การ เปลี่ยนนิสัยตัวเอง เป็นเรื่องสำคัญหากนิสัยที่คุณเป็นอยู่ มีบางอย่างที่ไม่ถูกใจใครหลายๆ คน เช่น มาสาย ขี้เหวี่ยง ขี้งอน ชอบโกหก ใช้คำพูดแรงๆ ฯลฯ นิสัยแบบนี้จะทำให้คนอื่นไม่อยากพูดคุย หรือสานสัมพันธ์กับคุณ ถ้าอยาก เปลี่ยนนิสัยตัวเอง ควรเริ่มจากการทำสิ่งเหล่านี้ นิสัยพูดจาไม่เข้าหู หรือใช้คำพูดไม่เหมาะสม นิสัยการพูดไม่ใช่แค่คำพูดติดปาก คำพูดที่เราใช้ในสถานการณ์ต่างๆ จะสะท้อนกลับและมีอิทธิพลต่อเราด้วย เช่น เขียนอีเมล เขียนเอกสารรายงานหรือเอกสารนำเสนองาน ตอบโต้ทางไลน์ หรือเขียนไดอะรี่ ทั้งหมดเป็นกิจกรรมที่ใช้คำพูดทั้งสิ้น ถ้าอยากเปลี่ยนนิสัย ให้ลองเขียนรายการคำที่ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ เป็นประจำ จากนั้นก็เปลี่ยนภาษาพูด หรือภาษาเขียนที่ใช้บ่อยเหมือนวิธีก่อนหน้านี้ ส่วนที่จัดการง่ายหน่อยก็เช่น สำนวนที่ใช้ในการเขียนอีเมล ถ้าปกติเขียนอีเมลด้วยประโยคเดิมๆ ว่า “ถึงคุณ____” ก็ลองใช้คำทักทายให้เข้ากับช่วงเวลา เช่น “อรุณสวัสดิ์ครับ” หรือ “สวัสดีครับ” หรือลองเปลี่ยนสติ๊กเกอร์ไลน์ที่ชอบใช้บ่อย หากดูระบบป้อนคำอัตโนมัติในสมาร์ทโฟน เราก็จะรู้คำที่ใช้บ่อยได้ง่ายๆ เมื่อใช้ระบบป้อนคำอัตโนมัติแล้ว ลองเปลี่ยนคำดู ตอนที่พิมพ์ก็ตั้งกฎไว้ว่าจะไม่ใช้คำที่ระบบเลือกให้ บางคนอาจรู้สึกว่ายาก แต่นี่เป็นวิธีที่ได้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม การเปลี่ยนคำพูดก็คือการเปลี่ยนความคิด มนุษย์ไม่สามารถคิดได้โดยปราศจากภาษา คำพูดมีพลังมาก […]
Author Archives: AMARINBOOKS TEAM
หนังสือการ์ตูนความรู้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกได้เรียนรู้ แต่ไม่อยากให้เครียดจนเกินไป ในหนังสือจะสอดแทรกความรู้ลงไปในเล่มในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัยของตัวละคร การสร้างสถานการณ์สมมติให้เด็กๆ ได้คิดตาม สามารถอ่านคนเดียวก็ได้ หรืออ่านร่วมไปกับคุณพ่อคุณแม่ก็สนุก มาดูกันว่า หนังสือการ์ตูนความรู้ ชุดไหน จะเหมาะกับเด็กๆ ที่บ้านบ้าง ชุดเรื่องนี้หนูอยากรู้ การตูนความรู้ สอดแทรกแถบเปิดสุดน่ารักเพิ่มความสนุกสนานให้เด็กๆ ทั้งเล่ม ตอนนี้ออกมาทั้งหมด 3 เล่ม คือ หนูเกิดมาได้อย่างไร เล่าเรื่องสนุกๆ ให้เด็กๆ ได้รู้ว่า ทารกมาจากไหนกันนะ พวกเขาเกิดมาได้อย่างไร และพวกเขาต้องการอะไรบ้าง เล่มที่สองคือ หนูมองเห็นได้อย่างไร จะทำให้เด็กๆ รู้ว่า ทำไมเราถึงมองเห็นได้ ได้ยินเสียงต่างๆ รับรู้รสชาติและรับรู้สัมผัสได้ด้วยวิธีไหน ดูหนังสือทั้งหมดในชุดเรื่องนี้หนูอยากรู้ คลิก ชุดเปิดความลับ ชุดเปิดความลับเป็นหนังสือภาพความรู้ที่มีแถบเปิดมากกว่า 80 แถบ! โดยเด็กๆ สามารถอ่านแล้วแล้วคิดตาม จากนั้นค่อยเปิดแถบเปิดออกดูคำอธิบายที่สอดแทรกไปด้วยเรื่องราวน่าตื่นเต้นได้ตลอดทั้งเล่ม คุณพ่อคุณแม่สามารถไขความรู้ไปพร้อมกับเด็กๆ ได้อย่างสนุกสนาน ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 เล่มด้วยกัน ได้แก่ […]
สิ่งที่ต้องทำเมื่อต้อง พูดต่อหน้าคนเยอะๆ อันดับแรกๆ นั่นคือการเขียนเนื้อหา จากนั้นจึงพูด แต่กระบวนการจัดระเบียบความคิดที่จะมาแนะนำนี้จะช่วยให้การพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่าเมื่อต้อง พูดต่อหน้าคนเยอะๆ ควรเตรียมตัวอย่างไร พูดให้ใครฟังและพูดทำไม นักพูดมือใหม่มักกำหนดหัวข้อหรือคำพูดที่ตัวเองอยากพูด แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ต้องทำเป็นสิ่งแรกคือ “วิเคราะห์คนฟัง” การพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ไม่ใช่การพูดคนเดียว แต่เป็นการส่งต่อความคิดไปสู่ผู้ฟังและสื่อสารกัน ดังนั้นผู้พูดจะต้องเริ่มจากการคิดว่า “จะพูดให้ใครฟัง” และ “ทำไมถึงต้องพูด” เหตุผลหนึ่งที่ทำให้การพูดต่อหน้าคนหมู่มากล้มเหลวคือ ไม่ได้วิเคราะห์ผู้ฟังอย่างถูกต้อง วิธีวิเคราะห์ผู้ฟังแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ ได้แก่ 1.มองให้ออกว่าผู้ฟังคือใคร สมมติว่าผู้ฟังคือนักเรียน คุณต้องแบ่งแยกว่าเป็นนักเรียนแบบไหน เช่น ชั้นประถม ชั้นมัธยมต้น ชั้นมัธยมปลาย นักศึกษาปริญญาตรี ฯลฯ และแบ่งแยกย่อยออกเป็นชั้นปี เช่น ประถม 1 ไปเรื่อยๆ การแบ่งแบบนี้จะทำให้รู้ว่าระดับสติปัญญาของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มนั้นแตกต่างกัน ความสนใจและจุดประสงค์ก็ต่างกันด้วย เช่น นักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่ 6 คงสนใจการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่านักเรียนชั้นประถมปีที่ 1 เป็นต้น 2.ส่งต่อข้อความที่จำเป็นต่อผู้ฟัง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมต้องพูดให้พวกเขาฟัง วิธีนี้จะเป็นการคิดถึงเหตุผลว่าทำไมผู้ฟังต้องฟังสิ่งที่คุณพูด […]
ใครๆ ก็อยาก ใช้ชีวิตให้มีความสุข กันทั้งนั้น แต่ติดอยู่ที่ปัญหาหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องงานที่เครียด กดดัน เรื่องความสัมพันธ์ที่ระหองระแหง หรือเรื่องของคนอื่นที่เราเก็บมาคิดจนทำให้ชีวิตไม่มีความสุข การ ใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำได้ง่ายๆ อยู่ที่ว่าคุณจะตัดสินใจทำมันหรือไม่ ตัดบางคนออกจากชีวิต เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากอย่างหนึ่งถ้าอยากมีความสุขในการใช้ชีวิตก็คือ การเลือกคบคน คนคนนั้นต้องใช้ชีวิต แบบเดียวกับเรา เพราะถ้าเลือกคบคนผิด ชีวิตเราก็อาจลำบากได้ คนเรามีหลายประเภท แต่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนดีและนำความสุข ความเจริญมาให้เราไปเสียหมด อาจมีคนเพียงเล็กน้อยที่เอื้อประโยชน์ ต่อความสำเร็จหรือความสุข แต่บางคนอาจทำให้คุณมีความทุกข์เสียมากกว่า นอกจากนี้ยังมีคนที่ชอบ “โกหก” “หลอกลวง” “ไม่รักษาสัญญา” และ “ทำแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ” การปฏิบัติตัวอย่างมีมิตรไมตรีต่อคนเหล่านี้ จะทำให้เราเหนื่อยล้า และใช้ชีวิตที่มีเพียงครั้งเดียวไปอย่างไร้ค่า ดังนั้น หากบังเอิญเจอคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุขหรือรู้สึกว่า “ไม่อยากคบกับคนแบบนี้เลย” ก็ควรสร้างระยะห่างหรือเลี่ยงที่จะเจอกัน ถึงแม้ถูกคนเกลียดบ้าง แต่ทุกคนก็ยังใช้ชีวิต ได้ตามปกติ แม้แต่นักแสดงหญิงที่มักถูกสาวๆ เกลียดและถูกกล่าวหา ต่างๆ นานา ก็เลือกใช้ชีวิตท่ามกลางกลุ่มคนที่ตัวเองชอบและมีความสุขได้เช่นกัน หาสถานที่ที่เหมาะกับตัวเอง สมัยเป็นเด็กคงไม่มีใครบ่นว่าอยากย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น เพราะเรายังเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตของตัวเองไม่ได้ แต่ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว […]
ในปัจจุบันคนหันมาสนใจเลือกใช้ น้ำมันประกอบอาหาร กันมาก เพราะนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังทำให้ไม่เป็นโรคมะเร็ง โรคอ้วน และโรคหัวใจด้วย ในอดีตเรากินน้ำมันหมู และน้ำมันมะพร้าวเป็นหลัก ชาวอเมริกันก็เช่นกัน ขณะเดียวกันก็มีการผลิตน้ำมันพืชจากถั่วเหลือง ถั่วลิสง ข้าวโพด และดอกทานตะวันใช้กันในวงการอุตสาหกรรม แต่ยอดขายไม่ดีนักเมื่อเทียบกับน้ำมันมะพร้าว มาดูกันว่าเราควรเลือกใช้ น้ำมันประกอบอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง น้ำมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวบีบเย็น เพราะเป็นน้ำมันที่ดีที่ดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้ง่าย สามารถใช้เป็นพลังงานทดแทนน้ำตาลได้ทันทีโดยไม่เกี่ยวข้องกับอินซูลิน ถ้าจะให้ดี น้ำมันต้องไม่เป็นพิษต่อร่างกายและไม่สะสม น้ำมันมะพร้าวที่ดีที่สุดต้องเป็นแบบออร์แกนิกและบรรจุในขวดแก้ว น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันสำหรับปรุงอาหารที่ถือว่าดีและปลอดภัยที่สุดในโลก เพราะเป็นน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวประมาณ 93% และมีไขมันไม่อิ่มตัวผสมอยู่ 7% และเป็นน้ำมันชนิดเดียวที่มีกรดลอริก เหมือนนมแม่ซึ่งเป็นภูมิต้านทานให้กับเด็กทารก น้ำมันมะกอกบีบเย็น มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย แต่ต้องเลือกที่บรรจุในขวดแก้วสีเข้มเพราะเป็นไขมันไม่อิ่มตัว น้ำมันชนิดนี้เหมาะอย่างยิ่งกับการทำน้ำสลัด แต่เนื่องจากไม่ควรโดนแสงและความร้อนจัดจึงห้ามนำไปผัดหรือทอดอย่างเด็ดขาด เพราะน้ำมันจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนอย่างรวดเร็วกลายเป็นไขมันทรานส์ซึ่งอันตรายต่อสุขภาพ น้ำมันงา ตระกูลเดียวกับน้ำมันมะกอก ควรใช้ชนิดบีบเย็นเท่านั้น ถ้าจะผัดควรผัดด้วยน้ำแล้วยกลงมาราดน้ำมันงาแล้วคลุก เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อน น้ำมันงาเป็นน้ำมันที่ดีมากตัวหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งจะดีถ้าได้จากการบีบเย็น และใส่ขวดแก้วสีเข้มเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากขวดพลาสติกและป้องกันแสง แต่หากนำไปทอดน้ำมันจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนอย่างรวดเร็วกลายเป็นพิษ น้ำมันรำข้าว มีคุณสมบัติดีมาก […]
การใช้น้ำเสียง ที่น่าฟังเป็นปัจจัยสำคัญในการพูดคุย และยังช่วยพัฒนาทักษะการพูดด้วย มันจะช่วยทำให้การสนทนาน่าสนใจและนำมาซึ่งสายสัมพันธ์และความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาก มาดูกันว่า การใช้น้ำเสียง แบบไหนที่น่าฟังและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด เลือกใช้น้ำเสียง ความหมายของการสื่อสารอยู่ที่น้ำเสียงที่ใช้มากกว่าคำพูดจริงๆ คุณจึงต้องใส่ใจกับเรื่องของน้ำเสียงที่ใช้ เช่น คุณสามารถพูดคำพูดเดียวกันโดยใช้น้ำเสียงที่ทำให้อีกฝ่ายมองว่าเป็นการพูดเล่นหรือเรื่องตลก และน้ำเสียงที่ทำให้อีกฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องที่จริงจังมาก เช่นคำว่า “ไปไกลๆ เลย” ซึ่งคุณสามารถพูดโดยใช้น้ำเสียงที่ดูเหมือนโกรธจริงจังหรือน้ำเสียงที่ดูเหมือนประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ ทั้งสองสถานการณ์ใช้คำพูดเดียวกัน แต่ความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิงตามน้ำเสียงที่ใช้ นอกจากนั้นน้ำเสียงยังสำคัญมากๆ ด้วย เพราะจะทำให้คู่สนทนาสนใจสิ่งที่คุณจะพูดต่อไป เวลาที่พูดถึงประสบการณ์ที่ต้องเล่าไปเรื่อยๆ จึงต้องระมัดระวังเรื่องการใช้น้ำเสียงให้ดี เช่น ใช้น้ำเสียงเพื่อทำให้คำพูดมีพลังมากขึ้นเช่น พูดคำว่า “ช้าๆ” แบบช้าๆ เพื่อที่จะได้ความรู้สึกแบบเดียวกับตัวคำ และพูดถึงสิ่งที่ “เคลื่อนที่เร็วเรื่อยๆ” โดยพูดคำว่า “เร็วขึ้นเรื่อยๆ” แบบเร็วมาก วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความหมายและความสนใจในสิ่งที่คุณพูดได้ การสื่อสารดูมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยการเลือกใช้น้ำเสียงนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นใช้น้ำเสียงที่ดูเหมือนประหลาดใจ ตื่นเต้น กระวนกระวายใจ ที่ช่วยเพิ่มความสนใจของอีกฝ่าย น้ำเสียงที่หลากหลายย่อมน่าฟังกว่าเสียงที่สม่ำเสมอคงเส้นคงวาแน่นอน และจำไว้ว่า ถ้าอยากให้คนอื่นรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่คุณพูด คุณต้องรู้สึกตื่นเต้นกับมันก่อน ความเร็วในการพูด อีกหนึ่งวิธีที่ใช้สร้างสัมพันธ์เวลาคุยกับอีกฝ่ายคือต้องพูดให้เร็วพอๆ กัน ฉะนั้นถ้าอีกฝ่ายพูดค่อนข้างเร็ว คุณก็ต้องพยายามพูดให้เร็วพอๆ กัน แต่ต้องไม่เร็วจนน่าอึดอัดใจ และหากอีกฝ่ายเป็นคนพูดช้า […]
ปัญหา ความขัดแย้งในที่ทำงาน มักมีอยู่ทุกบริษัท ทั้งปัญหาลูกน้องทะเลาะกัน ชิงดีชิงเด่น หัวหน้าไม่ให้คำปรึกษา ไปจนถึงปัญหาในขั้นตอนการทำงาน ซึ่งแต่ละปัญหาก็มีวิธีแก้ไขที่แตกต่างกัน มาดูกันว่าหากเกิด ความขัดแย้งในที่ทำงาน เราควรป้องกันหรือแก้ไขอย่างไร การดุด่าในที่ทำงาน คนเราเมื่อถูกผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ว่าตำหนิติเตียนอย่างรุนแรง ก็อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนทางจิตใจ หรือเรียกได้ว่า “บาดแผลในใจ” มนุษย์มีกลไกการป้องกันตัวเองอยู่ เมื่อได้รับความกระทบกระเทือน จิตใจจะตอบสนองว่า “ไม่อยากได้รับแรงกระทบกระเทือนแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง” จากนั้นกลไกจะทำงาน แทนที่อีกฝ่ายจะพิจารณาถึงเนื้อหาที่ถูกดุด่าว่ากล่าว แต่กลับตอบสนองด้วยความรุนแรง เช่น เถียงกลับ ชักสีหน้า ไม่ยอมทำงาน ฯลฯ การดุด่าในที่ทำงานต้องทำด้วยความพอดี ไม่มากจนเกินไป และอย่าใช้อารมณ์เยอะ เช่น “ทำไมไม่รู้จักคิดเองบ้าง!” “ไม่คิดจะทำงานด้วยตัวเองเลยหรือไง” เป็นต้น คำพูดแบบนี้จะทำให้การทำงานไม่ก้าวหน้า หัวหน้าก็สุขภาพจิตเสีย ลูกน้องก็เกิดความคับแค้นใจ จึงไม่สามารถทำงานด้วยความจริงใจได้อีก ชอบนินทาลับหลัง ปัญหาเรื่องนินทาถือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก แน่นอนว่าไม่มีคนไหนไม่ถูกนินทา แต่เนื้อหาที่นินทาจะแรงแค่ไหนต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป สมมติว่ามีคนมานินทาอะไรให้ฟัง ถ้าเราคิดว่า “หากไม่พูดออกมาเขาคงอึดอัดน่าดูสินะ” ก็แค่ฟังเสียหน่อยแล้วตอบรับว่า “อย่างนั้นเองหรือ” หากเราทำท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจ อาจทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า “คุณอยู่ข้างอีกฝ่ายเป็นพิเศษ” ก็เป็นได้ […]
บางเหตุการณ์เราก็จำเป็นต้อง คุยกับคนแปลกหน้า เช่น การขายงานกับลูกค้าที่ไม่เคยพบกันมาก่อน การถามทาง การเข้าร่วมสัมมนา แม้กระทั่งไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อน ก็ต้องมีบ้างที่เราต้องคุยกับเพื่อนของเพื่อนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน บางคนอาจเกิดอาการเคอะเขิน ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี อาการไม่กล้า คุยกับคนแปลกหน้า เป็นกันเกือบทุกคน และสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ เริ่มสนทนา ถ้าไม่เริ่มชวนคุย เรื่องอื่นๆ ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและยากที่สุดด้วย ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่า ผลลัพธ์ที่คุณต้องการหลังจากชวนคนแปลกหน้าคุยแล้วคืออะไร เช่น • ทำให้สถานการณ์ที่น่าอึดอัดผ่อนคลายลง • ได้ข้อมูลที่ต้องการ • สานสัมพันธ์และแบ่งปันประสบการณ์ • ขายของได้ • เจอคนที่อาจจะให้ความช่วยเหลือได้ • แค่แสดงความอัธยาศัยดีและทำให้คนอื่นมีความสุข การกำหนดผลลัพธ์ก่อนเริ่มชวนคุยจะทำให้คุณสามารถเลือกใช้คำพูด น้ำเสียง และวิธีการที่เหมาะสมดังตัวอย่างต่อไปนี้ สมมติว่าคุณอยู่ในร้านหนังสือและอยากได้คำแนะนำเกี่ยวกับตำราอาหาร และเห็นว่ามีคนยืนดูหนังสือในหมวดตำราอาหารอยู่เช่นกัน คุณอาจจะถามพวกเขาว่า “มีตำราอาหารดีๆ แนะนำไหม” และได้รับคำตอบมา แต่การใช้วิธีพูดแบบทื่อๆ ก็ตอบคำถาม “ทำไมถึงมาถามฉัน ต้องการอะไรหรือ” ได้ไม่ครบถ้วน แต่ถ้าพูดว่า “ขอโทษนะคะ ดูเหมือนคุณจะสนใจเรื่องการทำอาหาร ช่วยแนะนำตำราอาหารดีๆ […]
โคโนะ เก็นโตะ เป็นหนุ่มญี่ปุ่นนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยโตเกียว ที่สอบเนติบัณฑิตผ่านในครั้งเดียว และใช้เวลาอ่านหนังสือเพียง 8 เดือนเท่านั้น เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยจากรายการTheKing of Brains จากประเทศญี่ปุ่น ที่นำนักศึกษาหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่นมาแข่งขันเล่นเกมตอบคำถามที่ครอบคลุมทุกด้านตั้งแต่วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และความรู้ทั่วไป แต่ละคำถามก็โหดหินซะเหลือเกิน ต้องใช้ทักษะการสังเกต ความจำ และการวิเคราะห์ที่แม่นยำด้วย แต่โคโนะ ก็ผ่านมาได้ง่ายๆ บางข้อใช้เวลาคิดเพียง 1 วินาทีเท่านั้น! คลิปจากเพจญี่ปุ่นเบาเบา ที่แปลซับไทยให้คนชมจนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดียเรื่องความอัจฉริยะของเขาที่มาออกรายการนี้ครั้งแรกก็เอาชนะแชมป์เก่าที่เป็นนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยโตเกียว และคว้าเงินรางวัลหนึ่งล้านเยนไปครองในปี 2018 และสามารถรักษาแชมป์เป็นสมัยที่สองได้ในปี 2019 เรียกได้ว่าเป็น “ราชาสมองเพชร” อย่างแท้จริง! โคโนะ เกิดที่จังหวัดคานางาวะในปี 1996 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนเอกชนเซโค ปัจจุบันกำลังศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว เรียกได้ว่าเป็นว่าที่คุณหมอได้เลย ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ เขารู้สึกอยากสอบเนติบัณฑิตเมื่อเรียนแพทย์ชั้นปีที่ 2 เพราะอยากเป็นทนายการแพทย์ที่มีใบรับรองคุณวุฒิทั้งการเป็นแพทย์และทนายความ เพื่อว่าความให้คนไข้กรณีเกิดความผิดพลาดระหว่างการรักษา เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสอบเนติบัณฑิตให้ได้ จึงลงมืออ่านหนังสือเตรียมสอบในระยะเวลา 8 เดือน […]
Factfulness เป็นหนังสือที่แนะนำโดยบิล เกตส์ และถูกพูดถึงในรายการ TED TALK จนทำให้เกิดกระแสไปทั่วโลก แปลไปกว่า 36 ภาษา และมียอดขายทะลุ 1 ล้านเล่มไปเรียบร้อยแล้ว ความดีงามของหนังสือเล่มนี้คือมันสามารถเปลี่ยนมุมมองเรา เปลี่ยนสายตาที่เราใช้มองโลกมาแทบจะตลอดชีวิตโดยใช้ข้อมูลทางสถิติและผลวิจัยมายืนยันว่า “จริงๆ โลกไม่ได้แย่นะ แกนั่นแหละชอบคิดไปเอง” จนทำให้เราฉุกคิดได้ว่า จริงๆ แล้วโลกนี้เป็นอย่างไร ดีขึ้นหรือแย่ลงแค่ไหน รวมไปถึงการละทิ้งค่านิยมต่างๆ ที่ถูกฝังหัวมาตลอดเวลา ทำให้เราซึมซับความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อโลกโดยไม่รู้ตัว Factfulness จะทำให้คุณมองโลกต่างไปจากเดิมอย่างไร มาดูกัน โลกแบ่งเป็นสองส่วน ความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงว่า “โลกแบ่งเป็นสองส่วน” ทำให้คนรับรู้โลกผิดไปอย่างมาก ผลกระทบแรกนั้นเลวร้ายที่สุด การแบ่งโลกออกเป็นสองกลุ่มด้วยคำว่าจนและรวยนั้นบิดเบือนสัดส่วนของโลกในใจของผู้คนโดยสิ้นเชิง “ผู้คนประเทศนั้นไม่มีทางใช้ชีวิตได้แบบเรา” นี่ก็เป็นอีกประโยคหนึ่งที่มักได้ยินเวลามีคนพูดถึงประเทศที่มักจะมีคนคิดว่าเป็นประเทศยากจน ซึ่งนั่นคือการมองโลกแบบแบ่งแยก ประเทศเรา = ประเทศรวย / ประเทศนั้น = ประเทศจน มันจะเกิดภาพในหัวและสื่อความหมายที่ผิดเพี้ยน แต่ความเป็นจริงแล้วมันมีช่องว่างระหว่างกลางอยู่ และผู้คนส่วนมากอยู่ตรงกลาง ไม่ได้อยู่ส่วนซ้ายหรือขวาของโลก ประชากรโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้วประชากรโลกกำลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วมาก ประชากรจะเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งพันล้านคนในอีก […]