Author Archives: AMARINBOOKS TEAM

Factfulness

Factfulness หนังสือที่จะทำให้คุณมองโลกแตกต่างไปจากเดิม

Factfulness เป็นหนังสือที่แนะนำโดยบิล เกตส์ และถูกพูดถึงในรายการ TED TALK จนทำให้เกิดกระแสไปทั่วโลก แปลไปกว่า 36 ภาษา และมียอดขายทะลุ 1 ล้านเล่มไปเรียบร้อยแล้ว ความดีงามของหนังสือเล่มนี้คือมันสามารถเปลี่ยนมุมมองเรา เปลี่ยนสายตาที่เราใช้มองโลกมาแทบจะตลอดชีวิตโดยใช้ข้อมูลทางสถิติและผลวิจัยมายืนยันว่า “จริงๆ โลกไม่ได้แย่นะ แกนั่นแหละชอบคิดไปเอง” จนทำให้เราฉุกคิดได้ว่า จริงๆ แล้วโลกนี้เป็นอย่างไร ดีขึ้นหรือแย่ลงแค่ไหน รวมไปถึงการละทิ้งค่านิยมต่างๆ ที่ถูกฝังหัวมาตลอดเวลา ทำให้เราซึมซับความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อโลกโดยไม่รู้ตัว Factfulness จะทำให้คุณมองโลกต่างไปจากเดิมอย่างไร มาดูกัน   โลกแบ่งเป็นสองส่วน ความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงว่า “โลกแบ่งเป็นสองส่วน” ทำให้คนรับรู้โลกผิดไปอย่างมาก ผลกระทบแรกนั้นเลวร้ายที่สุด การแบ่งโลกออกเป็นสองกลุ่มด้วยคำว่าจนและรวยนั้นบิดเบือนสัดส่วนของโลกในใจของผู้คนโดยสิ้นเชิง “ผู้คนประเทศนั้นไม่มีทางใช้ชีวิตได้แบบเรา” นี่ก็เป็นอีกประโยคหนึ่งที่มักได้ยินเวลามีคนพูดถึงประเทศที่มักจะมีคนคิดว่าเป็นประเทศยากจน ซึ่งนั่นคือการมองโลกแบบแบ่งแยก ประเทศเรา = ประเทศรวย / ประเทศนั้น = ประเทศจน มันจะเกิดภาพในหัวและสื่อความหมายที่ผิดเพี้ยน แต่ความเป็นจริงแล้วมันมีช่องว่างระหว่างกลางอยู่ และผู้คนส่วนมากอยู่ตรงกลาง ไม่ได้อยู่ส่วนซ้ายหรือขวาของโลก   ประชากรโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้วประชากรโลกกำลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วมาก ประชากรจะเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งพันล้านคนในอีก […]

การตรวจปัสสาวะ

การตรวจปัสสาวะมีประโยชน์อย่างไร และวิธีเตรียมตัวก่อนตรวจ

การตรวจปัสสาวะ ไม่จำเป็นต้องอดอาหารหรืออดน้ำก่อนตรวจ โดยจะวิเคราะห์น้ำปัสสาวะโดยดูลักษณะทางกายภาพ สารเคมี และตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาความผิดปกติและประเมินความเสี่ยงในบางโรคเบื้องต้น และเป็นการตรวจที่ทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถตรวจได้ทันทีในทุกเพศทุกวัย ไม่มีผลข้างเคียงหรือทำให้เจ็บตัว ค่าใช้จ่ายไม่แพงและรู้ผลได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง มาดูกันว่า การตรวจปัสสาวะ มีประโยชน์อย่างไรและต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง   ประโยชน์ของการตรวจปัสสาวะ ตรวจสภาพของไตและท่อปัสสาวะจากไตลงมา ช่วยคัดกรองโรคเรื้อรังทั่วไปที่พบบ่อย เช่น โรคไต โรคตับ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ใช้วินิจฉัยโรคหรือการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และติดตามผลการรักษาโรคเบาหวาน โรคไต โรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลบางแห่งจะมีการตรวจปัสสาวะแบบพิเศษด้วย ประโยชน์ที่ได้คือ สามารถใช้ประเมินระบบการเผาผลาญสารอาหาร ประเมินความสมดุลของวิตามิน แร่ธาตุ และฮอร์โมนในร่างกาย ตรวจหาสารพิษ สารเสพติด สารโลหะหนัก ติดตามผลการรักษาหลังจากให้ยา และยังใช้ตรวจการตั้งครรภ์ของผู้หญิงจากฮอร์โมนที่พบในน้ำปัสสาวะ   วิธีเตรียมตัวก่อนตรวจปัสสาวะ การตรวจปัสสาวะไม่ต้องมีการเตรียมตัวเป็นพิเศษ ไม่ต้องงดอาหารหรือน้ำหากเป็นการตรวจแบบปกติ แต่มีข้อควรระวังบางอย่างที่อาจทำให้ผลการตรวจปัสสาวะคลาดเคลื่อน ดังนี้ • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนตรวจปัสสาวะ หากกินยาหรือวิตามินเสริมบางชนิด เช่น วิตามินบีกลุ่มยาขับปัสสาวะที่ใช้ลดความดันโลหิต กลุ่มยาปฏิชีวนะ ยาไรแฟมพิซิน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาวัณโรค กลุ่มยารักษาช่องทางเดินปัสสาวะ […]

การระดมสมอง

เทคนิคการระดมสมอง (Brainstorm) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด!

การระดมสมอง หรือ Brainstorm ได้รับความนิยมอย่างยิ่งเวลาต้องใช้ความคิดเห็นของหลายๆ คนเพื่อสร้างโปรเจกต์ใหม่ๆ ขึ้นมา และบางครั้งอาจกินเวลานานหลายชั่วโมงเลยทีเดียวหากไม่เข้าประเด็นที่ถูกต้อง และอาจไม่ได้อะไรเลยถ้าทุกคนไม่สามารถดึงสิ่งเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างครบถ้วน มาดูกันว่า การระดมสมอง หรือ Brainstorm ที่มีประสิทธิภาพต้องทำอย่างไร ใครสร้าง Brainstorming และสร้างมาทำไม อเล็กซ์ ออสบอร์น รองประธาน BBDO บริษัทโฆษณาของสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1941 เขาต้องกลุ้มใจอย่างหนักเพราะต้องทำโฆษณาใหม่ แต่คิดไอเดียไม่ออก เขาจึงเรียกทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนคิดคำโฆษณา นักออกแบบ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย มารวมตัวกันในห้องแล้วเริ่มประชุม วงการโฆษณาสมัยนั้นยังใช้ระบบแบ่งแยกงานกันทำ จึงไม่มีใครเรียกคนที่ทำงานในแผนกต่างๆ มารวมตัวกันเช่นนี้ ออสบอร์นสั่งให้คนจากทุกแผนกในบริษัทเข้าร่วมประชุม แล้วใช้วิธีประชุมที่พัฒนาขึ้นเพื่อหาไอเดียสำหรับสร้างโฆษณาใหม่ๆ และยังให้อิสระในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งผลตอบรับดีเกินความคาดหมาย เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ไม่ค่อยได้ทำงานร่วมกับฝ่ายพัฒนากลับแสดงไอเดียดีๆ ออกมาในมุมมองใหม่ๆ เมื่อต่อยอดไปเรื่อยๆ ไอเดียดีๆ ก็พุ่งกระฉูด เมื่อออสบอร์นเห็นว่าวิธีประชุมแบบนี้ได้ผลดี ก็เลยนำไปใช้กับทั้งบริษัท และเรียกวิธีนี้ว่า “Brainstorming” หลักการ 4 ข้อของ Brainstorming 1.ปล่อยให้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ พยายามสร้างบรรยากาศในการคิดไอเดียแบบไม่กดดัน รวมทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายด้วย ต้องมีคนกลางที่ดำเนินการประชุมได้ดี โดยไม่ยึดเอาตัวเองเป็นที่ตั้งจนมองข้ามไอเดียจากคนอื่น […]

โยคะนิ้ว

“โยคะนิ้ว” ออกกำลังกายง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่เหนื่อยแถมสุขภาพดี

โยคะนิ้ว เป็นวิธีเสริมสร้างสุขภาพรูปแบบใหม่ด้วยการกระตุ้นนิ้วมือด้วยการกดปลายนิ้วให้มีแรงกดสูง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมทั่วร่างกายและการทำงานของระบบประสาท ทำให้สุขภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้น   มาดูกันว่า โยคะนิ้ว ดีต่อสุขภาพของคุณอย่างไรบ้าง นิ้วมือสำคัญอย่างไร นิ้วมือเปรียบเสมือนสมองที่สองของมนุษย์ ผู้ออกคำสั่งการเคลื่อนไหวทุกอย่างคือสมอง เช่น เวลามือหยิบสิ่งของ เราใช้ดวงตาระบุตำแหน่ง รูปร่างและขนาดของสิ่งนั้น เมื่อยื่นมือไปจับ ร่างกายจะรับรู้ความรู้สึก น้ำหนัก อุณหภูมิของสิ่งนั้นแล้วสื่อสารไปยังสมอง สมองจะพิจารณาว่าต้องออกแรงแค่ไหน เคลื่อนไหวอย่างไรเพื่อที่จะยกสิ่งนั้นขึ้น แล้วส่งข้อมูลไปยังกล้ามเนื้อมือ ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาและมือก็รับหน้าที่เป็นทั้งอวัยวะเคลื่อนไหวและสื่อสัมผัส ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า “นิ้วมือคือสมองที่สอง เมื่อได้ใช้ประสาทผ่านการสัมผัส ได้ขยับนิ้วมือ ซีรีบรีมหรือสมองใหญ่ก็ได้ใช้งานไปด้วย”   ทำไมถึงต้องโยคะนิ้วมือ 1.บริเวณส่วนปลายของร่างกาย เช่น ปลายนิ้ว เป็นสื่อกลางในการชาร์จพลังงาน เหมาะกับการกระตุ้นให้เกิดแรงกดสูงขึ้น ทำให้เกิดการหมุนเวียนพลังงาน 2.ปลายนิ้วเป็นส่วนที่มีพื้นที่น้อย เทียบกับส่วนที่มีพื้นที่มากแล้ว พื้นที่น้อยสามารถเกิดแรงกดได้มากกว่า จึงได้แรงกดดันที่สูงและแน่นอนกว่า 3.การประกบมือซ้ายและมือขวา ทำท่าพนมมือไว้ที่หน้าอก ช่วยให้เส้นไขสันหลังยืดตรงไปเอง ร่างกายที่เคยบิดเบี้ยวจะถูกแก้ไขให้เข้าที่โดยอัตโนมัติ ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก 4.เมื่อเราขยับนิ้ว สมองจะขยับด้วย การออกกำลังกายด้วยโยคะนิ้วจะช่วยป้องกันไม่ให้สมองฝ่อได้   วิธีฝึกโยคะนิ้วขั้นพื้นฐาน 1.พนมมือ ยืนกางขาให้ห่างกันประมาณความกว้างของสะโพก ปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า ยืดหลังให้ตรง ประกบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากันไว้ที่กึ่งกลางอก […]

Factfulness

Factfulness ฉบับแปลไทย! หนังสือที่บิล เกตส์มอบให้นักศึกษาจบใหม่ทุกคน

Factfulness หนังสือที่บิล เกตส์ ซื้อแจกนักศึกษาจบใหม่ทุกคนในอเมริกา มีแปลไทยแล้วโดยสำนักพิมพ์ Amarin How-to บิล เกตส์ยกย่องหนังสือเล่มนี้ว่าเป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมเล่มหนึ่งที่เคยอ่านมา ซึ่งเขาเคยพูดถึงหนังสือเล่มนี้ใน  TED Talks : How not to be ignorant about the world ? ไว้ด้วย Factfulness เขียนโดยฮันส์ โรสลิง แพทย์และศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขโลก ร่วมกับโอล โรสลิง และอันนา เรินน์ลุนด์ ลูกชายและลูกสะใภ้ จุดประสงค์คืออยากให้ทุกคนที่ได้อ่านมีมุมมองความเข้าใจต่อโลกในทางที่ดีขึ้น จากสถิติและผลสำรวจที่ทั้งสามคนรวบรวมเอาไว้ และในปีค.ศ. 2017 ฮันส์ก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง โดยทิ้งบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไว้ในหนังสือเล่มนี้   คุณมีมุมมองต่อโลกนี้อย่างไร ในส่วนแรกก่อนที่คุณจะได้เข้าไปอ่านเนื้อในที่จะเปลี่ยนความคิดคุณไปทั้งชีวิต ต้องเริ่มทำแบบทดสอบก่อน แบบทดสอบที่ให้จะมีทั้งหมด 13 ข้อ ซึ่งหากตอบตามความคิดแรกของคุณ แบบไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหนังสือหลอก ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่ฉลาด ไม่ต้องขวนขวายหาข้อมูลจะได้ผลดีที่สุด ความคิดแรก นั่นคือความรู้สึกที่มาจากจิตใจของคุณ เมื่อตอบครบแล้ว คุณจะรู้ทันทีว่าคุณมองโลกอย่างไร แล้วหนังสือเล่มนี้จะช่วยคุณได้โดยวิธีไหน   […]

วิธีควบคุมตนเอง

วิธีควบคุมตนเอง ไม่ให้ตกเป็นทาสของราคะและกิเลสยั่วยวนจิตใจ

ในปัจจุบันนี้ คนเราถูกราคะและกิเลสครอบงำได้ง่ายเหลือเกิน วิธีควบคุมตนเอง จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะหากไม่รู้วิธีควบคุมแล้ว อาจมีผลเสียอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ครอบครัว หรือเพื่อนฝูง มาดูกันว่ามี วิธีควบคุมตนเอง แบบไหนบ้างที่ทำให้เราไม่ตกเป็นทาสราคะและกิเลสอีกต่อไป การซื้อของ การซื้อของถือเป็นแบบฝึกหัดของการตรึกตรองอย่างมีเหตุผล คือต้องมองผลิตภัณฑ์และราคา จากนั้นก็ถามตัวเองว่าคุณจะใช้ผลิตภัณฑ์นี้บ่อยแค่ไหน ราคาเท่าไหร่ และจะซื้ออะไรอย่างอื่นได้อีกบ้างด้วยเงินที่มีอยู่ หลังจากตอบคำถามแล้ว จึงเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ ทั้งข้อดีและข้อเสียที่จะซื้อของสิ่งนั้นแล้วจึงตัดสินใจ แต่คนส่วนมากกลับไม่ได้ใช้การตรึกตรองอย่างมีเหตุผลสักเท่าไรนัก ใช้ความรู้สึกในการเลือกมากกว่า ถ้าเรามีสิ่งนั้นแล้วจะมีความสุข โดยไม่ได้สนใจเลยว่าสิ่งนั้นจะมีประโยชน์และคุ้มค่ากับการซื้อมาหรือไม่   ความรู้สึกควบคุมความคิด การซื้อบางสิ่ง ท้ายที่สุดแล้วย่อมจบลงที่ความรู้สึกดีที่ได้ซื้อ หรืออย่างน้อยก็รู้สึกดีกว่าตอนเดินจากความรู้สึกอยากซื้อ แน่นอนว่าคุณอาจจะเสียใจที่ไม่ได้ซื้อมัน เพราะความรู้สึกเป็นผู้ควบคุมเกมนี้ตั้งแต่แรก เมื่อเราได้คิดคำนวณมามากมายและคิดว่าใช้เวลาใคร่ครวญมาสักระยะแล้ว เราจะคิดว่าเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อของสิ่งนี้มาจากข้อมูลการวิเคราะห์ทั้งหมด ซึ่งที่สุดแล้วจะทำให้เรารู้สึกดีที่จะซื้อ ไม่ได้ซื้อเพื่อความอยากได้เพียงอย่างเดียว การคิดมีบทบาทสำคัญต่อการกระทำมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้น ความรู้สึกก็ยังเป็นตัวควบคุมความคิดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดจบเสมอ   เหตุผลกับช็อกโกแลต การคัดเลือกตามธรรมชาตินั้นทำให้เราต้องการอาหารที่มีรสชาติบางอย่าง และทำให้เราต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรง อย่างน้อยในกรณีนี้ การต่อสู้เพื่อควบคุมตัวเองจึงเป็นการปะทะกันระหว่างระบบคุณค่าทั้งสองนี้ และหากเหตุผลจำเป็นต้องมีบทบาทในการต่อสู้ดังกล่าว มันก็เป็นแค่ตัวแทนของคุณค่าเหล่านี้ มันคือ ความปรารถนา ที่จะมีชีวิตยืนยาวและแข็งแรง ซึ่งทำให้การใช้เหตุผลของเรามุ่งไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำตาลจากช็อกโกแลตกับชีวิตที่ยืนยาว และด้วยความปรารถนานี้เองที่ผลลัพธ์ของการใช้เหตุผลมีอำนาจเหนือความปรารถนาอย่างกินช็อกโกแลต ด้วยเหตุนี้ เหตุผลจึงยังคงเป็น […]

โรคไบโพลาร์

ทำอย่างไร เมื่อตัวเองหรือคนใกล้ตัวเป็นโรคไบโพลาร์

หากรู้ตัวว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวเช่น ครอบครัว หรือเพื่อนเป็น โรคไบโพลาร์ ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะอาการจะดีขึ้นอย่างแน่นอน หากทำตามเงื่อนไข 2-3 ข้อดังต่อไปนี้ ต้องพบจิตแพทย์ ได้รับยาที่ถูกต้องในขนาดที่สูงพอ และกินยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ภายใน 14 วัน อาการจะเริ่มดีขึ้น แต่ต้องรักษาและนัดหมายกับแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย อาการจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเกือบจะเป็นปกติภายใน 90 วัน มาดูกันว่าหากตัวเองหรือคนใกล้ตัวเป็น โรคไบโพลาร์ ควรทำอย่างไร พบจิตแพทย์ – ได้รับยาที่เหมาะสม – กินยาตามแพทย์สั่ง หลังจากที่กินยาตามที่ได้กล่าวตามข้างต้นไปได้ 90 วัน และหากยังไม่ชะล่าใจหยุดยา หรือใจร้อนเปลี่ยนหมอเสียก่อน ผู้ป่วยจะอาการดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นปกติในเวลา 6 เดือน แน่นอนว่าทุกโรคย่อมมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักและรุนแรงมาก แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะตอบสนองยาอย่างดีตามระยะเวลา หลังจากดีขึ้นแล้ว ผู้ป่วยยังต้องกินยาไปอีกอย่างน้อย 2 ปี ถึงมีโอกาสหยุดยาตามแพทย์เห็นสมควร หากหยุดยาแล้วเป็นซ้ำรอบสอง การรักษารอบที่สอง จิตแพทย์ส่วนใหญ่จะขอให้ผู้ป่วยกินยาให้ครบ 5 ปี เป็นอย่างน้อย หากยังไม่ครบ 5 ปีแล้วอยากจะหยุดยาก็เสี่ยงได้ แต่ถ้ากลับมาเป็นซ้ำรอบสามจะเป็นคำตอบอย่างชัดเจนว่า […]

สาเหตุของการเกิดมะเร็ง

สาเหตุของการเกิดมะเร็ง และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็ง

สาเหตุของการเกิดมะเร็ง มีหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งร่างกายที่มีเซลล์และฮอร์โมนที่ผิดปกติ และเชื้อมะเร็งที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ไม่ออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ฯลฯ สาเหตุของการเกิดมะเร็ง มีอะไรบ้าง ตรงกับพฤติกรรมของคุณหรือไม่  เซลล์มะเร็งไม่ชอบออกซิเจนแต่ชอบน้ำตาล นักเคมีชาวเยอรมันพบว่า สาเหตุของมะเร็งเกิดจากเซลล์ได้รับออกซิเจนน้อยกว่า 60% ของความต้องการออกซิเจนปกติ หากระดับออกซิเจนในเซลล์ต่ำกว่า 60% ของระดับปกติ เซลล์มะเร็งก็อาจจะเกิดขึ้นในร่างกายของคุณ ด้วยความที่เซลล์มะเร็งไม่ชอบออกซิเจนแต่ชอบน้ำตาล ดังนั้นถ้าใช้วิธี “เพิ่มออกซิเจนและตัดน้ำตาล เซลล์มะเร็งก็จะตาย” เป็นหลักสั้นๆ แค่นี้เองจริงๆ เพียงแต่ต้องทำด้วยความมุ่งมั่นและมีวินัย การที่เราอยู่แต่ในห้องแอร์ ในรถ ในที่ทำงาน ไม่มีอากาศธรรมชาติเติมเข้ามาเลย อากาศภายในก็จะมีออกซิเจนต่ำ ล้วนทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน นอกจากนี้อาหารที่มีรสหวาน ทั้งน้ำตาลแท้และเทียม ก็ยิ่งเป็นสารกระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้ การป้องกันมะเร็งเป็นเรื่องง่าย ถ้าเราไม่ทำให้ร่างกายตกอยู่ในสภาพที่จะเป็นมะเร็ง มันก็จะไม่มีวันเป็น แค่กลับไปดูแลเซลล์ในร่างกายตามธรรมชาติดั้งเดิม ทำให้ร่างกายของเราเป็นโลกที่น่าอยู่ของเซลล์ตามธรรมชาติ เซลล์ของเราก็จะทำหน้าที่ได้อย่างปกติ และร่างกายก็จะไม่มีวันเป็นมะเร็ง   เบาหวานตัวอันตราย เบาหวานเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งได้ง่ายขึ้น เพราะผู้ป่วยเป็นเบาหวานมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงกว่าคนปกติ ส่วนมะเร็งก็ชอบน้ำตาลและมีความสามารถในการแย่งน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าเซลล์ธรรมดาประมาณ 20 เท่า ดังนั้นหากเกิดมะเร็งในร่างกายผู้เป็นเบาหวานมะเร็งก็จะมีอาหารให้กินเหลือเฟือ และเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แพทย์แผนไทยผู้ชำนาญในการบำบัดมะเร็งยืนยันว่า คนที่เป็นมะเร็งส่วนมากเป็นเบาหวานมาก่อนการเกิดมะเร็ง การเกิดเบาหวานส่วนมากสาเหตุมาจากการกินเนื้อสัตว์ […]

หมดไฟในการทำงาน

วิธีจุดไฟให้ลุกโชนอีกครั้ง เมื่อเกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน

หมดไฟในการทำงาน ไม่อยากตื่นไปทำงานในแต่ละวัน เบื่องานประจำที่ทำอยู่ อยากเติบโตมากขึ้นกว่านี้ ฯลฯ และอีกหลายเหตุผลที่ทำให้การใช้ชีวิตของเราดำเนินไปด้วยความเฉื่อยชา จริงๆ แล้วภาวะหมดไฟในการทำงานเกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุอาจมาจากตัวงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า และสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เรารู้สึกไม่อยากไปทำงานในแต่ละวัน หนทางแก้ไขภาวะนี้ คือการเปลี่ยนทิศทางอาชีพ ที่ไม่ได้หมายความว่าให้ลาออกทันทีโดยไม่วางแผนใดๆ แต่เป็นการค้นหาความชอบ ความถนัด และเริ่มสร้างโอกาสจากสิ่งเหล่านั้น มาดูกันว่าเราจะสามารถจุดไฟให้ลุกโชนอีกครั้งได้หรือไม่ เมื่อเกิดภาวะ หมดไฟในการทำงาน ตั้งหลักก่อน หลังจากที่เป๋ไปจากการหมดไฟแล้ว สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือการตั้งหลัก นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการเปลี่ยนทิศทางชีวิตของคุณ เป้าหมายของการตั้งหลัก คือการหาความรู้เบื้องต้นจากสิ่งที่เราสนใจและถนัดจริงๆ ต้องรู้จักจุดแข็งและความสนใจของตัวเอง รวมถึงเป้าหมายในอนาคตด้วย หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ คุณจะเหมือนกับรถติดหล่มที่ล้อหมุนติ้วอยู่กับที่ การมองข้ามสิ่งที่ตัวเองมีอยู่และมองไกลเกินความจำเป็นจะทำให้คุณต้องทำงานอย่างหนักหน่วง แต่กลับอยู่ที่เดิม ด้วยความที่การทำมาหากินนั้นผูกติดอยู่กับความต้องการขั้นพื้นฐานของเรา เช่น อาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย ดังนั้นข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนทิศทางคงหนีไม่พ้นเรื่องเงิน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างต้องคำนึงถึงเรื่องเงินไว้ด้วย   ค้นหาจุดแข็ง ค้นหาจุดแข็งของคุณเพื่อดูว่าจุดแข็งข้อไหนที่มอบพลังให้กับคุณในการทำงานแต่ละวันมากที่สุด และควรสนใจจุดแข็งข้อไหนมากขึ้น งานที่น่าสนใจที่สุดคืองานที่เปิดโอกาสให้คุณได้ใช้ทักษะที่ดีที่สุด ความสนใจ และจุดแข็งเฉพาะตัว ลองย้อนกลับไปดูวัยเด็กว่า คุณชอบทำกิจกรรมอะไร จุดแข็งทางอาชีพของคุณย่อมแสดงออกมาในทางใดทางหนึ่งเมื่อนานมาแล้วก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ บางคนอาจจะชอบทำอาหารตั้งแต่เด็ก แต่เรียนด้านบริหารธุรกิจมา หลังจากทำงานด้านการเงินมาแปดปีก็รู้สึกหมดไฟ จึงลาออกมาสมัครเรียนทำอาหาร และเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง […]

วิธีการเรียนรู้

วิธีการเรียนรู้จากมุมมองใหม่ๆ แบบไม่กดดัน ไม่เครียด

วิธีการเรียนรู้ ที่เราใช้แบบเดิมๆ บางครั้งก็ทำให้รู้สึกเครียดและกดดันขึ้นมาได้ จริงๆ แล้วโลกนี้มีวิธีการเรียนรู้ที่ไม่เครียดด้วย เพียงแค่เปลี่ยนมุมมองเท่านั้น เรื่องที่ดูเครียดก็จะกลายเป็นเรื่องสนุก   วิธีการเรียนรู้ จากมุมมองใหม่ๆ แบบไม่กดดัน ไม่เครียด จะเป็นอย่างไรมาดูกัน   ทำตามความฝัน สิ่งสำคัญในการทำความฝันให้ลุล่วงคงหนีไม่พ้นความทะเยอะทะยานและความอดทน หากไม่มีสองสิ่งนี้คงทำให้ความฝันเป็นจริงไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ผู้พันแซนเดอร์สก่อตั้ง KFC แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดระดับโลกหลังจากถูกปฏิเสธถึง 1,009 ครั้งก่อนจะเซ็นสัญญากับพีท ฮาร์แมน ลองนึกดูว่าเขาถูกปฏิเสธนับพันครั้ง ไม่ใช่หลักร้อย คนเราคงไม่อดทนไปพบคนอื่นได้ถึงพันครั้ง หากไม่จริงจังกับเป้าหมายของตน และสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือในปีที่เขาได้เซ็นสัญญาครั้งแรกนั้น ผู้พันแซนเดอร์สมีอายุ 62 ปี เขาใช้เวลากว่าค่อนชีวิตในการทำตามความฝันให้เป็นจริง ต้องเข้าใจก่อนว่าความอดทนของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ซึ่งหากคุณจะยอมแพ้ก่อนจะครบสิบครั้งก็ไม่แปลก ความฝันไม่จำเป็นต้องมีแค่สิ่งเดียว เราสามารถฝันหลายๆ อย่างได้ หากคิดว่าการประสบความสำเร็จระดับโลกมันยากและกดดันเกินไป ลองเริ่มทำความฝันเล็กๆ ให้สำเร็จดูสิ เช่น ฝันว่าอยากไปดูแสงเหนือกับตาตัวเอง หรือฝันว่าอยากจะมีหนังสือเป็นของตัวเองสักเล่ม แล้วก็ลองทำตามความฝันนั้นให้ได้ แม้ความฝันนั้นมันจะเล็กน้อยแค่ไหน อย่างน้อยเราก็ทำตามฝันของเราได้อย่างหนึ่งแล้ว เป็นก้าวเล็กๆ ที่เติมเต็มความสุขในชีวิตได้ดีเลยละ   การเล่นคือการเรียนรู้ ใครจะคิดว่าเรื่องเล่นๆ ที่เราทำอาจสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ตัวอย่างเช่น เจมส์ […]

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า