[ทดลองอ่าน] คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง ตอนที่ 110

爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง

 

风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด

 

— โปรย —

ในที่สุดความเข้าใจผิดระหว่าง เซียวจยาซู่ และ จี้เหมี่ยน ก็คลี่คลาย
ทั้งคู่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน และตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
แต่การจะได้การยอมรับจากคนรอบข้างนั้นไม่ง่าย
ไหนจะมารดาที่รักลูกยิ่งชีพ บิดาหัวโบราณชอบวางอำนาจ และพี่ชายสุดเข้มงวด
ที่ทำเอาเซียวจยาซู่ต้องคิดหนัก แม้ว่าเขาอยากจะให้คนอื่น ๆ ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับพี่จี้ก็ตาม
แต่ก็ยังคงต้องเก็บงำไว้ ไม่อาจประกาศออกไปได้

ทว่าถึงจะไม่พูดแต่ใช่ว่าการกระทำของทั้งคู่จะรอดพ้นสายตาของคนเป็นแม่
เมื่อเซวียเหมี่ยวรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอก็รีบจับเซียวจยาซู่แยกจากจี้เหมี่ยนทันที
แต่มีหรือที่คนอย่างจี้เหมี่ยนจะไม่คิดทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 110

ความรักทำให้คนกล้าหาญ

 

ฉาก ‘ความวุ่นวายในคุก’ นี้สำคัญมาก เซียวจยาซู่กับจี้เหมี่ยนถ่ายฉากนี้กันตั้งแต่สิบเอ็ดโมงเช้าจนถึงสี่ทุ่มก็ยังไม่เสร็จสิ้น หลายวันต่อมาก็ยังถ่ายทำกันต่ออีก แต่ไม่ว่าจะเป็นงานที่ยากเพียงใด การที่พวกเขามีกันและกันอยู่ก็ไม่ทำให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย แถมตอนที่เลิกงานยังขับรถไปดูดาวบนภูเขากันเสียด้วยซ้ำ

เมื่อกลับมาถึงโรงแรม เซียวจยาซู่ก็เปิดกระเป๋าเป้กับถุงของกินด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ เขาหยิบของจำเป็นทั้งถุงยางอนามัย เจลหล่อลื่น และยาทาแก้ริดสีดวงทวารหม่าอิงหลงออกมา

จี้เหมี่ยนทำเป็นตกอกตกใจพลางถาม “นายซื้อของพวกนี้มาตอนไหนเนี่ย”

เซียวจยาซู่เกาหู ตอบอ้อมแอ้มว่า “เจอก็ซื้อแหละครับ ยังไงช้าเร็วพวกเราก็ต้องใช้กันอยู่แล้ว” ก็นอนด้วยกันขนาดนั้นแล้วยังจะปิดบังอะไรอีกล่ะ บ้าจริง!

จี้เหมี่ยนเอามืออุดปากไอแค็ก ๆ เสียงเบาเพื่อไม่ให้ตัวเองกลั้นไม่ไหวแล้วหัวเราะออกมา เขาเดินไปหาคนรัก ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้บีบเนื้อแก้มนุ่มนิ่ม แอบพยักหน้าอยู่ในใจ…ใช่จริง ๆ เหมือนหน้าจะหนากว่าเมื่อวานอยู่หลายมิลเลยนะเนี่ย

เซียวจยาซู่โดนอีกฝ่ายหยิกแก้มแล้วก็งง ๆ แต่ไม่ได้หลบเลี่ยง เขากลับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยดวงตารื้นน้ำ “พี่จี้ เราไปอาบน้ำกันครับ” รีบถอดเสื้อผ้าสิ! เมื่อเช้ารับปากผมแล้วไม่ใช่หรือว่าคืนนี้จะอาบน้ำแบบคู่รักกันน่ะ จะมาผิดคำพูดไม่ได้น้า!

จี้เหมี่ยนหยิกแก้มนุ่มอีกรอบแล้วกลั้นหัวเราะพลางเอ่ย “ได้ ไปก่อนเลย พี่ขอโทร.หาฟางคุนหน่อย”

“งั้นพี่รีบตามมานะ” เซียวจยาซู่มองค้อนอีกฝ่ายแล้วจึงเดินเข้าห้องอาบน้ำไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็รีบวิ่งกลับออกมาเพื่อหยิบถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นบนโต๊ะเข้าไปด้วย เขาเปิดประตูห้องอาบน้ำ นั่งเซ็งอยู่บนชักโครก แล้วก็มองพี่จี้โทรศัพท์คุยงานกับฟางคุน เขารู้สึกว่าเวลาหนึ่งวันเหมือนนานเป็นปี…ไม่สิ ต้องบอกว่าเวลาวินาทีเดียวเหมือนนานเป็นปีจึงจะถูก

จี้เหมี่ยนคุยโทรศัพท์พลางมองเขา รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้านั้นไม่เลือนหายไปเลย

เซียวจยาซู่ทำปากยื่นส่งจูบให้จี้เหมี่ยนหลายครั้ง หางตาก็คอยชำเลืองมองถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นที่วางอยู่บนอ่างล้างหน้า จากนั้นก็พลันคิดขึ้นได้ว่า เอ๊ะ ไม่สิ! มีน้ำไหลผ่านกับมีครีมอาบน้ำเป็นตัวหล่อลื่นอยู่แล้ว เรากับพี่จี้ก็ไม่ต้องใช้ของพวกนี้หรอกมั้ง ใส่ถุงยางอนามัยทำรักกันมันจะต่างกับการใส่รองเท้าแล้วพยายามเกาเท้าที่คันตรงไหนล่ะ ไม่ได้การ ของพวกนี้คงไม่ได้ใช้ชั่วคราว เอาไปเก็บดีกว่า

เขารีบหยิบของเหล่านั้นออกไปใส่ไว้ในตู้หัวเตียง ตอนที่เดินผ่านด้านหลังพี่จี้ก็กอดอีกฝ่ายเอาไว้แล้วเอาตัวถูไถเล็กน้อย ให้พี่จี้รู้สึกถึงร่างกายที่ทนรอแทบไม่ไหวของตน

จี้เหมี่ยนพูดจาติดขัดขึ้นมาทันที เขาตอบรับบทสนทนาของฟางคุนไม่ได้ไปชั่วขณะ ได้แต่จับคนรักขี้เล่นของตนจากด้านหลังเข้ามากอดเอาไว้ข้างหน้าแล้วจูบแบบเฟรนช์คิสลึกซึ้ง “เป็นเด็กดีนะ อีกแป๊บเดียว สิบนาทีเดี๋ยวพี่ไปเลย” โทรศัพท์สายนี้เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงการใหญ่หลายโครงการ เขาจึงต้องจัดการเอง

“งั้นก็เร็ว ๆ นะครับ” เซียวจยาซู่พยักหน้า จากนั้นจึงค่อยเดินลากเท้าเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั่งบนชักโครกไปประมาณสามนาทีก็กระวนกระวายใจอีกรอบ เดินออกมาอยู่ที่ประตูห้องน้ำแล้วบิดเอวไปมาพลางถอดเสื้อผ้า ทั้งยังกระดิกนิ้วใส่พี่จี้ด้วย

แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูเงอะงะ แต่สองแก้มนั้นเป็นสีแดงเรื่อ ดวงตาฉ่ำน้ำเต็มไปด้วยความกระหายอยากและความรักใคร่ที่ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด ทำให้เซียวจยาซู่ดูเซ็กซี่อย่างใสซื่อ และยังเพิ่มความเย้ายวนให้กับท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขามากขึ้นไปอีก จี้เหมี่ยนไม่ได้ยินแล้วว่าฟางคุนพูดอะไรอยู่ สายตาคมกริบจับจ้องคนรักเขม็ง

“ฮัลโหล ๆ ๆ พี่จี้ ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย” ฟางคุนเรียก

จี้เหมี่ยนเงียบไปประมาณหนึ่งนาทีจึงเอ่ยเสียงแหบพร่า “รอฉันสักชั่วโมง…ไม่สิ สองชั่วโมง…ช่างเถอะ วันนี้ก่อนเลิกงานฉันจะโทร.ไปแล้วกัน ให้พวกบอร์ดบริหารรอก่อนนะ” ว่าจบก็ถอดเสื้อสูท ทึ้งกระดุมเสื้อเชิ้ตจนหลุดแล้วเดินไปหาคนรักอย่างรวดเร็ว

เซียวจยาซู่ถอยสองก้าวทันที ทำท่าเตรียมดีดตัวแล้วกระโจนเข้าใส่อ้อมกอดพี่จี้ เขากอดพี่จี้เอาไว้ทั้งแขนทั้งขาเหมือนโคอาลาแล้วกัดหูอีกฝ่ายเบา ๆ

จี้เหมี่ยนสบถเบา ๆ จากนั้นก็ตีก้นขาวนุ่มของคนรักแรง ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจทำใจวางอีกฝ่ายลงบนอ่างล้างหน้าเย็น ๆ ได้ จึงได้แต่อุ้มเอาไว้แล้วจูบริมฝีปากแดงจัดนั้น ทั้งคู่จมลงสู่ทะเลแห่งความปรารถนาอย่างรวดเร็ว รักจนไม่อาจแยกจาก

ขณะรีบเร่งจี้เหมี่ยนลืมวางสาย ทำให้ฟางคุนที่ยังพึมพำอะไรอยู่คนเดียวนั้นพลันได้ยินเสียงแหบพร่าดังแว่วมา “วันนี้ทำตัวน่าตีหรือเปล่าหืม”

“พี่จี้ ว่าฉันหรือเปล่า” ฟางคุนนิ่งอึ้งไปทันที เมื่อฟังดูดี ๆ แล้วจึงพบว่า…เวรเอ๊ย พี่จี้แม่งทิ้งโครงการหลายร้อยล้านไปอย่างไม่ไยดีเพื่อไปทำเรื่องอย่างว่ากับแฟนน่ะนะ เซียวจยาซู่ ร้องดังกว่านี้อีกได้ไหมล่ะ

เสียงที่ดังมาจากปลายสายฟังดูยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาฟางคุนเลือดลมสูบฉีด ร้อนรุ่มไปทั้งตัวจนต้องวางสายไป ไม่คิดเลยนะเนี่ย ไม่คิดเลย คุณชายรองเซียวออกจะดูทะนงตนขนาดนั้นแท้ ๆ แต่พออยู่บนเตียงกลับเป็นของดีขนาดนี้ พี่จี้นี่ช่างมีบุญจริง ๆ!

โทรศัพท์สายนี้เขาต้องรออีกฝ่ายถึงสี่ชั่วโมงกว่าจะโทร.กลับมา ฟางคุนนับเวลาดูแล้ว ตอนนี้ทางอเมริกาน่าจะประมาณตีสองตีสาม แต่เสียงของพี่จี้ยังฟังดูไม่เหนื่อยสักนิด ทว่ากลับเต็มไปด้วยความอิ่มเอม ตอนนี้จี้เหมี่ยนนอนอยู่บนเตียง ในอ้อมกอดมีคนรักร่างเปลือยเปล่า เขาถาม “เลิกงานแล้วหรือ”

“ยัง รอนายอยู่นั่นแหละ” ฟางคุนรีบหยิบสมุดบันทึกออกมา

จี้เหมี่ยนเพิ่งจะเริ่มสั่งงาน เซียวจยาซู่นอนเล่นเกมมือถืออยู่ในอ้อมอกของเขา อีกฝ่ายปรับเสียงเกมให้เบาลงมาก ๆ เมื่อเล่นผ่านด่านก็เงยหน้าขึ้นมา ‘จุ๊บ ๆ ๆ’ ที่หูหรือไม่ก็แก้มของพี่จี้

หลังเสร็จกิจเขามักชินกับการนอนกอดพี่จี้ ต่อให้ไม่พูดอะไรกันเลยก็ยังรู้สึกผ่อนคลายมาก

เขาว่ากันว่าหลังจากกิจกรรมทางเพศอันร้อนแรงเสร็จสิ้น ความรู้สึกแห่งการถึงจุดสุดยอดคลายลงแล้ว นั่นคือเวลาที่คนคนหนึ่งมักจะรู้สึกเคว้งคว้างที่สุด แต่เซียวจยาซู่กลับไม่ได้คิดอย่างนั้น เมื่อเขานอนอยู่ในอ้อมอกของพี่จี้ ปล่อยให้ร่างกายร้อนผ่าวได้ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจจนสงบนิ่ง มันก็เป็นเหมือนการเยียวยาอย่างหนึ่งซึ่งจะขจัดความเหนื่อยล้าและวุ่นวายใจตลอดทั้งวันออกไปได้ทั้งหมด

ดังนั้นนอกจากการทำรักแล้ว ตอนนี้ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่เขาดื่มด่ำกับมันมากที่สุดด้วย เขาเล่นเกมผ่านด่านด้วยความเร็วสูงอีกครั้งแล้วก็เงยขึ้นไปจุ๊บ ๆ พี่จี้ตามธรรมเนียม ในใจรู้สึกแสนหวานและอบอุ่นเหลือเกิน

เมื่อจี้เหมี่ยนกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมอก ได้ยินเสียงในใจของเซียวจยาซู่ทั้งหมด ทั้งยังรู้สึกถึงความผ่อนคลายและความสุขของอีกฝ่ายเช่นนี้ ตัวเขาเองก็เหมือนได้รับความพึงพอใจอันไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่าเช่นกัน น้ำเสียงที่เขาคุยโทรศัพท์นั้นจึงฟังดูอ่อนโยนลงมากโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่ฟางคุนให้เขาหยุดพูดเพื่อที่ตนจะจดบันทึก เขาก็จะก้มลงจุมพิตริมฝีปากแดงอิ่มของคนรัก ดูดกลืนความหวานฉ่ำจากปากของอีกฝ่าย

มีคนกล่าวไว้ว่า ‘ความรักคือสงคราม’ ก่อนที่เขาจะมาผูกสัมพันธ์กับเสี่ยวซู่ เขาคิดมาตลอดว่าคำพูดนี้มีเหตุผลมาก แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ความรักที่แท้จริงเต็มไปด้วยความสุขและปีติ ไม่มีเรื่องเธอแกร่งฉันอ่อนแอ หรือเธอแพ้ฉันชนะ เขารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ตนหาคนที่ใช่พบ และยังรู้สึกโชคดีด้วยที่ตนไม่ได้ถอยเพราะความกังวลนั้น

หากเสียเสี่ยวซู่ไป เขาก็คงเหมือนพลั้งพลาดจากโลกทั้งใบ

จูบนี้ของเขาอ่อนโยนและเกี่ยวพันยาวนาน ทำให้เซียวจยาซู่จำต้องวางโทรศัพท์มือถือหันไปกอดศีรษะพี่จี้เอาไว้แล้วจูบตอบอย่างทุ่มเทหมดทั้งหัวใจ ผ่านไปหลายนาทีเซียวจยาซู่ก็ถามโดยที่ยังครอบครองริมฝีปากพี่จี้อยู่ “คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วหรือครับ”

จี้เหมี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเบา ๆ “ยัง ยังมีอีกสองสามประเด็นต้องคุย รอพี่อีกแป๊บนึงนะ หืม” เขาไม่ได้ให้เสี่ยวซู่เข้านอนก่อน เพราะรู้ว่าต่อให้พูด อีกฝ่ายก็ไม่รับปากอยู่ดี แล้วจะยิ่งนอนไม่หลับไปอีก เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันก็ทำให้เสี่ยวซู่ชินกับอ้อมกอดและลมหายใจของเขาไปเสียแล้ว พวกเขาเหมือนคนรักที่เพิ่งจะตกลงไปในบ่วงแห่งรักจึงรักกันอย่างร้อนแรง และก็เหมือนกับคู่สามีภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาแล้วหลายสิบปีจึงมีพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี

เซียวจยาซู่พยักหน้าอย่างว่าง่าย แม้จะง่วงงุนเล็กน้อย แต่ก็พอใจมาก ถ้าพี่จี้ให้เขานอนก่อนเขาคงจะผิดหวังนิด ๆ ด้วยซ้ำเพราะคิดว่าพี่จี้ไม่ได้ต้องการตนมากขนาดนั้น แต่พี่จี้ให้เขารอ เขาจึงมีความสุขมาก พอใจมาก พี่จี้อยากจะกอดเขาเข้าสู่ห้วงฝันไปด้วยกันเลยนะ ดีมากเลย!

เขาเอาแก้มแนบอกกว้างแข็งแกร่งของพี่จี้แล้วฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเงียบ ๆ ทุกเซลล์ของเขาแนบสนิทกับอีกฝ่ายแล้ว

จี้เหมี่ยนลูบเส้นผมดำขลับของเซียวจยาซู่แล้วจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลา จากนั้นจึงเอ่ยเบา ๆ “ฟางคุน ยังอยู่ไหม”

ฟางคุนหมดแรง “ยังอยู่ พี่จี้ โทร.ทางไกลต่างประเทศมันแพงมากนะ จ่ายค่าโทรศัพท์เองด้วย!” ระหว่างคุยงานกัน ปลายสายก็มีเสียงดังเข้าโทรศัพท์มาเป็นระยะ เดี๋ยวจุ๊บ ๆ เดี๋ยวก็จุ๊บ ๆ คิดว่าเขาเคยมีแฟนไม่กี่คนแล้วจะไม่รู้หรือไง ต้องเป็นเซียวจยาซู่แอบจุ๊บพี่จี้แน่ ๆ! แล้วน้ำเสียงที่พี่จี้พูดก็ยิ่งฟังดูอ่อนโยนขึ้นทุกที เห็นได้ชัดเลยว่าจมปลักลงไปในความหวานทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วนั่น

พูดกันตามตรง ฟางคุนน่ะขนลุกไปทั้งตัวแล้ว เขาทำใจให้ชินกับความเปลี่ยนแปลงของพี่จี้ได้ยากจริง ๆ เมื่อก่อนเวลาคุยงานน้ำเสียงของพี่จี้จะเคร่งเครียดเย็นชามาก ทำให้คนที่คุยด้วยต้องนั่งหลังตรงตั้งใจฟังเต็มที่โดยไม่รู้ตัว

แต่ตอนนี้น่ะหรือ บทสนทนาเรื่องหนึ่งโดนแบ่งเป็นหลายท่อน พูดสองสามประโยคก็มีเสียงจุ๊บ ๆ ร้อนแรงดังมาจากปลายสายสักครั้งหนึ่ง สองคนนั่นเป็นหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าที่ได้เจอกันแค่ปีละครั้งหรืออย่างไรกัน ฟางคุนสะกดความปรารถนาที่อยากจะอาเจียนจากความหวานพวกนั้นเอาไว้แล้วรีบบันทึกเรื่องงานที่พี่จี้สั่งลงไป

คราวนี้กลับราบรื่นมาก ไม่มีเสียงจุ๊บ ๆ ของเซียวจยาซู่ขัดจังหวะอีกแล้ว สิบนาทีต่อมาฟางคุนก็วางสาย เขาส่ายหน้าพลางว่า “จบกัน คราวนี้พี่จี้ไปไหนไม่รอดของจริงแล้ว”

 

เซียวจยาซู่กับจี้เหมี่ยนซึ่งตอนกลางวันทำงาน ตอนกลางคืนทำรักนั้น หลายวันมานี้รู้สึกกระชุ่มกระชวยตลอดเวลา พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวในการถ่ายทำฉาก ‘ความวุ่นวายในคุก’ จนเสร็จ ฉากต่อไปคือฉาก ‘ไล่ล่าบนถนน’ เป็นฉากที่เซียวจยาซู่ต้องเข้ากับอู๋ฉวนอี้ทั้งหมด ไม่มีบทของจี้เหมี่ยนเลย แต่เขาก็ยังไปรายงานตัวที่กองถ่ายทุกวัน รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเสี่ยวซู่และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับของจ้าวชวนไปด้วย

วันนี้กองถ่ายยกกันมาที่สะพานใหญ่ซึ่งปิดชั่วคราวเพื่อเตรียมถ่ายทำฉาก ‘กระโดดสะพานหนีตาย’ ในบทภาพยนตร์นั้นสวีเทียนโย่วกับหานตงโดนนักฆ่าล้อมเอาไว้ทุกทิศ จึงต้องกระโดดลงจากสะพานใหญ่ดำลงไปในน้ำและหนีเอาชีวิตรอดมาได้อย่างราบรื่นในที่สุด แต่ความเป็นจริงนั้นจ้าวชวนไปหาสะพานใหญ่สองแห่งที่ดูคล้ายคลึงกันมาเป็นสถานที่ถ่ายทำ สะพานหนึ่งสูงเพียงเจ็ดแปดเมตรเท่านั้น ด้านล่างเป็นพื้นโล่ง สามารถวางเบาะลมนิรภัยกับตาข่ายป้องกันเอาไว้ได้ ส่วนอีกสะพานหนึ่งความสูงมากกว่าร้อยเมตร ด้านล่างเป็นแม่น้ำกว้างใหญ่

ตอนที่ถ่ายทำนักแสดงนำทั้งสองต้องกระโดดจากสะพานที่เตี้ยกว่าลงมาก็เป็นอันใช้ได้ จ้าวชวนจะถ่ายช็อตโคลสอัปพวกเขาเอาไว้ ส่วนสะพานใหญ่สูงร้อยเมตรนั้นจะให้สตั๊นท์เป็นคนกระโดดและถ่ายเก็บภาพลองช็อตกับภาพรวมทั้งหมด การกระโดดจากความสูงมาก ๆ ลงมานั้นเดิมก็เป็นงานที่อันตรายมากอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องที่ด้านล่างเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวด้วย หากจัดการไม่ดีอาจจะเกิดอุบัติเหตุกับนักแสดงได้ ดังนั้นฉากนี้จึงต้องใช้สตั๊นท์มืออาชีพมาแสดง เพราะคนเหล่านั้นมีประสบการณ์มากกว่า

“เสี่ยวอี้ เสี่ยวซู่ เดี๋ยวพวกนายกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งมาทางนี้นะ ต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย จากนั้นก็ข้ามรั้วกั้นมาแล้วก็ทำหน้ากลัว ก่อนจะหันไปมองพวกนักฆ่า ตอนพวกเขาหยิบปืนออกมา พวกนายก็สูดหายใจลึก ๆ แล้วกระโดดลงไป” จ้าวชวนเอ่ยปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเอาไว้พร้อมแล้ว เบาะนิรภัยหนาสามเมตร รอบ ๆ ยังมีตาข่ายป้องกันอีก พวกวัตถุแหลมคมก็ย้ายออกไปหมดแล้ว รับพวกนายเอาไว้ได้แน่ เสี่ยวซู่ ตอนที่กระโดดลงมาอย่าลืมกรีดร้องด้วย สีหน้าก็พยายามให้ดูเว่อร์ ๆ นิดหนึ่งนะ”

“นายไม่ต้องพูดฉันก็คงร้องอยู่แล้วละ” เซียวจยาซู่ฝืนทำหน้านิ่ง ตอนรับบทมาเขาก็รู้แล้วว่าฉากนี้จะเป็นหนึ่งในฉากที่ยากที่สุดสำหรับเขา การกระโดดสะพานไม่เหมือนกับการแขวนตัวอยู่บนสลิง อย่างแรกคือเป็นฝ่ายกระทำเอง ส่วนอีกอย่างหนึ่งเป็นฝ่ายถูกกระทำ

ต่อให้กลัวแค่ไหนเครื่องดึงสลิงก็จะบังคับให้ท่าทางทั้งหมดของเขาเป็นไปตามนั้น แต่การกระโดดสะพานจะทำอย่างไรเล่า เขาสงสัยจริง ๆ ว่าตัวเองจะก้าวข้ามด่านยากนี้ไปได้หรือเปล่า ถ้าตั้งแต่ต้นจนจบเขารวบรวมความกล้าได้ไม่มากพอ ก็คงไม่มีทางแสดงฉากนี้ได้แน่ เว้นเสียแต่จะใช้สแตนด์อินเท่านั้น

ไม่ ๆ ๆ ใช้สแตนด์อินไม่ได้! เขาปฏิเสธความคิดนี้ทันที ฉากนี้ต้องมีการถ่ายทั้งช็อตระยะใกล้และโคลสอัป จ้าวชวนจะถ่ายสีหน้าท่าทางของพวกเขาเป็นหลัก ถ้าให้สแตนด์อินมาแสดงแทน อีกฝ่ายจะออกกล้องแบบหน้าตรงไม่ได้ ฉากที่เดิมต้องถ่ายทอดความรู้สึกบีบคั้นและเสี่ยงภัยนั้นคงได้แต่ทำอย่างขอไปที และผลของมันก็จะทำลายภาพยนตร์ทั้งเรื่องให้เสียหายได้

สำหรับเซียวจยาซู่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางทนได้เลย เขากำหมัด ตัดสินใจเองเงียบ ๆ

จี้เหมี่ยนถือโกโก้ร้อนแก้วหนึ่งเดินมาหาแล้วเอ่ยปลอบ “ดื่มอะไรหวาน ๆ หน่อย อารมณ์จะได้ผ่อนคลาย”

“พี่จี้ ผมกลัวนิดหน่อย” เซียวจยาซู่ดื่มเข้าไปอึกหนึ่งอย่างว่าง่าย เขาพูดเสียงเบา “ที่จริงผมกลัวความสูง” เป็นสามีภรรยากันแล้ว เรื่องแค่นี้เขาย่อมต้องบอกพี่จี้

จี้เหมี่ยนลูบศีรษะเขาแล้วพูดเบา ๆ “ที่จริงพี่ก็กลัวความสูง”

เซียวจยาซู่รู้นานแล้ว แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นตกใจ จากนั้นก็กอดพี่จี้แรง ๆ แล้วกำชับว่า “ตอนผมกระโดดพี่ก็อยู่ห่าง ๆ นะ อย่ามองลงไป ไม่สิ ๆ พี่อย่าไปยืนบนสะพานเลย ไปรอผมข้างล่างดีกว่า” พี่จี้รักเราออกขนาดนั้น ตอนเรากระโดดเขาต้องอดมองลงไปด้วยไม่ได้แน่ ๆ แบบนั้นไม่ได้นะ! ความกลัวน่ะเอาไว้ให้เรากลัวคนเดียวก็พอ จะให้พี่จี้ตื่นตระหนกตกใจกลัวไปด้วยไม่ได้หรอก

เมื่อคิดอย่างนี้แล้วเซียวจยาซู่ก็โบกมือให้ทีมงานฝ่ายฉากคนหนึ่ง “เสี่ยวหวัง จะลงไปข้างล่างหรือเปล่า ฝากพาพี่จี้ลงไปด้วยคนสิ”

ทีมงานฝ่ายฉากที่เตรียมจะขับรถลงไปตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์นิรภัยด้านล่างสะพานพยักหน้ารับทันที “ได้ครับ ขึ้นมาเลย”

“ไม่ต้องหรอก ขอบใจนะ ฉันจะดูอยู่ตรงนี้แหละ” จี้เหมี่ยนปฏิเสธไปอย่างสุภาพ เมื่อทีมงานคนนั้นไปแล้วจึงกอดเสี่ยวซู่จากด้านหลังพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่รู้ว่ากระโดดลงไปน่ะมันยากมาก และการก้าวข้ามขีดจำกัดความกลัวของตัวเองก็ยากยิ่งกว่า ในเวลาแบบนี้พี่จะไม่อยู่ข้าง ๆ นายได้ยังไงล่ะ”

“พี่จี้…” คนที่โดนจี้ใจดำอย่างเซียวจยาซู่หมุนตัวในอ้อมกอดของจี้เหมี่ยนแล้วกอดเอวบาง ๆ ของอีกฝ่ายเอาไว้ ในที่สุดเขาก็ได้ระบายความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจออกมาทั้งหมด “ผมไม่ได้กลัวนิดหน่อยหรอก ผมกลัวมาก ๆ ๆ เลยละ! ผมกลัวว่าผมจะก้าวข้ามมันไปไม่ได้สักที แล้วจะกลายเป็นตัวถ่วงการถ่ายทำของทั้งกอง พี่จี้ ฮือ ๆ ๆ…”

เขาซุกศีรษะลงกับซอกคออุ่นๆของจี้เหมี่ยน ถูใบหน้าซ้ายทีขวาที สูดจมูกฟืดฟาด ตัวสั่นเทิ้มเหมือนลูกสุนัขที่ถูกทิ้งกลางคืนหนาวจัดหิมะกระหน่ำ

จี้เหมี่ยนถอดเสื้อคลุมมาคลุมตัวอีกฝ่ายเอาไว้แล้วตบหลังปลอบไม่หยุด สีหน้าของอีกฝ่ายทั้งทำให้เอ็นดูและดูตลกเล็กน้อย แม้แต่ท่าทางเวลากลัวของเสี่ยวซู่ก็ยังน่ารักขนาดนี้ ทำเอาเขาใจอ่อนยวบไปหมด อยากจะพูดโน้มน้าวอีกฝ่ายว่าไม่ต้องถ่ายแล้ว แต่ก็รู้ว่าเสี่ยวซู่ต้องไม่ตกลงแน่ อีกฝ่ายคาดหวังในตัวเองสูงมาก และรักความสมบูรณ์แบบมากเหลือเกิน

ถ้าเข้าใจเสี่ยวซู่ก็ควรจะสนับสนุน ดังนั้นจี้เหมี่ยนจึงไม่พูดอะไรเลย เขาทำเพียงกอดคนรักเอาไว้แน่น ๆ ใช้ความอดทนทั้งหมดในการปลอบประโลมและกล่อมเสี่ยวซู่ ก่อนถ่ายทำก็ยังไม่อาจทำใจให้อีกฝ่ายออกจากอ้อมกอดตนไปได้

จ้าวชวนได้ยินว่าเซียวจยาซู่เป็นโรคกลัวความสูงก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร เพียงแค่ให้ทีมงานไปตรวจสอบอุปกรณ์นิรภัยอีกครั้งทันที สี่สิบห้าสิบนาทีให้หลัง ทีมงานที่ตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดไปสิบกว่ารอบแล้วก็ถามผ่านวิทยุสื่อสารมาว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่เกิดปัญหาแน่นอน ผู้กำกับ เริ่มถ่ายได้หรือยัง”

“เสี่ยวซู่ พร้อมหรือยัง” จ้าวชวนหันไปมองเซียวจยาซู่

“พร้อมแล้ว” เซียวจยาซู่หายใจเข้าลึก

“โอเค งั้นก็เริ่มถ่าย!”

เมื่อเขาสั่ง อู๋ฉวนอี้กับเซียวจยาซู่ก็เปิดประตูรถที่โดนชนจนยับเยินออกมาแล้วกระโดดข้ามรั้วกั้นอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งไปตามริมสะพาน รอบด้านมีแต่นักฆ่า แทบจะปิดทางหนีของพวกเขาเอาไว้ทั้งหมด ด้วยหมดหนทางพวกเขาจึงข้ามราวกั้นสะพานเตรียมจะกระโดดลงไปข้างล่าง

และไม่กี่วินาทีให้หลัง ที่เบาะนิรภัยก็มีอู๋ฉวนอี้นอนอยู่คนเดียว ส่วนเซียวจยาซู่ยังยืนอยู่บนสะพาน หน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้

จี้เหมี่ยนรีบเข้าไปอุ้มเซียวจยาซู่ออกมา หน้าผากของเขามีเหงื่อเกาะพราว จนถึงตอนนี้เขาจึงเพิ่งจะรู้ว่าการได้เห็นเสี่ยวซู่เสี่ยงอันตรายนั้นทรมานยิ่งกว่าการไปสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเองเสียอีก เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะยืนไม่มั่นคงแล้วตกลงไป กลัวว่าถ้าตกลงไปแล้วจะตกไม่ตรงกับเบาะลม ทั้งยังกลัวว่าเบาะลมจะกระเด้งมากเกินไปจนดีดร่างของเสี่ยวซู่ลงไปบนพื้นดินแข็ง ๆ…

สรุปแล้วเขามีเรื่องที่ต้องกังวลมากมายเกินไป ความเป็นไปได้เล็กน้อยทุกอย่างแทบจะกลายเป็นเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของเขาทีละเล่ม ๆ

“พี่จี้ ผมทำไม่ได้” เซียวจยาซู่จับคอเสื้อของจี้เหมี่ยนเอาไว้แน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและทุกข์ใจ เขาผิดหวังในตัวเองมาก

จี้เหมี่ยนลูบแผ่นหลังสั่นเทาของเซียวจยาซู่เบา ๆ แล้วก็ตัดสินใจ “หรือไม่อย่างนั้นให้พี่ลองกระโดดดูก่อนไหม” ถ้าไม่ได้กระโดดลงไปเองเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นิรภัยต่าง ๆ ปลอดภัยจริง เขาก็คงไม่อาจปลอบหรือยืนยันความปลอดภัยใด ๆ กับอีกฝ่ายได้ และคงไม่อาจทนมองเสี่ยวซู่กระโดดลงไปได้แน่

“หา” เซียวจยาซู่ตกใจ หลังจากนั้นก็ได้สติขึ้นมาอย่างเร็วรี่ “ไม่ ๆ ๆ พี่อย่าโดดนะ ห้ามโดดนะ!” เขากอดเอวจี้เหมี่ยนแน่น ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนจึงได้อุ้มจี้เหมี่ยนขึ้นมาแล้วรีบวิ่งไปให้ไกลจากสะพานมากขึ้นอีก

จี้เหมี่ยนไม่ทันตั้งตัวจึงต้องกอดคอเสี่ยวซู่เอาไว้แน่น เขารู้สึกว่าสองเท้าลอยพ้นพื้นไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังออกห่างจากสะพานไกลขึ้นเรื่อย ๆ เขาอดกุมขมับหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ พระเจ้า ทำไมพระองค์ถึงประทานคนรักที่น่ารักขนาดนี้ให้ผมเนี่ย รับไม่ไหวแล้ว รับไม่ไหวแล้วจริง ๆ ความกังวลกับความกลัวทั้งหลายมันหายไปหมด เหลือไว้แค่ความซาบซึ้งใจล้วน ๆ

“เสี่ยวซู่ วางพี่ลงก่อน” เขาตบบ่าคนรักแล้วก็เอ่ยยืนยัน “พี่จะกระโดดลงไปครั้งหนึ่งก่อน ถ้าแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วนายค่อยกระโดด นายกลัวว่าพี่กระโดดลงไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ก็เหมือนกันนั่นแหละ พี่ก็ห่วงเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเพื่อให้พวกเราทั้งสองคนวางใจกันทั้งคู่ ก็กระโดดกันคนละที พี่เอาชนะความกลัวเพื่อนายได้ แล้วนายทำได้หรือเปล่า”

เซียวจยาซู่ค่อย ๆ วางจี้เหมี่ยนลง เขาพยักหน้าอย่างแรง “ได้ ต้องได้อยู่แล้ว! พี่จี้ ผมรักพี่จะตายอยู่แล้วเนี่ย!” เขากอดจี้เหมี่ยนแล้วแอบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมากับบ่าของอีกฝ่าย ที่แท้พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกัน ความเป็นห่วงที่มีให้กันมันมากเกินกว่าความใส่ใจที่มีต่อตัวเองไปแล้ว

ความรักจะทำให้คนกล้าหาญขึ้น เซียวจยาซู่เห็นด้วยกับคำพูดนี้เป็นพิเศษก็ตอนนี้เอง เขาไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงพูดเบา ๆ ว่า “ผมไม่ให้พี่กระโดดก่อนหรอก พวกเรากระโดดด้วยกันนี่แหละ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็เกิดพร้อม ๆ กัน ไม่อย่างนั้นผมไม่ยอมด้วย”

จี้เหมี่ยนเช็ดหางตาชื้นให้แล้วก็เอ่ยด้วยความเอ็นดู “พูดเหลวไหลอะไร ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเราหรอก”

สองคนกอดกันเงียบ ๆ ครู่หนึ่งจึงเดินมาที่ริมสะพานใหม่ แล้วก็บอกสิ่งที่คิดเอาไว้กับจ้าวชวน

จ้าวชวนละยอมใจสองคนนี้จริง ๆ เขาพูดอย่างหมั่นไส้ “พวกนายทำอะไรกันอยู่ ฉันทำหนังแอ๊คชั่นคอมเมดี้นะ ไม่ได้ทำหนังโรมิโอจูเลียต ได้ โดดก็โดด โดดเสร็จแล้วถ้าเสี่ยวซู่ยังไม่กล้าอีกละก็ ฉันจะเอาโทรโข่งตีพวกนายให้ตายเลย”

“ชวนเอ่อร์ พักนี้นิสัยนายเหมือนมนุษย์ป้ามากขึ้นนะ ทำไมเกรี้ยวกราดจัง” เซียวจยาซู่หยอกไปหนึ่งยกแล้วจึงข้ามรั้วกั้นโดยมีพี่จี้คอยช่วย

จี้เหมี่ยนจับมือเขาเอาไว้แล้วพูดอย่างใจเย็น “พี่นับหนึ่ง สอง สาม พวกเรากระโดดพร้อมกันนะ”

“ครับ”

หนึ่ง สอง สาม ไม่ว่าใครก็จะเร็วเกินไปหรือช้าเกินไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ถ้าเร็วหรือช้าเกินไปก็จะกลายเป็นดึงคนรักลงไปด้วย แล้วก็จะส่งผลต่อความแม่นยำของจุดตก ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งคู่ซึ่งต่างฝ่ายต่างเห็นอีกคนสำคัญกว่านั้นกลับเต็มไปด้วยความกล้าหาญ สามวินาทีให้หลังก็จับมือกันกระโดดลงไป ท่าทางนั้นดูเด็ดเดี่ยวมาก

ก่อนถึงพื้น จี้เหมี่ยนกอดเสี่ยวซู่เอาไว้ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้แรงดีดของเบาะลมทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน และเพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวของเสี่ยวซู่บาดเจ็บจากแรงกระแทกด้วย ส่วนเซียวจยาซู่เองก็กอดศีรษะของพี่จี้เอาไว้แน่นเพื่อป้องกันอันตรายให้เช่นกัน

พวกเขากอดกันอยู่บนเบาะลม กระเด้งกระดอน จุมพิต เมื่อจูบกันเสร็จก็จ้องตากันและกันอย่างลึกซึ้ง พวกเขาพบว่ามันฉายแววเอาใจใส่และซาบซึ้งออกมาเหมือน ๆ กัน จากนั้นก็เอาหน้าผากชนกันแล้วหัวเราะ

“กลัวไหม” จี้เหมี่ยนคลึงริมฝีปากแดงชื้นของเสี่ยวซู่

“ไม่กลัวครับ ยังรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจนิด ๆ อยู่เลย” สีหน้าเซียวจยาซู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

จี้เหมี่ยนก้มหน้าหัวเราะแล้วค่อย ๆ พูดขึ้น “พี่ก็เหมือนกัน เร้าใจมาก ที่จริงพวกเราโดดกันอีกทีก็ได้นะ”

“งั้นเอาอีกไหมล่ะ” เซียวจยาซู่ลุกขึ้น สีหน้าของเขาดูกระตือรือร้นอยากจะลองอีก แต่กลับได้ยินเสียงจ้าวชวนตะคอกอย่างอารมณ์เสียผ่านวิทยุสื่อสารมาเสียก่อน “พวกนายสองคนเสร็จเรื่องกันได้หรือยัง อยากโดดบันจี้จั๊มป์ก็ไปสวนสนุกโน่น อย่ามาวุ่นวายที่เซต! ถ้าไม่กลัวแล้วก็ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เราจะถ่ายทำกันแล้ว!”

“มาแล้ว ๆ” เซียวจยาซู่รับวิทยุสื่อสารที่ทีมรักษาความปลอดภัยส่งมาให้ เขาประกาศอย่างสนุกสนาน “ชวนเอ่อร์ ดูให้ดีนะ ฉากนี้รับรองว่าฉันจะเล่นเทคเดียวผ่าน ไม่ NG เลย!”

จ้าวชวนผ่อนน้ำเสียงลง “พูดจาเหลวไหลให้มันน้อย ๆ หน่อย รีบขึ้นมา จะ NG หรือไม่ก็ช่าง ขอแค่พวกนายปลอดภัยก็พอ พี่จี้ คราวนี้วางใจแล้วใช่ไหม รู้แล้วใช่ไหมว่าอุปกรณ์นิรภัยของพวกเราติดตั้งได้มาตรฐานน่ะ” เพราะกลัวคนรักจะเกิดอุบัติเหตุถึงกับมาทดสอบอุปกรณ์นิรภัยที่สถานที่ถ่ายทำด้วยตัวเอง ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยนะว่าจี้เหมี่ยนเป็นผู้ชายอบอุ่นขนาดนี้ ความรักของทั้งคู่มาถึงขั้นนี้แล้ว ดูท่าจะอยากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตแน่

จ้าวชวนส่ายหน้า ลอบถอนหายใจอย่างปลื้มปริ่ม

จี้เหมี่ยนกระโดดลงจากเบาะลมก่อน จากนั้นจึงอุ้มเสี่ยวซู่ลงมา เขาตอบ “วางใจแล้ว รักษามาตรฐานนี้ต่อไป อย่าหละหลวมล่ะ ยังไงความปลอดภัยของนักแสดงก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง”

“ได้ ๆ ๆ เสี่ยวซู่ของพี่ก็คืออันดับหนึ่งของอันดับหนึ่งไปอีก รู้น่า” น้ำเสียงหมดแรงของจ้าวชวนดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร สองคนนี้อย่ามาสวีทให้คนอื่นอิจฉากันทั้งวี่ทั้งวันได้ไหมเนี่ย ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาจะไปแจ้งตำรวจแล้วนะ!

สุดท้าย เซียวจยาซู่กับอู๋ฉวนอี้ก็ถ่ายทำฉากนี้สำเร็จด้วยสภาพร่างกายและจิตใจที่ดีที่สุด แม้ว่าจะ NG ไปสองสามครั้ง แต่ทุกครั้งจี้เหมี่ยนก็จะยืนกางแขนสองข้างรอเสี่ยวซู่อยู่ข้างล่างเสมอ ดังนั้นเขาจึงรวบรวมความกล้าขึ้นมาได้ในทุก ๆ ครั้ง และกระโดดได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า ขอเพียงพี่จี้ดูเขาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้ตลอดไป เขาก็จะเอาชนะความกลัวทั้งหมดทั้งมวลได้

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า