[ทดลองอ่าน] รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่ เล่ม 2 ตอนที่ 40

老婆粉了解一下
รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่

 

ชุนเตาหาน เขียน
เสี่ยวฝาน แปล

 

— โปรย —

ในหมู่แฟนคลับที่ตามดารานั้น มีอัตราส่วนของเพศหญิงสูงมาก
ซึ่งคงเป็นเพราะผู้หญิงนั้นใช้ความรู้สึกมากกว่า
และใฝ่ฝันถึงความอ่อนโยน ความสวยงาม จากการติดตามดารามากกว่า

ก็แค่การชอบคนคนหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะคนที่ชื่นชอบคนนั้น
โดดเด่นเปล่งประกาย เพราะอย่างนั้นความรู้สึกของแฟนคลับ
จึงถูกเยาะเย้ยถากถางและไม่ได้รับการยอมรับอย่างนั้นหรือ
แบบนี้จะไม่ให้น้อยใจได้ยังไงล่ะ
แต่พอเห็นคนที่ติดตามคนนั้นยิ้มให้
ความน้อยเนื้อต่ำใจทั้งหมดก็กลายเป็นความหวานไปเลย

การเป็นแฟนคลับที่ดีก็ควรจะรักอย่างบริสุทธิ์
และรู้จักขอบเขต แต่ว่าแย่แล้ว เธอแย่แล้ว แย่แล้วจริงๆ!
ความรักของเธอไม่บริสุทธิ์แล้ว เธอต้องอยู่ให้ห่างจากเขา!!

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

40

 

สมองของเซิ่งเฉียวหยุดทำงานไปชั่วขณะ

ไอดอลของเธอกำลังทำอะไรน่ะ ลูบหัวของเธองั้นเหรอ ทำไมต้องลูบหัวเธอด้วยล่ะ เขาลูบหัวของเธอแล้วรู้สึกสบายไหม

เธอโดนไอดอลลูบหัว อ๊า เธอยกมุมปากขึ้นอย่างบ้าคลั่ง อยากจะร้องกรี๊ด!

ฮือๆๆ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรต้องเสียดายแล้ว

พลันก็รู้สึกว่าศีรษะเบาโหวง เพราะฮั่วซีดึงมือกลับไปแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “โทรศัพท์คุณดังอยู่น่ะ”

เซิ่งเฉียว “ช่างมันปะไร!”

“…” เขากลั้นยิ้ม “รับโทรศัพท์ก่อนสิ”

เซิ่งเฉียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนัก พอรับสายเสียงของเป้ยหมิงฝานดังก็ลอดลำโพงออกมา “เซิ่งเฉียวคุณคิดอะไรของคุณ! คุณวางสายใส่ผม!”

“เมื่อกี้อยู่ในลิฟต์ ไม่มีสัญญาณน่ะค่ะ”

“พรุ่งนี้คุณมาที่บริษัทแต่เช้าเลยนะ มาถึงเมื่อไหร่ผมจะจัดการคุณ”

“ได้ค่ะ ใจเย็นๆนะคะ นอนหลับฝันดี พรุ่งนี้จะได้มีแรงมาจัดการกับฉัน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

เมื่อเป้ยหมิงฝานวางสายไป เธอก็ยัดมือถือลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว แล้วเงยหน้ามองฮั่วซีพลางยิ้มซื่อๆ

นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นเขา เธอคิดถึงเขาจนแทบบ้า

ฮั่วซีปล่อยให้เธอมองตามใจชอบ ปีกหมวกที่ทอดเป็นเงาลางๆบนสันจมูกขับเน้นให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งดูสุขุมมากขึ้น

ภายในใจของเซิ่งเฉียวนั้นพร่ำเพ้อหลงใหลจนหัวหมุนติ้วๆ เธอจ้องมองอยู่นาน ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ฮั่วซี คุณหนาวไหมคะ”

รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาพร้อมกับลมหอบใหญ่ ถึงแม้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศยังคงหนาวเย็น เธอยืนตากลมจนตัวสั่น ในที่สุดสมองก็เริ่มทำงาน

ฮั่วซีตอบ “หนาว”

เซิ่งเฉียวสงบลงทันที “งั้นคุณกลับไปที่รถเถอะ! คราวหน้าออกมาข้างนอกก็สวมเสื้อผ้าหลายชั้นหน่อย ระวังอย่าให้เป็นหวัดนะคะ!”

ฮั่วซีมองเธอเงียบๆ

เธอยังคงร้อนใจ เหลียวซ้ายแลขวา แล้วเดินไปทางซ้ายสองก้าวเพื่อบังลมให้เขา แล้วถามว่า “ตอนนี้ดีขึ้นบ้างไหมคะ”

ฮั่วซีเอ่ยปาก “หิวน้ำนิดหน่อย อยากดื่มน้ำร้อน”

สมองของเซิ่งเฉียวทำงานอย่างรวดเร็ว เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านเธอได้เก็บกวาดห้องรึเปล่า ได้เทขยะรึเปล่า บนโซฟาคงไม่มีถุงเท้าวางอยู่หรอกนะ

เมื่อแน่ใจแล้ว เธอจึงถามหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง “ถ้าอย่างนั้น จะเข้าไปพักดื่มน้ำร้อนที่บ้านฉันไหมคะ”

ในที่สุดฮั่วซีก็ระบายยิ้มบางๆออกมา “ได้สิ”

ทั้งสองขึ้นลิฟต์ไป

เซิ่งเฉียวหยิบผ้าปิดปากและหมวกออกมาใส่ แล้วบอกเขาว่า “คุณอย่าเงยหน้านะ”

ฮั่วซีส่งเสียง “อืม” ในลำคอแล้วก้มมองปลายเท้าของตนเอง เพียงครู่เดียวก็ถึงชั้นห้า เซิ่งเฉียวลอบมองด้านนอกก่อนหนึ่งรอบ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีคนตรงทางเดินแล้วจึงโบกมือให้เขา แล้วหยิบกุญแจมาเปิดประตูอย่างว่องไว เมื่อฮั่วซีเข้ามาข้างในแล้วก็ล็อกประตูด้วยความโล่งอก

ฮั่วซีที่ยืนอยู่ตรงบริเวณทางเข้าแอบมองสำรวจเล็กน้อย

เธอรู้สึกอึดอัด ถูนิ้วมือซึ่งไพล่อยู่ด้านหลังไปมาสัญชาตญาณ เธอนิ่งไปสักพักก่อนเอ่ยว่า “คุณนั่งตามสบายเลยค่ะ ฉันจะไปต้มน้ำร้อนให้”

ฮั่วซีนั่งลงบนโซฟา บนโต๊ะน้ำชามีสมุดโน้ตที่เธอจดบันทึกเกี่ยวกับการแสดงวางอยู่ เขาหยิบขึ้นมาพลิกดูแล้ววางกลับไปที่เดิม ก่อนจะเอนตัวพิงพนักพิงหลัง แล้วยกนิ้วขึ้นมาจับสันจมูก

ช่วงสองสามวันนี้เขายุ่งมาตลอด ไม่ได้พักผ่อนเลย แล้วยังต้องนั่งเครื่องบินระยะไกลกลับมาประเทศจีนตอนกลางคืนอีก ที่จริงก็เหนื่อยมากแล้ว ทว่าพอเห็นคลิปวิดีโอที่เสี่ยวตั้นส่งมา เห็นภาพหญิงสาวที่ปกป้องเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาก็อยากมาหาเธอ

แต่เมื่อคนที่อาละวาดในคลิปยืนอยู่ต่อหน้าเขานั้น แววตากลับอ่อนโยนเสียจนน่าเหลือเชื่อ

เพียงครู่เดียว เซิ่งเฉียวก็ยกน้ำร้อนออกมา เมื่อเห็นเขาหลับตาพิงหลังอยู่บนโซฟาด้วยความอ่อนเพลียก็รู้สึกปวดใจเป็นที่สุด เธอเอ่ยถามเสียงค่อย “ฮั่วซี คุณเหนื่อยมากหรือเปล่าคะ จะพักผ่อนสักหน่อยไหม ฉันจะได้ช่วยเรียกเสี่ยวตั้นมารับคุณ”

เขาลืมตา แล้วรับแก้วน้ำไปพลางส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ผมไม่เป็นไร” อุณหภูมิของน้ำกำลังพอดี เขาดื่มไปสองสามอึกก็เงยหน้าถามว่า “คุณคุ้นเคยกับที่นี่หรือยัง”

“ค่ะๆ คุ้นแล้วค่ะ ที่นี่ดีมากเลย”

เขายิ้มบางๆ “งั้นก็ดี”

“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันพักอยู่ที่นี่”

“จงเซินบอกผมน่ะ” เขาชะงักไป แล้วหยิบถุงผ้าสีเงินออกมาจากกระเป๋าส่งให้เธอ “ของขวัญขึ้นบ้านใหม่”

เซิ่งเฉียวเบิกตากว้าง

ไอดอลให้ของขวัญเธอด้วย!!!

พอเห็นเธออึ้งไป ฮั่วซีก็ขยับตัว “ไม่เอาเหรอ”

“เอาค่ะๆๆ!”

เธอรีบคว้าไว้ แล้วค่อยๆเปิดดูอย่างระมัดระวัง ในถุงผ้านั้นมีหยกรูปน้ำเต้าขนาดเท่าเล็บซึ่งมีความละเอียด ประณีต และโปร่งใส ส่วนที่เป็นหยกนั้นเนื้อดีมาก สะท้อนแสงแวววาวเมื่ออยู่ใต้แสงไฟ

ฮือๆๆ นี่เป็นการให้ของขวัญระดับเทพเซียนหรือเนี่ย น่ารักที่สุดเลย!

ฮั่วซีกล่าว “เห็นมันสวยดี เลยซื้อมา”

“ฉันชอบมากค่ะ! ฉันจะดูแลมันอย่างดี! ฮั่วซี ขอบคุณนะคะ!”

เขาทำหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ชอบก็ดีแล้ว”

เธอดีใจเป็นที่สุด วิ่งกลับไปวางหยกรูปน้ำเต้าไว้ที่ห้องหนังสือ ตอนที่กลับออกมายังถือภาพใบหนึ่งพร้อมปากกาสีทองมาด้วย

“ฮั่วซี ช่วยเซ็นชื่อให้ฉันหน่อยค่ะ”

ฮั่วซีมองรูปตัวเองแวบหนึ่ง “แล้วรูปก่อนล่ะ”

เซิ่งเฉียวเอ่ยเสียงเบา “ให้คนอื่นไปแล้วค่ะ”

ฮั่วซีเหล่มองเธอ เขาไม่รับรูปภาพนั้นมา แล้วก็ไม่พูดอะไรด้วย

เธอรีบอธิบายอย่างร้อนรน “ให้ซีกวงไปน่ะค่ะ เธอเก็บกระเป๋าสตางค์ฉันได้ รูปคุณก็อยู่ในนั้น เธอเป็นคนดีมาก ฉันเลยให้เธอไป” เธอก้มหน้าราวกับทำความผิด จึงไม่เห็นมุมปากที่ยกยิ้มเพียงแวบหนึ่งของฮั่วซี เขารับรูปภาพและปากกาไป ก่อนจะโน้มตัวลงมาเซ็นชื่อ แถมยังวาดรูปหัวใจให้เองโดยไม่ต้องให้เธอบอกอีกด้วย

เซิ่งเฉียวดีใจเป็นที่สุด

ได้กำไรเป็นหัวใจมาหนึ่งดวงแน่ะ!

เธอถือรูปพร้อมลายเซ็นที่เพิ่งได้มาใหม่               ขึ้นมาดูอย่างมีความสุข พลันได้ยินฮั่วซีเอ่ยว่า “คราวหลังอยู่ในที่สาธารณะ อย่าใจร้อนแบบนั้นอีกนะ”

เธอรู้ว่าเขากำลังพูดถึงรายการถ่ายทอดสด จึงตัวแข็งทื่อ แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ขอโทษค่ะ ต่อไปจะไม่ทำแล้ว”

ฮั่วซีขมวดคิ้วพลางเรียกชื่อเธอ “เซิ่งเฉียว…”

เซิ่งเฉียวตัวสั่น ฮือๆๆ ไอดอลโกรธแล้ว ไอดอลจะตำหนิเธอแล้ว

ฮั่วซีถอนหายใจอย่างระอิดระอา

“ผมไม่ได้จะตำหนิคุณ ผมแค่อยากจะบอกคุณว่าคราวหลังอย่าทำเพื่อคนอื่นจนทำร้ายตัวเอง ต้องรู้จักคิดถึงตัวเองด้วย รู้ไหม”

เธอเงยหน้าขึ้นทันที แล้วโต้กลับอย่างรวดเร็ว “คุณไม่ใช่คนอื่น! เขาลอกงานคุณ แล้วยังมากระแนะกระแหนคุณอีก เขามีสิทธิ์อะไรมาว่าคุณ เขาไม่คู่ควรเลยสักนิด!”

ฮั่วซีมองเธอนิ่ง “หลายปีมานี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวหรอกนะ ผมไม่ได้เสียผลประโยชน์จากเรื่องนี้ อีกอย่างเรื่องพวกนี้ก็จัดการเป็นการส่วนตัวได้ การโวยวายในรายการถ่ายทอดสดแบบนั้นส่งผลเสียต่อคุณมากเช่นกัน เจ็บตัวกันทั้งสองฝ่าย มันไม่คุ้ม”

ขอบตาเธอแดง เธอเอ่ยขึ้นอย่างดื้อดึง “จะยังไงก็เถอะ ถ้ามันเกี่ยวข้องกับคุณ ฉันคงเย็นไม่ไหว”

เธอเองได้รับความไม่เป็นธรรมมากมายขนาดนั้น แต่กลับไม่เคยบ่นสักคำ สำหรับคนที่ทำร้ายเธอแล้ว เธอยิ้มรับได้ เธอมักจะจัดการเรื่องต่างๆอย่างใจเย็น และพิจารณาอย่างรอบคอบ

มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำให้เธอว้าวุ่นสับสน

เธอรักเขา ยิ่งรักก็ยิ่งอยากทะนุถนอมเขา

นิ่งไปนาน แล้วฮั่วซีก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา “ช่างเถอะ”

เซิ่งเฉียวเม้มปาก ทำท่าเหมือนจะร้องไห้

เขาหัวเราะน้อยๆ “เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้ผมจะติดต่อผู้จัดการส่วนตัวของคุณ เขาจะไม่ต่อว่าคุณแน่”

เซิ่งเฉียวกะพริบตา ทั้งซึ้งใจทั้งดีใจ “ฮั่วซี คุณใจดีจัง”

เขาลุกขึ้นสวมหมวก “พักผ่อนแต่หัวค่ำนะ ผมไปละ” พอเห็นว่าเธอจะออกมาส่งเขาลงข้างล่างก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องออกมา ข้างนอกหนาว”

เซิ่งเฉียวใช้ความคิดครู่หนึ่ง เธอเองก็กลัวว่าจะเจอคนในลิฟต์จึงพยักหน้า

หลังจากถ่ายรายการมาทั้งวัน เธออารมณ์แปรปรวนอย่างมาก และก็รู้สึกเหนื่อยจนทนไม่ไหวจึงไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาดูว่าในโซเชียลเกิดเรื่องใหญ่โตดุเดือดขนาดไหน หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ขึ้นเตียงนอนหลับทันที

 

เช้าวันรุ่งขึ้นฟางไป๋มารับเธอไปบริษัท เขาถือโอกาสตอนที่เธอกำลังกินอาหารเช้า รายงานสถานการณ์ของสงครามในโลกโซเชียลให้เธอฟัง

“ซีกวงสุดยอดมาก แค่คืนเดียวก็ทำคลิปเปรียบเทียบทำนองเพลงสองเพลงออกมาได้แล้ว ทั้งสองเพลงมีส่วนที่คล้ายกันมากถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แถมยังไปขุดเพลงที่ลูกชายผู้กำกับคนนั้นเคยโพสต์ในอินสตาแกรม ซึ่งก็ลอกผลงานของนักร้องญี่ปุ่นที่ไม่ดังมากมาเหมือนกัน ไม่ใช่แค่เรื่องลอกเลียนแบบนะ ชีวิตส่วนตัวก็วุ่นวายไม่แพ้กัน ในแอ๊กเคานต์ส่วนตัวก็มีแต่ภาพผับบาร์ และน่าสงสัยว่าเขาจะเคยสูบกัญชาตอนอยู่ต่างประเทศ แถมตอนเรียนมหาวิทยาลัยยังเคยนอกใจด้วย!”

ฟางไป๋ปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า “จริงๆนะ จะมีเรื่องกับใครก็ได้อย่าไปมีเรื่องกับซีกวงเชียว แม้แต่ประวัติศาสตร์อันดำมืดตั้งแต่สมัยอนุบาลก็ขุดออกมาได้”

เซิ่งเฉียวกินอาหารเช้าเสร็จก็เปิดโทรศัพท์มือถือแล้วแจ้งทีมงานแฟนเพจ : [กดไลก์สร้างกระแสให้โพสต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเฉียวเฉียวพูดเรื่องลอกเพลง กดรีพอร์ตและบล็อกเนื้อหาที่เกี่ยวกับฮั่วซี พวกเราจับจุดเรื่องลอกเพลงอย่างเดียว อย่าไปข้องเกี่ยวกับฮั่วซี]

ฉาฉา : [ถูก! พวกเขาจะได้ไม่ต้องมาหาว่าเฉียวเฉียวจับคู่สร้างกระแส]

เฉียวไม่ : [ฉันเข้าไปดูเชาฮว่า[1]กับก๋วงฉ่างของฮั่วซีแล้ว แฟนคลับของเขาปิดปากเงียบไม่พูดถึงเฉียวเฉียวเลย เอาแต่โจมตีคนที่ลอกเพลงกับทีมงานของรายการ ให้ตายเถอะ ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณบ้างเลย]

ฉาฉา : [ขออย่าให้พวกนั้นสำนึกบุญคุณเลย แฟนด้อมที่ดีที่สุดจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เกิดมีข่าวลือคู่จิ้นออกไปอีก เรื่องดีจะเปลี่ยนเป็นเรื่องร้าย แล้วก็ต้องมาทะเลาะกันอีก]

เซิ่งเฉียว : [แฟนด้อมเป็นปกติแบบนี้ก็ดี ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างอยู่]

 

เมื่อถึงบริษัทก็ได้เจอกับพนักงานของจงเซี่ยสองสามคนในลิฟต์ ตอนที่เห็นเธอนั้นต่างก็เก็บซ่อนสายตาที่มองอย่างประเมินเอาไว้ไม่อยู่ เด็กสาวคนหนึ่งในนั้นยิ้มพลางเอ่ยว่า “เสี่ยวเฉียว สุดยอด!”

เซิ่งเฉียว “ไม่หรอกค่ะ”

พอเข้าไปถึงห้องทำงาน สายตาที่เป้ยหมิงฝานมองเธอนั้นก็แทบจะทะลวงร่างเธอจนเป็นรู ทว่าสุดท้ายกลับไม่ได้ต่อว่าเธอ เพียงแค่เอ่ยว่า “เซิ่งเฉียวเอ๊ย เซิ่งเฉียว ผมดูไม่ออกเลยจริงๆว่าที่แท้คุณก็เป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรมนี่เอง”

เซิ่งเฉียวกล่าว “พวกขี้ลอก ยากที่สวรรค์จะให้อภัย”

เป้ยหมิงฝานมองเธออยู่นานก็ถามขึ้นว่า “คุณสนิทกับฮั่วซีไหม”

เซิ่งเฉียวเปลือกตากระตุก ทว่ายังคงปั้นหน้านิ่ง “ไม่สนิทค่ะ”

“แล้วทำไมเขาถึงได้โทรศัพท์มาหาผมแต่เช้าเพื่อขอร่วมมือกับเราในเรื่องการประชาสัมพันธ์”

“อาจเป็นเพราะเขาโดนลอกเพลง”

“แถมเขายังไม่ให้ผมว่าคุณอีกด้วย”

“อาจเป็นเพราะเขาจิตใจดี”

เป้ยหมิงฝาน “…”

เขาส่งสายตาเป็นเชิงถามให้ฟางไป๋ ทว่าฟางไป๋กลับทำหน้ามึนงงประหนึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย เป้ยหมิงฝานไม่มีทางที่จะคิดว่าเซิ่งเฉียวเป็นแฟนคลับของฮั่วซี เขาจึงคิดว่าเธอคงไม่ชอบใจคนที่ลอกผลงานคนอื่น

เขาถอนหายใจแล้วยิ้ม “เสี่ยวเฉียว ผมไม่รู้จริงๆว่าควรจะด่าหรือชมคุณดี ถึงแม้คุณจะก่อเรื่องแบบนี้ และทางรายการก็ขอให้ทางเรารับผิดชอบ แต่เพราะเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงของคุณหรือกระแสของรายการต่างก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย  คำวิจารณ์ในโซเชียลก็ชมคุณทั้งนั้น ดูท่าทุกคนล้วนเกลียดการลอกเลียนแบบน่าดู”

เขายังพูดอีกด้วยว่า “ได้ยินว่าเมื่อก่อนแฟนคลับของฮั่วซีโจมตีคุณรุนแรงเหมือนกันนี่  แต่ครั้งนี้ผมลองค้นหาดูแล้ว ไม่มีคอมเมนต์ด่าคุณเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็ใช้โอกาสนี้มาปรับความคิดที่คนทั่วๆไปมีต่อคุณก็แล้วกัน ยังไงก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย เพียงแต่ว่าตอนนี้คุณมีเรื่องผิดใจกับผู้กำกับหลิว หลังจากนี้คงต้องคิดหาวิธีจัดการซักหน่อย”

เขากล่าวสรุป “แล้วก็ถือโอกาสนี้ฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับฮั่วซีหน่อย แฟนคลับของเขามีเยอะเหลือเกิน ทั้งยังคอยจับตาดูคุณอยู่ตลอด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของคุณในวันหน้า”

เซิ่งเฉียวเอ่ยหน้านิ่ง “ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่รักษาสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ไว้ก็พอแล้ว”

อย่าได้สร้างเรื่องหรือจับคู่อะไรที่จะส่งผลกระทบต่อที่รักของเธออีกเลย

เป้ยหมิงฝานเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เหมือนคุณจะต่อต้านอะไรที่เกี่ยวพันกับฮั่วซีมากๆเลยนะ คุณเกลียดเขามากเลยเหรอ”

เซิ่งเฉียว “ค่ะ ฉันเกลียดเขามากเลย”

ฟางไป๋ “…”

พี่พูดออกมาแบบนี้ ไม่รู้สึกผิดต่อจิตสำนึกของตัวเองบ้างเลยเหรอ

 

[1]แหล่งรวบรวมข้อมูลของสิ่งที่เราติดตามในเวยปั๋ว มีการจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่ หากชื่นชอบศิลปินคนใดก็สามารถไปกดติดตามเชาฮว่าของศิลปินคนนั้นได้

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า