แฟชั่นสไตล์ ลากอม ไม่ได้เป็นแฟชั่นที่เชย ล้าสมัย หรือนุ่งห่มเสื้อผ้าราคาถูกอย่างที่หลายคนเข้าใจ สวีเดนมีแบรนด์แฟชั่นดังตั้งแต่เสื้อผ้าราคาประหยัดไปจนถึงระดับหรู เช่น H&M, Weekday, WeSC, Acne Studios, Boomerang และ Filippa K แฟชั่นสไตล์ ลากอม เป็นแบบไหน มาดูกัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันทางสวีเดนเน้นแนว ยูนิเซ็กซ์ เป็นหลัก อุตสาหกรรมแฟชั่นแบบลากอมไม่สนับสนุนการใช้แล้วทิ้ง โดยหลายแบรนด์พยายามใช้วัสดุที่คงทน ออร์แกนิก และมีบริการให้เช่าชุดหรูจากแคตวอล์กแทนการซื้อขาดด้วย H&M เคยถูกมองว่าเป็นของถูกที่ไรคุณภาพ ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา H&M พยายามลดการใช้สารเคมีอันตรายลง โดยตั้งเป้าหมายว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือศูนย์ในปี 2020 และมีนโยบายสนับสนุนการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์แบบ สภาแฟชั่นสวีเดนได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการออกกฎบัตรด้านจริยธรรม ซึ่งครอบคลุมทุกสาขาของอุตสาหกรรม ตั้งแต่สำนักงาน จัดหานางแบบ บริษัทโฆษณา ไปจนถึงสไตลิสต์และนักออกแบบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มรดกแห่งความยั่งยืน การออกแบบยุคใหม่ของสวีเดนเป็นลากอมในหลายด้าน นอกจากมุ้งเน้นความสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์กับความภูมิใจในวัฒนธรรมแล้ว ยังให้ความสำคัญกับประโยชน์ใช้สอยและความยั่งยืนเป็นอันดับแรกด้วย คำกล่าวที่ว่า การมีราคาถูกและคุณภาพดีสามารถไปด้วยกันได้ น่าคิดมาก หากคุณดูแลของสิ่งหนึ่งได้ดี มันอาจใช้ได้ตลอดชีวิต การที่คนทิ้งของจึงไม่ใช่เพราะคุณภาพไม่ดี […]
Category Archives: How To
หลายคนมีพฤติกรรม หมกมุ่น กับบางสิ่งจนไม่สนใจคนหรือสิ่งรอบข้าง เช่น หมกมุ่นกับเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดในอดีต หมกมุ่นกับการเล่นเกม หรือหมกมุ่นอยู่กับความฝันที่ไม่เป็นจริง นิสัย หมกมุ่น เหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ ยอมรับอดีต ในเวลา 1 นาที ลองไตร่ตรองถึงธรรมชาติของอดีตที่ถาวรและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณจะยอมรับว่าอดีตเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ถาวรด้วยการสร้างเครื่องเตือนใจในแต่ละวันว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตอบ สิ่งนี้จำเป็นต้องปฏิบัติด้วยเหตุผลก่อนที่จะปฏิบัติด้วยอารมณ์ การปฏิเสธความจริงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณหมกมุ่นครุ่นคิด ใคร่ครวญแต่เรื่องอดีตอยู่ตลอดเวลา ไม่ Move on ไปข้างหน้าเสียที ลงมือทำแทนการหมกมุ่น ลองลงมือทำในทิศทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณหมกมุ่นอยู่ ถ้าคุณหมกมุ่นว่าจะเสียลูกค้าในธุรกิจของคุณ ให้เริ่มหาลูกค้าใหม่หรือโทรศัพท์หาลูกค้าอีกสักครั้ง ถ้าคุณหมกมุ่นเรื่องการถกเถียง จงปฏิบัติต่อคนที่คุณกำลังเถียงอยู่ให้ดีขึ้น หรือวางแผนแพลนเที่ยวสนุกๆ กับเพื่อนคนอื่น ถ้าคุณหมกมุ่นกับความเสียใจ เรื่องราวอันแสนเศร้าที่แก้ไขอะไรไม่ได้ ให้ทำก้าวเล็กๆ หรือหาวิธีอื่นเพื่อทำให้ชีวิตเดินไปข้างหน้าได้ วิธีที่ดีที่สุดเพื่อเปลี่ยนใจของคุณสักเรื่อง คือ การปฏิบัติตามความเปลี่ยนแปลงที่คุณหวังจะเปลี่ยน ถ้าเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องราวในอดีต การลงมือทำซะตอนนี้ (โดยเฉพาะในเรื่องที่กำลังหมกมุ่นครุ่นคิด) คือวิธีที่ดีที่สุดเพื่อหยุดยั้งมัน เช่น ถ้าคุณหมกมุ่นเรื่องการสัมภาษณ์งานที่ไม่ดีนัก การสมัครงานอื่นๆ เพิ่มคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ ถ้าคุณหมกมุ่นเรื่องความสัมพันธ์ การออกไปพบปะผู้คนใหม่ๆ คือวิธีที่ดีที่สุดที่คุณทำได้เพื่อเดินไปข้างหน้า ถ้าการหมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์อันน่าสลด การตัดสินใจทั่วไปเพื่อใช้ชีวิตให้ถึงขีดสุดคือสิ่งที่ดีที่สุด […]
โคโนะ เก็นโตะ เป็นหนุ่มนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยโตเกียว ผู้ที่สามารถสอบเนติบัณฑิตผ่านตั้งแต่ครั้งแรก ในระยะเวลา 8 เดือน ซึ่งคนทั่วไปใช้เวลานานหลายปี โคโนะ เก็นโตะ โดนสื่อสัมภาษณ์มาหลายครั้งว่า “มีวิธีเรียนหนังสือยังไง” ทุกคนต่างเรียกเขาว่า อัจฉริยะบ้าง มันสมองบ้าง ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเขามีความสามารถพิเศษในการจดจำทุกอย่างได้ในพริบตา อ่านหนังสือตลอดเวลา หรือมีกลไกในสมองที่แตกต่างจากคนทั่วไป โคโนะ ตอบไปว่า “ผมไม่ได้มีความสามารถหรือความจำดีเป็นพิเศษกว่าคนทั่วไปอย่างที่ทุกคนคิด ผมแค่มีวิธีเรียนหนังสือที่ดี” และเขาก็ได้สอนเทคนิคเรียนหนังสือให้สนุกไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วย ความสนุกของการเรียน การเรียนอาจเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับเด็กทุกคน แต่สิ่งที่ช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนที่ดีที่สุดก็คือ “ความสนุก” หากเราเข้าใจถึงความสนุกนี้ นั่นจะเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่มาก หลายคนอาจสงสัยว่าการเรียนเป็นเรื่องสนุกจริงหรือ โคโนะ เก็นโตะ พูดออกมาทันทีว่า การเรียนเป็นเรื่องสนุกจริงๆ เพียงแต่พวกเราเรียนหนังสือกันโดยไม่รู้ถึงความสนุกของมันเท่านั้นเอง ตัวอย่างเช่น ภาษาไทย ต่อให้เราไม่มีสมาธิอ่านข้อความยาวๆ ในวิชาภาษาไทยในปัจจุบัน แต่ถ้าเป็นนิยายเล่มหนาและเป็นเรื่องที่เราชอบ เรากลับหยิบมันมาอ่านด้วยตัวเองอย่างสุนกสนาน หรือวิชาคณิตศาสตร์ เราอาจไม่ถนัดแก้สมการยากๆ แค่เห็นโจทย์ก็รู้สึกเอียนแล้ว แต่พอเป็นเกมที่ชอบ เรากลับคำนวณดาเมจและสเตตัสได้เรื่อยๆ “การอ่านเอาความยาวๆ” กับ “การอ่านนิยายที่ชอบ” “สมการคณิตศาสตร์” กับ “การคำนวณเกม” […]
หลายคนบอกว่า “ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว” แต่ทำไมถึงยัง ทำผิดซ้ำๆ อยู่อีก ในความเป็นจริงแล้วความประพฤติของคนเรานั้นมันซับซ้อนกว่าที่คิด แม้ว่ามนุษย์จะคิดว่าได้เรียนรู้จากความผิดพลาดตั้งแต่ครั้งแรก แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคนทำความผิดเดิมซ้ำสองในบ้างครั้ง นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ ความผิดพลาดสามารถกลายมาเป็นนิสัยได้ เช่น การมาทำงานสาย หรืออาจเป็นกระบวนการคิดได้ รูปแบบความคิดที่บิดเบือน และนี่คือขั้นตอนที่เราสามารถทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการ ทำผิดซ้ำๆ เหตุผลที่เราชอบ ทำผิดซ้ำๆ ไม่ยอมรับในความผิดพลาด แม้ว่าในตอนนี้จะมีงานวิจัยที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ แต่การลบล้างสิ่งที่เราถูกสอนมาสมัยยังเป็นเด็กให้หมดสิ้นก็เป็นเรื่องยาก ในขณะที่โตมาคุณอาจได้เรียนรู้ว่าการซ่อนความผิดของตัวเองนั้นดีกว่าการที่ต้องเผชิญกับผลที่ตามมา คนดัง นักการเมือง และนักกีฬา มักปิดบังความผิดพลาดของตัวเอง พวกเขาโกหกและพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะยอมรับว่าตัวเองทำสิ่งใดผิด ดื้อดึง การดื้อดึงเป็นปัจจัยหลักสำหรับผู้กระทำความผิดเช่นกัน คนที่ลงทุนไปได้ไม่ดีอาจพูดว่า “แหม ไหนๆ ฉันก็ลงไปในนี้เยอะแล้ว ลองดูต่อไปอีกสักหน่อยแล้วกัน” แทนที่จะเสียเงินเพียงเล็กน้อย เขายินดีที่จะเสี่ยงมากกว่า เพราะว่าเขาดื้อดึงเกินไปที่จะหยุด คนที่เกลียดงานที่ตัวเองทำอาจจะพูดว่า “ฉันเสียสละเวลา 10 ปีของชีวิตให้กับบริษัทนี้ ฉันไม่อยากจะเดินจากไปในตอนนี้” เคยชินกับมันมากเกินไป หากเริ่มรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในภาวะที่ทำผิดพลาดซ้ำๆ ไม่หยุดหย่อน แสดงว่าคุณอาจกำลังเริ่มเคยชินกับมันมากเกินไป ผู้หญิงคนหนึ่งอาจเดินเข้าไปในความสัมพันธ์แย่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เธอรู้จัก เธอขาดความมั่นใจที่จะมองหาโอกาสที่ดีกว่าจากที่อื่น […]
มนุษย์เกลียดการเปลี่ยนแปลงเป็นที่สุด และยังชอบหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วย คุณจึงมักล้มเหลวทุกครั้งทั้งที่ใจฮึดอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้สักที ดังนั้น เพื่อที่คุณได้สัมผัสความเปลี่ยนแปลงสักครั้งในชีวิต ก็ต้องเริ่มจากการสร้างนิสัยลงมือทำก่อน 5 สัปดาห์อาจจะดูยาวนาน แต่ขอให้คิดว่านี่เป็นระยะเวลาที่จำเป็นต่อการ เปลี่ยนแปลงตัวเอง จริงๆ โดยไม่ต้องฝืนเกินไป สัปดาห์ที่ 1 “เขียนเกี่ยวกับตัวเองลงในกระดาษ A4” สิ่งที่ต้องทำในสัปดาห์แรกสุดแสนจะเรียบง่าย ไม่มีอะไรยากเลย สิ่งที่ต้องเตรียมมีแค่กระดาษ A4 กับปากกาเท่านั้น จับกระดาษวางในแนวตั้ง แบ่งตารางออกเป็น 3 ช่อง รายการฝั่งซ้ายเขียน “ตัวเราในปัจจุบัน” ตรงกลางเขียน “ตัวเราจากนี้ไป” ฝั่งขวาเขียน “วิธีการ”ที่จะนำพาเราไปสู่เป้าหมาย ไม่ต้องคิดให้ยุ่งยาก เพียงแค่เขียนลักษณะของตัวเองในปัจจุบันในช่อง “ตัวเราในปัจจุบัน” และเขียนสิ่งที่ตรงข้ามทั้งหมดลงในช่อง “ตัวเราจากนี้ไป” เช่น ผมหยิกฟู ใส่แว่น คิ้วบาง หน้านิ่ง ชอบสีน้ำเงิน นึกอะไรได้ก็เขียนลงไปในช่องฝั่งซ้ายให้หมด จากนั้นก็เขียนสิ่งที่ตรงข้ามลงไปในช่อง “ตัวเราจากนี้ไป” นั่นก็คือ ผมตรง ใส่คอนแท็กต์เลนส์ เขียนคิ้ว ยิ้มบ่อยๆ ชอบสีส้ม (เพราะตรงข้ามกับสีน้ำเงิน) […]
อาหารสไตล์ ลากอม จะเน้นการกินอาหารอย่างพอประมาณ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ปลูกผักกินเอง ปรุงอาหารที่ดีเป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อาหารสไตล์ ลากอม จะช่วยให้ชีวิตของคุณมีความสุขได้มากขึ้นแค่ไหน มาดูกัน รู้จักกับ FIKA ฟิกา หรือการพักดื่มกาแฟ คือการใช้เวลาพักที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง สังคมในสวีเดนโดยเฉพาะในโลกธุรกิจให้ความสำคัญกับฟิกามาก ฟิกา ถือเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งของสวีเดน ฟิกาในที่ทำงานมีความเป็น ลากอม ในหลายๆ ด้าน หากบริษัทให้พนักงานพักดื่มกาแฟได้ตอนสิบโมงเช้าคงเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะนอกจากจะได้พักสายตาจากคอมพิวเตอร์แล้ว ยังใช้เวลาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ไม่ใช่แค่พักดื่มกาแฟเฉยๆ ฟิกา จึงกลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์ ได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนร่วมงานแบบลากอมอย่างแท้จริง เห็นได้ว่า ฟิกา ได้สร้างประเพณีใหม่ในที่ทำงานซึ่งช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานขึ้นไปอีกระดับ ฟิกาแบบลากอม ฟิกาเป็นเสมือนรางวัลสำหรับวัฒนธรรมที่ใส่ใจกับการรับประทานอาหารอย่างสมดุลและดีต่อสุขภาพ การกินคุกกี้สักชิ้นในวันพุธทั่วๆ ไปอาจเพียงพอ แต่ถ้าเป็น ฟิกา เมื่อไหร่ ชาวสวีเดนจะจัดเต็ม เช่น ฟิกาในวันที่นัดพาลูกมาเล่นกัน (playdate) อาจเริ่มจากแซนด์วิช ผลไม้ และตบท้ายด้วยซินนามอนบัน ชาวสวีเดนจะกินแต่พอดีเท่านั้น เช่น กินคุกกี้อย่างละชิ้น แต่จะไม่กินเค้กสองชิ้น และไม่กินชิ้นสุดท้ายของทุกอย่างเด็ดขาก […]
ในชีวิตของคนเราทุกคนต้องเจออุปสรรคกันอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะ เอาชนะอุปสรรค ได้หรือไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับจิตใจที่แต่ละคนมีความเข้มแข็งไม่เท่ากัน แต่เราสามารถพัฒนาความสามารถนี้ได้ การพัฒนาความเข้มแข็งของจิตใจหมายถึงความสามารถในการปรับอารมณ์ จัดการความคิดและการกระทำเชิงบวกไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม เช่นเดียวกับการที่หลายๆ คนมีแนวโน้มจะพัฒนาความแข็งแกร่งทางร่างกายได้ง่ายกว่าคนอื่น สำหรับบางคน ความเข้มแข็งทางใจก็ดูเหมือนจะมาอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า หากอยากต้องการ เอาชนะอุปสรรค ทั้งอารมณ์และจิตใจ คุณต้องทำอย่างไรบ้างมาดูกัน ไม่เสียเวลามาสงสารตัวเอง เราทุกคนมีประสบการณ์กับความเจ็บปวดและความโศกเศร้าในชีวิต และถึงแม้ความเศร้าจะเป็นเรื่องปกติทางอารมณ์ แต่การใคร่ครวญถึงความเศร้าใจและความโชคร้ายก็ถือเป็นการทำลายตัวเองเช่นกัน ลองเช็กดูว่าข้อใดต่อไปนี้ตรงกับตัวคุณบ้าง 1.คุณมักจะคิดว่าปัญหาของตัวเองแย่กว่าปัญหาของคนอื่น 2.คุณคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะโชคร้าย คุณจะไม่เจอปัญหาเหล่านี้เลย 3.ปัญหาของคุณดูจะเพิ่มขึ้นมารวดเร็วกว่าคนอื่นเยอะ 4.คุณมั่นใจว่าไม่มีใครเข้าใจจริงๆ ว่าชีวิตของคุณยากแค่ไหน 5.บางครั้งคุณเลือกถอนตัวจากกิจกรรมยามว่าง เพื่ออยู่บ้านและนึกถึงปัญหาของตัวเอง 6.คุณมักจะบ่นเรื่องความไม่ยุติธรรมในเรื่องต่างๆ 7.บางทีคุณรู้สึกว่าโลกพยายามที่จะทำร้ายคุณ หากเห็นตัวเองเกิน 4 ข้อ แสดงว่าการสงสารตัวเองกำลังกลืนกินคุณเข้าไป จนในที่สุดมันจะเปลี่ยนทั้งความคิดและพฤติกรรมของคุณ แต่เราสามารถควบคุมมันได้ แม้คุณไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของตัวเอง แต่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติได้ ไม่หลบเลี่ยงความเปลี่ยนแปลง แม้การพูดว่าอยากเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องง่าย แต่การทำให้สำเร็จนั้นไม่ง่ายเลย บ่อยครั้งความคิดและอารมณ์ความรู้สึกก็กีดกันเราจากการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรม ถึงแม้มันจะช่วยให้ชีวิตของเราดีขึ้นก็ตาม เช่นการตั้งปณิธานปีใหม่โดยทั่วไปแล้วมักทำไม่สำเร็จ เพราะเราพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานของเวลา ไม่ใช่เพราะว่าพร้อมจริงๆ แม้จะเป็นการตัดสินใจว่าจะใช้ไหมขัดฟันทุกวัน หรือเลิกกินขนมก่อนนอน ก็ต้องใช้ความรับผิดชอบระดับหนึ่ง ปัญหาของการหลีกเลี่ยงความเปลี่ยนแปลง […]
วิธีเปลี่ยนพฤติกรรม มีหลากหลายวิธีด้วยกัน เพียงแค่ต้องเปิดสวิตช์ทั้งหมดก่อน การเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นจะเป็นเรื่องที่ง่าย จนแทบจะไม่ต้องฝืนตัวเองเลย มาดูกันว่า วิธีเปลี่ยนพฤติกรรม ง่ายๆ ภายใน 7 วันต้องทำอย่างไรบ้าง เวลา หากต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมในตอนนี้ ให้เริ่มจากพฤติกรรมที่มีกำหนดแน่นอน หรือกิจวัตรที่ผูกติดกับเวลาก่อน เราเรียกพฤติกรรมที่ทำเมื่อถึงเวลาว่ากิจวัตร ซึ่งผูกติดกับตัวเราอย่างแน่นหนา อันดับแรกที่ต้องทำคือ เขียน “พฤติกรรมที่ต้องทำทุกวัน” ของตัวเอง เช่น • ตื่นกี่โมง • ออกจากบ้านกี่โมง • ขึ้นรถรอบกี่โมง • ถึงบริษัทกี่โมง • พักเที่ยงกี่โมงถึงกี่โมง • เลิกงานกี่โมง • พอเลิกงานแล้วตรงกลับบ้านเลย หรือแวะที่อื่นก่อน • กินข้าวเย็นกี่โมง • เข้านอนกี่โมง การเขียนออกมาจะทำให้เรารู้ “สัดส่วนเวลา” ในการดำเนินชีวิตของตัวเอง ถ้าแต่ละวันมีวิธีการใช้เวลาที่ต่างกันมาก อาจแบ่งเหมือนตารางเรียนและเขียนเวลาที่ใช้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมา เมื่อได้สัดส่วนเวลาของตัวเองแล้ว ก็จัดการเปลี่ยนมันซะ เช่น เวลาตื่นนอน ทำไมทุกคนต่างเล่าขานถึงการตื่นนอนตอนเช้ากันนัก ก็เพราะว่า 2 […]
วิธีสร้างความมั่นใจ อันดับแรกๆ ที่คุณต้องทำคือการ “ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ” ความบกพร่องในเรื่องต่างๆ จะทำให้คุณรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ และไม่กล้าลงมือทำอะไรเสียที วิธีสร้างความมั่นใจที่ได้ผล ต้องมาจากการฝึกฝน แค่คิดเฉยๆ ความมั่นใจของคุณจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้เลย คุณต้องเริ่มสร้างมันด้วยประสบการณ์และการกระทำ วิธีสร้างความมั่นใจมี 3 วิธี 1.สร้างความมั่นใจทางเคมี ลองวางท่าความมั่นใจดูสิ เริ่มจากการยืนตัวจรง อกตั้ง กางแขนออกไปข้างลำตัว และค้างอยู่แบบนั้น 2 นาที เรื่องนี้ได้มีผลการทดลองมารองรับ ซึ่งพบว่าหลังจากที่เขายืนค้างด้วยท่าทางมั่นใจราวๆ 2 นาที ระดับเทสทอสเทอโรนเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ และคอร์ติซอลลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางเคมีที่ส่งผลต่อการเพิ่มระดับความมั่นใจง่ายๆ โดยใช้เวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้นเอง การวางท่ายอมอ่อนข้อ ขดตัวกลม กอดอก หรือไขว้ขาและงอตัว จะเป็นการทำท่าทางให้เราตัวเล็กลง จึงซึ่งผลต่อความมั่นใจของเราเป็นอย่างมาก ถ้าอยากมีความมั่นใจ ต้องยืนตรง หน้าเชิด อกตั้งเข้าไว้ 2.แสร้งทำเป็นมั่นใจ วิธีนี้อาจฟังดูแย่เพราะไม่มีใครอยากจะเป็นคนหลอกลวง แต่ทั้งหมดนี้หมายความว่าคุณต้องหยุดความเคลือบแคลงใจในตัวไว้สักพัก เพื่อคิดและทำตัวเหมือนคนมั่นใจในตัวเอง ถ้าคุณมีโอกาส ลองแสร้งทำให้ตัวเองดูมั่นใจตอนที่คุณไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ด้วยวิธีไหนก็ได้ […]
หลายคน ยึดติดความสมบูรณ์แบบ (perfectionism) มากเกินไป จนทำให้อะไรหลายอย่างช้าลงมาก ไม่ไขว่คว้าหาโอกาส คิดแต่ว่าสิ่งนี้ยังไม่เพอร์เฟกต์เลย ฉันต้องทำได้มากกว่านี้ จนสุดท้ายก็เสียเปล่า มาดูกันว่าสาเหตุที่ทำให้เป็นคน ยึดติดความสมบูรณ์แบบ มีอะไรบ้าง และมีข้อเสียที่ส่งผลต่อชีวิตอย่างไร ความไม่มั่นคง คนที่มั่นคงมักมีนิสัยรักความสมบูรณ์แบบน้อยกว่า เพราะพวกเขาคิดบวก นั่นหมายความว่า พวกเขายอมรับสิ่งดีๆ ในตัวเองก่อนจะนึกถึงข้อเสีย ยกตัวยอย่างคร่าวๆ ในการยิงปืน พวกเขาอาจมองคะแนนความแม่นยำ 5 เต็ม 10 ว่าเป็นการยิงปืนเข้าเป้า 5 ครั้ง แทนที่จะมองว่าพลาดเป้า 5 ครั้ง คนที่ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบจะไม่สนใจจุดบกพร่องของตนมากเท่ากับคนที่ยึดติดความสมบูรณ์แบบ ปมด้อย คนที่มีปอมด้อยจะแสดงพฤติกรรมหนึ่งในสองอย่างนี้ออกมา พฤติกรรมแรกคือ พวกเขาจะพยายามทำให้คนอื่นรับรู้ว่าตนเองเหนือกว่า อย่างที่สอง พวกเขาจะนิ่งเฉย ยิ่งคุณนึกถึงตัวเองน้อยลงเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งหาทางชดเชยมากขึ้นเท่านั้น ความไม่พึงพอใจกับชีวิต ยิ่งคุณไม่พอใจกับชีวิต คุณก็ยิ่งเสี่ยงว่าจะมีแนวโน้มยึดติดความสมบูรณ์แบบมากขึ้น เมื่อคาดหวังให้อะไรก็ตามดีขึ้น การเสแสร้งหรือยืนกรานว่าสิ่งนั้นดีอยู่แล้วเป็นเรื่องที่เย้ายวนใจนัก คนที่ไม่พึงพอใจมีแนวโน้มจะหลอกตัวเองว่ามีความสุขดี ทำให้ชีวิตน่าเบื่อ การยึดติดความสมบูรณ์แบบทำให้เกิดปัญหาทางจิตใจที่แสนเลวร้าย เพราะมันทำให้ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบน่าเบื่อ น่ากลัว […]