Time Mover
타임무버
야스 ยาสึ เขียน
พัชรวดี ประเสริฐไพบูลย์ แปล
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
เหตุผลที่เขาดื่มเหล้าเป็นเพราะแบบนั้นหรือเปล่า เพราะผมเปลี่ยนไปอย่างน่าแปลกในความฝันนี้ ซึ่งเป็นความจริงสำหรับเขา เป็นเพราะคาใจกับการกระทำที่ผิดปกติของผม เพราะแบบนั้นเขาก็เลยทิ้งให้ผมนอนหลับแล้วดื่มเหล้าอยู่คนเดียวหรือเปล่า
“ดื่มเหล้าเพราะผมรึเปล่าครับ”
“ทำไมคิดแบบนั้น”
“ก็เพราะ…โดยปกติแล้วในวันแบบนี้น่าจะต้องนอนอยู่ข้าง ๆ กันไม่ใช่เหรอครับ แต่กลับออกไปนั่งดื่มเหล้าคนเดียว แล้วก็ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”
“…วันแบบนี้เหรอ”
แม้แต่การพูดอ้อม ๆ ก็ยังยากแทบแย่ ทั้ง ๆ ที่เขาเข้าใจแต่ทำเป็นไม่เข้าใจแล้วยังถามอีก แค่ปล่อยผ่านไปไม่ได้หรือไงนะ ผมบุ้ยปากและมองค้อนด้วยหางตา
“พอตื่นมาผมตกใจขนาดไหนรู้บ้างไหมครับ”
พอผมละสายตาจากที่มองเขาไปตรงนิ้วมือแล้วพูดโพล่งออกมา เขาก็ถามกลับว่า “ทำไม” ทันที รู้สึกได้ว่าเขากำลังแกล้งผมก็เลยปิดปากเงียบไม่ตอบ
“ยอง”
พอได้ยินชื่อตัวเองที่ถูกเรียกอย่างอ่อนโยนเหมือนออดอ้อนต่างจากประโยคคำสั่งก่อนหน้านี้ หน้าผมก็แดง ใช้นิ้วขยุ้มผ้าปูที่นอนซึ่งไม่ได้ทำอะไรผิดและเม้มปากแน่น ส่วนเขานั่งคุกเข่าลงบนพื้น ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วมองหน้าผม
“ซอมุนยอง”
มือที่กำลังบิดผ้าปูที่นอนจนยับย่นถูกคว้าไปจับไว้ เขาเรียกชื่อผมแล้วก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากบนหลังมืออย่างนุ่มนวล ทุกครั้งที่ชื่อของผมออกมาจากริมฝีปากของเขาก็รู้สึกว่ามุมหนึ่งในหัวใจจั๊กจี้จนแทบบ้า
“ตอนผมตื่นมาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่เลย รู้สึกตัวหนัก ๆ แค่ขยับนิ้วยังไม่ได้ เอวก็ปวด…ปวดเมื่อยไปทั้งตัว อย่างกับไปโดนทำร้ายร่างกายที่ไหนมา”
ความจริงแล้วจุดที่พูดถึงไม่ได้เจ็บและแสบทุกครั้งที่ขยับ แต่ไม่กล้าบอกเขาถึงขนาดนั้น ผมบุ้ยปากพูดอย่างขัดเคือง พอผมพูดแบบนั้นก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังยิ้มเล็กน้อยจากที่ตอนแรกประทับริมฝีปากอยู่บนหลังมือ
“ถ้าเจ็บก็น่าจะนอนไป ออกไปทำไม”
“…เพราะไม่เห็นตัวการที่ทำให้เป็นแบบนี้ไงครับ”
“ตั้งใจออกไปหาฉันสินะ”
ได้ยินคำพูดพึมพำของเขาราง ๆ ว่าเพราะนายเป็นซอมุนยองที่อ่อนหวาน
“นอนเถอะ นอนอยู่เฉย ๆ น่าจะดีกว่า”
“ไม่ได้ครับ”
เขาดึงผ้าห่มขึ้นแล้วจะจับให้ผมนอนลงบนเตียง แต่ผมหลบมือของเขาและส่ายหัว เขาถามด้วยสีหน้าสงสัยว่าทำไม ผมกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะบอกเขายังไงดี สุดท้ายก็ตอบด้วยเสียงงึมงำว่าตัวผมสกปรกครับ
“ถึงจะใส่ชุดนอนอยู่…แต่ยังไงตัวก็…”
บางอย่างที่เหนียวเหนอะหนะไม่รู้ว่าของผมหรือของเขาเปรอะตรงของสงวนเต็มไปหมด แถมระหว่างก้นผมก็ยังมีของเหลวไหลอยู่เลย ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตอนแรกเขากำลังมองหน้าผมนิ่ง ๆ ก่อนเดาะลิ้นพูดว่าอ้อ
“มานี่มา ไปอาบน้ำกัน”
ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่พูดว่า ‘ไปอาบน้ำสิ’ แต่กลับเป็น ‘ไปอาบน้ำกัน’ แต่เขาอุ้มผมขึ้นก่อนที่จะทันได้เอ่ยปากถามแล้วเดินไปที่ห้องอาบน้ำในตัว เขาวางผมให้นั่งลงบนขอบอ่างอาบน้ำคล้ายกับพาดไว้ แล้วก้มตัวลงไปเปิดน้ำในอ่าง หาของในตู้ลิ้นชัก หยิบสบู่ทำฟองออกมาใส่ลงไป ฟองก็เริ่มลอยฟ่องขึ้นมา
“ถ้านั่งแช่เท้าไว้ครู่หนึ่งแล้วค่อยออกมาก็จะดีขึ้น”
เขาพูดแบบนั้นแล้วก็ยืนเงียบไม่พูดอะไร ปล่อยมือห้อยลงด้านล่าง แต่ไม่รู้ทำไมถึงกำมือแล้วก็แบมือแบบนั้นซ้ำ ๆ เหมือนกำลังกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ผมเหม่อมองการกระทำที่ไม่รู้ความหมายแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาที่ปิดปากเงียบอยู่ก็ค่อย ๆ ยื่นมือออกมาจับกระดุมเม็ดบนสุดของชุดนอนที่ผมใส่อยู่
“อ๊ะ”
“ชู่ ฉันไม่ได้ทำอะไร แค่จะอาบน้ำให้เฉยๆ”
ไม่ต้องอาบให้ก็ได้นี่ แค่นี้ผมอาบเองคนเดียวได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถึงขั้นจะช่วยอาบด้วย แต่น้ำเสียงของเขาที่จูบขมับของผมแล้วพูดนั้นฟังดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ก็เลยไม่กล้าปฏิเสธ
ชุดนอนท่อนบนถูกถอดออกด้วยมือของผู้ชายคนนั้น มือของเขาลากผ่านบนบ่าที่สั่นเพราะความตื่นเต้นอย่างแผ่วเบา แล้วจับขอบชุดนอนท่อนล่างที่คาดอยู่ตรงเอว รู้สึกได้ว่ามือนั้นร้อนรุ่ม
“ลุกขึ้น”
ผมลุกขึ้นจากที่ตอนแรกนั่งหมิ่นอยู่ตรงขอบอ่างอาบน้ำเพราะคำพูดของเขา จากนั้นเขาก็ดึงชุดนอนท่อนล่างลงทันที เพราะอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ใส่กางเกงใน ของสงวนก็เลยปรากฏต่อหน้าเขาทันที พอเอามือลงไปปิดตรงหว่างขา เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ กดครีมอาบน้ำลงบนที่ขัดตัวจนเกิดฟอง เปิดฝักบัวให้ตัวเปียกชุ่มด้วยน้ำ แล้วถูที่ขัดตัวบนหน้าอก
ผมทอดสายตามองเขาที่พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นและกำลังขัดตัวให้ผม มองใบหน้าที่หาความรำคาญใจไม่เจอ แล้วก็คิดว่าที่เขาดูแลปรนนิบัติด้วยความเต็มใจถึงขนาดทำเรื่องแบบนี้ได้ เพราะเราเป็นแฟนกันสินะ
“อ้าขาหน่อย”
มือที่เคยถูหน้าอก ไหล่ แล้วก็แขน ตอนนี้สัมผัสอยู่ที่เอว พอผมค่อย ๆ อ้าขาตามคำบอกของเขาซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ เขาก็สอดมือเข้าไประหว่างต้นขาแล้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา บางที่ที่ปลายนิ้วของเขาลากผ่านผมก็จะสะดุ้งทุกครั้งโดยอัตโนมัติ เขาถูไปจนถึงหลังเท้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นจับเอวผมให้หัน มือถูย้อนกลับขึ้นมาจากข้อเท้า น่อง แล้วก็ต้นขา แทรกเข้าไประหว่างร่องก้น
“อ๊ะ!”
ผมร้องออกมาสั้น ๆ ขณะเดียวกันนั้นมือของเขาก็ออกมา ผมตกใจกับมือของเขาที่เคลื่อนผ่านจุดอ่อนไหว และรู้สึกเจ็บแปลบมากเวลาที่ร่องก้นแยกออก หน้าแดงเพราะเหมือนจะทำตัวอ่อนไหวไปหน่อยก็เลยก้มหน้าลง เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง เอาฝักบัวที่น้ำกำลังไหลมาจ่อบนบ่า สบู่ถูกชะล้างออกไปตามสายน้ำที่ไหลลงมา
“ทีนี้ก็ลงไปได้”
พอเขาอนุญาต ผมก็รีบเอาตัวลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำ โกยฟองมาปิดตรงหน้าอกที่เปลือยเปล่า ก่อนจะเหลือบมองผู้ชายคนนั้น เขานั่งหมิ่นตรงอ่างอาบน้ำโดยไม่สนใจกางเกงที่เปียกแล้วมองลงมาที่ผม
“อาบน้ำ…ให้ผมแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่รู้สิ นายคิดว่ายังไงล่ะ”
“ผมก็ไม่รู้หรอกครับ คิดว่าคงไม่บ่อย แต่ก็เหมือนเป็นไปได้ว่าจะบ่อยกว่าที่คิด”
พอได้แช่ตัวในน้ำอุ่นแบบนี้ก็คลายความตื่นเต้นลงและรู้สึกเพลีย กล้ามเนื้อคลายตัว รู้สึกแสบตรงระหว่างก้น ฮือ พอร้องครางออกมาเบา ๆ เขาก็ทำหน้าตกใจทันที
“เป็นอะไรไป”
“เจ็บครับ”
ต่อให้ไม่ต้องถามว่าเจ็บตรงไหนก็เหมือนว่าเขาพอจะเดาออก ผมมองสีหน้าตกใจของเขา ร่างกายก็กระตุก ทุกครั้งที่ขมิบก้นแล้วคลายก็จะสัมผัสน้ำอุ่นและรู้สึกถึงความปวดแสบ ทำให้คิ้วขมวดโดยอัตโนมัติ
“…หลังจากทำเสร็จจะเจ็บแบบนี้เป็นปกติเหรอครับ”
ผู้ชายคนนั้นเงียบกับคำถามของผม
“มีแต่ผมคนเดียวที่เจ็บขนาดนี้ ไม่ยุติธรรมเลย ไม่มีทางที่คนเราจะชอบอะไรที่ต้องเจ็บขนาดนี้ และลุงก็คงจะเทคนิคไม่ค่อยดีด้วยใช่ไหมครับ”
“…ว่าไงนะ”
“ก็จริงนี่ครับ ไม่น่าจะเพิ่งเคยทำครั้งแรกนี่ แต่ถ้าเจ็บขนาดนี้ก็แสดงว่าลุงยังขาดเทคนิค”
พอผมหน้าบึ้งพูดโพล่งออกมา เขาก็หัวเราะแห้งเสียงดังเหอะ
“นั่นไม่ใช่ปัญหาที่ฉันจะตอบได้ ลองด้วยตัวเองแล้วตัดสินดีไหม”
ผู้ชายคนนั้นมองผมด้วยสายตาแฝงแววขี้เล่นและถามกลับด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย เมื่อผมตกใจส่ายหัว เขาก็หัวเราะเบา ๆ
“พูดจาลามกเพื่อแกล้งผมแล้วรู้สึกดีเหรอครับ”
“พูดจาลามกจะไปสนุกอะไร ฉันชอบทำเรื่องลามกมากกว่า”
“ทะลึ่ง”
ในที่สุดก็ทำให้เขาหัวเราะออกมาได้ ผมก็หัวเราะตามเขาไปด้วย เหมือนฤทธิ์เหล้าคงสร่างไปมากแล้ว สีหน้าของเขาจึงกลับมาคล้ายกับตอนปกติ ผมเงยหน้ามองดวงตาที่เด่นชัดของเขาแล้วยกมือขึ้นกุมใบหน้าเขาเบา ๆ
“ลุงในความเป็นจริงเย็นชามากครับ ทั้ง ๆ ที่รู้จักลุงที่อ่อนโยนอยู่แท้ ๆ แต่พอกลับไปที่โลกความจริง เราก็กลายเป็นคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ผมดีใจที่ได้เห็นหน้าลุง แต่เหมือนว่าลุงไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ฉันไม่ใช่คนอ่อนโยน”
เขาจับมือผมที่กุมแก้มอยู่ลงมาแล้วจุมพิต พูดราวกระซิบ
“ถ้ามีลุงอยู่ข้าง ๆ แบบตอนนี้ก็คงดี…”
“การที่ฉันไม่อยู่ข้าง ๆ อาจจะดีกว่าก็ได้”
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ”
ถึงไม่รู้ว่าพูดแบบนั้นด้วยความหมายอะไร แต่ถ้าทำหน้าแบบนั้นมันน่าเสียใจนะครับ เขาเงียบไม่ตอบคำพูดผม ได้แต่ถูแก้มกับหลังมือที่เขาจูบเมื่อกี้เท่านั้น