[ทดลองอ่าน] อย่าเหยียดเผ่าพันธุ์กันสิ เล่ม 2 บทที่ 50

不要物种歧视
อย่าเหยียดเผ่าพันธุ์กันสิ เล่ม 2

月下蝶影
เย่ว์เซี่ยเตี๋ยอิ่ง
เขียน

นกแก้ว
แปล

— โปรย —

‘พยับเมฆบนท้องนภาหมุนแปรปรวนคล้ายจะบังเกิดอสนีบาต
ฝูหลีมองมังกรทองที่ขวางด้านหน้าตนก่อนแหงนหน้ามองฟ้า’
เขาไม่เคยคาดคิดและก็ไม่เคยคาดหวังมาก่อนว่าวันหนึ่งจะมีใครเอาชีวิตทั้งชีวิตมาปกป้องเขา
หลังจากตัดสินใจเข้าทำงานใน ‘กรมควบคุม’ ความสัมพันธ์ของฝูหลีกับจวงชิงก็รุดหน้า
ทว่าจะอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะปกป้องเขาถึงเพียงนี้
การมีใครสักคนร่วมต่อสู้ไปด้วยกันก็ดีเช่นนี้เอง
ไม่ว่าต้องเจอกับปีศาจตนใด หรือเรื่องราวในอดีตที่เลวร้ายสักแค่ไหน
ขอแค่มีใครสักคนยอมเดิน ‘จับมือ’ กันไปก็ใช้ได้แล้ว
ว่าแต่ ‘จับมือ’ เลยเหรอ ปีศาจน้อยใหญ่ในกรมควบคุมจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม
แต่ความจริงจะว่าอะไรก็ช่างเถอะ แค่อย่าเหยียดเผ่าพันธุ์กันก็พอแล้ว

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 50

 

“โฮก!” ฝูหลีถีบเท้าหลังพร้อมคำราม ก่อนจะกระโดดไปยืนบนหัวมังกรทอง ภายใต้แสงจันทร์สาดกระทบเรือนกายเล็กผอมทอประกายสีแดงหม่น เขาก้มหน้ามองมังกรทองใต้ฝ่าเท้า “เวลาแบบนี้จะให้ผู้เยาว์อย่างคุณส่งตัวเองไปตายได้อย่างไร”

“ฝูหลี!” จวงชิงอยากจะตวัดหางคว้าฝูหลีกลับมา แต่ความเร็วในการกระโดดของกระต่ายที่บำเพ็ญจนกลายเป็นภูตแล้วรวดเร็วเกินไป เร็วจนจวงชิงจับตัวไว้ไม่ทัน

เทียบกับทอร์นาโดยักษ์แล้ว ร่างของฝูหลีช่างเล็กจ้อยราวเป็นเพียงฝุ่นผง พริบตาที่อีกฝ่ายกระโดดเหาะขึ้นฟ้า ความสิ้นหวังไร้เรี่ยวแรงพลันเกาะกุมจิตใจทุกคนที่กำลังมองทอร์นาโดขนาดมหึมาหาใดเปรียบอย่างเลื่อนลอย

เว่ยชางเปลี่ยนร่างเป็นเสือขาวตาเฉียงดุตัวใหญ่กระโดดเหาะตามไปอยู่ข้างหลังจวงชิง หัวเสือกดลงเล็กน้อย อยู่ในท่าทางเฝ้าระวังเต็มที่

ช่วงเวลาที่พุ่งเข้าไปในทอร์นาโด ฝูหลีรู้สึกเหมือนร่างกายใกล้จะถูกฉีกเป็นส่วน ๆ เขาใช้แรงทั้งหมดฝ่าพันธนาการของทอร์นาโดแล้วตบเท้าหน้ากับพื้น ฝุ่นดินกับก้อนหินบนพื้นลอยขึ้นมากลายเป็นกำแพงล้อมรอบสี่ด้าน จากนั้นพยายามล้อมกรอบทอร์นาโดไว้ข้างใน

อวี๋เจียงไม่สนใจฝูหลีที่ต่อสู้ติดพันกับทอร์นาโด มันเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์โดยที่บนหลังยังคงเหลือปีกคู่ยักษ์ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าซากงูเหลือมเขียว สัตว์เลี้ยงสองตัวนี้มันเลี้ยงมาเป็นหมื่นปี เป็นข้ารับใช้ที่ติดตามมันมาโดยตลอด วันนี้กลับถูกปีศาจน้อยไม่รู้หัวนอนปลายเท้าฆ่าตาย มันไม่เพียงสงสารข้ารับใช้ ยังโมโหที่อีกฝ่ายทำมันเสียหน้า

งูเหลือมเขียวสองตัวที่ห้อยตรงข้างหูมันอ้าปากส่งเสียงฟ่อ ๆ เผยคมเขี้ยวอาบพิษ

อวี๋เจียงยื่นมือไปลูบหัวอันเย็นเฉียบของพวกมัน มองทอร์นาโดที่ตนสร้างขึ้นแล้วพลันหัวเราะ “ดูท่าข้าไม่ได้ออกมาหลายปีเกินไปจนทำให้สัตว์ชั้นต่ำพวกนี้ลืมการมีอยู่ของข้าไปแล้ว”

อวี๋เจียงตวัดมือขึ้นเบาๆ ทอร์นาโดก็พุ่งชนกำแพงล้อมที่ฝูหลีสร้างขึ้นราวกับเป็นมังกรมีชีวิต จากนั้นพุ่งตรงเข้าไปหามังกรทองที่อยู่ข้าง ๆ

“โฮก!” ฝูหลีเหินขึ้นฟ้า เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้วโยนของวิเศษใส่อวี๋เจียงทันที

ฝูหลีเคยได้ยินวานรขาวเล่าให้ฟังว่า อวี๋เจียงธาตุน้ำ แพ้ไฟเป็นที่สุด ดังนั้นได้แต่ต้องใช้ของวิเศษธาตุไฟรับมือ ต่อให้สร้างบาดแผลไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังพอรบกวนอาคมของมันได้

จวงชิงกับเว่ยชางเห็นทอร์นาโดมุ่งเข้ามาโจมตี ร่างกายเว่ยชางก็ขยายใหญ่อีกครั้ง เพิ่มความเร็วทะยานเข้าไปใช้หัวดันขวางทอร์นาโดไม่ให้เดินหน้าต่อ ฟากจวงชิงหลังส่งเสียงมังกรคำรามก็พ่นน้ำทะเลออกมามหาศาล ทันทีที่น้ำทะเลกระทบกับทอร์นาโดก็กลายเป็นน้ำแข็ง จวงชิงอาศัยจังหวะนี้บินวนรอบและใช้ลำตัวรัดทอร์นาโดเอาไว้

“ต้องขอบคุณโครงสร้างระบบโทรคมนาคมพื้นฐานอันทรงประสิทธิภาพ ขนาดป่าเขาลึกขนาดนี้ยังมีสัญญาณอยู่อีก” จางเคอล้วงมือถือออกมาติดต่อหน่วยงานความมั่นคง ให้พวกเขาติดต่อหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นเพื่อประกาศเตือนพายุทอร์นาโด ให้ประชาชนหลบอยู่ในเคหสถานอย่าออกมา พร้อมทั้งให้หน่วยงานสาธารณสุขเตรียมยาสำหรับรักษาโรคที่มาพร้อมกับพายุฝนให้ได้มากที่สุด

ลี่ซวีที่คุกเข่าข้างเดียวกับพื้นได้ยินจางเคอรายงานสถานการณ์กับผู้รับผิดชอบทางโทรศัพท์ก็หยิบแส้กระชากวิญญาณตรงเอวออกมา พูดกับยมทูตผู้เป็นลูกน้องว่า “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าไปดูหน่อย”

“ท่านหัวหน้า ข้างนอกอันตรายนะขอรับ ท่าน…”

“ตัวข้าก็คือนักพรต จะให้มองดูผู้คนทั้งเมืองบาดเจ็บล้มตายเฉย ๆ ได้อย่างไร ถึงตอนนั้นดวงวิญญาณมีเป็นล้าน พวกเรายมทูตไม่เหนื่อยตายกันพอดีหรือ” ลี่ซวีลุกขึ้นยืน มองฝูหลีที่ต่อสู้ติดพันกับอวี๋เจียง “ขนาดปีศาจยังมีใจปกป้องคน ก่อนตายข้าเป็นคนแท้ ๆ แล้วข้าจะแพ้ปีศาจได้อย่างไร”

หลังหยุดยั้งทอร์นาโดได้ชั่วคราว จวงชิงหันไปมองฝูหลีที่กำลังต่อสู้อยู่กับอวี๋เจียงแล้วเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ ชักกระบี่ยาวออกจากฝักพลางหันมาพูดกับเว่ยชางหน้าขรึม “คุมด้านนี้ไว้ ฉันจะไปช่วยฝูหลี”

เว่ยชางกวัดแกว่งหางเสือ เท้าหลังตะกุยพื้นเป็นหลุมลึกพลางคิดอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่รู้ว่าหัวจะถูกทอร์นาโดไถจนล้านหรือเปล่า พอเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์มีหวังต้องสวมวิกแน่

ด้วยวิชากระบี่อันเชี่ยวชาญของจวงชิง เมื่อร่วมมือกับฝูหลีก็สามารถประมือกับอวี๋เจียงได้สูสี ครั้นหลบลมพิษที่อวี๋เจียงกระพือปีกพัดมาได้อย่างฉิวเฉียด จวงชิงก็เปลี่ยนร่างกายท่อนล่างเป็นหางมังกรฟาดใส่งูเขียวที่ลอบโจมตีฝูหลีกระเด็น ก่อนพูดกับฝูหลีด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ผมโตเป็นผู้ใหญ่นานแล้ว”

ฝูหลี “…”

ตอนนี้มันใช่เวลามาถกเถียงเรื่องนี้หรือ

ฝ่ามือของฝูหลีที่กำแส้อยู่ร้อนขึ้นเล็กน้อย เริ่มทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับอวี๋เจียงที่วานรขาวเคยเล่าให้ฟัง ต้องโทษที่ตอนเด็ก ๆ เขาชอบนั่งไม่ติดที่ ไม่ยอมตั้งใจฟังสิ่งที่วานรขาวพูด ยามนี้พอถึงเวลาคับขันจึงรู้ซึ้งถึงความรู้สึกทำนอง ‘รู้อย่างนี้ตั้งใจเรียนมากๆ เสียก็ดี’ เลยทีเดียว

อวี๋เจียงคือปีศาจที่มนุษย์เชิดชูเป็นเทพเจ้า ทว่าความเป็นจริงมันก็เหมือนจวงชิงที่มีสายเลือดมนุษย์อยู่ส่วนหนึ่ง แต่ตัวมันกลับไม่มีจิตใจแบบมนุษย์เลยสักนิด ในสายตาของมัน ไม่ว่าชีวิตของสิ่งใดล้วนไม่มีค่า ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับอารมณ์ดีร้ายของมันเท่านั้น ตอนนั้นอาจเพราะยังมีจอมปีศาจที่พอจะสามารถห้ามปรามพฤติกรรมของอวี๋เจียงได้ ทว่าโลกปีศาจทุกวันนี้เสื่อมถอย ขนาดเขายังนับเป็นยอดฝีมือเหนือยอดฝีมือ ไหนเลยจะมีปีศาจที่ยับยั้งอวี๋เจียงได้

ไม่ ไม่สิ น่าจะยังมีปีศาจอีกตนที่สามารถหยุดยั้งมันได้

ฝูหลีทำสัญลักษณ์มืออย่างรวดเร็ว เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิชาส่งเสียงพันลี้

ตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์ สิ่งที่คุนเผิงชอบทำที่สุดก็คือกินแล้วนอน จู่ๆ ถูกฝูหลีส่งเสียงมาปลุกกลางดึก มันจึงนอนหลับตาตอบ “เจ้ากระต่าย ดึกดื่นค่อนคืนส่งเสียงพันลี้มาทำไม”

“ใต้เท้าคุนเผิง ข้าน้อยมีเรื่องอยากให้ช่วยเหลือ”

คุนเผิงลืมตามองท้องฟ้าที่ค่อนข้างอึมครึมด้านนอก “เรียกหาข้าในเวลานี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ว่ามาเถิด”

“อวี๋เจียงปรากฏตัว จึงอยากขอร้องให้ใต้เท้าคุนเผิงออกโรงช่วยเหลือ” ฝูหลีใช้แส้ช่วยจวงชิงสกัดการโจมตีจากอวี๋เจียงก่อนบินขึ้นฟ้า ล้วงพัดขนนกสีแดงชาดออกมาโบก ทว่าสิ่งที่ออกมาหาใช่ลม แต่เป็นเปลวเพลิง

อวี๋เจียงหลบไม่ทันทำให้ขนปีกซ้ายถูกไฟไหม้หายไปกว่าครึ่ง

“จูเชว่[1]?” นัยน์ตาอวี๋เจียงฉายความรังเกียจและหวาดกลัว มันหันตัวไปมองพัดสีชาดในมือฝูหลี เจ้าปีศาจน้อยตนนี้โผล่มาจากไหนกันแน่ถึงได้มีของวิเศษมากมายขนาดนี้

ปีศาจที่มันเกลียดที่สุดก็คือพวกจูเชว่ เสวียนอู่[2] ไป๋เจ๋อ เทือกนี้ ที่เอาแต่ตัดพ้อฟ้าเวทนามนุษย์อยู่ได้ทั้งวี่วัน คนอ่อนแอถูกฆ่าหรือถูกกินก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ ปีศาจก็ดี มนุษย์ก็ดี พวกที่อ่อนแอนั้นต่างอะไรกับขยะ สู้ฆ่าเล่นให้สำราญใจไม่ดีกว่าหรือ

“เจ้าว่าใครนะ” คุนเผิงได้ยินชื่ออวี๋เจียงก็เกือบนึกว่าตัวเองหูฝาด “สวรรค์โปรด พวกเจ้าไปหาเรื่องไอ้บ้านั่นหรอกหรือเนี่ย” ในสายตามัน อวี๋เจียงก็คือไอ้บ้าตัวหนึ่ง ตอนอารมณ์ดีก็กินมนุษย์กินปีศาจ อารมณ์ไม่ดี ขนาดลูกน้องตัวเองยังฉีกกินเล่น ที่อยู่ข้างกายมันแล้วสามารถมีอายุขัยยืนยาวได้เกรงว่าคงมีแค่งูพิษสี่ตัวที่มันเลี้ยงไว้นั่นแหละ

“เจ้ากระต่าย ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้า แต่ปีศาจอย่างอวี๋เจียงนี่ไม่ไว้หน้าใครหน้าไหนทั้งนั้น ให้อสูรร้ายอย่างข้าไปช่วยพวกเจ้าสู้อสูรร้ายด้วยกันจะดูไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า”

ฝูหลีโบกปัดพัดสีชาดในมือต่อ พัดสีแดงเล่มนี้เป็นของที่ราชันกังเลี่ยให้เขาไว้ใช้ป้องกันตัวหลังโดนเฝยเว่ยขู่จนฉี่ราด เสียแต่หลายปีมานี้เขาไม่มีโอกาสได้ใช้สักครั้ง ตอนนี้ถึงเพิ่งพบว่าพัดนี่เปลืองพลังวิญญาณมากทีเดียว

“ใต้เท้า นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ไม่มีใครเขาสนใจเรื่องจุดยืนกันแล้วขอรับ” ฝูหลีเห็นกระแสลมพิษพุ่งโจมตีมาทางตน พัดในมือก็ขยายใหญ่ฉับพลันกำบังตัวมิดอยู่ด้านหลังพัด “หากโลกมนุษย์ถูกทำลาย ข้าน้อยกับจวงชิงชีวิตหาไม่แล้ว ต่อไปท่านจะไปหาอาหารเลิศรสจากที่ไหนกินเล่า”

คุนเผิงว่า “น่าขัน ข้าคุนเผิงดูเหมือนปีศาจที่เปลี่ยนจุดยืนเพียงเพราะอาหารของพวกมนุษย์หรือไร”

“สหาย” ยมทูตแห่งยมโลกตบบ่าจางเคออย่างอึ้งๆ “ปีศาจกระต่ายในกรมพวกเจ้าเป็นยอดฝีมือจากไหนหรือ เหตุใดถึงมีของวิเศษมากมายขนาดนี้” ปกติแล้วต่อให้พวกเขาตบะต่ำต้อย ประสบการณ์ชีวิตไม่เยอะนัก พลังอำนาจที่แผ่ออกมาจากของวิเศษพวกนั้นก็ไม่เคยข่มพวกเขาจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้

จางเคอส่ายหัวอย่างโง่งม เขาเป็นแค่มนุษย์แสนโง่เขลาและเป็นตัวถ่วงคนหนึ่งเท่านั้น คำถามล้ำลึกแบบนี้เขาเองก็ตอบไม่ได้

เมื่อกระแสลมกระทบกับพัดก็ถูกตีกลับทันที ทำเอาอวี๋เจียงถอยหลังไปสองก้าว “มิน่า ตัวข้าเห็นเจ้าแล้วถึงรู้สึกสะอิดสะเอียนนัก ที่แท้ก็เป็นลูกศิษย์ของจูเชว่” หน้าพัดนี้เห็นชัดว่าลงอาคมของจูเชว่เอาไว้ หากเจ้าปีศาจน้อยนี่ไม่ได้รับการยอมรับจากจูเชว่แล้วจะใช้พัดนี้ได้อย่างไร

อะไรคือลูกศิษย์ของจูเชว่

ครั้นฝูหลีคว้าด้ามพัดมันก็หดเล็กลงกลายเป็นอาวุธถนัดมือ ปีศาจที่นอนหลับมานานสมองทำงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ให้มาถกเถียงเรื่องอาวุธอะไรในเวลานี้ย่อมเป็นความคิดที่โง่งมสิ้นดี

อวี๋เจียงเปลี่ยนร่างเป็นวิหค เมื่อกระพือปีกคู่โอฬาร ทอร์นาโดสามลูกยักษ์พลันปรากฏกลางอากาศ มันหัวเราะเยาะพลางกล่าว “พัดขนจูเชว่แล้วอย่างไร ต่อให้จูเชว่มาอยู่ตรงหน้าข้า ข้าก็หากลัวไม่ นับประสาอะไรกับพัดเล่มเดียว”

ฝูหลีมองทอร์นาโดสามลูกที่หมุนติ้วกลางอากาศ สีหน้าพลันขรึมลง

จุดอ่อนของอวี๋เจียง…คืออะไรกันแน่

 

“อวี๋เจียงเกิดมาอัปลักษณ์ สามารถควบคุมน้ำและลมได้ ปีกทั้งสองเป็นพาหะโรคระบาดแต่กำเนิด เป็นปีศาจที่โหดร้ายป่าเถื่อนยิ่ง”

“แล้วถ้าข้าเจอมันควรทำเช่นไรขอรับ”

“หากเจ้าเจอมัน…” วานรขาวลูบขนปุกปุยบนตัวกระต่ายน้อย ลากเสียงคล้ายรำพัน “เช่นนั้นก็จงวิ่งหนีเสีย พัดสีชาดที่ราชันกังเลี่ยให้เจ้าพอขวางได้แค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น”

 

ฝูหลีเบิกตามองทอร์นาโดที่เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมหัวใจที่หนักอึ้งขึ้นทีละน้อย

เขาจำได้แล้ว ตอนนั้นวานรขาวไม่ได้บอกเขาว่าควรรับมืออวี๋เจียงอย่างไร เพียงบอกให้ตนวิ่งหนี จากนั้นเขายังอยากจะถามต่อด้วยซ้ำ ที่ไหนได้ พอปีศาจไก่ฟ้ามาหาวานรขาว เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ก่อน

ทว่าด้านนอกภูเขามีสิ่งมีชีวิตมากมายอาศัยอยู่เช่นนี้ แล้วตนจะวิ่งหนีได้อย่างไร

ฝูหลีเหลือบมองจวงชิงที่เริ่มมีบาดแผลพลางกำพัดสีชาดในมือแน่น ราชันกังเลี่ยเคยพูดไว้ว่า เกิดเป็นปีศาจควรเคารพยำเกรงต่อทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่ง มีจิตใจเมตตากรุณา จึงจะได้รับการดูแลจากสวรรค์

“เทพอะไรกัน ที่แท้ก็แค่นี้” จวงชิงปาดเลือดตรงมุมปาก หัวเราะเยาะหยันพลางเอ่ย “อยู่มาตั้งหลายปีหน้าตาก็ยังคงขี้เหร่เหมือนเดิม เห็นก็รู้ว่าเป็นสัตว์ที่ถูกสวรรค์ทอดทิ้ง”

“หุบปาก!” เพราะนิสัยป่าเถื่อนแต่กำเนิด อวี๋เจียงจึงไม่ได้รับความรักจากพ่อ กระนั้นมันก็หาได้ควบคุมพฤติกรรมตนเอง แต่กลับยิ่งปฏิบัติต่อทั้งมนุษย์และอสูรปีศาจอย่างโหดเหี้ยมมากขึ้น เมื่อไหร่ที่มันอารมณ์เสียก็จะเสกให้พื้นที่นั้นเกิดโรคระบาด ทำเอาทั้งมนุษย์และปีศาจพากันหวาดกลัว จากนั้นความหวาดกลัวก็นำไปสู่ความกริ่งเกรง ภายหลังจึงแทบไม่มีผู้ใดกล้าหาเรื่องอวี๋เจียง และขณะเดียวกันก็ไม่มีปีศาจตนไหนคบหากับมันด้วย อวี๋เจียงผูกใจเจ็บแค้นกับการถูกคนอื่นว่าเรื่องหน้าตาที่สุด ดังนั้นคำพูดของจวงชิงจึงเป็นการยั่วโมโหจนมันไม่มีแก่ใจควบคุมทอร์นาโดบนฟ้าแล้ว แต่เปลี่ยนมาฟาดฝ่ามือใส่ตรงๆ เสียเลย

ก็แค่มังกรที่เขายังไม่ขึ้นดี กลับกล้าบังอาจล้อเลียนมัน!

อีกด้านหนึ่ง คุนเผิงกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นหลายรอบก่อนจะโยนผ้าห่มบนตัวทิ้งอย่างงุ่นง่าน แล้วลุกไปเปิดหน้าต่างเพื่อเตรียมออกไปข้างนอก ทว่ายังไม่ทันที่มันจะได้ยื่นกรงเล็บออกไป เมฆครึ้มบนฟ้าก็เกิดแปรปรวน ฟ้าแลบแปลบปลาบคล้ายกับมีพลังงานประหลาดกำลังบีบอัดอยู่บนฟ้า

มันครุ่นคิดแล้วก็หดกรงเล็บกลับ เท่านั้นไม่พอ ยังปิดหน้าต่างแน่นและดึงผ้าม่านหนากั้นด้วย

“จวงชิง!” ฝูหลีเห็นอวี๋เจียงฟาดฝ่ามือไปทางจวงชิงสุดแรงก็รีบตวัดแส้แดงในมือหมายจะสกัดอวี๋เจียง

ทว่าอวี๋เจียงกลับฉีกแส้ขาดเอาดื้อ ๆ แล้วฟาดไปที่อกจวงชิงอย่างแรง

แม้จะได้ฝูหลีช่วยสกัด พลังฝ่ามือจึงลดลงไปสี่ส่วน แต่ในความคิดอวี๋เจียง ต่อให้ฝ่ามือนี้เหลือแรงเพียงหกส่วนก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตจวงชิงได้แล้ว

ครืน ครืน

กลางท้องฟ้าเกิดแสงฟ้าแลบวูบวาบ อสนีสายมหึมาผ่าแหวกทั่วนภาราวกับจะฉีกผืนฟ้าเป็นเสี่ยง ๆ

ฝูหลีคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงเปลี่ยนร่างเป็นกระต่ายขาวแล้วเหาะขึ้นไปคาบเว่ยชางที่ยังนิ่งอึ้งถอยกรูดออกมา

เว่ยชางผู้เปลี่ยนร่างเป็นเสือตาดุตัวยักษ์มองกระต่ายตัวจิ๋วข้างอุ้งเท้าอย่างประมวลผลไม่ค่อยทัน

ดูเหมือนว่าเขาจะถูกกระต่ายน้อยตัวหนึ่งลากออกมาจริง ๆ

เปรี้ยง!

สายฟ้าสีม่วงขนาดใหญ่ผ่าใส่อวี๋เจียงตรง ๆ อวี๋เจียงแหงนหน้ามองอย่างขวัญผวา พบว่าบนฟ้ายังมีสายฟ้าผ่าลงมาอีกหลายสาย มันควักของวิเศษบนตัวออกมา ทว่าก็ถูกอสนีบาตทำลายสิ้นอย่างรวดเร็ว พอรู้ตัวว่าสถานการณ์ชักไม่ดี มันกางปีกเตรียมหนี ทว่ามีหรืออสนีสวรรค์จะปล่อยให้มันหนีได้ง่าย ๆ วชิระแดงฉานเส้นมโหฬารพลันฟาดเปรี้ยง อวี๋เจียงร้องโหยหวนทีหนึ่งก็ร่วงจากฟ้าดิ่งพสุธา

ครั้นอวี๋เจียงล้มปักลงพื้น สวรรค์ก็ส่งวชิรเทพเก้าสายตามมาอีก อวี๋เจียงไม่ทันแม้แต่จะเปล่งเสียงกรีดร้องก็ถูกฟ้าผ่าเหลือเพียงโครงกระดูกดำไหม้ ทันทีที่มันสิ้นชีพ ทอร์นาโดที่หมุนคว้างก็สูญเสียพลัง ค่อย ๆ แผ่วลงกลายเป็นลมภูเขาและพัดสู่เมืองตรงตีนเขา

จวงชิงซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลแต่ไม่โดนสายฟ้าทำอะไรเลยสักนิดนอนคว่ำกับพื้น กระอักเลือดสองครั้งติด ๆ กันก่อนตะกายลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ตอนนี้เองก็มีคนเข้ามาพยุงเขาจากข้างหลัง เท่านั้นไม่พอ ในปากยังมียาลูกกลอนยัดเข้ามาหนึ่งเม็ด เขาหันไปมอง คนที่พยุงเขาทั้งหัวทั้งหน้าก็ขะมุกขะมอมพอกัน หนำซ้ำใบหน้ายังมีแผลจากการถูกลมบาด

“จิตวิญญาณดับสูญ…” ลี่ซวีไม่กล้าเข้าใกล้โครงกระดูกของอวี๋เจียง เขากลืนน้ำลายและหันไปมองฝูหลี “สหายธรรม สายฟ้าเมื่อครู่นั่นคืออะไรหรือ”

ฝูหลีเงยหน้ามองพยับเมฆบนนภาซึ่งยังคงปั่นป่วน ด้านในคล้ายยังมีฟ้าแลบแปลบ ๆ เสียงตอบยังสั่นเล็กน้อย “คืออสนีสวรรค์”

การที่อวี๋เจียงปรากฏตัวกะทันหัน หากมันเหมือนคุนเผิงที่แค่กิน ๆ นอน ๆ บางทีสวรรค์อาจยังพอยอมให้ดำรงอยู่ได้ ทว่าเจ้านี่ออกมาก็อาละวาดฟาดงวงฟาดงาทันที เรียกลมคลั่งและโรคระบาด ขนาดมังกรประจำชะตาเมืองที่สวรรค์ยอมรับยังกล้าลงมือ เช่นนี้แล้วสวรรค์จะยอมปล่อยมันไปได้อย่างไร

เมื่อตอนนั้นที่กู่เตียวกับเจิงสู้กันกลางป่าเขาก็เพราะอานุภาพใหญ่โตเกินไปจนเรียกความสนใจจากสวรรค์ สุดท้ายจุดจบก็เหมือนกับอวี๋เจียง ถูกฟ้าผ่าจิตวิญญาณสูญสลายและหายลับไปจากโลก

“พะ…พี่ฝู ที่ตอนนั้นพี่บอกว่าจอมปีศาจถูกฟ้าผ่าตาย ก็คือโดนผ่าตายแบบนี้น่ะเหรอครับ” จางเคอวิ่งเข้ามา ยื่นหน้ายื่นตามองโครงกระดูกดำไหม้ของอวี๋เจียง สภาพน่าอเนจอนาถมากจริง ๆ เขาถอยหลังกรูดอย่างรู้สึกสยดสยอง “นี่ผ่าจนเหลือแต่เถ้าถ่านเลยนะเนี่ย”

จวงชิงกุมหน้าพลางพูดกับฝูหลี “คุณเป็นยังไงบ้าง”

“ผมไม่เป็นไร” ฝูหลีหยิบขวดจากถุงเฉียนคุนยัดใส่มือจวงชิง “พวกนี้เป็นยาที่ช่วยฟื้นฟูลมปราณดั้งเดิม อย่าลืมกินเสียล่ะ ฝ่ามือของอวี๋เจียงเมื่อครู่ไม่ใช่เบา ๆ ถ้าคุณไม่ดวงสมพงศ์กับชะตาเมือง เกรงว่าคงรักษาชีวิตเอาไว้ไม่อยู่แล้ว บอกพวกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้อยู่แต่ในเขตอาคมห้ามออกมา แล้วนี่วิ่งออกมาทำไมกัน”

จวงชิงกำขวดยาแน่น “คุณเป็นเพื่อนร่วมงานของผม ไม่มีเหตุผลที่ผมจะให้คุณเผชิญอันตรายเพียงลำพัง”

“ผู้ใหญ่ปกป้องเด็กก็เป็นหลักการที่ถูกต้องเช่นกันไม่ใช่หรือ” ฝูหลีล้วงขวดแก้วออกมาอีกขวด ด้านในบรรจุของเหลวสีเขียวครามอ่อน เขาเปิดจุกขวดออกพลางกล่าว “มา รีบดื่มเสีย”

ขวดยายื่นจ่อตรงปากจวงชิง ฝูหลีเห็นอีกฝ่ายไม่ขยับ แต่กลับมองตนนิ่ง เขาลูบ ๆ หน้าตัวเองแล้วพบว่าเปื้อนฝุ่นดินเป็นชั้น ก็นึกว่าจวงชิงมองสิ่งนี้ จึงจับชายหนุ่มเงยหน้ากรอกยาเข้าปากเองเลย “ก็แค่เปื้อนดินเองไม่ใช่หรือไง เป็นชายชาตรีอย่าถือสาเรื่องหยุมหยิมแบบนี้นักเลย”

“พี่ฝู ยาที่พี่ฝูป้อนเจ้านายคือยาอะไรเหรอครับ” จางเคอเห็นฝูหลีเดี๋ยวยัดยาลูกกลอน เดี๋ยวป้อนยาน้ำ ก็กลัวเจ้านายสุดท้ายไม่โดนอวี๋เจียงตบตาย แต่จะถูกฝูหลีอัดยาจนตายก่อน

“นี่คือยาตู้เหิง[3] สำหรับกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและห้ามพิษ” ฝูหลีจับจวงชิงกรอกยาทั้งขวด “อวี๋เจียงมีพิษติดตัวตั้งแต่กำเนิด ในลมจากฝ่ามือนั่นก็มีพิษไม่น้อย”

“แบบนี้นี่เอง” จางเคอเห็นสีหน้าจวงชิงดีขึ้นมากจริง ๆ ก็อดพูดไม่ได้ “พี่ฝูหลีมีของดีเยอะจังเลยนะครับ”

จวงชิงรับขวดเปล่าในมือฝูหลีมาด้วยแล้วกล่าว “ขอบคุณ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เป็นพี่น้องกันเกรงใจไปไย” ฝูหลีฉีกยิ้มกว้างจนตาโค้ง รอยยิ้มนี้ทำให้ดวงตาของเขาเปล่งประกายระยิบระยับ

จวงชิงมองดวงตาอีกฝ่ายแล้วก้มหน้าไม่พูดอะไร

นาทีนั้นเมฆครึ้มบนฟ้าก็สลายในฉับพลัน เมื่อสายฝนปรอย ๆ โปรยปรายกระทบศีรษะ ทุกคนถึงค่อย ๆ ได้สติว่า ในที่สุดวิกฤติในค่ำคืนนี้ก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ฝูหลีมองหมอกเทา ๆ มัว ๆ ในป่าเขา ก่อนจะล้วงขวดหยกขวดหนึ่งจากถุงเฉียนคุน เมื่อคว่ำขวด หมอกสีเขียวครามจำนวนมากก็พลันไหลออกมาแล้วลอยตามลมออกไปด้านนอก

พอหันกลับไปก็เห็นจางเคอจ้องมองตนเองอยู่อย่างกับเด็กน้อยช่างสงสัย เขาจึงอธิบาย “นี่คือน้ำค้างยามเช้าบนภูเขา ผมใช้พลังวิญญาณทำให้มันระเหยไปในอากาศ จะได้ขจัดเชื้อโรคระบาดที่แพร่จากอวี๋เจียง”

“พี่ฝู บนตัวพี่ติดกระเป๋าวิเศษโดราเอมอนเหรอ ทำไมมีไปหมดซะทุกอย่าง” จางเคอครุ่นคิดว่าสถานที่ที่ฝูหลีอาศัยอยู่เมื่อก่อนต้องมีของดีไม่น้อยแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถหยิบของล้ำค่าพวกนี้มาใช้ได้อย่างสบาย ๆ แบบนี้

ลี่ซวีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็อดชำเลืองมองทางฝูหลีไม่ได้ สองพันปีก่อนตอนเขาไปรับวิญญาณที่บรรพตเงาหมอกก็เห็นของดี ๆ ในถ้ำที่พักของฝูหลีไม่น้อยจริง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นอัญมณีล้ำค่าหรือสมุนไพรทิพย์ล้วนมีจำนวนนับไม่ถ้วน กระทั่งเตียงยังสร้างจากหยกวิเศษ

“พวกนี้เป็นของที่พวกปีศาจบนภูเขาแต่ก่อนให้มาน่ะ” ผมด้านหน้าของฝูหลีเปียกชื้นจากฝนพรำจนแนบไปกับหน้าผาก ทำให้เจ้าตัวดูไร้พิษสงและเศร้าซึมในเวลาเดียวกัน “ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันชอบจินตนาการว่าผมจะเจอปีศาจแบบใดบ้าง พอจินตนาการเสร็จก็จะยัด ๆ ของให้ผม จากนั้นบอกว่า ถ้าสู้ไม่ไหวให้โยนของวิเศษใส่แล้วหนีไปเสีย”

จวงชิงเห็นอีกฝ่ายอารมณ์หงอยเหงาก็พูดตัดบททันควัน “แล้วทำไมวันนี้คุณไม่หนีล่ะ”

“ผมหนีแล้วพวกคุณจะทำอย่างไร” พอเห็นสีหน้าจวงชิงยังซีดอยู่บ้าง เขาก็ยื่นมือไปประคองแขนชายหนุ่ม “คุณไม่มีทางมองอวี๋เจียงทำลายเมืองมนุษย์เฉย ๆ ได้แน่ หากไม่มีผม คุณไม่ต้องสู้ตายกับอวี๋เจียงหรือ”

“ฝูหลี”

“หือ?”

จวงชิงมองอีกฝ่าย จู่ ๆ ก็หัวเราะหยันออกมาทีหนึ่ง “ที่คุณมีชีวิตรอดมาได้หลายปีขนาดนี้ อาศัยความใจดีของปีศาจบนภูเขาคุณล้วน ๆ เลยนะ”

ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยแบบนี้คงตายไปร้อยแปดสิบรอบแล้ว

“ก็ใช่ ปีศาจบนภูเขาพวกเรานั้นดีมาก ๆ” พอพูดถึงปีศาจบนภูเขาแต่ก่อนพวกนั้น ดวงตาของฝูหลีก็ทอประกาย

ลี่ซวีเห็นท่าทางแบบนี้ของฝูหลีแล้วก็นึกถึงสภาพน่าอเนจอนาถบนบรรพตเงาหมอกในภายหลัง ในใจพลอยรู้สึกทนไม่ไหวแทนอยู่บ้าง เขาก้าวขึ้นมาพูดพร้อมกับคารวะ “เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ใหญ่หลวงนัก ในเมื่อวิกฤติคลี่คลายแล้ว ผู้น้อยต้องขอตัวไปรายงานท่านพญายมก่อน”

“เชิญท่านหัวหน้ายมทูต” จวงชิงคำนับตอบ

รอจนลี่ซวีจากไปแล้ว ฝูหลีก็พูดกับจวงชิงด้วยสีหน้าลึกลับซับซ้อน “จวงชิง ผมพบความลับใหญ่อย่างหนึ่งละ”

สีหน้าจางเคอกับเว่ยชาง สองศิษย์พี่น้องเครียดเกร็งขึ้นมาทันที

“อะไร” จวงชิงแอบรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ตงิด ๆ ว่าความลับที่ฝูหลีว่าจะไม่เหมือนกับที่ตนเองคิด

“ผมรู้สึกว่า…” ฝูหลีกระแอม “ผมต้องไม่ใช่ปีศาจกระต่ายธรรมดาแน่ เมื่อครู่ตอนเข้าไปในท้องงูเหลือมเขียว จู่ ๆ ทั้งร่างก็ร้อนผ่าวขึ้นมา จากนั้นงูเหลือมเขียวก็อันตรธานหายไปเลย คุณว่าผมอาจจะมีสายเลือดพิเศษอะไรสักอย่างโดยที่ผมไม่รู้หรือเปล่า”

จวงชิงอึ้งงันไป เขาเห็นแววตาเว้าวอนของฝูหลีแล้วก็อดพยักหน้าไม่ได้ “อาจจะ…เป็นไปได้”

เว่ยชาง “?”

จางเคอ “?”

นี่มันหมายความว่าอะไรน่ะ

จังหวะนั้นเองคุนเผิงที่เหมือนกับตำรวจในหนังฮีโร่ซึ่งชอบโผล่มาตอนจบก็มาถึง พอเขามาถึงก็ได้ยินฝูหลีพูดว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่ปีศาจกระต่ายธรรมดาพอดี จึงพลันหัวเราะลั่น

“กระต่ายเอ๊ย เจ้าดูละครแฟนตาซีมากไปหรือเปล่า จอมปีศาจทั้งหมดในใต้หล้าล้วนได้รับการถ่ายทอดพลังพิเศษติดตัวตั้งแต่กำเนิด แล้วเจ้ามีของพรรค์นี้หรือเปล่าเล่า”

ฝูหลีไม่ได้รับการถ่ายทอดพลังพิเศษอะไรนั่นจริง ๆ ทั้งท่าเดินและเสียงร้องเขาก็เลียนแบบมาจากปีศาจเสือในภูเขา คาถาอาคมก็เป็นปีศาจตนอื่น ๆ บนภูเขาช่วยสอน ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับโลกปีศาจ วานรขาวก็เป็นผู้เล่าให้เขาฟัง ไม่ได้มีความสามารถพิเศษติดตัวใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็พูดต่ออย่างไม่ยอมจำนน “ไม่แน่ข้าน้อยอาจจะเป็นลูกรักของสวรรค์ เป็นข้อยกเว้นในหมู่ปีศาจก็ได้”

“ลูกรักของสวรรค์คือที่อยู่ข้าง ๆ เจ้านี่ ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้าหรอก” คุนเผิงเดินไปข้าง ๆ โครงกระดูกของอวี๋เจียง รอยยิ้มบนใบหน้าจางลงทีละน้อย

จอมปีศาจบรรพกาลอย่างพวกมันเคยรุ่งโรจน์ ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์ช่วงหนึ่ง แต่มาในวันนี้มนุษย์หน้าใหม่แทนที่ปีศาจเก่า ๆ ที่ตายก็ตายด้วยน้ำมือของสวรรค์

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่ามติสวรรค์

 

เช้าวันรุ่งขึ้นชาวเมืองในเมืองเมืองหนึ่งเริ่มเข้าไปด่ากรมอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นบนอินเทอร์เน็ตว่าเป็นไอ้โง่

ชาวเน็ตเอ : [กรมอุตุฯนี่โคตรโกหกปลิ้นปล้อน กลางดึกกลางดื่นประกาศด่วนบอกว่าเมืองเราจะมีทอร์นาโดไรนี่ เตือนไม่ให้พวกเราออกจากบ้าน เล่นเสียคนทั้งบ้านเราตกอกตกใจจนไม่กล้าหลับ เฝ้ารอตัวสั่นงันงกทั้งคืน ตอนเช้าเปิดหน้าต่างดู ทอร์นาโดบ้าบออะไรกัน ตะวันที่แขวนบนฟ้านั่นอะไร จิตสำนึกของกรมอุตุฯยังมีอยู่ไหม]

ชาวเน็ตบีตอบ : [คิดมากไปแล้วสหาย พวกเขาไม่มีจิตสำนึกอะไรนั่นสักหน่อย]

 

[1] หงส์แดงหรือหงส์ไฟ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ปกครองทิศใต้ มีลักษณะเด่นของนกห้าชนิดรวมกัน มีขนเป็นเปลวไฟ

[2] หรือเต่าดำ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ปกครองทิศเหนือ มีรูปลักษณ์เป็นเต่า แต่มีเกล็ดคล้ายงู หรือมีลักษณะผสมกันระหว่างเต่ากับงู

[3] พืชสมุนไพรที่ใช้ในยาจีนในวงศ์ไก่ฟ้า (Aristolochiaceae) ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asarum forbesii Maxim. ใบเป็นรูปหัวใจ ขึ้นเป็นกอ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า