《古代吃货生存指南》 คู่มือการเอาตัวรอดของนักกิน เข่อเล่อเจียงทัง เขียน เสี่ยวหวา แปล — โปรย — เจียงซูเหย่าผู้เป็นดั่งถุงฟางข้าวใบหนึ่ง กลับกลายเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารแปลกๆ หลากหลายรายการ ด้วยเหตุนี้เซี่ยสวินสามีแต่เพียงในนามจึงชื่นชอบ และหวงแหนนางยิ่งยวด ขอเพียงได้กินอาหารฝีมือภริยา เท่านี้เขาก็พึ่งใจแล้วจริงๆ ส่วนสหายร่วมงานผู้ตะกละตะกลามเหล่านั้นน่ะหรือ… อย่าหวังว่าจะได้มากินอาหารฝีมือภริยาที่เรือนของเขาอีก แค่เขาแบ่งปันให้บ้างเป็นครั้งคราว เท่านี้ก็นับว่าเขาใจกว้างอักโขแล้ว! _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 42 หลังจากที่กลับมาจากเรือนของสวีซื่อ เจียงซูเหย่าก็กลับมาเอนกายอยู่บนเก้าอี้ในลานบ้านของตัวเองอย่างเบื่อหน่าย สูตรอาหารที่เจียงซูเหย่าคิดออกทั้งหมดได้ถูกส่งไปให้หลินซื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนางก็ส่งจดหมายมาแจ้งว่าร้านอาหารจะเปิดในอีกไม่กี่วัน น่าเสียดายที่นี่ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน ความใฝ่ฝันของเจียงซูเหย่าที่คิดอยากจะมีประสบการณ์ในการเป็นเถ้าแก่ใหญ่ที่ได้ตรวจสอบการเปิดกิจการสักครั้ง สุดท้ายกลับเป็นสิ่งที่ยากจะเป็นจริงได้ นางไม่ชอบอ่านหนังสือและฝึกคัดตัวอักษร งานอดิเรกเพียงอย่างเดียวของนางคือการทำอาหาร หลังจากพักผ่อนบนเก้าอี้โยกสักครู่ ได้ลุกขึ้นเข้าไปในห้องครัวเล็ก เมื่อตอนเที่ยงกินของร้อนที่มีรสเค็มไป ยามนี้รู้สึกตะกละ อยากจะกินของหวานเย็นๆอยู่บ้าง เครื่องโม่แป้งขนาดเล็กที่ประณีตละเอียดอ่อนถูกย้ายไปที่ครัวเล็กเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับโถและไหน้ำปรุงรสที่วางเรียงอยู่ข้างผนัง เรือนทิงจู๋ที่มีรสนิยมและเงียบเชียบพลันดูติดดินขึ้นมาในฉับพลัน หากไม่รู้คงเข้าใจว่าเป็นลานบ้านของครอบครัวชาวนาที่ไหนสักแห่ง เจียงซูเหย่าหยิบข้าวเจ้ามาโม่แป้ง เหล่าสาวใช้ย่อมจะไม่กล้ามองอยู่เฉยๆ จึงรีบเข้าไปช่วยด้วย ดังนั้นเมื่อเซี่ยสวินกลับมาแล้วก็ได้เหล่าสาวใช้ผลักเครื่องโม่แป้งไปรอบๆ เจียงซูเหย่าโยนข้าวเจ้าลงในเครื่องโม่แป้งโดยสีหน้าไร้อารมณ์ […]
Author Archives: AMARINBOOKS TEAM
我愛種田 ผมแค่อยากปลูกผัก ส่วนความรักน่ะ… เล่ม 2 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน ตัวละครผู้ถูกแทงที่ท้อง แปล เรียลลิตี้ในโลกแรกจบลงพร้อมเรตติ้งสูงลิบแบบงงๆ ชุยชีฉาว เตรียมเข้าสู่โลกที่สองในบทบาทใหม่ บารอนหนุ่มผู้เป็นเจ้าเมืองเล็กๆ อย่าง นอร์ทัมเบอร์แลนด์ เมื่อสายเลือดเสินหนงมาปรากฏตัวในยุโรปยุคกลางทั้งที แผ่นดินที่เคยแห้งแตกระแหงจะเขียวขจีได้ขนาดไหนกัน —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 3.4 ท่านบารอนแสดงเทคนิคที่ชวนให้ทุกคนในปราสาทตกตะลึงอีกระลอก เขาชี้นิ้วสั่งแมว “กลิ้ง” แมวดำตัวนั้นเริ่มกลิ้งบนพื้น ก่อนจะเดินมาตรงหน้านายท่านพร้อมก้มหัวลง นายท่านก้มลงหิ้วหลังคอมันขึ้นมา ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสรีชนอย่างไมค์ที่นั่งอยู่ตรงมุมโบสถ์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เขากับทุกคนได้ยินคำสาปแช่งของนายท่านด้วยหูของตัวเอง จึงเริ่มหวาดหวั่นจนรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อน่องที่กำลังสั่นเทา หากเขาไม่ได้นั่งอยู่เช่นนี้ คงต้องขาอ่อนล้มพับไปเป็นแน่ เมื่อภรรยาเห็นเช่นนั้นก็เหยียบลงบนเท้าเปลือยเปล่าของเขา พร้อมส่งสายตาตักเตือน ไมค์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก มือหนึ่งโอบลูกชายคนโตไว้ ลูกชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาตัวเกร็งขึ้นก่อนจะผ่อนคลายลง พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตาแห่งการปลอบประโลมท่ามกลางความเงียบสงัด เรื่องมาถึงขนาดนี้ คงไม่ต้องกลัวว่าวันหลังจะได้รับบทลงโทษอย่างไรแล้วมั้ง หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ไมค์เอาคำสาปแช่งของท่านบารอนออกจากหัวไม่ได้เลยสักนิด […]
我愛種田 ผมแค่อยากปลูกผัก ส่วนความรักน่ะ… เล่ม 2 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน ตัวละครผู้ถูกแทงที่ท้อง แปล เรียลลิตี้ในโลกแรกจบลงพร้อมเรตติ้งสูงลิบแบบงงๆ ชุยชีฉาว เตรียมเข้าสู่โลกที่สองในบทบาทใหม่ บารอนหนุ่มผู้เป็นเจ้าเมืองเล็กๆ อย่าง นอร์ทัมเบอร์แลนด์ เมื่อสายเลือดเสินหนงมาปรากฏตัวในยุโรปยุคกลางทั้งที แผ่นดินที่เคยแห้งแตกระแหงจะเขียวขจีได้ขนาดไหนกัน —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 3.3 เรื่องที่ปุ๋ยคอกโดนขโมยแว่วเข้าหูผู้รับผิดชอบไร่นา ก่อนจะไปถึงหัวหน้าพ่อบ้าน สุดท้ายจึงมาถึงท่านบารอนเจ้าเมืองในที่สุด “หืม” ชุยชีฉาวช้อนตามอง “ขโมยปุ๋ยคอก” เขาวางแผนจะปล่อยให้ทุกคนตั้งตารอสักพักค่อยเติมปุ๋ยคอกเพิ่ม เฮ้อ ไร้ความอดทนกันเกินไปแล้ว หัวหน้าพ่อบ้านกล่าวเสียงดัง “นายท่านขอรับ มันเป็นพวกไม่รักดี สอนไม่จำ ท่านดูสิขอรับ ท่านเลี้ยงเนื้อพวกเขา แต่กลับมีคนขโมยปุ๋ยคอก! ท่านแลกมาด้วยถั่วทั้งนั้น!” เหล่าผู้รับผิดชอบเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “จริงขอรับ เจ้าพวกสัตว์เดรัจฉานสมควรตาย ให้หมากินสตูเนื้อยังดีกว่าให้พวกมัน” “เพิ่งผ่านอาหารมื้ออิ่มมาได้ไม่กี่วันแท้ๆ ความหวังดีของท่านถูกย่ำยีเสียแล้ว!” […]
เพราะเธอตายบนโซฟาตัวนั้น (붉은 소파) โชยองจู เขียน วิทิยา จันทร์พันธ์ แปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) ——————————————————————————————————————- บทที่ 1 สถานที่เกิดเหตุ 1 ไม่มีใครสักคนสงสัยเลยว่า ทำไมโซฟาสีแดงถึงตั้งอยู่ที่นั่น หลังเดินผ่านทางออกหมายเลขสี่ของสถานีอับกูจองออกมาด้านนอกและเลี้ยวเข้าไปในซอยเบื้องหน้า ก็จะพบอาคารหกชั้นทันที ชั้นแรกของตึกอยู่ระหว่างการปรับปรุงก่อสร้าง บริเวณหัวมุมจัดเป็นย่านการค้า ทว่าความคึกคักในละแวกนี้แทบไม่ส่งผลใดๆ กับที่นี่เลย เดิมที่นี่เคยเป็นร้านกาแฟ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นร้านขายของชำ แฟรนไชส์อาหารฟาสต์ฟู้ด กระทั่งคราวนี้ได้กลายเป็นร้านเครื่องสำอางแบรนด์ดัง บริษัทก่อสร้างได้ติดตั้งแผ่นเหล็กสีขาวสูงลิบไว้หน้าอาคารเพื่อป้องกันเสียงรบกวนด้วย วันหนึ่งที่เบื้องหน้าแผ่นเหล็กสีขาว คล้ายกับฮอริซอนต์[1]ขนาดใหญ่นี้ ได้มีคนนำโซฟาสีแดงมาวางตั้งไว้ มันเป็นโซฟาผ้าขนาดสองที่นั่ง ซึ่งหากเป็นเด็กก็อาจนั่งได้ถึงสามคน ผ้าคลุมของโซฟาไม่ได้มีสีแดงสด แต่เป็นสีแดงเลือดหมู ที่เท้าแขนทำมาจากท่อนไม้ลื่นเรียบ เวลาสัมผัสรู้สึกดีเหมือนยามเปิดฝาครอบเปียโนเก่า ขาของโซฟาตัวนี้เป็นไม้ โค้งงออ่อนช้อยมาก แต่ก็ดูสง่างามดังเช่นขาทั้งสี่ของแมวด้วย ไม่ว่าลมจะพัดแรงแค่ไหน ฝนจะตกหนักเพียงใด โซฟาตัวนี้ก็ยังคงตั้งอยู่ที่นั่น ในวันที่ฝนตกกระหน่ำ จะมีร่มคันหนึ่งวางอยู่บนนั้น และวันที่รุ่งสางอากาศหนาวยะเยือก ก็มีผ้าห่มลายสก็อตสีแดงคลุมทับโซฟาไว้ เห็นได้ชัดว่าโซฟาตัวนี้มีใครคนหนึ่งคอยดูแลเป็นอย่างดี ภายหลังมันได้กลายเป็นที่พักพิงสำหรับผู้คนมากมาย ชั้นหนึ่งของอาคารฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารพุนชิกจิบ[2] […]
我愛種田 ผมแค่อยากปลูกผัก ส่วนความรักน่ะ… เล่ม 2 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน ตัวละครผู้ถูกแทงที่ท้อง แปล เรียลลิตี้ในโลกแรกจบลงพร้อมเรตติ้งสูงลิบแบบงงๆ ชุยชีฉาว เตรียมเข้าสู่โลกที่สองในบทบาทใหม่ บารอนหนุ่มผู้เป็นเจ้าเมืองเล็กๆ อย่าง นอร์ทัมเบอร์แลนด์ เมื่อสายเลือดเสินหนงมาปรากฏตัวในยุโรปยุคกลางทั้งที แผ่นดินที่เคยแห้งแตกระแหงจะเขียวขจีได้ขนาดไหนกัน —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ โลกที่ 2: ปลูกผักทำไร่ในยุคกลาง (ต่อ) บทที่ 3.1 สนามหญ้าที่ใช้จัดงานเลี้ยงอยู่ด้านล่างของปราสาทบนที่สูง ชุยชีฉาวยืนทอดสายตาอยู่กับที่ เขาเห็นเหล่าเซิร์ฟกำลังพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่งราวกับวิ่งแข่ง ภาพที่คุ้นเคยนี้ทำให้เขาคิดถึงมหาวิทยาลัย C อยู่บ้าง เหมือน เหมือนมาก เหมือนพวกนักศึกษา ม. C ตอนโรงอาหารเปิดทำการเลย กลุ่มเซิร์ฟวิ่งตัดผ่านผืนหญ้าไปยังแม่น้ำสายเล็ก ผ่านตัวโบสถ์ ก่อนจะกระจายตัวกันออกไป เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่กระท่อมของตน พลันเหล่าลูกเล็กเด็กแดงที่เฝ้ารอพวกเขากลับมากินข้าวอย่างหิวโหยก็ได้ยินเสียงอันน่าสะพรึง แม้จะไม่ถึงขั้นแผ่นดินไหวหรือภูเขาถล่ม […]
《古代吃货生存指南》 คู่มือการเอาตัวรอดของนักกิน เข่อเล่อเจียงทัง เขียน เสี่ยวหวา แปล — โปรย — เจียงซูเหย่าผู้เป็นดั่งถุงฟางข้าวใบหนึ่ง กลับกลายเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารแปลกๆ หลากหลายรายการ ด้วยเหตุนี้เซี่ยสวินสามีแต่เพียงในนามจึงชื่นชอบ และหวงแหนนางยิ่งยวด . ขอเพียงได้กินอาหารฝีมือภริยา เท่านี้เขาก็พึ่งใจแล้วจริงๆ ส่วนสหายร่วมงานผู้ตะกละตะกลามเหล่านั้นน่ะหรือ… อย่าหวังว่าจะได้มากินอาหารฝีมือภริยาที่เรือนของเขาอีก . แค่เขาแบ่งปันให้บ้างเป็นครั้งคราว เท่านี้ก็นับว่าเขาใจกว้างอักโขแล้ว! _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 41 วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เจียงซูเหย่าไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าในตอนเช้าและออกมาจากห้องโถงโซ่วหนิงแล้วก็ได้ถูกสวีซื่อเรียกไว้ “น้องสะใภ้สาม” สวีซื่อค่อยๆเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า แม้นางจะอายุสามสิบสองแล้ว แต่วันเวลากลับไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของนางมากเกินไป น้อยมากที่สวีซื่อจะเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับเจียงซูเหย่าก่อน เจียงซูเหย่าจึงแปลกใจเล็กน้อย และหยุดฝีเท้ามองนาง นางยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นเคย “ขอเชิญน้องสะใภ้ไปพูดคุยที่เรือนของข้าจะได้หรือไม่” เจียงซูเหย่าลังเลอยู่ชั่วครู่ และพยักหน้าเป็นคำตอบ เมื่อสาวใช้เลิกม่านขึ้น โจวซื่อได้เดินออกมาจากในห้อง พอได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสอง แล้วขมวดคิ้วมองดูพวกนาง โจวซื่อผู้นี้ นิสัยสอดคล้องกับรูปร่างหน้าตาของนางเป็นอย่างมาก หน้าตาหุนหันพลันแล่น มุทะลุดุดัน ตรงไปตรงมา […]
我愛種田 ผมแค่อยากปลูกผัก ส่วนความรักน่ะ… เล่ม 2 ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน ตัวละครผู้ถูกแทงที่ท้อง แปล เรียลลิตี้ในโลกแรกจบลงพร้อมเรตติ้งสูงลิบแบบงงๆ ชุยชีฉาว เตรียมเข้าสู่โลกที่สองในบทบาทใหม่ บารอนหนุ่มผู้เป็นเจ้าเมืองเล็กๆ อย่าง นอร์ทัมเบอร์แลนด์ เมื่อสายเลือดเสินหนงมาปรากฏตัวในยุโรปยุคกลางทั้งที แผ่นดินที่เคยแห้งแตกระแหงจะเขียวขจีได้ขนาดไหนกัน —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 3.2 งานเลี้ยงของเจ้าเมืองทำเอาเหล่าเซิร์ฟครึกครื้นไปได้สิบกว่าวัน ยามว่างจากงาน พวกเขาไม่ได้คุยเรื่องธัญพืช จอบ หรือลูกของตัวเองเหมือนแต่ก่อน หัวข้อที่ทุกคนพูดถึงร่วมกันคือ ‘เนื้อในวันนั้น’ พวกเขาร่ายรายละเอียดของวันนั้นออกมาจนเกินจริง ทุกส่วนต้องเล่าอย่างละเอียดยิบ คนนี้บอกว่าวันนั้นข้าแทะไปจนถึงไขกระดูก คนนั้นบอกว่าได้กินตีนแกะ บ้างก็อวดว่าตนได้เนื้อเพิ่มจากหัวหน้าแม่ครัว จนโดนทุกคนด่าเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาเหมือนยังได้กลิ่นของวันนั้นอยู่เลย…ไม่สิ อาจจะได้กลิ่นจริงก็เป็นได้ เสื้อที่ไม่ได้ซักของพวกเขายังมีคราบสตูเลอะติดอยู่ ความครึกครื้นเช่นนี้โอบล้อมผู้คนจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงหว่านเมล็ดในฤดูใบไม้ผลิ ตอนนายท่านมีคำสั่งให้พวกเขานำมูลที่ย่อยสลายแล้วพวกนั้นมาใส่ลงในแปลง ไม่มีใครอุทานว่า ‘บ้าไปแล้ว’ ออกมาเลย แน่นอนว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีหัวหน้าหมู่บ้านกับทหารถือไม้เฝ้าอยู่ด้านข้าง นายท่านมีคำสั่งให้ทุกคนเก็บรวบรวมมูลไปแลกถั่วตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก […]
《古代吃货生存指南》 คู่มือการเอาตัวรอดของนักกิน เข่อเล่อเจียงทัง เขียน เสี่ยวหวา แปล — โปรย — เจียงซูเหย่าผู้เป็นดั่งถุงฟางข้าวใบหนึ่ง กลับกลายเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารแปลกๆ หลากหลายรายการ ด้วยเหตุนี้เซี่ยสวินสามีแต่เพียงในนามจึงชื่นชอบ และหวงแหนนางยิ่งยวด . ขอเพียงได้กินอาหารฝีมือภริยา เท่านี้เขาก็พึ่งใจแล้วจริงๆ ส่วนสหายร่วมงานผู้ตะกละตะกลามเหล่านั้นน่ะหรือ… อย่าหวังว่าจะได้มากินอาหารฝีมือภริยาที่เรือนของเขาอีก . แค่เขาแบ่งปันให้บ้างเป็นครั้งคราว เท่านี้ก็นับว่าเขาใจกว้างอักโขแล้ว! _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 40 เมื่อเซี่ยสวินกลับมาจากออกเวร ได้สาวเท้าเข้าไปในทางเข้าลานบ้าน แล้วได้เห็นเจียงซูเหย่าที่มักจะตากลมอยู่ที่ลานบ้านได้วางโต๊ะไว้ตัวหนึ่ง เขาเดินเข้าไปดู บนโต๊ะเต็มไปด้วยสูตรอาหารที่เจียงซูเหย่าเขียนขึ้น ลายมือยุ่งเหยิง ไม่มีหัวไม่มีหาง ดูเหมือนจะไม่มีวิชาความรู้อะไรเลยนั้นจะเป็นความจริง ซึ่งไม่ได้พูดเกินจริงแม้แต่นิด เซี่ยสวินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ และหยิบขึ้นมาหนึ่งแผ่นค่อยๆแยกแยะตัวหนังสือ ตอนนั้นเองเจียงซูเหย่าก็ออกมาจากครัวเล็กพร้อมกับชามสองใบในมือ แล้วมีเจ้าตัวเล็กสองคนเดินตามอยู่ด้านหลัง เหมือนกับหางเล็กๆ “ท่านอาสาม” เซี่ยเจาตะโกนเสียงดัง เซี่ยสวินวางกระดาษลง พยักหน้าให้เขา และลูบผมดกหนาของเขา “ไฉนพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกหรือ […]
《古代吃货生存指南》 คู่มือการเอาตัวรอดของนักกิน เข่อเล่อเจียงทัง เขียน เสี่ยวหวา แปล — โปรย — เจียงซูเหย่าผู้เป็นดั่งถุงฟางข้าวใบหนึ่ง กลับกลายเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารแปลกๆ หลากหลายรายการ ด้วยเหตุนี้เซี่ยสวินสามีแต่เพียงในนามจึงชื่นชอบ และหวงแหนนางยิ่งยวด . ขอเพียงได้กินอาหารฝีมือภริยา เท่านี้เขาก็พึ่งใจแล้วจริงๆ ส่วนสหายร่วมงานผู้ตะกละตะกลามเหล่านั้นน่ะหรือ… อย่าหวังว่าจะได้มากินอาหารฝีมือภริยาที่เรือนของเขาอีก . แค่เขาแบ่งปันให้บ้างเป็นครั้งคราว เท่านี้ก็นับว่าเขาใจกว้างอักโขแล้ว! _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 39 วันนี้เซี่ยสวินเลือกที่จะนั่งรถม้าแทนการขี่ม้า เพราะกลัวว่าน้ำแกงจะหกใส่กล่องอาหารที่ถืออยู่ในมือ เมื่อมาถึงตำหนักตงกงก็ถูกลิ่นเฉิงขวางไว้ เขาตกใจจนพูดไม่ออก “วันนี้เจ้าเอาน้ำแกงมาด้วยหรือ” เซี่ยสวินกล่าวว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร” “เห็นเจ้าแบบนี้ ผู้ใดจะไม่รู้บ้าง” เซี่ยสวินผู้นี้แม้ว่าปกติจะเดินอย่างมั่นคงมาก แต่ไม่ถึงกับตึงเครียดเช่นนี้ แม้กระทั่งมุมเสื้อคลุมก็ไม่ขยับ ไม่ต่างกับเก่อชิงซูหญิงตระกูลสูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวงมากนัก แน่นอนคำพูดประโยคนี้ลิ่นเฉิงไม่กล้าพูดออกมา ถึงอย่างไรในทุกๆวันล้วนแต่อาศัยขอกินอาหารกลางวันจากเซี่ยสวินเพื่อบรรเทาความหิว เขาหัวเราะแหะๆ ทอดถอนใจว่าเซี่ยสวินได้แต่งงานกับภรรยาดีไปพลาง และทอดถอนใจว่าตัวเองไม่ได้แต่งภรรยาแต่ก็พลอยได้ลาภปากไปด้วยไปพลาง เช่นนี้มิยิ่งดีกว่าหรือ เมื่อถึงตอนเที่ยง ลิ่นเฉิงนั่งตรงข้ามเซี่ยสวินอย่างเชื่อฟัง […]
《古代吃货生存指南》 คู่มือการเอาตัวรอดของนักกิน เข่อเล่อเจียงทัง เขียน เสี่ยวหวา แปล — โปรย — เจียงซูเหย่าผู้เป็นดั่งถุงฟางข้าวใบหนึ่ง กลับกลายเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารแปลกๆ หลากหลายรายการ ด้วยเหตุนี้เซี่ยสวินสามีแต่เพียงในนามจึงชื่นชอบ และหวงแหนนางยิ่งยวด . ขอเพียงได้กินอาหารฝีมือภริยา เท่านี้เขาก็พึ่งใจแล้วจริงๆ ส่วนสหายร่วมงานผู้ตะกละตะกลามเหล่านั้นน่ะหรือ… อย่าหวังว่าจะได้มากินอาหารฝีมือภริยาที่เรือนของเขาอีก . แค่เขาแบ่งปันให้บ้างเป็นครั้งคราว เท่านี้ก็นับว่าเขาใจกว้างอักโขแล้ว! _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 38 หลังจากที่คนทั้งสองกินเสร็จแล้ว เมื่อเซี่ยสวินเห็นเจียงซูเหย่าเริ่มนั่งไม่ติดที่ ก็กล่าวกับนางว่า “วางใจเถอะ ข้าเชื่อว่าท่านแม่ยายจะต้องคิดได้” เจียงซูเหย่าถามอย่างไม่แน่ใจว่า “หรือไม่ข้าไปคุยกับมารดาอีกครั้งดีหรือไม่ บอกสิ่งที่ข้าเห็นในวันนี้ให้นางฟัง” นางกังวลว่าหลินซื่อจะเหมือนนางเมื่อก่อน ที่ไม่เข้าใจอาหารประจำวันของชาวบ้านทั่วไป และไม่สนใจในการค้านี้ “เจ้าเข้าใจว่าท่านแม่ยายเหมือนกับเจ้าอย่างนั้นหรือ” เซี่ยสวินไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องนี้และจิบชาอย่างสบายอกสบายใจ เมื่อเจียงซูเหย่าเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ใจก็สงบลงอยู่หลายส่วน หลังจากนั้นไม่นาน หลินซื่อก็ส่งคนไปเชิญเจียงซูเหย่าไปที่เรือนของนาง ปฏิกิริยาแรกของเจียงซูเหย่าคือหันมามองเซี่ยสวิน เซี่ยสวินกล่าวว่า “ไปเถอะ ไม่ต้องเป็นกังวล” เจียงซูเหย่าพยักหน้า […]