ทุกคนต้องมีเวลาที่อยู่คนเดียวบ้าง แต่การดึงตนเองออกมาจากคนอื่นและแสวงหาความสันโดษ ก็อาจเป็นเรื่องยากสำหรับคนเปิดเผย ที่ธรรมชาติต้องการผู้อื่นเพื่อให้รู้สึกมีพลัง ส่วนคนที่ได้พลังมากขึ้นจากการอยู่ตามลำพัง การใช้เวลากับตนเองก็คงเป็นเรื่องง่าย แต่คงรู้สึกท้าทายเมื่อต้องเข้าสังคม ดังนั้นไม่ว่าเราจะชอบเข้าสังคมหรือชอบอยู่ตามลำพัง ต่างก็ต้องรู้จัก “การจัดการอารมณ์” เพื่อไม่ให้อารมณ์ทำร้ายตัวเองอีกต่อไป ฟรานซี่ ฮีลลีย์ และคริสตัล ทาอิ ผู้เขียนหนังสือ “Honjok ความสุขจากการอยู่กับตัวเอง” ได้แนะนำ 6 วิธีจัดการอารมณ์พื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง มารู้จัก 6 วิธีจัดการอารมณ์พื้นฐานของคนสายสังคม และคนรักสันโดษ โดยไม่ปล่อยให้อารมณ์ทำร้ายเราอีกต่อไป! “ไม่ว่าคุณจะเป็นสายสังคม หรือสายรักสันโดษ ก็ต้องรู้จักวิธีจัดการอารมณ์ ในวันที่ต้องอยู่คนเดียวเหมือนกัน” ใส่ใจว่าร่างกายของคุณรู้สึกอย่างไรก่อนและหลังเหตุการณ์ที่ต้องเข้าสังคม คุณจะได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ต้องการจริงๆ คืออะไร รับฟังร่างกายและตระหนักว่าคุณมีทีท่าอย่างไร ช่วงบ่าและลำคอรู้สึกแข็งเกร็งหรือไม่ รู้สึกอึดอัดเหมือนถูกจำกัดหรือเปล่า สิ่งนี้จะช่วยให้เราเรียนรู้วิธีสร้างความสงบภายในจิตใจได้ พิจารณาว่าคุณจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตใจอย่างไร ทั้งก่อนและหลังจากการใช้เวลากับผู้คน อาจเล่นดนตรีที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเข้มแข็ง หรือทำสมาธิวิปัสสนาก่อนออกไปข้างนอก เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้รู้เท่าทันอารมณ์และจิตใจของตัวเองได้เป็นอย่างดี เลือกกิจกรรมที่ช่วยหล่อเลี้ยงตนเองหลังจากเผชิญกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกหมดพลัง เช่น แช่อ่างอาบน้ำ จุดเทียน นั่งใต้ต้นไม้ หรืออ่านหนังสือ อะไรก็ได้ที่ให้เกียรติกับตัวตนที่ต้องการจะกลับสู่สถานที่อันสงบ การตั้งใจทำบางสิ่งเพื่อผ่อนคลายเส้นประสาทจะช่วยพัฒนาความตระหนักรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและความต้องการของตัวเองได้ ถ้าการอยู่คนเดียวเป็นเรื่องยาก ให้เริ่มต้นอย่างช้าๆ อาจจะแค่ 2-3 […]
Category Archives: How To
คนทำงานต้องมี Hard Skills หรือความรู้ความสามารถ และทักษะเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับสายงานอยู่แล้ว แต่ในอนาคตหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่อาชีพที่ใช้ทักษะทางด้าน Hard Skills ส่วนใหญ่ได้ องค์กรต่างๆ จึงต้องการคนทำงานที่มี Soft Skills ซึ่งเป็นทักษะที่ค่อยๆ พัฒนาจากการใช้ชีวิต การเข้าสังคม การทำงาน และสามารถเอาไปปรับใช้ได้กับทุกสายงาน ซึ่งทักษะ Soft Skills บางทักษะจะทำให้คุณโดดเด่น มีความสามารถเหนือหุ่นยนต์ ดังนั้นหากเราหยุดพัฒนาตัวเอง อาจทำให้ก้าวถอยหลัง ในขณะที่คนอื่นกำลังก้าวแซงหน้าไป ถ้าคุณอยากเป็นผู้อยู่รอดในโลกของการทำงานในอนาคต ขอให้เริ่มพัฒนาทักษะ Soft Skills ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อไม่ให้มนุษย์และหุ่นยนต์แซงหน้าคุณได้! Soft Skills ทักษะที่ทำให้คุณมีความสามารถเหนือหุ่นยนต์ จะมีอะไรบ้าง เราไปติดตามกัน! 1. ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะสามารถสังเกต ทำความเข้าใจ จัดการ และแสดงอารมณ์ของตัวเองและผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริหารจัดการกับความเครียดที่จะส่งผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานได้ บริษัทจะให้ความสำคัญในการเลือกคนเข้าทำงาน โดยใช้ปัจจัยด้านความฉลาดทางอารมณ์เข้ามาพิจารณา โดยเฉพาะคนที่เข้าใจในความแตกต่างของเพื่อนร่วมงาน และมีทักษะในการจัดการความแตกต่างนั้น 2. ทักษะการปรับตัว (Adaptability) เราอาศัยอยู่บนโลกที่ผู้คนแตกต่างกันทั้งความคิด […]
บริษัทนี้เราอยู่กันเป็นครอบครัว คำนี้หลายคนอาจคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะตอนที่เข้ามาสัมภาษณ์ อาจเพราะฝ่าย HR ต้องการเพิ่มความน่าอยู่ของบริษัท ชักชวนให้ผู้มาสัมภาษณ์เข้าทำงาน แต่ส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่โฆษณาด้วย บริษัทนี้เราอยู่กันเป็นครอบครัว มักจะมีการฟาดฟันกันในบริษัทด้วยอะไรหลายอย่าง ทั้งเรื่องของสังคม การทำงานรวมไปถึงเรื่องส่วนตัว แล้วเราจะรับมืออย่างไร เพราะการเปลี่ยนงานนั้นยากมากกว่า วันนี้มี 3 วิธีคิดในแง่บวกเพื่อรับมือกับ บริษัทนี้เราอยู่กันเป็นครอบครัว ให้ไม่เสียสุขภาพจิตจนเกินไปมาให้อ่านกัน! ไม่มีใครเป็นคนดีในสายตาทุกคน มนุษยสัมพันธ์ (Human Relation) คือสิ่งที่หลายคนควรมีเมื่อเข้าไปอยู่ในที่ทำงาน เราใช้เวลาในช่วงที่ร่างกายตื่นนอนอยู่ในบริษัทเกือบจะทั้งหมด เพราะฉะนั้นหากคุณมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีในที่ทำงาน จะทำให้การทำงานของคุณเหนื่อยไปทั้งวัน เรียกได้ว่าไม่มีเวลาสบายใจและมีความสุขได้ด้วยซ้ำ แต่การจะเป็นคนที่น่ารัก และคนดีในสายตาของทุกคน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คำว่า “คนดี” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางครั้ง A ว่าดี B ก็ไม่ได้ว่าตาม เราไม่อาจจะทำให้ทุกคนพอใจได้ การเป็นที่รักของทุกคนต้องรีบเก็บความคิดนนี้พับแล้วเอาเสื้อผ้าในตู้ทับเข้าไปให้ลึกที่สุดก่อน แล้วทำความเข้าใจกฎของโลก แยกแยะการทำงานกับความสัมพันธ์ออกจากกันให้ได้ แล้วจะทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น ยอมรับให้ได้ถ้ามีคนไม่ชอบเรา เราทุกคนควรน้อมรับคำตักเตือนจากคนที่งานด้วยกัน หรือการตักเตือนเกี่ยวกับข้อบกพร่องทางนิสัยบางอย่างที่เราเองก็มองว่ามันไม่สมควร เช่น การเข้าทำงานสาย หรือข้อผิดพลาดในการทำงานที่คุณพร้อมจะพูดคำว่าขอโทษ แต่หากเป็นคำเตือนในเชิง “คุณจะต้องเปลี่ยนเป็นคนแบบนั้นแบบนี้” ควรปล่อยผ่านไป ถ้าคนส่วนใหญ่บริภาษและตำหนิติเตียน คุณอาจต้องพิจารณาตัวเอง […]
สูตรจำจากเรื่องราว “วิธีสร้างเรื่องราวในหัวตามลำดับสิ่งที่ต้องการ” สูตรนี้เป็นกลเม็ดช่วยจำสิ่งต่างๆ แบบรวบยอด โดยสร้างเรื่องราวในหัวตามลำดับของสิ่งที่ต้องการจำ แล้วจดจำสิ่งนั้นพร้อมกับเรื่องราวที่สร้าง ขอแนะนำให้เริ่มจากการจดจำคำศัพท์ ซึ่งเปรียบเหมือนพื้นฐาน ขั้นตอนการจำจากเรื่องราวจะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกัน! ขั้นตอนที่ 1 เปลี่ยนคำศัพท์ให้กลายเป็นภาพ คำศัพท์เป็นเพียงข้อมูลตัวอักษรที่จดจำยาก เราจึงต้องแปลงข้อมูลอักษรให้กลายเป็นภาพเสียก่อน ตัวอย่างเช่น ถ้าจะจำคำศัพท์ “แอ๊ปเปิ๊ล” อันดับแรกต้องจินตนาการรูปร่างของแอ๊ปเปิ๊ลอย่างชัดเจนในหัวก่อน แอ๊ปเปิ๊ลเป็นผลไม้สีแดงขนาดกลม ผลใหญ่ เมื่อจินตนาการข้อมูลอักษรในรูปแบบภาพได้แล้ว ก็เท่ากับว่าเตรียมความพร้อมสำหรับจดจำข้อมูลเหล่านั้นเรียบร้อย ขั้นตอนที่ 2 สร้างเรื่องราวตามลำดับ นำข้อมูลที่แปลงเป็นรูปภาพมาเรียงร้อยเป็นเรื่องราว การปะติดปะต่อเช่นนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมโยง ส่งผลให้จดจำได้นานขึ้น ซึ่งการแต่งเรื่องราวให้สนุกสนานอาจเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าลองทำซ้ำหลายครั้งก็จะเริ่มเรียนรู้เคล็ดลับทำให้เรื่องสนุก และจะแต่งเรื่องที่เต็มไปด้วยความรู้สึกติดตรึงได้ทีละน้อย ทดลองใช้สูตรจำจากเรื่องราว 1. ลูกบอล 2. ตำราเรียน 3. ตะปู 4. น้ำแข็ง 5. สร้อยคอ เรามาลองจำคำศัพท์ด้านบนตามลำดับ โดยใช้สูตรจำจากเรื่องราว ให้เริ่มจากแปลง “ลูกบอล” ซึ่งเป็นศัพท์คำแรกให้กลายเป็นภาพ โดยจินตนาการถึงบอลลูกกลมใหญ่ในหัว หรือจะเป็นลูกบอลแบบอื่นก็ได้ จากนั้นแปลง “ตำราเรียน” เป็นภาพ แล้วสร้างเรื่องราวซึ่งมีความสัมพันธ์กับลูกบอล เช่น […]
“โฟโม” ที่คุณมีอยู่ในตัว ไม่ใช่ความผิดของคุณ! “โฟโม” เป็นอาการวิตกกังวลที่ถูกกระตุ้นจากการมองโลก และมักรุนแรงขึ้นจากสื่อสังคมออนไลน์ที่ผู้อื่นกำลังมีประสบการณ์ที่น่าพอใจมากกว่าคุณ อีกทั้งเป็นแรงกดดันทางสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากการสำนึกได้ว่าคุณจะพลาด หรือถูกกีดกันออกจากประสบการณ์ร่วมที่เป็นบวกหรือน่าประทับใจ “โฟโม” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สิ่งที่คุณเห็นบนโลกออนไลน์เท่านั้น มันกินความไปไกลมากกว่านั้น โดยมีนัยที่ไกลกว่าการตีกรอบชีวิตประจำวันของชาวดิจิทัล เช่น คนยุคมิลเลเนียนหรือเจนซี (Gen Z) ตามธรรมชาติแล้ว คน 2 กลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะวิวัฒนาการไปเป็น “โฟโม เซเปียนส์” อยู่แล้ว แต่พ่อแม่ของพวกเขาก็เข้าข่ายอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน “โฟโม” ยังตามรังควานผู้บริหารวัยกลางคนซึ่งติดอยู่แต่ในออฟฟิศ ในขณะที่เพื่อนร่วมงานวัยหนุ่มกว่าได้รับเชิญไปร่วมงานประชุมสัมมนา สถานที่บรรยากาศดี นอกจากนี้มันยังสร้างความยุ่งยากใจให้กับผู้หญิงวัย 60 ปี ผู้มีเพื่อนที่ฝอยแต่เรื่องยิบย่อยเป็นโขยงเกี่ยวกับหลานๆ ให้ฟัง จนเธอต้องโอดครวญด้วยความหวังที่จะให้ลูกๆ ของเธอมีหลานให้บ้าง โลกออนไลน์ทำให้ “โฟโม” โดดเด่นขึ้น แต่เราไม่จำเป็นต้องตัวติดกับโทรศัพท์ เพื่อที่จะตกหลุมพรางมัน สิ่งที่เราต้องทำก็แค่ผลาญเวลาและพลังงานอย่างเลยเถิด จดจ่อไปกับทุกสิ่งอย่างที่คุณอยากได้ แทนที่จะซาบซึ้งในคุณค่าของสิ่งที่คุณมีอยู่ในมือ แต่ให้เมินมันซะ ความเย้ายวนใจให้ทำเช่นนั้นมีอยู่มากมาย เพราะปัจจุบันผู้คนจำนวนมากต่างอาศัยอยู่บนโลกที่มอบทางเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือในจินตนาการ แก่นของ “โฟโม” จึงเป็นความทะเยอทะยานโดยธรรมชาติ ซึ่งมีรากฐานมาจากการแสวงหาอะไรก็ตามที่ใหญ่กว่า ดีกว่า และสดใสกว่าสภาพที่เราเป็นอยู่ รวมถึงการทึกทักว่าตัวเองมีตัวเลือก […]
กฎ 4 ข้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจเป็นการเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เมื่อการตัดสินใจรวดเร็ว การทำงานของทีมก็จะเร็วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และผลงานก็จะเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ทีมก็จะพัฒนาขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนผลงานของลูกทีมด้วย เมื่อประสิทธิภาพของการทำงานของทีมพัฒนาขึ้น ก็นำไปสู่การแก้ปัญหาอื่นๆ ได้ในคราวเดียว เหมือนโดมิโนที่ล้มต่อกันไป กฎ 4 ข้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ จะมีอะไรบ้าง เราไปติดตามรายละเอียดของกฎแต่ละข้อกัน กฎข้อที่ 1 ข้อแรกเป็นกฎด้านทัศนคติการตัดสินใจ โดยให้เราตัดสินใจทำด้วยความแม่นยำเพียง 70% ไม่จำเป็นต้องถึง 100% เกณฑ์การตัดสินใจให้แม่นยำ 70% ของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน บางคนอาจยึดภาพรวมของเอกสารหรือปริมาณข้อมูล แต่จะมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือ การมุ่งเน้นความรวดเร็ว โดยแต่ละระดับมีลักษณะดังนี้ -ความแม่นยำ 100% เตรียมตัวจนรู้สึกว่าสมบูรณ์แบบ กระทั่งวินาทีสุดท้ายในวันนัดหมาย (เมื่อใกล้ถึงวันนัดหมาย ถ้าคิดจะแก้ไขหรือปรับปรุงก็ทำได้ยากแล้ว) -ความแม่นยำ 70% เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก่อนถึงวันนัดหมาย โดยมีข้อมูลในระดับที่สามารถตอบคำถามที่คาดว่าจะมีคนถามได้ -ความแม่นยำ 50% เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก่อนถึงวันนัดหมาย โดยมีข้อมูลในระดับที่สามารถตอบคำถามต่อการตัดสินใจของผู้อื่นได้ สิ่งสำคัญคือ เราต้องจับประเด็นให้ได้ว่าผู้ที่เราติดต่อด้วยนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรมากที่สุด กฎข้อที่ 2 กฎข้อที่ 2 เป็นกฎเกี่ยวกับความรวดเร็วในการตัดสินใจ […]
ทำงานเสร็จ กลายเป็นเรื่องยาก เพราะคุณอาจรอจนนาทีสุดท้ายถึงเริ่มลงมือทำงาน คุณต้องเคยแน่ๆ ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ หรืองานที่คุณไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ คุณก็ยังไม่มีแรงผลักดันจูงใจให้เริ่มทำเสียที จนกระทั่งถึงชั่วโมงสุดท้าย และไม่ใช่ว่าคุณลืมงานชิ้นนั้นไป แถมคุณยังรู้ดีว่างานนั้นสำคัญ ทำงานเสร็จ ให้ทันเวลาเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปัญหาในการทำงาน ซึ่งใครๆ ก็ประสบปัญหานี้อย่างแพร่หลาย ทำงานเสร็จให้ทันเวลาถือเป็นหัวข้อสำคัญของการพัฒนาปรับปรุงอุปนิสัยส่วนตัวเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าอ่านหนังสือเล่มไหนหรือเข้าคอร์สอบรมอะไร ต้องมีการพูดถึงลักษณะนิสัยนี้ว่าเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในชีวิต ต้องรีบเลิกนิสัยแบบนี้ หรือไม่ก็บอกวิธีเลิกนิสัยนี้ให้ได้ นโปเลียน ฮิล ผู้เขียนหนังสือ think and grow rich คู่มือพัฒนาตนเองที่โด่งดังและเขียนไว้เมื่อ 100 กว่าปีก่อนเคยบอกว่า นิสัยผัดวันประกันพรุ่งคือนิสัยแย่ๆ ที่ชอบผ่อนผันสิ่งที่ควรทำเมื่อวานซืนเอามาทำวันมะรืน คำว่าแม้เวลาจะผ่านมาแสนนาน และมีผู้ให้คำแนะนำนับไม่ถ้วน เราก็ยังมีปัญหานี้กันอยู่ ถ้าอยากทำงานให้เสร็จก่อนเดดไลน์ ต้องทำตามนี้ การวางกรอบเวลา วิธีการหนึ่งที่ใช้ได้ผลก็คือเทคนิคที่เรียกกันว่า การวางกรอบเวลา คือการวิธีการจัดการเวลา วางแผนการทำงานโดยกำหนดจำนวนชั่วโมง หรือจำนวนวันในการทำงาน เอาไว้อย่างแน่นอน เรียกว่าวางกรอบเวลาเพื่อทำกิจกรรมนั้นๆ ให้เสร็จเรียบร้อยภายในช่วงเวลาที่กำหนด ตัวอย่างเช่น คุณอาจกำหนดให้ 2 ชั่วโมงต่อไปเป็นเวลาอ่านตำราให้จบตามที่อาจารย์สั่ง ช่วงสุดสัปดาห์เป็นเวลาเขียนนิยายให้ได้ 5,000 คำ ชั่วโมงแรกที่เข้างานเป็นเวลาติดต่อว่าที่ลูกค้า 5 ราย […]
บางครั้งเรามักคิดว่ารู้จักคนรอบตัวเป็นอย่างดี แต่ความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะบางครั้งเราแค่ “รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ” จนทำให้ชีวิตที่ง่ายกลายเป็นเรื่องยาก เพียงแค่เราไม่รู้จักคนอื่นดีพอ และบางครั้งสิ่งที่เราเป็นและทำยังมีพลังซ่อนเร้นอีกมากมายที่ทำให้เราเป็นอย่างที่เป็น และทำอย่างที่ทำ มนุษย์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้อ่านง่ายอย่างที่คิด เราไปรู้จักตัวเองและคนอื่นให้ดีขึ้นด้วยชุดหนังสือ อยากอ่านใจคนได้ เดาใจคนออก อ่านเล่มไหนดี Talking to Strangers ศิลปะแห่งการอ่านคน เขียนโดย มัลคอล์ม แกลดเวลล์ ที่เริ่มต้นเรื่องราวด้วยเคสอันโด่งดังที่กระตุกให้เราเริ่มเอะใจว่า การคิดว่าคนอื่นอ่านง่ายเกินไป อาจเป็นต้นตออย่างหนึ่งที่ทำให้การพบเจอระหว่างคนดีๆ กลับลงเอยเป็นเรื่องเลวร้ายได้ ความละเอียดอ่อนเพื่อรับมือกับผู้คนให้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่เราไม่รู้จักดี เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนเตือนไว้ได้อย่างน่าคิดในหนังสือเล่มนี้ เรื่องสำคัญข้อแรกของศิลปะแห่งการอ่านคนคือ อย่าคิดว่าคนอื่นอ่านง่าย แต่จริงๆ แล้วเราถูกตั้งโปรแกรมให้สรุปง่ายเกินไป เช่น เขามองแบบนี้ต้องเราแน่เลย คนนี้มีพิรุธ ต้องทำอะไรผิดมาชัวร์ ยังมีข้อสรุปอีกมากที่หลายครั้งสร้างปัญหาให้กับเรา มากกว่าจะช่วยให้เข้าใจกันและกัน หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นด้วยเคสอันโด่งดังที่กระตุกให้เราเริ่มเอะใจว่า การคิดว่าคนอื่นอ่านง่ายเกินไป อาจเป็นต้นตออย่างหนึ่งที่ทำให้การพบเจอระหว่างคนดีๆ กลับลงเอยเป็นเรื่องเลวร้ายได้ เพราะเราต่างถูกตั้งค่าให้คิดว่าคนอื่นอ่านง่ายหรือนึกคิดอะไร เช่น -ผู้พิพากษาและตำรวจที่เห็นผู้ร้ายแบบตาต่อตา ยังเดาผิดบ่อยๆ ว่า ใครทำผิด ใครบริสุทธิ์ -นักจับผิดที่ได้ฝึกมาอย่างโชกโชน อย่างหน่วยข่าวกรองฝีมือเยี่ยม ยังดูไม่ออก ทั้งที่มีหลักฐานอยู่ทนโท่ว่า เพื่อนร่วมงานตัวเองเป็นสายลับของศัตรู -แม้แต่คนโกหก ก็ไม่ได้ทำหน้าเหมือนคนโกหกเสมอไป มนุษย์ไม่ได้อ่านง่ายอย่างที่คิด! […]
ฮิระตะ นะโอะยะ เจ้าของสถิติการแข่งขันจำจับคู่ใบหน้ากับชื่อบุคคลของประเทศญี่ปุ่น คุณฮิระตะสามารถจดจำได้ทั้งหมด 29 คนใน 1 นาที เฉลี่ยแล้วใช้เวลา 2 วินาทีในการจำใบหน้ากับชื่อของคน 1 คน ด้วยวิธีที่ชื่อว่า “ สูตรติดแท็ก ” สูตรติดแท็ก เป็นกลเม็ดที่ ฮิระตะ นะโอะยะ สร้างสรรค์ขึ้นเองเพื่อใช้ในการแข่งขัน นอกจากใช้จับคู่ใบหน้ากับชื่อบุคคลแล้ว สูตรนี้ยังช่วยให้จำได้กระทั่งชื่อบริษัทที่บุคคลนั้นสังกัด รวมถึงตำแหน่งหน้าที่ เรียกได้ว่าเป็นกลเม็ดช่วยจำที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันอย่างยิ่งโดยแท้ วิธีจำด้วยการติดแท็ก การจดจำชื่อคนด้วยใบหน้านั้นค่อนข้างเป็นเรื่องยาก เพราะหน้าตาของแต่ละคนไม่ได้บ่งบอกว่าเขาชื่อว่าอะไร ยกตัวอย่างเช่น ฟ้า บุคคลส่วนใหญ่ที่ชื่อว่าฟ้านั้นไม่ได้มีผิวสีฟ้า หรือดวงตาสีฟ้า ไม่เกี่ยวข้องกับชื่อเลยแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างชื่อที่มีความสัมพันธ์กับหน้าคือ คนที่ดวงตาโต สุกใส ดูแล้วเป็นคนสดใสและอ่อนหวาน ชื่อว่าตาหวาน ส่วนคนที่เวลาขยับยิ้มแล้วโลกดูสดใสขึ้นมาทันตา ชื่อว่า ยิ้ม ถ้าแบบนี้ชื่อก็เป็นเรื่องที่จำง่ายขึ้นมาทันที ในความจริงไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป วิธีการจำจึงจำเป็นต้อง “สร้างความเชื่อมโยงระหว่างใบหน้ากับชื่อ” ของคนคนนั้นขึ้นมา โดยนึกถึงจุดเด่นใบหน้าของคนนั้นด้วยคำหนึ่งคำ แล้วนำคำนั้นมาผูกเข้ากับชื่อ เหล่านี้คือขั้นตอนของกลเม็ดช่วยจำที่เรียกว่า “สูตรติดแท็ก” ขั้นตอนที่ 1 อธิบายความรู้สึกติดตรึงจากภาพที่เห็น เช่น […]
โกะโด โทคิโอะ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ และนักเขียนหนังสือแนวพัฒนาตัวเองชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น เจ้าของผลงาน Bestseller 4 เล่มในประเทศไทย ได้แก่ คนรวยทำงานเร็ว เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว และทิ้งนิสัยไม่ดีแล้วจะมีความสุข ซึ่งหนังสือทั้ง 4 เล่ม เป็นหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง เพื่อทิ้งความคิดละการกระทำแบบเก่า ไปสู่การสร้างวิธีคิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ สุดยอดหนังสือ Bestseller 4 เล่มจาก โกะโด โทคิโอะ จะมีความโดดเด่นในแต่ละเล่มอย่างไร เราไปติดตามเทคนิคจากหนังสือทั้ง 4 เล่มนี้กันได้เลย คนรวยทำงานเร็ว หนังสือเล่มนี้จะเปรียบเทียบวิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของคนรวยที่รู้จักใช้เวลาให้คุ้มค่า ทั้งการกระทำและการตัดสินใจผ่านการคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ โดยได้เปรียบเทียบกับคนทำงานช้าที่เสียเวลาไปกับเรื่องไม่สำคัญ และมักไม่ได้ผลเป็นชิ้นเป็นอัน หรือทำได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ ผ่าน 55 กลยุทธ์ บริหารเวลาของคนรวยที่ทำงานเร็ว โดยแบ่งออกเป็น 7 เรื่องใหญ่ที่คนอยากทำงานเร็วได้ต้องรู้ ได้แก่ 1) คนรวยที่ทำงานเร็วแตกต่างจากคนอื่นตรงวิธีคว้าโอกาส 2) คนรวยที่ทำงานเร็วแตกต่างจากคนอื่นตรงที่มีสมาธิ 3) คนรวยที่ทำงานเร็วแตกต่างจากคนอื่นตรงที่มีมนุษยสัมพันธ์ 4) คนรวยที่ทำงานเร็วแตกต่างจากคนอื่นตรงที่วิถีชีวิต […]