฮวาปู๋ชี่ นางนี้ที่ฝากรัก 小女花不弃 จวงจวง 桩桩 เขียน เสี่ยวหวา แปล — โปรย — เมื่อขอทานสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติไปเป็นทารกที่ถูกทอดทิ้ง จนต้องกลายเป็นขอทานและถูกเลี้ยงดูโดยแม่สุนัข ชีวิตเดิมในภพปัจจุบันว่ายากลำบากแล้ว ชีวิตใหม่ในภพใหม่กลับขัดสนกว่าเดิม ทั้งที่เป็นขอทานตัวน้อย กลับมีแต่คนหมายจะสังหารนาง หรือไม่ก็จะใช้นางเป็นหมาก แท้จริงแล้วชาติกำเนิดของนางเป็นอย่างไร เหตุใดชีวิตถึงพัวพันยุ่งเหยิงอย่างนี้เล่า _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ” สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 43 ไปทะเลทรายเกอปี้ด้วยกัน บนภูเขาไร้เดือน สายลมต้นเหมันตฤดูพัดผ่านเส้นทางคับแคบระหว่างหุบเขา ฮวาปู๋ชี่หนาวเหน็บจนตัวสั่น นางมองเส้นทางภูเขาที่มืดมิด ถามจูโซ่วว่า “เหตุใดทุกครั้งที่ข้าขึ้นเขามักรู้สึกไม่ดี ก่อนหน้านี้ที่ด่านเทียนเหมินก็เป็นอย่างนี้ เพียงไม่ได้สูงชันเต็มไปด้วยอันตรายเหมือนที่นี่ ตอนไปวั่งจิงปีนเขาซิ่งหลงก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ มืดจนมองไม่เห็นอันใด โซ่วโซ่ว ข้ากลัวนิดหน่อย” จูโซ่วผ่อนลมหายใจกล่าวว่า “คุณหนู พวกเราหันหลังกลับกันดีหรือไม่ ตงฟางสือหาพวกเราสองคนเจอก็ไม่เป็นไร เขาชอบไล่ตามแบบนี้อยู่แล้ว ถือว่ามีผู้คุ้มกันเพิ่มอีกคน” ฮวาปู๋ชี่ยิ้มขื่น “ข้าขโมยของของเขามา” นางล้วงป้ายหยกออกจากอกเสื้อยื่นให้จูโซ่ว ป้ายหยกล้ำค่าเปล่งแสงโปร่งใสเล็กน้อย จูโซ่วพลิกป้ายหยกเห็นอักษรคำว่าจวนเฉิงอ๋องพลันขมวดคิ้วกล่าวว่า […]