[ทดลองอ่าน] คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง ตอนที่ 69

爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง

 

风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด

 

— โปรย —

หลังจากภาพยนตร์เรื่อง สื่อถู ภาพยนตร์เรื่องแรกของ เซียวจยาซู่ เข้าฉาย
เขาก็ได้รับความนิยมขึ้นจนมีชื่อเสียง อีกทั้งยังได้ฉายาคู่ชิปพี่น้องกับราชาจอเงิน จี้เหมี่ยน
และดูท่าจะได้รับความเอ็นดูจากอีกฝ่ายมากขึ้นด้วย

ในระหว่างนั้นเซียวจยาซู่ก็ได้รู้ข่าวการคัดเลือกนักแสดงในภาพยนตร์ภาคต่อฟอร์มยักษ์ ฉงจู๋ต้าจ้าน
หนังสงครามอวกาศระหว่างแมลงปรสิตกับเผ่าพันธุ์อัจฉริยะที่เหลือรอด
ที่เขานั้นเป็นแฟนคลับหนังผู้เหนียวแน่น ไม่ว่าอย่างไรก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้
และผู้ที่ทำหน้าที่คัดเลือกนักแสดงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจี้เหมี่ยนนั่นเอง

งานนี้คุณชายเซียวผู้อยากคว้าบท CT001 หัวหน้าเอไอ เครื่องจักรสังหารไร้อารมณ์ความรู้สึก
ก็ของัดทุกสิ่งทุกอย่างที่มี โจมตีด้วยความงามเข้าไปให้อีกฝ่ายไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 69

สาเหตุของการเลิกรา

 

เซียวจยาซู่ไม่มีหน้าไปพบใครแล้ว เขาพูดผิดจริง ๆ นะ! มเหสีตำหนักใหญ่บ้าบออะไรกันเล่า แถมยังแต่งตั้งกันต่อหน้าคนทั้งประเทศอีก มันน่าอายจริง ๆ เลยให้ตาย! เขาปิดหน้าร้องครวญครางพลางผลักจี้เหมี่ยนเบา ๆ ระหว่างนั้นก็ว่า “พี่จี้ รีบจัดการพวกเขาทีสิครับ”

จี้เหมี่ยนกลั้นหัวเราะแล้วว่า “เอาละ เลิกเล่นได้แล้ว เสี่ยวซู่เขินแย่แล้ว”

‘คิ ๆ! ฝ่าบาททรงรักใคร่พระมเหสีอย่างแท้จริง พวกหม่อมฉันก็ได้แต่ต้องขอทูลลา’ เหล่ามงกุฎน้อยหยอกกันอีกระลอก จากนั้นจึงค่อยทยอยล่าถอยไป ปล่อยให้ผู้ชมในห้องส่งหัวเราะกันแทบขาดอากาศหายใจ วันนี้จี้เหมี่ยนทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง ไม่ว่าหัวข้ออะไรก็พูดคุยได้หมด ไม่ว่ามุกอะไรก็รับได้ ไม่ว่าการล้อเล่นอะไรก็ทำได้ นับว่าเป็นการลบภาพจำที่ทุกคนมีต่อเขาโดยแท้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเขาที่เป็นเช่นนี้กลับยิ่งทำให้คนชื่นชอบมากขึ้นอีก เพราะความจริงใจนั่นเอง

หลินเล่อหยางมองดูสองคนนั้นตอบโต้กันสนุกสนานแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจทั้งดวงกำลังหลั่งโลหิต เขาอดทนจนผู้ดำเนินรายการพูดปิดรายการอย่างยากลำบาก จากนั้นจึงค่อยโงนเงนลุกขึ้น

เฉินเผิงซินรีบเข้าไปประคอง สีหน้าดูร้อนรนมาก รายการสัปดาห์นี้เรตติ้งสูงจนสร้างสถิติใหม่ สาเหตุก็มาจากหลาย ๆ อย่าง แต่หลังจากผู้กำกับรายการวิเคราะห์แล้วก็บอกเขาว่า ทุกครั้งที่เซียวจยาซู่กับจี้เหมี่ยนมีปฏิสัมพันธ์กัน เรตติ้งก็จะเพิ่มสูงขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้ชมชื่นชอบสองคนนั้นมาก แต่ในรายการนี้หลินเล่อหยางกลับทำออกมาได้แย่ที่สุด สีหน้าของเขาแข็งทื่อ พูดจาก็ฟังดูขัดเขินประดักประเดิดไปหมด และยังไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับแขกรับเชิญคนอื่นด้วย แม้แต่คนตาบอดก็ยังมองออกว่าเขาโดนปล่อยเกาะไปแล้ว สิ่งนี้ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันข่าวลือว่าเขาไม่ถูกกับเหมียวมู่ชิงและเซียวจยาซู่มากขึ้นไปอีก

“ยิ้มเร็ว กล้องยังจับอยู่นะ” เฉินเผิงซินกดบ่าหลินเล่อหยางเอาไว้แรง ๆ

“ฉันยิ้มไม่ออกหรอก” หลินเล่อหยางเอ่ยเสียงปนสะอื้น ทว่ามุมปากกลับยังคงมีรอยยิ้มบาง ๆ เขาเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว

“ไปห้องแต่งตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ทั้งคู่จับจูงกันเข้าไปด้านหลัง

เวลาเดียวกันนั้นเอง เซียวจยาซู่ก็กังวลมาก เขาเดินตามจี้เหมี่ยนต้อย ๆ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไร เขาอยากจะบอกจี้เหมี่ยนว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว เขาเพียงแต่ชอบจี้เหมี่ยนมาก ดังนั้นจึงคอยสนใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็จดจำเอาไว้ในใจ เขาควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ แต่ยังพอควบคุมการกระทำของตัวเองได้ เขาจะไม่มีทางไปเกาะแกะอีกฝ่ายไม่เลิกรา และจะไม่มีทางเอาความชอบนี้มาอ้างเพื่อร้องขออะไรที่มากเกินไปอย่างแน่นอน

เขาเพียงอยากจะสนับสนุนพี่จี้อยู่เงียบ ๆ แค่มีความสุขอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ในใจตัวเองก็เพียงพอ

เขาคิดแต่เรื่องนี้เต็มสมองไปหมด จึงไม่ทันรู้สึกตัวว่าตัวเองเดินวนรอบตัวจี้เหมี่ยนอยู่นานแล้ว วนซ้ายวนขวาจนเกือบจะทำเอาผู้ช่วยของจี้เหมี่ยนเวียนศีรษะไปหมด

ตอนที่ผู้ช่วยของจี้เหมี่ยนโดนเขาเบียดจนไม่มีทางเดินต่อนั่นเอง จี้เหมี่ยนก็พูดขึ้นมาในที่สุด “นายไม่ไปลบเครื่องสำอางเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ”

“เอ๋” เซียวจยาซู่เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเดินตามมาถึงหน้าห้องแต่งตัวของพี่จี้ เขาจึงเอ่ยตะกุกตะกัก “ผมแค่อยากเดินมาส่งพี่น่ะครับ งั้นผมไปก่อนนะ” ในที่สุดเขาก็ยังไม่กล้าพูดออกไป แต่ใช้กิริยาแสดงออกมาว่า…เขาจะไม่มีทางกลายเป็นภาระของพี่จี้แน่นอน เขาไม่ใช่ติ่ง แต่เป็นแฟนคลับที่รักจริงบวกแฟนคลับที่มีสติต่างหาก

“ได้ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” จี้เหมี่ยนก้มลงมองเขา ดวงตาเป็นประกายเลือนราง

เซียวจยาซู่โบกมือจากไป เขาเกือบจะเดินไปถึงหัวมุมทางเดินอยู่แล้วตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะพรืดขึ้นมาด้านหลัง เมื่อหันไปก็เห็นว่าพี่จี้มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยมาก เขากำลังนวดหว่างคิ้ว จึงอดกำชับอีกฝ่ายไม่ได้ “พี่จี้ พี่ก็กลับไปพักผ่อนเร็ว ๆ นะครับ”

“อืม” จี้เหมี่ยนพยักหน้าน้อย ๆ รอจนอีกฝ่ายไปไกลแล้วจึงค่อยหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ประธานจี้ คิดว่าเซียวจยาซู่เขานับถือพี่จริง ๆ หรือแค่อาศัยพี่สร้างกระแส” ผู้ช่วยมีสีหน้ากังวล

“ถ้าอาศัยคอนเน็กชั่นของเขา ยังต้องใช้ฉันสร้างกระแสให้อีกเหรอ” จี้เหมี่ยนผลักประตูเข้าไปแล้วเอ่ยเบา ๆ “วงการบันเทิงถึงจะวุ่นวาย แต่ก็มีคนที่มือสะอาดจริง ๆ อยู่เหมือนกันนะ”

ผู้ช่วยเห็นเขามีสีหน้าแปลกไปจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก ฟางคุนโทรศัพท์พลางเดินเข้ามาจากข้างนอก หลังวางสายก็ก่นด่ายกใหญ่ “แม่เอ๊ย ฝ่ายตรวจสอบไม่ให้แผนการลงทุนอี๋เมิ่งไป่เหนียนกับเหลิ่งคู่ไท่จื่อเชี่ยวหวังเฟยผ่านเองแท้ ๆ ทำไมกลับมาโทษฉันวะ! ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เด็กเวรหลินเล่อหยางนั่น…”

เขาหยุดประเด็นนี้ทันที จากนั้นจึงเอ่ยอย่างมีอารมณ์แต่หมดแรง “พี่จี้ ตอนแรกนายบอกว่าจะลงทุนในนามส่วนตัวไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมไม่ลงทุนไปล่ะ”

“ไม่อยากลงแล้ว กินเค้กคนเดียวทั้งก้อนก็คงอิ่ม แต่ถ้าแบ่งเค้กกันสองคน หนึ่งในนั้นก็คงต้องทนหิว อีกอย่าง ต่อให้ไม่มีฉัน ละครสองเรื่องนั้นก็ทำออกมาได้แล้ว แถมยังทำได้ดีด้วย” จี้เหมี่ยนนอนพักบนโซฟา ช่างแต่งหน้ากำลังลบเครื่องสำอางให้เขา

ฟางคุนนับนิ้วแล้วก็อดจับข้อมือตัวเองด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ ตอนแรกพี่จี้วางแผนจะเอาเงินสี่สิบล้านไปลงทุนกับละครสองเรื่องนั้น ถ้าว่ากันตามส่วนแบ่ง ตอนนี้ก็คงจะทำเงินได้สามถึงสี่เท่าแล้ว! น่าเสียดายนะเนี่ย!

เขาไม่กล้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกจึงแอบเปิดโทรศัพท์มือถือตามดูละครเงียบ ๆ ดูไปได้ครึ่งหนึ่งก็มีคนมาเคาะประตู เสียงหลินเล่อหยางดังเข้ามา “พี่จี้อยู่ไหมครับ”

“ไม่อยู่!” ฟางคุนตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด

ข้างนอกเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเคาะประตูอีกครั้งอย่างไม่ละความพยายาม “พี่จี้ ผมอยากคุยกับพี่หน่อยครับ”

ฟางคุนกำลังจะไล่ไปอีก แต่จี้เหมี่ยนเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมาก่อน “ให้เขาเข้ามาเถอะ พวกนายออกไปก่อน”

พวกเขาเดินเรียงกันออกไป ให้ความเป็นส่วนตัวแก่คนทั้งสอง

“นายอยากจะพูดอะไร” จี้เหมี่ยนล้างหน้า เขากำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดหยดน้ำที่หน้าผาก ท่าทางดูสงบนิ่ง แทบมองไม่ออกเลยว่าเคยรักใครอย่างร้อนแรงมาก่อน และยังมองไม่เห็นความเจ็บปวดแตกสลายหลังจากเลิกรากันด้วย

หลินเล่อหยางลอบกลืนน้ำลาย เขาพูดเสียงสั่น “พี่จี้ พี่คบกับเซียวจยาซู่แล้วเหรอครับ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่เข้าใจพี่ขนาดนั้น พี่เลิกกับผมเพราะเขาเหรอครับ”

“พี่กับเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา จนถึงตอนนี้นายยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าทำไมพี่ถึงต้องเลิกกับนาย” จี้เหมี่ยนวางผ้าขนหนู สีหน้าจริงจัง

“ไม่เข้าใจครับ พวกเรารักกันมาตั้งหลายปี ไม่เคยทะเลาะกันเลย แล้วก็ไม่เคยขัดแย้งกันใหญ่โตด้วย จู่ ๆ พี่นึกอยากจะเลิกก็เลิก แล้วจะให้ผมเข้าใจได้ยังไง” หลินเล่อหยางรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีออกมาจึงจะกล้าถามเช่นนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนที่เขาเห็นพี่จี้กับเซียวจยาซู่พูดคุยกันอย่างมีความสุขนั้น ในใจของเขาราวกับโดนมีดกรีด มันเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว!

จี้เหมี่ยนมองเขานิ่ง ๆ จากนั้นก็ทอดถอนใจ “นายไม่เข้าใจหรือไม่อยากเข้าใจกันแน่ นายคิดว่าการปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างมีความสุขที่สุดของเราต้องเป็นยังไง”

หลินเล่อหยางนิ่งงันไปเนิ่นนานจึงค่อยเอ่ย “ผมคิดว่าพวกเรามีความสุขกันมาตลอด”

“ตอนที่พี่เข้าไปยุ่มย่ามเรื่องของนายมากขึ้นเรื่อย ๆ นายมีความสุขหรือเปล่า ไม่ นายไม่เคยมีความสุขเลย นายได้แต่อดทน นายรู้หรือเปล่าว่าตัวเองจะต้องได้อะไรจากพี่ถึงจะมีความสุข นายต้องการให้พี่สนับสนุนนายอย่างไม่มีเงื่อนไข ให้อภัยนายอย่างไม่มีเงื่อนไข เข้าใจนายอย่างไม่มีเงื่อนไขจนถึงขั้นยอมถอยให้นาย แบบนี้นายถึงจะรู้สึกปลอดภัยมั่นคงมากที่สุด แค่พี่เข้าไปยุ่มย่ามกับนายเพียงนิดเดียว นายก็จะแผ่หนามออกมาเต็มตัว คิดว่าพี่จำกัดอิสระของนาย ไม่ปฏิบัติต่อนายอย่างคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า พี่ทุ่มเทเพื่อนายมากมายขนาดนั้น แต่นายกลับรับมันไปอย่างสบายอกสบายใจด้วยเหตุผลแค่ประโยคเดียวว่า ‘ฉันรักพี่จี้จากใจจริง’ จากนั้นนายก็เอาแต่ย่ำอยู่ที่เดิม ไม่เคยคิดจะเข้าใกล้พี่ ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะนายไม่ได้ชอบผู้ชายเลยน่ะสิ นายเปลี่ยนรสนิยมทางเพศเพื่อพี่ นี่คือความเสียสละและการทุ่มเทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ดังนั้นนายจะไม่มีวันพอใจหรอก แล้วนายก็จะไม่มีวันรู้สึกว่าตัวเองควรจะทำอะไรเพื่อพี่บ้างด้วย”

หลินเล่อหยางเหมือนโดนฟ้าผ่า เขาอ้ำอึ้งยากเอื้อนเอ่ย

จี้เหมี่ยนจุดบุหรี่มวนหนึ่งแล้วพูดต่อ “นายบอกว่าสถานะของเราไม่เท่ากัน เรื่องนี้ก็ไม่ผิด แต่คนที่มีสถานะสูงส่งเสียเหลือเกินคนนั้นไม่เคยเป็นพี่ แต่คือนาย ไม่ว่าพี่ทุ่มเทไปมากเท่าไร สำหรับนายแล้วมันก็ไม่เคยพอ เพราะพี่ทำให้นายกลายเป็นเกย์ เปลี่ยนนายจากผู้ชายสเตรทคนหนึ่งให้กลายเป็นรักร่วมเพศที่คนอื่นเกลียดชัง นี่คือความผิดตั้งแต่ไหนแต่ไรของพี่ ชั่วชีวิตนี้พี่จะติดค้างนายไปตลอดกาล”

“ไม่ ๆ ๆ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ” หลินเล่อหยางส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง

“จะคิดแบบนั้นหรือไม่ นายอาจจะไม่รู้แน่แก่ใจนัก แต่การกระทำของนายมันแสดงออกมาชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แล้ว” จี้เหมี่ยนพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วพูดเสียงเรียบเรื่อย “ตอนพี่บังคับให้เฉินเผิงซินกับเฉินเผิงอวี้เซ็นสัญญากู้ยืม นายเคยคิดแค้นพี่ไหมล่ะ”

หลินเล่อหยางอยากจะส่ายหน้า แต่เขากลับขยับตัวไม่ได้ ภายใต้สายตาที่จ้องเขม็งของจี้เหมี่ยน เขารู้สึกว่าตัวเองไม่อาจหลบเร้นไปไหนได้เลย

“ถ้ารูปพวกนั้นกับคลิปเสียงบันทึกการสนทนาหลุดออกไป นายคิดว่าพี่จะได้รับผลกระทบครั้งใหญ่หรือว่าตัวนายเองล่ะ ถ้าให้พูดแบบไม่น่าฟังสักหน่อยก็คือ พี่อยู่ในวงการมาจนถึงจุดนี้ จะมีเรื่องดิสเครดิตอะไรที่ทำให้พี่ล้มได้อีก ออกจากวงการบันเทิงไปพี่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้เหมือนเดิม นายไม่เคยคิดบ้างเลยหรือว่าตอนที่พี่ทำกับเฉินเผิงซินและเฉินเผิงอวี้อย่างโหดร้ายขนาดนั้น ที่จริงแล้วคนที่พี่อยากจะปกป้องคือใคร ใครกันแน่ที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ทุกครั้งที่เจอเรื่องยากลำบากพี่จะติดปีกให้นายบินหนีทันที แต่นายกลับตรงกันข้าม นายไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพี่ได้ในทันทีทันใด นายกับเฉินเผิงซินต่างหากที่เป็นพวกเดียวกัน ส่วนพี่กลับกลายเป็นคนร้าย นายยกโทษให้เฉินเผิงอวี้ที่เอาพวกเราไปขายได้ แต่กลับไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของพี่เลย นายทำกับพี่แบบนี้มันยุติธรรมแล้วหรือ นายมีสิทธิ์อะไรมาเกลียดชังเคียดแค้นพี่เหมือนกับพวกเขา ต่อให้พี่ทำเรื่องน่าละอายใจต่อคนทั้งโลก แต่พี่ก็ไม่ได้ทำเรื่องน่าละอายใจต่อนาย ความรักของพวกเรามีอิสระ พี่ไม่ได้บังคับว่านายจะต้องตอบรับความรู้สึกของพี่ ไม่ได้บังคับว่านายจะต้องเปลี่ยนรสนิยมทางเพศ นี่คือการตัดสินใจเลือกของนายเอง ถ้านายไม่ยินยอม ตอนนั้นก็ควรจะบอกพี่ว่านายเป็นสเตรท”

หลินเล่อหยางน้ำตาไหลลงมาเป็นสายโดยไม่รู้ตัว คำพูดคัดค้านใด ๆ ก็พูดไม่ออกทั้งนั้น

จี้เหมี่ยนดับบุหรี่ เขาถอนหายใจ “นายรู้ไหมว่าทำไมเซียวจยาซู่ถึงเข้าใจพี่มากกว่านาย เพราะเขาเอาใจใส่ แต่นายเป็นคนรักของพี่ พวกเราคบกันมานานขนาดนั้น นายเอาใจใส่พี่บ้างไหม แน่นอน พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่นายชอบจริง ๆ คืออะไร แต่พี่เคยพยายามจะเข้าใจนาย เป็นนายเองต่างหากที่ปิดประตูหัวใจตัวเอง เก็บซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่คิดว่าเข้าใจเกี่ยวกับตัวนายจึงเป็นเพียงภาพลักษณ์ปลอม ๆ ที่นายสร้างขึ้นมาให้พี่เห็นเท่านั้น พี่ชอบอะไร เกลียดอะไร ขอแค่นายตั้งใจสังเกตดูก็จะเห็นเอง พี่เคยห้ามไม่ให้นายเข้ามาในใจพี่หรือเปล่า เปล่าเลย ตรงกันข้าม พี่ให้นายเข้ามานั่งในใจพี่ตลอด แต่นายก็ปฏิเสธเสมอ

“นายเป็นฝ่ายผลักไสโอกาสที่เราจะได้ใกล้ชิดกันก่อน แต่กลับมาถามพี่ว่าทำไมพี่ถึงเลิกกับนาย นายคิดว่าสถานการณ์ของเราสองคนมันจะยื้อความสัมพันธ์ออกไปได้นานนักหรือ คนหนึ่งพยายามจะเข้าใกล้ไม่หยุดหย่อน แต่อีกคนกลับพยายามหลบอยู่หลังเกราะกำบังโปร่งใสแล้วเฝ้ามองออกมา แล้วมือของเรามันจะจับจูงกันได้ยังไง หลินเล่อหยาง นายประเมินความอดทนของพี่สูงไปแล้ว พี่อาจจะอดทนอยู่ได้สักสองปี สามปี แต่พี่อดทนอย่างนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ”

เขาสวมเสื้อตัวนอก เปิดประตูห้อง แล้วเอ่ยเสียงเข้ม “พี่ไม่หันกลับมามองหรอกนะ นายเองก็ก้าวต่อไปข้างหน้าได้แล้ว พวกเราเดินทางใครทางมันดีกว่า”

ประตูปิดลงเบา ๆ หลินเล่อหยางเพิ่งจะหันไปมองกระจกแต่งหน้าแล้วก็พบว่าตัวเองกำลังน้ำตานองหน้า ถ้าไม่มาหาอีกฝ่ายครั้งนี้เขาก็อาจจะยังหลอกตัวเองอยู่ อาจจะยังเชื่ออย่างโง่งมว่าพี่จี้ยังรักเขาอยู่ พวกเขายังเดินต่อไปด้วยกันได้ ยังมีความสุขเหมือนแต่ก่อนได้ แต่ที่แท้เขาไม่เคยมีความสุขเลย เขาดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งและไม่สบายใจเสมอมา ส่วนพี่จี้นั้นมองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า