[ทดลองอ่าน] รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่ เล่ม 1 ตอนที่ 1

老婆粉了解一下
รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่

 

ชุนเตาหาน เขียน
เสี่ยวฝาน แปล

 

— โปรย —

กระจกเงาแบบตั้งพื้นสะท้อนภาพหญิงสาวตรงหน้าซึ่งมีใบหน้าขาวซีด
ผมยาวม้วนงอเล็กน้อยในระดับอก ใบหน้านี้เป็นใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยชิงชัง

เธอก้มศีรษะลงโค้งคำนับสามครั้ง

“เซิ่งเฉียว ฉันขอโทษนะ”

ขอโทษที่เมื่อก่อนฉันโจมตีเธอตามใจชอบโดยไม่รู้อะไรเลย
ขอโทษที่ฉันรัวแป้นพิมพ์แบบไม่รับผิดชอบ ทำให้เธอต้องเจ็บปวด
ขอโทษที่โลกออนไลน์ทำลายเธออย่างโหดร้ายไปตามกระแสสังคม

ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหายตัวไป
อาจเป็นเพราะเธอแบกรับความโหดร้ายของโลกใบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
และฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ร้ายเสียด้วย

ฉันจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเอง ฉันจะทำให้ชีวิตที่มืดมนของเธอได้พบกับแสงสว่าง

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

1

 

เมื่อดาราชายผู้โด่งดังคับฟ้าอย่างฮั่วซีจะไปร่วมงานกิจกรรมที่ชีเคอซงในคืนพรุ่งนี้ เหล่าแฟนคลับจึงแห่แหนกันไปต้อนรับเขาที่สนามบินอย่างไม่ขาดสาย ในฐานะที่เป็นแม่ไซต์[1]และเป็นแม่ยก[2]ระดับอาวุโสที่กล้าสถาปนาตนเองเป็นภรรยาของฮั่วซี เฉียวเฉียวจึงแบกกล้องถ่ายรูปแล้วออกจากบ้านไป…

เมื่อขึ้นมาบนรถเธอก็เลื่อนดูเวยปั๋ว[3]ก่อนจะพบว่า “เซิ่งเฉียว” ติดอันดับคำค้นหายอดนิยมอีกครั้ง

ถ้าถามว่าเฉียวเฉียวเกลียดใครที่สุดในวงการบันเทิง แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นใครอื่นไปได้นอกจากดาราสาวที่ชื่อเซิ่งเฉียว!

ดาราสาวผู้นี้อาศัยชื่อว่าเป็น “รุ่นน้องของฮั่วซี” เปิดตัวเข้าสู่วงการครั้งแรกผ่านรายการเรียลิตี้ประเภทถ่ายทำนอกสถานที่ ทั้งๆ ที่ไม่มีผลงานอะไรโดดเด่น จากนั้นมาเธอก็เริ่มวิถีมนุษย์เอาแต่ใจที่ชอบเสแสร้งแกล้งทำเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

เดิมทีหล่อนก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฮั่วซีหรอก เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงดาราดังระดับแนวหน้าที่มียอดแฟนคลับในเวยปั๋วกว่าเจ็ดสิบล้านคน ในขณะที่หล่อนเป็นเพียงดาราสาวหน้าใหม่ที่ไม่ได้มีผลงานโดดเด่นนัก นอกจากจะเป็นศิลปินในสังกัดเดียวกันแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย จะว่าไปบรรดาแฟนคลับของฮั่วซีมักจะทะเลาะกับคนในวงการบันเทิงไปทั่วอยู่แล้ว ดาราสาวรุ่นน้องคนนี้จึงไม่อยู่ในสายตา

ฮั่วซีกับเซิ่งเฉียวอยู่คนละชั้นกัน จะให้ไปเปิดศึกทะเลาะกับยายนั่นก็เท่ากับช่วยดันให้หล่อนเป็นกระแสน่ะสิ! แต่เรื่องมันดันเกิดก็เพราะรายการวาไรตี้รายการหนึ่งเชิญฮั่วซีไปเป็นแขกรับเชิญสัปดาห์ที่สี่นี่แหละ! รุ่นน้องคนนี้ก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง ขณะถ่ายทำรายการเธอแผลงฤทธิ์ก่อกวนสารพัด เล่นเอาฮั่วซีแทบกระอัก ทีมงานยังเผยด้วยว่าหลังจากอัดรายการเสร็จฮั่วซีถึงกับไม่สบายไปเลย

คราวนี้เซิ่งเฉียวเลยเดือดร้อน แฟนคลับไอดอลคนดังมีหรือจะยอมง่ายๆ หลังจากเหตุการณ์นั้นเหล่าแฟนคลับเปิดศึกโจมตีดาราหน้าใหม่ที่ยังไม่โด่งดัง จนชื่อของเธอติดอันดับคำค้นหายอดนิยมอันดับหนึ่ง เพียงแค่ชั่วข้ามคืนเซิ่งเฉียวก็กลายเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวเน็ตผู้ชื่นชอบแทะเมล็ดแตง[4]เป็นวงกว้าง ทว่าแม้จะโดนถล่มแค่ไหน ดารารุ่นน้องกลับไม่มีทีท่าว่าจะถอยห่างจากฮั่วซี มิหนำซ้ำทีมงานของเธอยังสร้างกระแสคู่จิ้นให้ทั้งสองไปเสียอีก ทำให้มีข่าวลือออกมาไม่หยุดหย่อน ยิ่งทำให้แฟนคลับโกรธจัด ทั้งยังก่นด่าสารพัดและพากันพุ่งเป้าโจมตีไปที่เซิ่งเฉียว

เหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้วันแล้ววันเล่า นานวันเข้าดาราหน้าใหม่อย่างเซิ่งเฉียวที่ไม่มีผลงานอะไรโดดเด่น เพียงแค่โดนแฟนคลับของฮั่วซีถล่มด่าก็เริ่มกลายเป็นดาราสาวที่มีชื่อเสียงขึ้นมา ซึ่งก็ทำให้บรรดาแฟนคลับงงเป็นไก่ตาแตก

นี่พวกเราถูกหลอกใช้หรือเปล่าเนี่ย

ได้ ในเมื่ออยากได้ก็จะสนองให้ ถ้างั้นพวกเราจะตามจองล้างจองผลาญเธอเอง…

จากนั้นมาการโจมตีเซิ่งเฉียวแบบเปิดเผยตัวตน[5]ก็ได้กลายเป็นกิจวัตรของบรรดาแฟนคลับฮั่วซี ส่วนฝ่ายเซิ่งเฉียวดูเหมือนจะตัดสินใจเลือกเส้นทาง “ดังแบบอื้อฉาว” ให้ถึงที่สุด แม้จะโดนสังคมโซเชียลเย้ยหยันก็ไม่หวั่น

ในเวลาต่อมาเซิ่งเฉียวรับงานละครย้อนยุคอีกสองสามเรื่อง รูปร่างหน้าตาของเธอนั้นเอาอยู่ ทว่าฝีมือการแสดงกลับไม่ได้เรื่อง เรตติ้งระหว่างออกอากาศจึงอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น จึงสรุปได้อย่างเดียวว่ากระแสความนิยมทั้งหมดล้วนมาจากข่าวลือระหว่างเธอกับฮั่วซี

นั่นก็หมายความว่าชีวิตของเฉียวเฉียวคงหลุดพ้นจากยายกอเอี๊ยะหนังหมา[6]ไม่ง่ายเสียแล้ว  ก็ในเมื่อต้นสังกัดของศิลปินยินยอมให้ทีมงานของเซิ่งเฉียวใช้ประโยชน์จากฮั่วซีครั้งแล้วครั้งเล่า เหล่าแฟนคลับจึงเริ่มเปิดศึกโจมตีบริษัทต้นสังกัดอย่างซิงเย่ามีเดีย จนชื่อของบริษัทติดอันดับคำค้นหายอดนิยมอีกไปด้วย

บรรดาแฟนคลับของฮั่วซีแข็งแกร่งจนเรียกได้ว่าต่อกรด้วยยากที่สุดในวงการบันเทิง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีแม่ไซต์อย่างเฉียวเฉียว ซึ่งเป็นตัวแม่ของบ้านไซต์อยู่ด้วย

ขณะที่เฉียวเฉียวไล่ดูคำค้นหายอดนิยมพลางแสยะยิ้ม จังหวะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของคนขับรถก็ดังขึ้น เขารับสายพร้อมกับเปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อลงจากทางด่วน เฉียวเฉียวเงยหน้าขึ้นมอง กำลังจะบอกว่าอย่ารับโทรศัพท์ตอนขับรถ แต่ทันใดนั้นเสียงแตรจากด้านหลังก็ดังรัวเป็นชุด

ยังไม่ทันตั้งตัวก็ได้ยินเสียงกระแทกดังสนั่น รถถูกชนท้ายจนบุบ ก่อนที่ร่างของเธอจะกระเด็นไปข้างหน้า ในอ้อมแขนยังคงกอดกล้องถ่ายรูปชนิดเลนส์มุมแคบ[7]ที่เพิ่งซื้อมาจากต่างประเทศและยังไม่เคยใช้เลยเอาไว้แน่น

ชั่วขณะที่โลกทั้งใบหมุนติ้ว ความคิดแวบหนึ่งก็ผุดขึ้นมา

ต้องมาตายระหว่างตามดารา ช่างน่าขายหน้าสุดๆไปเลย

 

เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

ยังไม่ตายหรือนี่ ดีใจจัง

เฉียวเฉียวพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง ภายในห้องพักคนไข้สีขาวนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คน มองรอบตัวก็ไม่ยักพบกล้องถ่ายภาพราคาแพงหลายแสนตัวนั้น  บนหลังมือก็มีสายน้ำเกลือติดอยู่ เธอจึงกดกริ่งเรียกพยาบาล

“กระเป๋าฉันล่ะคะ ใบสีดำที่ข้างในมีกล้องถ่ายรูปอยู่ด้วยน่ะค่ะ”

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่เห็นกระเป๋าที่คุณพูดถึงเลยค่ะ”

เฉียวเฉียวเริ่มร้อนใจ เธอทำไม้ทำมือประกอบขณะพูด “ขนาดประมาณนี้ค่ะ ฉันห่อไว้เรียบร้อยเลย คุณพยาบาลช่วยฉันหาหน่อยได้ไหมคะ”

“ไม่มีจริงๆค่ะ” พยาบาลกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเป็นมิตร ก่อนจะเหลือบมองเธอ “คุณเซิ่งคะ ตอนที่คุณถูกส่งตัวมาโรงพยาบาล ไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลยสักอย่าง ถ้าคุณไม่เชื่อ จะลองถามผู้จัดการส่วนตัวของคุณดูก็ได้นะคะ”

เฉียวเฉียวฟังสิ่งที่พยาบาลสาวพูดไม่ทัน เธอลังเลอยู่สักพักแล้วถามว่า “เมื่อกี้คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ”

“คุณเซิ่งค่ะ”

ในเสี้ยววินาทีนั้นเฉียวเฉียวสะดุ้งเฮือก เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว พยายามเอ่ยถามอีกครั้งอย่างยากลำบาก “เซิ่งอะไรเหรอคะ”

“ก็เซิ่งเฉียวไงคะ คุณเซิ่ง คุณไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ ฉันจะได้เรียกคุณหมอให้”

เฉียวเฉียวหลับตาลงก่อนสติจะดับวูบไป

พอตื่นมาอีกครั้งก็พบว่ามีผู้หญิงสวมแว่นตากรอบทองคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าของเจ้าหล่อนเรียวแหลม โหนกแก้มสูง ท่าทางร้ายกาจเอาเรื่อง ลืมตาขึ้นมาเห็นภาพแบบนี้ก็เลยไม่นึกอยากจะปริปากพูดอะไรทั้งนั้น

ทะเลาะกับทีมงานของเซิ่งเฉียวมาหลายปีดีดักขนาดนี้ มีหรือเธอจะไม่รู้จักเกาเหม่ยหลิง ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อน

เมื่อเกาเหม่ยหลิงเห็นว่าเธอตื่นแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะนุ่มนวลนัก “ดีขึ้นรึยัง”

เฉียวเฉียวหลับตาแล้วหันหน้าหนี ไม่อยากจะสนใจอีกฝ่าย

เกาเหม่ยหลิงผลักตัวเธอเบาๆ “ยังเป็นอะไรตรงไหนอีกไหม  เดี๋ยวก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะได้ตรวจอีกสักรอบ”

นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน เฉียวเฉียวคิดก่อนจะเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก “คุณออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆสักพัก”

“เซิ่งเฉียว วันนี้ฉันเหนื่อยมากนะกว่าจะหารายการทอล์กโชว์มาให้เธอได้ มีเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็ต้องอัดรายการแล้ว เธอแน่ใจใช่ไหมว่ายังอยากอยู่เงียบๆอีก”

เฉียวเฉียว “…”

ฉันฝันอยู่แน่ๆ นี่คงเป็นความฝัน พระเจ้า! ฉันไม่อยากกลายเป็นคนที่ฉันเกลียดมากที่สุดนะ!

เฉียวเฉียวหลับตาปี๋ส่ายหน้าสุดแรง เห็นแบบนั้นเกาเหม่ยหลิงก็ทนไม่ไหว จึงกระชากผ้าห่มของเธอออก

“เซิ่งเฉียว เธอโดนรถชนจนเพี้ยนไปแล้วรึไง ฉันต้องเสียแรงไปเท่าไหร่กว่าจะได้รายการนี้มาให้เธอ แล้วเธอจะมาบอกว่าไม่ไปได้ด้วยเหรอ” เกาเหม่ยหลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุดจะทน “รีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า ไปล้างหน้าล้างตาซะ จวี๋จื่อใกล้จะถึงแล้ว”

จวี๋จื่อเป็นสไตลิสต์ของเซิ่งเฉียว

เฉียวเฉียวยังรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี “ฉันไม่…” ต่อเมื่อเห็นเกาเหม่ยหลิงถลึงตาใส่อย่างดุดัน เธอจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมทีมงานของเซิ่งเฉียวถึงได้เล่นงานยากเย็นนัก ก็เพราะผู้จัดการส่วนตัวของยายนี่ดุอย่างกับแม่เสือน่ะสิ

จวี๋จื่อหิ้วกระเป๋าสามชั้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว “พี่เฉียวเฉียว พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม ได้ยินว่าพี่โดนรถชน ผมนี่ตกใจเกือบตาย”

ขณะที่จวี๋จื่อพูดอยู่ เกาเหม่ยหลิงก็เดินเข้ามายื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้ “นี่เป็นสคริปต์คำถามที่พิธีกรจะถามคืนนี้ ท่องอีกรอบสิ”

เกาเหม่ยหลิงเห็นท่าทีหยิบเอกสารอย่างเชื่องช้าของเฉียวเฉียวก็โมโหขึ้นมา เลยแหวใส่เธออีกรอบ “บอกให้รีบท่องได้ยินไหม นี่เป็นหนึ่งในแผนการสร้างภาพลักษณ์ของเธอในปีนี้ ฉันเคยบอกแล้วไงว่าให้ช่วยทำตัวให้เข้ากับภาพลักษณ์ใหม่หน่อย ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ก็คอยดูเอาแล้วกันว่าฉันจะจัดการกับเธอยังไง!”

เฉียวเฉียวสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะอ่านเอกสารด้วยความไม่เต็มใจ

ด้วยเวลาที่เร่งรัดมาก จวี๋จื่อจึงแต่งหน้าให้เธอเพียงบางๆเท่านั้น ระหว่างแวะเข้าห้องน้ำ เธอมองใบหน้าที่ตนเองเคยรังเกียจเป็นที่สุดอย่างตกตะลึง

ใบหน้าของเซิ่งเฉียวนี่ช่างเล็กเสียจริง ขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้นเอง ผิวพรรณก็ชุ่มชื้นมีชีวิตชีวา งดงามแต่ไม่ถึงกับเย้ายวน หากก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น นี่คงเป็นใบหน้าแบบรักแรก[8]ที่ใครๆก็ชื่นชอบ

เกาเหม่ยหลิงตะโกนเร่งมาจากด้านนอก “เสร็จรึยัง รีบออกมาเร็วๆ เราจะไปกันแล้ว”

 

เฉียวเฉียวเดินตามทีมงานมายังห้องถ่ายทำแบบยอมจำนน

ระหว่างถ่ายทำรายการเธอรู้สึกเหมือนคนสมองเบลอ โชคดีที่พิธีกรรายการนั้นเก่งมาก แถมเธอยังตอบคำถามตามที่ท่องมาราวกับนกแก้วนกขุนทอง กว่าจะอัดเสร็จเล่นเอาใจหายใจคว่ำ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

เนื่องจากวันพรุ่งนี้และวันมะรืนไม่มีตารางงาน เกาเหม่ยหลิงจึงทำหน้าคว่ำว่ากล่าวสั่งสอนเธออีกสองสามประโยค ก่อนจะให้ผู้ช่วยไปส่งเธอกลับบ้าน

เมื่อรถเคลื่อนไปบนถนนแล้ว เฉียวเฉียวซึ่งนั่งอึ้งอยู่บนเบาะด้านหลังก็หลับตาลงเพื่อนึกทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง

ทุกความรู้สึกที่สัมผัสได้ล้วนเป็นเรื่องจริง

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดแต่เธอได้กลายเป็นเซิ่งเฉียวไปเสียแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาวิธีกลับไปเป็นตัวเองให้ได้

รถยนต์แล่นไปตามถนนด้วยความเร็ว ไม่นานนักก็มาถึงบ้านของเซิ่งเฉียว เธอเข้าไปข้างใน ปิดประตูแล้วเปิดไฟ สภาพการตกแต่งภายในห้องทำให้เธอตะลึงงันไปชั่วขณะ

ห้องนี้มันโล่งเกินไป นอกจากของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย ให้ความรู้สึกเหมือนมีไอเย็นยะเยือกแผ่กระจายออกมา

เธอมองไปรอบๆ ภายในมีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น ซึ่งไม่ถือว่าใหญ่ การตกแต่งนั้นก็แสนเรียบง่าย ช่างไม่เหมือนกับที่อยู่อาศัยของดาราเอาเสียเลย

ชมห้องเสร็จแล้วเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้า สวมหมวกกับผ้าปิดปากแล้วออกจากบ้านไปเรียกรถแท็กซี่

แน่นอนว่าจุดหมายที่บอกคนขับนั้นก็คือบ้านของเธอเอง

 

แม้ตระกูลเฉียวจะไม่ถือว่าเป็นตระกูลมหาเศรษฐีที่ทรงอิทธิพลอะไร แต่ก็มีฐานะร่ำรวยไม่น้อย บิดาของเฉียวเฉียวตั้งตัวได้จากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันนี้เฉียวกรุ๊ปได้กลายเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียง ส่วนมารดาของเธอเป็นศิลปินวาดภาพแนวจิตรกรรมจีนที่โด่งดังในระดับประเทศ ทว่ามีร่างกายอ่อนแอมาแต่กำเนิด จึงทำให้เธอเดินเหินไม่ค่อยสะดวกนัก ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นมาเป็นเวลานานแล้ว

เฉียวเฉียวยังมีพี่ชายหนึ่งคนซึ่งเรียนจบจากคณะนิติศาสตร์ ขณะนี้เป็นทนายความคดีแพ่งที่มีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงกฎหมาย

ทั้งครอบครัวมีแต่คนเก่งๆ มีเพียงเธอเท่านั้นที่หมกมุ่นอยู่กับการตามดาราไปวันๆ

พูดแล้วก็อยากจะร้อง ต้องโทษฮั่วซีที่น่าหลงใหลเกินไปนั่นละ

และแล้วรถแท็กซี่ก็พาเธอมาส่งถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว

เฉียวเฉียวรีบร้อนจะเดินเข้าบ้าน ทว่าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยรั้งตัวเอาไว้เสียก่อน ภายในย่านที่พักอาศัยอันหรูหรา ไม่ว่าใครก็ตามที่แวะมาเยี่ยมเยียนจะต้องมีการลงบันทึกไว้เสมอ โดยเฉพาะคนที่สวมหมวกและแว่นกันแดดที่มาในเวลากลางคืนแบบเธอ

เฉียวเฉียวจนปัญญา จำต้องควักบัตรประชาชนออกมาและกรอกข้อมูล พนักงานรักษาความปลอดภัยมองหน้าเธอสองสามหนแล้วพึมพำว่า “เซิ่งเฉียวที่เป็นดาราน่ะนะ”

เธอรีบจ้ำเข้าไปอย่างไว ไม่กล้าเงยหน้าอีก

เธอเดินไปยังบ้านของตนแบบคนที่รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี บ้านเดี่ยวหลังเล็กที่หน้าประตูมีไฟส่องสว่าง ไฟภายในห้องรับแขกยังคงเปิดไว้ ผ้าม่านถูกปิดไว้เพียงครึ่งเดียว จึงทำให้พอมองเห็นภายในห้องได้บ้าง

พ่อของเธอนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา ส่วนแม่นั่งปอกเปลือกแอ๊ปเปิ้ลอยู่บนรถเข็น สีหน้าทั้งสองคนยังเป็นปกติดี ไม่มีความกังวลใดๆ

หรือว่าร่างของเธอจะฟื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน

เฉียวเฉียวเริ่มร้อนใจ อยากจะเห็นให้ชัดกว่านี้ แต่เดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆประตูบ้านก็เปิดออก เธอได้ยินเสียงดังตึง ก่อนจะเห็นผู้ชายสวมรองเท้าแตะเดินถือถุงขยะออกมา

เมื่อเห็นเงาคนมาทำอะไรลับๆล่อๆอยู่หน้าประตู ชายคนนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “ใครน่ะ”

เฉียวเฉียวตกใจ แต่ยังไม่ทันได้ตอบ ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีดุดัน เขาจับแขนเธอไว้ เนื่องจากพละกำลังของอีกฝ่ายค่อนข้างมาก เฉียวเฉียวจึงร้องขึ้นมาทันที “เฉียวอวี่ พี่ทำฉันเจ็บนะ!”

คนที่เข้ามาจับแขนเธอไว้คือพี่ชายของเธอนั่นเอง

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อตนราวกับรู้จักดี เฉียวอวี่ก็คลายมือออก เขามองประเมินอยู่หลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “คุณเป็นใคร ดึกดื่นป่านนี้มาทำอะไรที่หน้าบ้านผม”

สมองของเฉียวเฉียวทำงานอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรีบเรียบเรียงคำพูด “ฉันเป็นเพื่อนของเฉียวเฉียว ได้ยินว่าวันนี้เธอถูกรถชน เลยอยากแวะมาเยี่ยมน่ะค่ะ”

เธอเดาเอาไว้แล้วว่าเฉียวอวี่อาจจะถามต่ออีกว่า…

“คุณเป็นเพื่อนของเฉียวเฉียว แล้วทำไมไม่โทรศัพท์หาหรือเคาะประตูเรียกล่ะ”

เธอคิดไว้แล้วด้วยว่าจะตอบกลับอย่างไร

“เพราะก่อนหน้านี้ฉันพูดถึงไอดอลของเธอในทางที่ไม่ค่อยดี เลยโดนเฉียวเฉียวขึ้นบัญชีดำ ถึงต้องแอบมาเยี่ยมไงล่ะคะ”

เฉียวเฉียวยกนิ้วให้กับความฉลาดของตนเอง

แต่นึกไม่ถึงเลยว่า เฉียวอวี่จะมองเธอสองสามหน แล้วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจสุดๆ ว่า “เฉียวเฉียวคือใครเหรอ”

เฉียวเฉียวแทบจะเด้งตัวขึ้นมาตอบ “ก็น้องสาวพี่[9]ไง”

“แล้วทำไมคุณต้องมาด่าผมด้วยเนี่ย”

“ไม่ใช่ๆ ฉันหมายถึงเฉียวเฉียวที่เป็นน้องสาวของพี่น่ะ”

พูดจบความระแวดระวังที่เลือนหายไปแล้วก็กลับมาในแววตาของเฉียวอวี่อีกครั้ง “ผมมีน้องสาวที่ไหนกันล่ะ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ คุณเป็นใครกันแน่”

สถานการณ์หน้าประตูบ้านทำให้พ่อกับแม่ของเฉียวเฉียวรู้ตัว พ่อเดินออกมาตะโกนถาม “เสี่ยวอวี่ มีเรื่องอะไรกัน”

เฉียวอวี่จ้องเฉียวเฉียวเขม็ง ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไป “ผมจับหัวขโมยได้ครับ”

เฉียวเฉียวยิ่งร้อนใจ “ฉันไม่ใช่หัวขโมยนะ ฉันมาเยี่ยมเฉียวเฉียวต่างหาก”

เมื่อผู้เป็นพ่อเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงรูปร่างผอมบาง ดูแล้วไม่น่าใช่พวกหัวขโมย จึงกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “หนูมาผิดที่รึเปล่า ที่นี่ไม่มีคนชื่อเฉียวเฉียวหรอกนะ”

เฉียวเฉียวรู้สึกเหมือนโดนใครสักคนซัดเปรี้ยงเข้าให้ เธอเริ่มทรงตัวไม่อยู่ จึงรีบคว้ามือของเฉียวอวี่ไว้ตามสัญชาตญาณ แต่คิดไม่ถึงว่าเฉียวอวี่จะเบี่ยงตัวหลบ ฉับพลันเฉียวเฉียวก็รู้สึกว่าศีรษะหนักอึ้ง ตัวโงนเงน ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น

ในหัวของเธอมีเสียงดังอื้ออึง เธอยื่นมือออกไปจับขากางเกงของเฉียวอวี่ไว้ ก่อนจะเงยหน้าแล้วเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก “เฉียวเฉียวไง เสี่ยวเฉียวที่พี่ชอบด่าอยู่บ่อยๆว่าเป็นพวกปัญญาอ่อน เอาแต่ไล่ตามดารา น้องสาวของพี่น่ะ…”

เฉียวอวี่ขมวดคิ้ว ส่วนพ่อนั้นเดินเข้ามาใกล้ “เสี่ยวอวี่ รีบพยุงเธอขึ้นมาเร็วเข้า ดูซิว่าต้องไปโรงพยาบาลรึเปล่า”

เฉียวอวี่ย่อตัวลงมองประเมินหญิงสาวอยู่สองสามหน รู้สึกว่าใบหน้านี้ออกจะคุ้นๆอยู่นิดหน่อย ขณะที่ใช้ความคิดอยู่นั้น พ่อก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่ท้ายทอยของเขา “ไอ้เด็กบ้านี่! ยังไม่รีบพยุงเธอขึ้นมาอีก!”

เฉียวอวี่ยื่นมือออกไปตามที่พ่อบอก แต่จู่ๆคนตรงหน้าก็ดันร้องไห้โวยวายขึ้นมา “ฉันไม่ต้องการให้พี่พยุง ทำไมพี่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉัน ฉันไม่ให้พี่แตะตัวฉันหรอก!”

ดึกดื่นป่านนี้คนบ้านี่หลุดมาจากไหนเนี่ย

เฉียวอวี่บอกพ่ออย่างจนใจ “แจ้งตำรวจก่อนดีกว่าพ่อ ดูเหมือนว่าตรงนี้จะมีปัญหา” เขาชี้ไปที่ศีรษะของหญิงสาว

พ่อพยักหน้า ขณะที่หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะโทร.แจ้งตำรวจนั้น ก็มีเสียงดังมาจากถนนซึ่งมีแนวต้นไม้อยู่สองข้างทาง “เธอเป็นเพื่อนผมเองครับ”

เฉียวอวี่กับพ่อหันขวับไปมองพร้อมกัน พบชายหนุ่มสวมชุดกีฬาออกมาวิ่งตอนกลางคืน เขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้พลางขยับปีกหมวกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นแววตาเฉยชา

เฉียวอวี่จำผู้ชายคนนี้ได้ทันที “ฮั่วซี!”

เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปมองเฉียวเฉียวที่ยังคงนั่งร้องไห้อยู่กับพื้น “เธอมาหาผมน่ะครับ ขอโทษด้วยที่ต้องรบกวนพวกคุณ” กล่าวจบเขาก็ย่อตัวลงไปคว้าแขนของเฉียวเฉียวไว้ “ไปกันเถอะ”

เดิมทีเฉียวเฉียวกำลังร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ แต่พอดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตาคู่นั้นมองไปเห็นใบหน้าทั้งที่คุ้นเคยและแสนห่างไกลปรากฏอยู่ตรงหน้า เสียงสะอื้นก็ค้างอยู่ในลำคอไปเสียเฉยๆ

ฮั่วซีอาศัยจังหวะนี้พยุงตัวเธอขึ้นมา ก่อนจะพาร่างที่งุนงงอยู่เดินจากไป

เมื่อเงาของทั้งสองหายลับไปจากถนนซึ่งมีแนวต้นไม้ขนาบสองข้างทาง เฉียวอวี่ถึงนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนั้น…น่าจะเป็นดาราที่ชื่อเซิ่งเฉียว

 

 

[1] ในที่นี้หมายถึง แฟนคลับที่คอยติดตามศิลปิน โดยนำข่าวสาร รูปภาพ และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับศิลปินมาแบ่งปันให้คนอื่นๆ ในสื่อโซเชียลมีเดียของแฟนคลับที่เรียกว่า บ้านแฟนคลับ บ้านไซต์ หรือแฟนเพจ เวลามีคำถามเกี่ยวกับศิลปินก็มักจะเป็นคนแรกที่ออกมาตอบ และมักจะคอยอยู่แถวหน้าเพื่อตามถ่ายรูปเวลาศิลปินออกงานตามสถานที่ต่างๆ

[2] หมายถึง หญิงที่เป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปิน ดารา หรือนักร้อง

[3] โซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน การใช้งานคล้ายทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ซึ่งถือเป็นสื่อที่มีอิทธิพลทางการตลาดอย่างมาก

[4] หมายถึง กลุ่มคนที่ชอบติดตามข่าวและความเป็นไปในโลกออนไลน์ หรือที่รู้จักกันในหมู่ชาวเน็ตไทยว่า “จอมเผือก” หรือ “ขาเผือก”

[5] หมายถึง การแสดงความคิดเห็นโจมตีผู้อื่นในสื่อโซเชียลโดยใช้ชื่อแอ๊กเคานต์จริงของตนเอง

[6] เปรียบเปรยถึง ยาราคาถูกที่รักษาโรคอะไรไม่ได้ เปรียบเหมือนคนหรือสิ่งที่เสแสร้งหลอกลวง

[7] หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เลนส์ถ่ายไกล เหมาะกับการถ่ายภาพจากระยะไกลให้รู้สึกเสมือนว่าวัตถุนั้นๆอยู่ใกล้

[8] เปรียบเปรยถึง หญิงสาวที่ดูอ่อนเยาว์ งดงาม น่าทะนุถนอม

[9] 你妹啊ความหมายตรงตัวคือ “น้องสาวคุณ” โดยปกติมักใช้เป็นคำด่า มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า “แม่เธอสิ”

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า